Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 802

บทที่ 802 ฝาแฝดในเงามืด

ช่วงท้ายของบทเพลง เขามองดวงจันทร์อย่างเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ แผ่นหลังนั้นเหงาหงอยยิ่งนัก

ในป่าเฟิงมีคนกระแอมไอดังขึ้น ดูเหมือนหลงซือเย่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนอยู่ในป่าเฟิงผืนนี้ จึงหันไปมองทันที

คนชุดฟ้าผู้หนึ่งก้าวออกมา คนชุดฟ้าผู้นั้้นสวมหน้ากากไว้ มองไม่เห็นว่ารูปโฉมเป็นอย่างไร เห็นเพียงว่าเรือนกายคนผู้นี้สูงใหญ่นัก และหน้ากากที่สวมอยู่บนใบน้านั้นก็ดูคุ้นตายิ่งนัก!

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตี้ฝูอี?!”

คนชุดฟ้าผู้นั้้นถอนหายใจคราหนึ่ง “ท่านจำผิดแล้ว ข้าไม่ใช่เขา!”

แม้แต่เสียงก็เหมือนตี้ฝูอียิ่งนัก

“เช่นนั้นเจ้าเป็นใคร?” หลงซือเย่กำขลุ่ยในมือแน่น “เหตุใดรูปโฉมเจ้าคล้ายคลึงกับเขาเช่นนี้?! เจ้าเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร?”

คนชุดฟ้าผู้นั้นเงียบไปพักหนึ่ง แล้วยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง ทว่าภายใต้แสงจันทร์ รอยยิ้มนั้นกลับดูชั่วร้ายอยู่บ้าง “ท่านลองเดาสิ?”

หลงซือเย่จ้องรอยยิ้มที่ฉาบตรงมุมปากของเขา จากนั้นเพ่งพิศเขาจากหัวจรดเท้าอีกสองครา “พี่น้องของเขา? ฝาแฝด?”

คนชุดฟ้าผู้นั้นถอนหายใจเบาๆ “ท่านเดาได้ใกล้เคียง นับว่าเป็นฝาแฝดได้กระมัง…”

หลงซือเย่ขมวดคิ้ว “นี่ไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยถึงมาก่อน และไม่เคยได้ยินผู้อื่นเอ่ยถึงด้วยเช่นกัน”

คนชุดฟ้าหัวเราะเสียงเย็นคราหนึ่ง “ท่านย่อมไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้าคือฝาแฝดในเงามืดของเขา…”

หลงซือเย่พินิจเขาอีกคราหนึ่ง ไม่พูดอะไร

คนชุดฟ้าผู้นั้นก้าวเข้ามา “อะไรกัน? ไม่เชื่อหรือ? ท่านก็นับว่ารู้จักเขาเช่นกัน เช่นนั้นท่านดูสิมือนี้ของข้า คางนี้ ดวงตานี้ ริมฝีปากนี้…เหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้วเลยใช่หรือไม่?”

สายตาของหลงซือเย่กวาดผ่านตำแหน่งเหล่านั้นที่เขาบอกแวบหนึ่ง เหมือนตี้ฝูอีทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ ไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด นอกจากจะเป็นฝาแฝด ก็ไม่มีคำอธิบายอื่นแล้วจริงๆ

แน่นอน หลงซือเย่ยังนึกถึงความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่ง…ร่างโคลนนิ่งของตี้ฝูอี!

เขาจ้องมองใบหน้าของคนผู้นั้น “เหตุใดท่านไม่ถอดหน้ากากให้ข้าดูหน่อยเล่า?”

คนผู้นั้นทอดถอนใจนิดๆ “เขาสวมหน้ากากต่อหน้าผู้อื่นเสมอ เจ้าก็ไม่ทราบว่าใบหน้าที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร ต่อให้ข้าถอดหน้ากากออกแล้ว อย่างไรเล่า? เจ้าสามารถแยกออกหรือ?”

แววตาหลงซือเย่วูบไหวเล็กน้อย ถอนหายใจเช่นกัน “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล เอาเถิด ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรเจ้า เลิกราเท่านี้แล้วกัน”

เขาพลางหันหลัง ก้าวจากไป

“เจ้าสำนักหลง ท่านอยู่ภายใต้เขา ถูกเขาควบคุมมาเนิ่นนาน ยินยอมพร้อมใจกันหรือ?”

ฝีเท้าหลงซือเย่ชะงักนิดๆ เอ่ยเรียบๆ ว่า “วรยุทธ์ข้าสู้เขาไม่ได้ ฐานะเป็นรองเขาก็สมควรตามเหตุผลแล้ว มีอันใดต้องยินยอมไม่ยินยอมด้วยเล่า ท่านไม่จำเป็นต้องยุแยงตะแคงรั่วหรอก”

เขาหมุนกายก้าวต่อไป

“เช่นนั้นนางในดวงใจท่านเล่า? จะเบิกตามองนางถูกเขาฉกฉวยไปเช่นกันหรือ? ในใจมิมีความรู้สึกไม่ยินยอมสักนิดเลยหรือ?”

คนชุดฟ้าผู้นั้นพูดจาก่อกวนอวัยวะเบื้องล่างผู้อื่นยิ่งนัก หลงซือเย่หันกลับมาทันที ลมหายใจติดขัดอยู่บ้าง “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?!”

คนชุดฟ้าผู้นั้นแย้มยิ้ม นัยน์ตาหรี่ลง “เจ้าสำนักหลง ท่านเข้าใจดีว่าที่ข้าพูดหมายความว่ายังไง”

หลงซือเย่สะบัดหน้าจากไป

คนชุดฟ้าผู้นั้นก็ไม่ไล่ตามเช่นกัน เพียงเอ่ยไล่หลังอีกประโยคหนึ่ง “ข้ามีวิธีช่วยท่านชิงสตรีของท่านกลับมาได้นะ กระทั่งสามารถสังหารเขาได้ด้วยซ้ำ!”

ร่างกายหลงซือเย่นิ่งงันอีกครั้ง เอ่ยขึ้นว่า “ข้ากับเขาเป็นสานุศิษย์สวรรค์เหมือนกัน จะกระทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร?!”

แล้วรีบร้อนจากไป

คนชุดฟ้าผู้นั้นมองแผ่นหลังของเขา มุมปากยกขึ้นนิดๆ แย้มยิ้ม เขามองออกว่าหลงซือเย่หวั่นไหวแล้ว แค่ต้องเติมเชื้อไฟอีกสักนิด…

วันต่อมาหลงซือเย่ค่อนข้างนั่งไม่ติดทั้งวัน จึงไปป้วนเปี้ยนอยู่หน้าประตูเรือนของตี้ฝูอีครู่หนึ่ง มองเห็นกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีจูงมือกันกลับมาพอดี ไม่รู้ว่าตี้ฝูอีพูดอะไรกับกู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วผู้ถูกเย้าหยอกจึงหัวเราะคิกคักออกมา ซํ้ายังทุบตี้ฝูอีหมัดหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version