1038. สูงสุดขั้นส่องสวรรค์

สำนักวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์คล้ายจะกลายเป็นตำนาน บางคนไม่มีชื่อนี้อยู่ในหัวเลย

สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จางหายออกไปนานมาก ความรุ่งโรจน์กลายเป็นความทรงจำในอดีตและค่อยๆเลือนหายไปตามกาลเวลา

ในความทรงจำของเซียนทรงพลังไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังเคารพต่อสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาตัวสั่นจากก้นบึ้งจิตใจตอนที่ได้ยินชื่อ “สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์”

สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังและลึกลับยิ่งกว่าพันธมิตรเซียนในปัจจุบัน แม้แต่ดินแดนฟ้ากระจ่างก็หยังหวาดกลัวต่อสำนักนี้

ซึ่งทำให้พวกเขาก่อตั้งกลุ่มขึ้นกับพันธมิตรเซียน วางแผนหลายอย่างจนสามารถนำพาให้สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์มาถึงจุดที่อ่อนแอที่สุด

จักรพรรดิมังกรฟ้าผู้ทรงพลังที่สุดหายตัวไป ข่าวน่ากลัวที่สุดว่าจักรพรรดิวิหคเพลิงกำลังเข้าสู่การทลายสวรรค์ครั้งที่สามพลันรั่วไหลออกมา ซึ่งเปิดให้สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่วิกฤติที่คาดไม่ถึง!

แม้กระนั้นสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังแข็งแกร่งพอจะต่อสู้กับพันธมิตรเซียน และไม่ได้หวาดกลัวดินแดนฟ้ากระจ่าง นอกจากนี้ด้วยเหตุผลอีกหลายอย่าง ฝั่งฟ้ากระจ่างก็ทำได้เพียงช่วยเหลืออย่างลับๆเท่านั้น ถึงพวกเขาจะก้าวออกมาเผชิญหน้า สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้สี่สมบัติศักดิ์สิทธิ์และเข้าต่อสู้ได้

อย่างไรก็ตามในช่วงจุดวิกฤติที่สุดของการต่อสู้ระหว่าสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์และพันธมิตรเซียน เกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนสวรรค์ขึ้นจนทำให้ในที่สุดสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จึงเสื่อมโทรมลง!

จักรพรรดิเต่าดำ สามศิษย์หลักของเขาและผู้คนในสำนักส่วนใหญ่ทรยศสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์! ไม่เพียงแค่นี้ แต่ระหว่างการทรยศ เขากลับลอบโจมตีจักรพรรดิวิหคเพลิงอีกด้วย แม้จะล้มเหลวแต่ก็ทำให้ทลายสวรรค์ครั้งที่สามซึ่งจักรพรรดิวิหคเพลิงกำลังระงับเอาไว้พลันปะทุขึ้นมา

เรื่องแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อต่อสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ผู้ซึ่งอาศัยการสืบทอดทางสายเลือดอย่างสิ้นเชิง การทรยศของจักรพรรดิเต่าดำและคนส่วนใหญ่ของสำนักได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสงครามนี้จนเหนือจินตนาการ

เดิมทีด้วยการหายตัวไปของจักรพรรดิมังกรฟ้า สี่สมบัติศักดิ์สิทธิ์โบราณสูญเสียพลังอำนาจไปมากมาย ตอนนี้จักรพรรดิเต่าดำมาทรยศสำนักอีก พลังของสี่สมบัติศักดิ์สิทธิ์จึงยิ่งอ่อนแอกว่าเดิม

แม้กระทั่งตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าทำไมจักรพรรดิเต่าดำผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่จักรพรรดิ ทำไมถึงทรยศสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ เรื่องทั้งหมดยังเป็นปริศนารอวันแก้ไข

การทรยศของจักรพรรดิเต่าดำได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พันธมิตรเซียน การรบครั้งนั้นสั่นสะเทือนทั้งดาราจักรและทิ้งร่างศพไว้ทุกที่

