บทที่ 961 หรือเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์?!
ที่นี่คือผาสูงแห่งหนึ่ง ทุกคนยืนอยู่บนหน้าผา ในที่สุดก็สามารถพักหายใจพลางหันกลับไปมองได้ ตำแหน่งที่พวกเขายืนนี้ไม่เลวเลย มองลงไปเห็นสถานการณ์โดยรอบได้พอดี เมื่อพวกเขามองจากทิศนี้ไป สามารถมองเห็นเมืองร้างแห่งนั้นที่ถูกหิมะและนํ้าแข็งกลบฝังไปจนสิ้นได้ พื้นที่ตรงนั้นดั่งทะเลหิมะที่ซัดสาด มองแล้วค่อนข้างน่าหวาดหวั่น มีเสียงคำรามแผ่วๆ แว่วมาจากส่วนลึกใต้พสุธา ราวกับสัตว์ประหลาดที่เดิมทีหลับลึกอยู่กำลังจะตื่นขึ้นมา มีไอหยินชั่วร้ายทะลักออกมาจากใต้พื้น …
แย่แล้ว!
เกรงว่าเจ้าสัตว์ประหลาดดุร้ายตัวนั้นคงถูกรบกวนจนตื่นขึ้นมาแล้ว!
กู้ซีจิ่วกำหมัด ประหลาดนัก ที่แท้สายฟ้าที่ผ่าลงมาจากฟากฟ้านั้นมาจากไหนกันแน่?!
หรือเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์?!
เธอคิดยังไม่ทันจบ จู่ๆ หลานไว่หูที่อยู่ข้างกายก็กระซิบออกมา “ดูเมฆสิ!”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นตามเสียง จากนั้นก็ตกตะลึงกันถ้วนหน้า!
บนท้องฟ้า ท่ามกลางหมู่เมฆ มังกรเจียว[1] สีเงินตัวหนึ่งกำลังเหินร่อนอยู่ และบนหลังของมังกรเจียวก็มีดรุณีในชุดชาววังนางหนึ่งยืนอยู่
ดรุณีนางนั้นสวมชุดฝ่ายในสีนวลจันทร์ ปักลายหงส์ กระโปรงซ้อนเป็นชั้น เมื่อต้องลมคราหนึ่ง แต่ละชั้นที่ซ้อนกันจะเผยอ ออกปานดอกบัวดอกหนึ่งที่โยกไหวอยู่กลางสายลม แถบแพรยาวสีเดียวกันสองเส้นโบกสะบัดอยู่รอบกายนาง วนเวียนดั่งมังกร เส้นผมดำขลับดุจขนกา เกล้าขึ้นครึ่งหนึ่งปล่อยสยายครึ่งหนึ่ง ลอยพลิ้วอยู่ด้านหลังนาง
เนื่องจากอยู่ห่างไกล ทุกคนจึงมองไม่เห็นใบหน้านาง เพียงรู้สึกได้รางๆ ว่าสตรีผู้นี้สูงส่งงดงามและเยือกเย็นยิ่งนัก นางยืนอยู่บนหลังมังกรเจียว มือหนึ่งจับเขามังกรคํ้าร่างไว้ มืออีกข้างทำมุทราร่ายอาคม พริบตาเดียวสายฟ้าสีทองเส้นหนึ่งก่อตัวขึ้นจากปลายนิ้วของนาง นางชี้ลงไปด้านล่างทันที!
‘เปรี้ยง’ เป็นเสียงของสายฟ้าที่ผ่าลงไป!
ผ่าลงตรงเขตแดนที่กำลังโหมซัดสาดอยู่ ด้วยเหตุนี้ม่านหมอกหิมะตรงนั้นจึงฟุ้งขึ้นสูงกว่าเดิม เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวที่อยู่ลึกลงไปในใต้ดินนั้นดังยิ่งขึ้น…
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจแล้ว ไม่แปลกเลยที่เขตแดนจะทรุดตัวลง ไม่แปลกเลยที่เสาธงจะถูกผ่า ที่แท้มิใช่สวรรค์ลงทัณฑ์อันใด แต่เป็นกระบวนท่าอันดุเดือดที่สตรีผู้นี้สำแดงออกมา!
วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วในยามนี้ถึงแม้จะมิได้สูงส่งเลิศลํ้าแต่สายตายังคงแหลมคมยิ่งนัก มองแวบเดียวก็ทราบว่ากระบวนท่าที่สตรีผู้นี้้สำแดงออกมาไม่ธรรมดาเลย อย่างน้อยที่สุดก็เป็นวรยุทธ์ในระดับพลังวิญญาณขั้นเก้า และมองจากกระบวนท่าที่นางสำแดงออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นพลังวิญญาณธาตุสายฟ้าที่พบเห็นได้ยากเป็นที่สุด สตรีนางนี้คือผู้ใด?
สำหรับยอดฝีมือของทวีปนี้ ซีจิ่วรู้จักไม่น้อยแล้ว ในข้อมูลทั้งหมดที่เธอได้รับมา ปัจจุบันสตรีที่มีระดับพลังวิญญาณสูงสุดในทวีปนี้คือ ฮวาอู๋เหยียน พลังวิญญาณที่นางฝึกฝนคือ ธาตุนํ้า รองลงมาคือสาวใช้ประจำตัวตี้ฝูอี ได้ยินว่าข้างกายตี้ฝูอีมีสาวใช้อยู่สี่นาง พลังวิญญาณของแต่ละนางชวนตะลึง เพียงแต่พวกนางเผยโฉมน้อยยิ่ง และแทบจะไม่แสดงฝีมือเลย ดังนั้นบนโลกนี้คนที่ทราบตื้นลึกหนาบางของพวกนางจึงมีน้อยคนนัก และไม่
ทราบว่าพวกนางฝึกฝนถึงขั้นไหนแล้ว…
สตรีผู้ขี่มังกรเจียวอยู่บนฟ้ายามนี้ย่อมมิใช่ฮวาอู๋เหยียน เช่นนั้นนางคือผู้ใด?
หรือจะเป็นหนึ่งในสาวใช้ประจำตัวของตี้ฝูอี?
เพียงแต่มองจากจากการแต่งการแล้ว มิคล้ายว่าจะเป็นสาวใช้อันใด เหมือนพวกองค์หญิงมากกว่า…
เห็นได้ชัดว่าสตรีนางนั้นก็มองเห็นคนทั้งแปดที่เพิ่งหนีออกมาจากเขตแดนนั้น แต่นางก็เหลือบมองกลุ่มของกู้ซีจิ่วอย่างเฉยเมยแวบเดียวเท่านั้น ไม่สนใจอีกต่อไป นิ้วมือค่อยๆ กรีดกรายร่ายอาคมให้สายฟ้าอีกเส้น ผ่าลงไป…
เสียงดังตูมตามนั่นทำให้พื้นดินทั้งผืนสั่นสะเทือนไปด้วย
สีหน้ากู้ซีจิ่ว แปรเปลี่ยนทันที เธอหูดีจนน่าตกใจ จึงได้ยินเสียงที่ค่อนข้างสับสนวุ่นวายดังขึ้นมาจากใต้ดิน คล้ายว่าผีดิบนับไม่ถ้วนกำลังหาทางเล็ดรอดออกมา…
สายฟ้าที่สตรีนางนั้นผ่าลงมามิใช่ดาบปราบมาร แต่ศาสตราวุธที่ตัดโซ่ตรวนของมวลมาร สายฟ้าของนางไม่อาจกำจัดมารได้ ซํ้ายังเป็นการปล่อยมารเหล่านั้นออกมาอีก!