บทที่ 482
นางเชี่ยวชาญด้านการยั่วโมโหคน 1
กู้ซีจิ่วคิดว่าเจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ใต้เท้าต้องกินยาสลบอะไรเข้าไปแน่ๆ
เมื่อกี้นี้มันยังพูดเป็นต่อยหอยกับเธออยู่เลย ผ่านไปครู่เดียวมันก็ปิดฝาหลับนํ้าลายไหลย้อยแล้ว
เธอเตะมันไปทีหนึ่งก็ยังปลุกให้ตื่นไม่ได้เลย
ยากจะเชื่อจริงๆ ว่ามันใช้ชีวิตอย่างไรถึงหลบซ่อนจากเหล่าสิงสาราสัตว์จนเติบใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ หลับใหลถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ถูกศัตรูตามธรรมชาติจิกไปกิน!
เจ้าหอยยักษ์หลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม จู่ๆ ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอ้าฝา แล้วมองไปรอบๆ ถามด้วยสีหน้าเหลอหลา “นี่ข้าอยู่ที่ไหนกัน?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
เธอเตะไปทีหนึ่งให้มันได้สติ “เจ้าหลับจนบ้าไปแล้วหรือ?”
ในที่สุดเจ้าหอยยักษ์ก็ได้สติ “เจ้านาย…เมื่อกี้ข้าฝัน…”
การฝันเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ? ควรค่าพอให้มันตื่นตูมด้วย?
กู้ซีจิ่วปรายตามองมัน “ฝันว่าอะไร?”
“ฝันว่า…ฝันว่าข้ากลับไปอยู่ในป่าทมิฬอีกครั้ง…” เจ้าหอยยักษ์อกสั่นขวัญแขวนอยู่บ้าง “แล้วในฝันข้าก็ถูกเจ้าศพพิษสองตัวนั้นโจมตี!” มันเล่าเรื่องที่ในฝันถูกศพพิษทั้งสองโจมตีซ้ำๆ โดยไม่ตกหล่นเลยสักฉาก!
กู้ซีจิ่วลูบเปลือกหอยปลอบขวัญมัน มิน่าเล่าตอนที่มันหลับเมื่อกี้ ถึงตัวสั่นเป็นพักๆ แถมยังกลิ้งด้วย ที่แท้ก็ฝันร้ายนี่เอง!
ดูท่าการถูกศพพิษทั้งสองโจมตีเมื่อหนก่อนจะก่อให้เกิดเงามืดในใจเจ้าหอยยักษ์แล้ว…
“ฝันถึงแค่นั้นหรือ? ยังฝันถึงอย่างอื่นอีกหรือไม่?” กู้ซีจิ่วถามต่อ
“ยังฝันถึง…ฝันถึง…” เจ้าหอยยักษ์อ้าฝาใคร่ครวญ มันจำได้ว่าฝันถึงอย่างอื่นด้วย แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก!
แต่ว่ามันมีเรื่องหนึ่งที่จดจำได้ขึ้นใจ “เจ้านาย ข้ายังฝันว่าได้กินผลจูกั่วด้วย จูกั่วลูกนั้นหวานจริงๆ!”
มันเลียริมฝีปากเล็กๆ ราวกับรำลึกถึงรสชาติอันแสนวิเศษนั้น
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก เธอเผลอหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ด่าไปคำหนึ่ง “เจ้าตะกละ!” ก่อนจะถีบมันเข้าไปอยู่ในมุม
เพียงแต่หลังจากเจ้าหอยยักษ์ผ่านเรื่องราวสะเทือนขวัญ ทั้งเธอและมันก็ไม่ได้นอนหลับอีก
เจ้าหอยยักษ์อดใจไม่ไหวอยู่จึงบรรยายให้เธอฟังว่าเก็บเกี่ยวผลจูกั่วยามไหนถึงจะดีที่สุด ขณะที่พูดอยู่ เสียงของทูตเจี่ยงซั่นก็แว่วมาจากด้านนอก “แม่นางกู้ ถึงสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้ว”
ถึงแล้วหรือ?
กู้ซีจิ่วเลิกม่านรถขึ้น มองลงไปเบื้องล่าง
ด้านนอกท้องนภาอันมืดมิดกลายเป็นสีครามอ่อนๆ ท่ามกลางแสงอรุณที่ส่องสลัว สามารถมองเห็นได้ว่ามีเคหาสน์ที่น่าเกรงขามหลังหนึ่งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา…
เคหาสน์หลังนั้นมีพื้นที่กว้างขวาง ยามมองแทบจะไม่เห็นขอบเขต ผืนนภาเหนือเคหาสน์มีแสงมงคลโอบล้อมอยู่จางๆ สายรุ้งเส้นหนึ่งทอดผ่านเคหาสน์ทั้งหลัง เมื่อมองลงไปจากห้องฟ้า สถานที่แห่งนั้น ประหนึ่งตำหนักเซียนสระหยก…
กู้ซีจิ่วรับรู้ว่า นี่ก็คือสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ที่แสนลึกลับ!
แหล่งชุมนุมของยอดอัจฉริยะและผู้มากความสามารถในใต้หล้า สานุศิษย์สวรรค์ทั้งห้าล้วนเคยศึกษาอยู่ที่นี่ ขณะนี้ศิษย์สวรรค์คนที่หก อวิ๋นซิงหลัวก็เพิ่งเข้าไปเมื่อหลายวันก่อน…
…………………………..
ทางด้านวังคํ้านภา ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีก็ไม่ได้นอนทั้งคืน
บนโต๊ะยาวของเขามีข้อมูลบางส่วนที่เหล่าลูกน้องของเขาเพิ่งจะส่งมาวางอยู่
หรงเหยียนและกู้เทียนฉิง ถูกประหารชีวิตไปแล้วจริงๆ ศพของพวกเขาเป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ไม่อยู่ในโลงศพ
ศพของพวกเขาล้วนถูกขโมยไปในคืนเดียวกัน ผู้ที่ขโมยศพมือเท้าคล่องแคล่วอย่างยิ่ง ขโมยศพไปภายใต้เปลือกตาของคนเฝ้าสุสาน ทั้งยังไม่มีผู้ใดรู้เห็นเลย จวบจนยามนี้ญาติพี่น้องของทั้งสอง ครอบครัวก็ยังไม่ทราบ…
คนของวังคํ้านภาตรวจสอบพบว่าศพทั้งสองเคยถูกคนขนไปไว้ที่บ้านร้างหลังหนึ่ง จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย…
มู่อวิ๋นที่เชี่ยวชาญการสืบรอยเคยไปรื้อค้นที่บ้านหลังนั้น ก็พบเพียงกลิ่นอายและร่องรอยเล็กน้อยว่าศพของหรงเหยียนและกู้เทียนฉิงเคยอยู่ที่นั่น ทว่าไม่พบกลิ่นอายของผู้อื่นเลย
………………………..
[1] ผลจูกั่ว เป็นผลไม้วิเศษในตำนานของชาวจีน เชื่อกันว่าช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ได้