Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 434

บทที่ 434

คำเตือนของตี้ฝูอี 1

ขณะที่ตกอยู่ในช่วงวิกฤตร้ายแรง ในอากาศพลันมีเสียงขลุ่ยดังขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย เสียงขลุ่ยนั้นดุจสายลมเย็นฉ่ำดั่งสายฝนโปรยปราย ล่องลอยอยู่ในอากาศ

ร่างของบรรดาสัตว์ร้ายที่ห้อมล้อมหลงซือเย่อยู่สั่นสะท้านทันใด ราวกับได้รับคำเตือนบางอย่างที่เด็ดขาดเป็นที่สุด หลังจากนิ่งงันอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ก็ไม่คิดจะตอแยหลงซือเย่อีกต่อไป พากันหันหลัง เผ่นแน่บไป

หลงซือเย่ก็ตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกัน เขาแหงนหน้ามองไปยังทิศทางที่เสียงขลุ่ยแว่วมาทันที

เขานึกว่าจะได้เห็นตี้ฝูอี แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นเพียงยันต์อาคมสีขาวอ่อนลอยวนเอื่อยๆ อยู่ในอากาศ เสียงขลุ่ยแว่วออกมาจากยันต์นั้น

เมื่อสัตว์ร้ายเหล่านั้นหนีเตลิดไปหมดแล้ว ยันต์แผ่นนั้นก็เสร็จสิ้นภารกิจ ลุกไหม้ด้วยตัวเองอยู่กลางอากาศ ก่อนสลายหายไปในชั่วพริบตา

มือของหลงซือเย่ที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น นี่คือคำเตือนที่ตี้ฝูอีมอบให้เขากระมัง?

เตือนว่าไม่อนุญาตให้เขากระทำการลํ้าเส้นอีก ไม่อนุญาตให้ทำผิดกฎ

ตามกฎที่เทพศักดิ์สิทธิ์ตั้งไว้ หลังจากผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นศิษย์สวรรค์เบื้องบนถูกลงโทษให้เขาสู่ป่าทมิฬ ใครหน้าไหนก็ห้ามช่วยเหลือ มิเช่นนั้นไม่เพียงแต่ผู้ช่วยเหลือจะถูกลงทัณฑ์ ผู้ได้รับความช่วยเหลือก็จะถูกลงทัณฑ์ด้วย

หลงซือเย่นึกว่าจะอาศัยวรยุทธ์ตนแอบช่วยให้กู้ซีจิ่วออกจากป่าเงียบๆ ได้โดยไม่ถูกผู้ใดจับได้ นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะเตรียมการเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว ยันต์เสียงขลุ่ยนี้เป็นทั้งการช่วยเหลือเขาและตักเตือนเขาไปในคราวเดียวกัน…

สายตาเขาตกลงบนค่ายกลที่อยู่อีกฟากของเขตแดน แววตาซับซ้อน

ซีจิ่วกลับเข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้ได้ เพราะหลงทางหรือไม่?

เขาเพ่งสายตาวิเคราะห์ค่ายกลและร่องรอยที่อยู่บนพื้น สักพักหัวคิ้วเขาก็ขมวดมุ่น!

ดูแล้วร่องรอยตรงนั้นยังสดใหม่ยิ่ง หรือนางเพิ่งจะจากไป?

เขาเงยหน้ามองไปทางฝืนป่าของยอดเขาที่ห้าทันที ราวกับอยากมองหาเงาร่างของใครบางคน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาต้องผิดหวังแล้ว เขามองไม่เห็นอะไรเลย

ฝ่ามือของเขาเลื่อนหลุดจากเขตแดน มองไปยังทิศทางนั้นอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง

สามารถมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แสดงว่าวรยุทธ์ของนางแข็งแกร่งมากแล้ว บางทีด้วยกำลังของนางเองก็คงสามารถออกไปจากป่าทมิฬได้ ถึงอย่างไรนางก็มีวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาอันน่าตะลึงอยู่

ความคิดเขาเพิ่งจะแล่นมาถึงตรงนี้ ในส่วนลึกของป่าที่อยู่ห่างไกลยิ่งของเขตแดนฝั่งนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา ไอหมอกสีม่วงสายหนึ่งพุ่งขึ้นปกคลุมฟ้า…

หลงซือเย่หน้าเปลี่ยนสีทันที!

สัตว์ร้ายของยอดเขาที่แปดวิ่งไปถึงยอดเขาที่ห้าได้อย่างไร?!

หรือเขตแดนนี้จะมีช่องโหว่?

ด้วยความสามารถของกู้ซีจิ่ว นางสามารถรับมือสัตว์ประหลาดบนยอดเขาที่สามได้อย่างเหลือเฟือ ทว่าสัตว์ประหลาดบนยอดเขาที่แปดต่อให้เป็นหลงซือเย่ที่ประสบก็ยังปวดหัวยิ่งนัก นับประสาอะไร กับสาวน้อยเช่นกู้ซีจิ่ว?

หลงซือเย่ไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บบนร่างตน ทะยานกายขึ้น เริ่มวนสำรวจเขตแดนจากมุมสูง เขาจะหารอยรั่วในเขตแดนเพื่อข้ามไป…

………………………….

ในป่าทมิฬมีเขตแดนอยู่สามเขต

เขตแรกอยู่ตรงจุดตัดระหว่างยอดเขาที่สามและยอดเขาที่สี่ เป็นเขตแดนที่ตี้ฝูอีสร้างขึ้นใหม่ กล่าวได้ว่าสร้างขึ้นใหม่สำาหรับด่านของกู้ซีจิ่วโดยเฉพาะ

เขตที่สองอยู่ระหว่างยอดเขาที่ห้าและยอดเขาที่หก เตรียมไว้สำหรับสัตว์ร้ายบนยอดเขาที่หกขึ้นไปซึ่งมีพลังปีศาจลํ้าลึก สามารถบดขบี้สัตว์ประหลาดบนยอดเขาที่ห้าลงไปได้

เขตที่สามอยู่ระหว่างยอดเขาที่เจ็ดและยอดเขาที่แปด มีไว้เพื่อขัดขวางไม่ให้สัตว์ร้ายบนยอดเขาที่แปดลงเขาไปได้ ยอดเขาที่แปดเป็นสถานที่ต้องห้าม ห้ามผู้ใดเข้าไปโดยพลการ แน่นอน ผู้ที่เข้าไปโดยพละการล้วนได้ไปแต่มิได้กลับ

แม้แต่สานุศิษย์สวรรค์เบี้องบนอย่างพวกหลงซือเย่ก็ไม่เคยได้เข้าไป

เพียงแต่หลงซือเย่เคยไปถึงเขตแดนระหว่างยอดเขาที่เจ็ดและยอดเขาที่แปดมาก่อน เขาเคยเห็นสัตว์ปีศาจด้านในเขตแดนที่กั้นขวางไว้แวบหนึ่ง เคยได้ยินเสียงคำรามเลือนรางของสัตว์ร้ายที่แว่วมาจากด้านใน เสียงคำรามนั้นไม่แหลมสูง ทว่าสั่นสะเทือนฟ้าดินได้ ทำให้หัวใจของหลงซือเย่ในยามนั้นเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา…

ยอดเขาที่แปด หรือที่เรียกกันว่าแดนเทพจากจร สถานที่ที่แม้แต่ทวยเทพก็ยังละทิ้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version