Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 459

บทที่ 459

ร่วมเป็นร่วมตาย 4

หลงซือเย่ค่อนข้างเคอะเขิน เขาหดมือกลับ เมื่อหันไปก็เห็นเด็กน้อยที่โผล่ออกมาจากหอยยักษ์กำลังมองเขาด้วยสายตาวาววาม กล่าวให้ถูกคือมองยาลูกกลอนในมือเขา สีหน้ากระวนกระวาย

หลงซือเย่ใจสั่นเล็กน้อย ยื่นยาลูกกลอนให้มัน “ให้เจ้าแล้วกัน”

เจ้าหอยยักษ์ไม่รู้จักความเกรงใจ ยื่นมือไปคว้ามาทันที ขณะที่กำลังจะส่งเข้าปาก สำแสงสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจู่โจม เจ้าหอยยักษ์สั่นสะท้าน ยาลูกกลอนหล่นลงบนพื้น

เจ้าหอยยักษ์ตกตะลึง มองไปทางกู้ซีจิ่ว “เจ้านาย!”

สีหน้าหลงซือเย่แปรเปลี่ยนเล็กน้อย มองไปทางกู้ซีจิ่วเช่นกัน “ซีจิ่ว เจ้ายังไม่เชื่อข้าเหรอ?”

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็มองเขา เธอพูดจาตรงไปตรงมายิ่งนัก “เจ้าสำนักหลง ข้าไม่ทราบว่าหนนี้ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุใด และไม่สนใจอยากทราบด้วย แต่ข้าไม่เชื่อท่านอีกต่อไป ไม่ว่าท่านจะพูดอะไรข้าก็ไม่เชื่อทั้งสิ้น วันนี้ก็ให้จบลงตรงนี้เถิด ขอให้ท่านรักษาตัวด้วย”

เธอลุกขึ้นมา หยิบเจ้าหอยยักษ์ตัวนั้น หมุนกายคิดจะจากไป

“ซีจิ่ว ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะเชื่อข้า?” หลงซือเย่ถามอย่างอดไม่ได้

ฝีเท้ากู้ซีจิ่วหยุดชะงัก ไม่ตอบคำถาม แต่ใช้วิชาเคลื่อนย้ายจากไปทันที

ริมฝั่งแม่น้ำกว้างใหญ่เหลือเพียงหลงซือเย่ผู้เดียว สายลมโชยมา พัดอาภรณ์บนร่างเขาจนเกิดเสียงสวบสาบ เขามองทิศทางที่กู้ซีจิ่วหายลับไปอย่างเศร้าหมอง นิ้วมือกำแน่น

ที่แท้ความเชื่อมั่นในตัวคนผู้หนึ่งหายไปได้ง่ายดายปานนั้น อยากจะได้กลับมาก็ยากเย็นถึงเพียงนี้…

ซีจิ่ว เจ้าไม่ต้องการข้าอีกต่อไปแล้วใช่ไหม?

เขายืนใจลอยอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเหินกายขึ้น พุ่งไปยังอีกฝั่ง

เป็นอย่างที่คิดไว้ พอร่างของเขาพุ่งไปถึงกลางแม่น้ำก็ปะทะกับเขตแดนที่ขวางกั้นอยู่ ทำให้เขาข้ามไปไม่ได้เลยสักก้าว

เขาลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ สัมผัสเขตแดนนั้นเล็กน้อย บนนั้นมีพลังวิญญาณไหลเวียนอยู่รางๆ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจัดวางเอาไว้ สิ่งมีชีวิตหน้าไหนก็ผ่านไปไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากจะทุ่มเทพละกำลังเพื่อทำลายมัน แต่ถ้าทำเช่นนั้นตี้ฝูอีจะรู้ตัวทันที

เขตแดนเส้นนี้กล่าวกันตามเหตุผลแล้วไม่มีใครสามารถผ่านไปได้ แต่กู้ซีจิ่วกลับผ่านไปได้โดยไม่ติดขัดเลยสักนิด!

นางสัมผัสถึงการมีอยู่ของเขตแดนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมยังพาสัตว์เลี้ยงวิญญาณที่ตนรับไว้ข้ามไปในรวดเดียวด้วย…

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

…………………………

กู้ซีจิ่วหาตัวเพรียกวายุในป่าเจอ จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งลูบๆ เขาของมัน เพรียกวายุเข้าใจความนัย จึงเดินลงจากเขาตามที่เธอชี้นำ

ถึงแม้ในยอดเขาที่สามจะมีสัตว์ร้ายที่แปลกประหลาดมากมาย แต่มีเพรียกวายุสัตว์ร้ายขั้นห้าเดินนำ ผนวกกับมีรัศมีไร้รูปลักษณ์ของเจ้าลู่อู๋ที่เป็นสัตว์ขั้นแปดแผ่ออกมา สัตว์ร้ายเหล่านั้นย่อมหนีเตลิด ไปตามธรรมชาติ ไม่กล้ามาไล่ล่ารนหาที่ตายเลยสักตัว…

ดังนั้นครานี้กู้ซีจิ่วจึงลงเขาได้อย่างราบรื่นยิ่ง เพียงระยะเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน เธอก็เดินทางมาถึงยอดเขาที่หนึ่ง ข้ามภูเขาเล็กๆ อีกลูกก็สามารถออกไปจากป่าทมิฬได้แล้ว

เธอหาเนินเขาแห่งหนึ่งแล้วหยุด โดดลงจากหลังเพรียกวายุแล้วพักผ่อน

การต่อสู้นั้นเกือบจะทำให้พละกำลังอันแข็งแกร่งของเธอเสื่อมถอยลงแล้ว ยามนี้เธอจำเป็นต้องฟื้นฟูพละกำลังแล้วค่อยออกไปอีกครั้ง หากไม่มีอะไรนอกเหนือความคาดหมาย เมื่อเธอออกจากป่าทมิฬ เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากที่ยังต้องจัดการอีก บรรดาผู้คนที่อยากให้เธอสิ้นชีพก็มีไม่น้อย พวกเขาคงจะดักซุ่มอยู่ด้านนอก…

เธอกินเนื้อแห้งเข้าไปหลายชิ้น ดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก จากนั้นก็นั่งสมาธิ

เจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ในถุงเก็บของส่งเสียงดังอู้อี้ “เจ้านาย ในนี้อึดอัดจัง ปล่อยข้าออกไปสูดอากาศหน่อยเถอะ”

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงปล่อยเจ้าหอยยักษ์ออกมาอีกครั้ง เจ้าตัวนั้นนอนอ้าฝาอยู่ตรงนั้น เด็กน้อยน่ารักโผล่ออกมาจากด้านใน

ดวงตาทั้งคู่ของเด็กน้อยจับจ้องกู้ซีจิ่ว “เจ้านาย คนก่อนหน้านี้คือใครหรือ? เขาร้ายกาจนัก! ข้าเพิ่งเคยพบมนุษย์ที่พลิกแพลงวิชาวิญญาณธาตุไฟได้ลํ้าเลิศเช่นนี้เป็นครั้งแรก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version