อย่างไรก็ตามพันธมิตรเซียนยังประเมินสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ต่ำไป หลังการทรยศ จักรพรรดิวิหคเพลิงเสี่ยงล้มเหลวการทลายสวรรค์ครั้งที่สาม ทะเลเพลิงเต็มไปทั่วดวงดาว เขาแยกร่างอวตารออกไปสิบร่างและทำการตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง

การต่อสู้ครั้งนี้คือโศกนาฏกรรม เซียนน้อยคนที่มีชีวิตรอดครั้งนั้นได้จะตัวสั่นทุกครั้งที่นึกถึง

ท้ายที่สุดสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ก็พ่ายแพ้ ดินแดนฟ้ากระจ่ายทำลายสัญญาที่ทำเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้จากนั้นจึงเข้าร่วมอย่างเปิดเผย เจตนาเดิมคือกวาดล้างสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ออกไปให้หมด

อย่างไรก็ตามพวกเขาประเมินสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ต่ำไป จักรพรรดิวิหคเพลิงสูญเสียร่างอวตารไปแปดตน ร่างทั้งเดิมแทบพังทลาย ทิ้งไว้แต่เพียงร่องรอยแห่งอำนาจ

สำนักมังกรฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก สมาชิกทุกสิบคนจะมีเหลือรอดเพียงหนึ่งไม่ก็สองคนเท่านั้น! ส่วนสำนักเต่าดำศักดิ์สิทธิ์แทบพังทลายเกือบหมด!

จักรพรรดิพยัคฆ์ขาวสังหารผู้อาวุโสกลุ่มแรกของพันธมิตรเซียนไปมากมายและอีกหลายคนจากดินแดนฟ้ากระจ่าง กระทั่งในท้ายสุดตอนที่เขาตาย ร่างกายไม่พังทลายแต่ก็ยังยืนอยู่ที่นั่นขัดขวางกองทัพของพันธมิตรเซียน จิตสังหารมหึมาที่เขาปล่อยออกมาได้ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงและทำให้ไม่มีใครกล้าก้าวเดินต่อ

สงครามอันน่าเศร้าจบลงตรงนี้และคงบอกได้ว่าทั้งสองฝ่ายเสียหายอย่างมหาศาล สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์พ่ายแพ้แต่ความแข็งแกร่งของพันธมิตรเซียนก็ยังได้รับความเสียหายมาก แม้กระทั่งดินแดนฟ้ากระจ่างยังต้องหยุดแผนกวาดล้างสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากทำต่อ แต่ถ้าหากดำเนินต่อไป ราคาแห่งชัยชนะไม่ใช่สิ่งที่พันธมิตรเซียนหรือดินแดนฟ้ากระจ่างจะทนรับได้

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าสี่สมบัติศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถแบ่งแยกสวรรค์ได้ หากพวกเขาบังคับสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ให้จนมุมจนหมดหวัง สำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์สามารถสังเวยทั้งสำนักเพื่อพาพวกเขาลงไปด้วยได้ง่ายๆ

ตั้งแต่นั้นสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในหมื่นปีที่ผ่านมาพวกเขาแทบไม่เคยปรากฏขึ้นเลย และถึงแม้จะทำก็แค่ครอบครองดาวเล็กๆไม่กี่ดวง ในอีกทางหนึ่งพวกเขาก็เชื่อมกับพันธมิตรเซียนด้วย ดาวซูซาคุเองถือเป็นตัวอย่างที่ดี

ทว่าการปรากฏตัวของวิหคเพลลิงขนาดนับแสนลี้ท่ามกลางดวงดาวจึงเป็นสัญญาณที่เห็นชัดว่าสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์จะเปล่งประกายในดาราจักรนี้อีกครั้ง!

