บทที่ 670 ฉันรู้สึกคุณมีมาดของผู้นำจอมเผด็จการอยู่
“ดังนั้นฉันเลยระแวดระวังเขามากมาตลอด แต่ตอนอยู่บนโต๊ะสุราไม่รู้ว่าทำไม บางทีคงดื่มจนเมาแล้ว พอฉันเมาคงจะเผลอพูด
ความจริงออกไป ทำให้เขารู้เรื่องของฉัน หลังจากฉันสร่างเมา เขาก็บอกว่าจะช่วยฉันทดสอบว่าสรุปแล้วกู่ซีซีใช่คนที่ฉันตามหาหรือ
เปล่า…”
กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าตอนนั้นจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย เธอทราบความสามารถของตี้ฝูอีดี วรยุทธ์ลึกลํ้าจนมิอาจหยั่งได้ เป็นผู้นำสานุศิษย์สวรรค์…
หลงซือเย่พูดต่อว่า “เธอก็รู้ว่าตี้ฝูอีคนนี้ ถึงแม้ปกติกระทำการใดจะทำให้คนเดาไม่ออกอยู่บ้าง แต่ก็มีความสามารถจริงๆ โดยเฉพาะวิชาสืบวิญญาณยิ่งล้ำเลิศ ความจริงได้รับการยืนยัน กู่ซีซีไม่ใช่เธอจริงๆ…”
กู้ซีจิ่วไร้วาจาไปครู่หนึ่ง “ต่อมาคุณเลยเปลี่ยนชื่อให้นาง?”
หลงซือเย่นิ่งเงียบ มองดูเธอ
“บนโลกนี้มีเธอคนเดียวที่คู่ควรจะใช้ชื่อนี้…” เขาเอ่ยออกมา
กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว “หลงซี อันที่จริงคุณก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน”
หลงซือเย่เลิกคิ้วขึ้น “หือ?”
“ตอนที่คุณเป็นหลงซีจะเป็นแค่หมอและครูฝึกที่สูงส่งเย็นชาคนหนึ่ง แต่ตอนนี้…ฉันรู้สึกคุณมีมาดของผู้นำจอมเผด็จการอยู่”
หลงซือเย่พูดไม่ออก
สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมความสามรถไม่เหมือนเดิมย่อมทำให้บุคลิกคนไม่เหมือนเดิม ความเปลี่ยนแปลงของเขาย่อมเป็นไปตามหลักเหตุผล
ดูเหมือนเธอจะนึกอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “แล้วร่างในโลงนํ้าแข็งที่อยู่ในตำหนักนํ้าแข็งของคุณล่ะ?”
“ฉันโคลนนิ่งขึ้นมา” หลงซือเย่ก็ไม่ปิดบังเธออีก “บนหยกประดับชิ้นนั้น มีเซลล์พันธุกรรมของเธออยู่ ดังนั้นฉันเลยโคลนนิ่งเธอออกมาหนึ่งคน ฉันกลัวว่าถ้าเอาออกมาจะเกิดข้อผิดพลาดถูกวิญญาณอื่นยึดครองร่าง ก็เลยแยกร่างนั้นจากโลกภายนอก ไม่เคยยอมให้ดวงวิญญาณอื่นได้เฉียดใกล้ ตอนนั้นฉันศึกษาวิชาคืนวิญญาณของโลกใบนี้ด้วย คิดว่าจะใช้วิชานี้เรียกเธอกลับมา แน่นอน ถึงอย่างไรโลกนี้ก็ไม่เหมือนกับยุคนั้นของพวกเรา สิ่ง
อำนวยความสะดวกไม่ครบครัน โชคดีที่มีวิชาคาถา ขอเพียงเตรียมวัตถุดิบบางอย่างให้เรียบร้อย ก็ยังมีหนทางที่จะทำได้…”
กู้ซีจิ่วนิ่งเงียบ ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างล้วนคลี่คลายแล้ว ปมบนร่างของหลงซือเย่เธอล้วนได้รับคำตอบมาทีละข้อแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้ติดค้างเธอเลย เพียงแต่วิธีที่ใช้ทั้งหมดพิสดารเหนือความคาดหมายไปหน่อยก็เท่านั้น…
แน่นอน สิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้กรณีที่ว่าทุกอย่างเขาพูดมาเป็นความจริง
“ซีจิ่ว เธอเชื่อฉันไหม?” หลงซือเย่มองเธอ
เชื่อไหมน่ะหรือ? กู้ซีจิ่วไม่มีคำตอบ เนื่องจากตอนนี้ความคิดเธอค่อนข้างสับสนวุ่นวาย ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ
ในความเป็นจริงเรื่องราวบางอย่างหากได้ผ่านการตรวจทานอย่างจริงจังแล้ว ผู้คนถึงจะเชื่อว่านี่คือความจริง
แต่ถ้าทุกอย่างถูกกล่าวด้วยตัวคนเพียงคนเดียว เช่นนั้นความน่าเชื่อถือก็จะลดทอนลง
โดยเฉพาะคนอย่างกู้ซีจิ่ว ที่ไม่เชื่อใครง่ายๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องตรวจสอบให้ประจักษ์ชัดแจ้งถึงจะเลือกเชื่อ
ชาติก่อนเธอไม่เคยคิดระแวงหลงซีเลย เมื่อก่อนเขาว่าอย่างไรเธอก็เชื่ออย่างนั้น มอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้เขาเพียงผู้เดียว
เพียงแต่…ตอนนี้เธอไม่อาจเชื่อใจเขาได้อีกต่อไป ต่อให้ในใจรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดมาคือความจริง แต่จิตใจสำนึกก็ยังคงปฏิเสธอยู่ดี…
ความเชื่อใจที่สูญสิ้นไป คิดจะสร้างขึ้นมาใหม่เกรงว่าคงต้องใช้ความพยายามมากกว่าแต่ก่อนเป็นร้อยเท่าพันเท่า อย่างไรเสียหลงซือเย่ก็เคยศึกษาจิตวิทยา ดังนั้นเขาจึงทราบข้อนี้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะเศร้าหมองอยู่บ้าง แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของกู้ซีจิ่วก็เป็นไปตามที่เคาคาดเอาไว้
“ซีจิ่ว เธอไม่เชื่อฉันก็ไม่เป็นไร ต่อไปพวกเรา…”
“เจ้านายข้าเชื่อเขานะ!” เจ้าหอยยักษ์ที่อยู่ด้านข้างจัดการอาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะตรงหน้ามันเสร็จแล้ว ตอนนี้จานชามที่อยู่ทางด้านนั้นสะอาดยิ่งกว่าเลียเสียอีก
….
เอาล่ะ ความเข้าใจผิดมหันต์ระหว่างนายหญิงกับหลงซือเย่ถ้าสามารถคลี่คลายให้กระจ่างที่นี่ได้ นายหญิงก็ไม่ต้องเดียวดายใน
เทศกาลความรักแล้ว …