ระหว่างทางแม้แต่อุกกาบาตที่ผ่านมายังถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน เหล่าพันธมิตรเซียนหลายคนตกตะลึงและเริ่มคาดเดา

แม้กระทั่งฝ่ายทุกชั้นฟ้ายังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของวิหคเพลิง ตอนที่ปรมาจารย์จงเฉินได้ยินข่าวนี้เขาจึงเริ่มหัวเราะทันที

สงครามที่ฝ่ายทุกชั้นฟ้าวางเอาไว้ได้เริ่มขยายขนาดออกไปอีก พวกเขาใช้เขตเหนือเป็นฐานและกวาดล้างออกไป

ยิ่งเซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้าเข้ามามากขึ้น เซียนเกือบทั้งหมดในฝ่ายทุกชั้นฟ้าจะโจมตีใส่พันธมิตรเซียนด้วยกำลังเต็มพิกัด!

หวังหลินไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้ ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในหลุม หลับตาบ่มเพาะ นำวิญญาณดั้งเดิมออกมากลืนกิน โชคดีที่เขามีวิญญาณดั้งเดิมในกระเป๋าเพียงพอ

พลังดั้งเดิมในร่างกายโคจรเร็วขึ้นและเร็วขึ้น กลิ่นอายทรงพลังล้อมรอบร่างกายและกวาดไปทั่วพื้นที่ดุจพายุ

ถ้ำที่เขาอยู่ไม่ได้ใหญ่นัก ภายในพายุปรากฏรอยร้าวขึ้นมานับไม่ถ้วน เศษดินเศษหินตกหล่นลงมาจากผนัง แต่หวังหลินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขามาถึงจุดวิกฤติการทะลวงผ่านแล้ว

ก่อนที่จะมีเศษก้อนกรวดใดตกใส่เขา พลันเกิดแสงสีเงินกระพริบวาบ ร่างศพเงินสลายพวกมันทั้งหมด

พลังดั้งเดิมไร้ที่สิ้นสุดโผล่ออกมาจากเหล่าดวงวิญญาณที่หวังหลินกลืนกินไป พลังดั้งเดิมรวมกันอยู่ในวิญญาณหวังหลินอย่างบ้าคลั่ง หากเป็นก่อนที่วิหคเพลิงจะตื่นขึ้น พลังดั้งเดิมเขาคงไม่มีเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์และคงทะลวงผ่านไปเรียบร้อย

ทว่าพลังดั้งเดิมหวังหลินมีเปลวเพลิงอยู่ด้วย ดังนั้นพลังดั้งเดิมที่กลืนกินไปจึงต้องเปลี่ยนแปลง ถูกหล่อหลอมข้างในวิญญาณดั้งเดิม

แม้จะมีปัญหามากขึ้นแต่เมื่อมันสำเร็จ ความแข็งแกร่งหวังหลินจะเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่าตัว

พลังดั้งเดิมจำนวนมากเปลี่ยนให้บรรจุเปลวเพลิงทรงพลัง ทำให้นร่างหวังหลินปลดปล่อยความร้อจำนวนมากออกมายามที่โคจรพลังผ่านร่างกาย ด้านข้างถ้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงและพังทลาย ราวกับก้อนหินพวกนี้ถูกฝังไว้ในภูเขาไฟเป็นเวลานานและมีความร้อนสูงสุด

ร่างศพเงินขมวดคิ้วแต่นางไม่ได้เคลื่อนไหวออกไปแม้เพียงครึ่งก้าว

ขณะที่กลิ่นอายหวังหลินเติบโตรุนแรงขึ้นและรุนแรงมากขึ้น พายุพลังดั้งเดิมจากร่างกายก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก เสียงดังคะนองสั่นสะเทือนถ้ำและทำให้เกิดการพังทลายแพร่กระจายออกไป

พื้นดินที่หวังหลินนั่งอยู่พลันแตกร้าว พื้นดินหลุดออกและหวังหลินตกลงไป พายุรอบตัวเขาสลัดก้อนกรวดทั้งตกลงมาทั้งหมด ตอนนี้พายุของหวังหลินเป็นเหมือนสว่านที่กำลังเจาะลงไป

ร่างศพเงินตามหลังหวังหลินเป็นลำแสงสีเงิน ความร้อนสูงไหลเข้าไปในใบหน้านางทำให้ใบหน้าซีดเผือดกลายเป็นสีแดงขึ้นเล็กน้อย นางจ้องหวังหลินไม่กระพริบตา

ร่างหวังหลินตกลงไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นพลันลืมตาขึ้น ลำแสงเปลวเพลิงสองสายพุ่งออกมาจากดวงตา พายุรอบตัวถึงระดับสูงสุดและกวาดผ่านพื้นที่ จากนั้นกลิ่นอายของเซียนขั้นส่องสวรรค์ขั้นปลายจึงแพร่กระจายออกมา

กลิ่นอายทรงพลังทำให้เขารู้สึกราวกับควบคุมโลกได้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าสามารถทำลายโลกได้เพียงแค่วิชาเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นได้เปลี่ยนไป ทุกอย่างเบื้องหน้าคล้ายจะถูกสร้างขึ้นจากเส้นด้าย

เป็นสายตาแห่งกฏ!

หลังการบรรลุขั้นสอง คนผู้นั้นต้องส่องดูกฏ เมื่อมาถึงจุดหนึ่งก็จะสามารถบรรลุขั้นสูงสุดของส่องสวรรค์ได้

‘ข้าทะลวงผ่านแล้ว!’ หวังหลินสูดหายใจลึก แค่การบรรลุส่องสวรรค์ระดับปลายยังไม่เพียงพอ หลังจากเขตแดนพัฒนาและบรรลุส่องสวรรค์ระดับปลาย เขารู้สึกว่ายังมีช่องว่างอยู่ แค่ต้องใช้พลังดั้งเดิมให้มาพอจึงจะบรรลุระดับสูงสุดของส่องสวรรค์ระดับปลายได้!

ดวงตาหวังหลินส่องประกาย เขาไม่มีเวลาตรวจสอบตัวเอง ดังนั้นจึงกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมทั้งหมดเข้าไป ตอนนี้พลังของขั้นส่องสวรรค์ระดับปลายได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้มีเปลวเพลิงและทรงพลังมากขึ้น

พลังดั้งเดิมในร่างหวังหลินเปลี่ยนแปลงต่อไป อุณหภูมิในร่างค่อยๆเพิ่มขึ้น รอยสักวิหคเพลิงพุ่งออกมาจากร่างและหมุนวนรอบตัวเขา

เสียงร้องวิหคเพลิงดังกึกก้อง หวังหลินดวงตาสอ่งสว่างและเริ่มขมวดคิ้ว

‘อีกนิดเดียว…’

หวังหลินขบคิด ร่างกายกระพริบวูบวาบและร่างอวตารเดินออกมา ตอนนี้มีหวังหลินสองคน ร่างดั่งเดิมนั่งลงและเนื่องจากแยกออกมาจากร่างอวตาร จิตสังหารมหึมาจึงเต็มไปทั่วบริเวณ

ร่างอวตารมีใบหน้าสงบนิ่ง หลังจากออกมาจากร่างดั้งเดิม เขาก็ก้าวเท้าออกไปนอกถ้ำ ลอยตัวอยู่กลางอากาศ วิหคเพลิงบินอยู่เหนือเขาอย่างรวดเร็ว หวังหลินสูดหายใจลึก พลังดั้งเดิมในร่างโคจรขีดสุด ก้อนเปลวเพลิงในตาซ้ายส่องสว่างขึ้น ตาขวามีก้อนสายฟ้าสีคราม

จากนั้นวิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาจากระหว่างคิ้ว มังกรสายฟ้าโบราณร้องคำรามควบคุมสายฟ้าทั้งหมดเข้ามาในหลุม

วินาทีนี้หวังหลินจึงเห็นโลกเปลี่ยนไปมหาศาล