ตอนที่ 169 การประชุม หลัวเฟิง

“จะเป็นไปได้ยังไง?”

หัวหน้าทั้งสามคนไม่สามารถเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็นได้

“ดูข้อมูลของเขา” ชายร่างผอมตะโกน สี่ผู้ยิ่งใหญ่ของ สำนักขีดสุด จ้องเขม็ง

“ID ของเขาคือ 426123203806083211” ประธาน กล่าวต่อ “เขาเกิดเมื่อวันที่ 6/8/2038 นั้น หมายความว่า เขาอายุเพียง 19 ปี ในปีนี้! ผู้

ตรวจสอบอายุ 19 ปี?”

“อายุ 19 ปี?”

ประธานโจว เซียงหยาง จู่เก่อเท่า และคนอื่นๆ ต่างพูดคุยกัน หลังจากนั้นทุกคนก็เงียบไป

หากเห็นชื่อ หลัวเฟิง เจียงหนาน เมืองหยางโจว อาจเกิดข้อสงสัยว่าเป็นเพียงแค่คนที่มีชื่อเหมือนกัน แต่ทุกอย่างชัดเจนขึ้น หลังจากที่พวกเขาเห็นหมายเลขประจำตัวแล้ว! เนื่องจากทุกคนมีหมายเลขประจำตัวของตัวเอง แต่คำสั่งตั้งนี้มาจาก สำนักขีดสุด สำนักงานใหญ่ของโลก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ไม่มีทางที่พวกเขาตั้งใจเขียนชื่อคนผิด!

“เป็นหลัวเฟิงจริงๆ”

“ใช่เขาจริงๆ ด้วย”

ประธานและหัวหน้าทั้งสามคนต่างอารมณ์แปรปรวน จู่เก่อเท่ามี

ความสุขซ่อนอยู่ในใจของเขาตอนนี้ เมื่อเขารู้เรื่องพรสวรรค์ของหลัวเฟิง จู่เก่อเท่าช่วยหลัวเฟิงเล็กน้อย เดิมทีเขาต้องการสร้างบุญคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ใครจะคิดว่าในเวลาเพียงหนึ่งปี หลัวเฟิงจะกลายเป็นหัวหน้าของเขา!

“เขาอายุแค่ 19 ปี เขากลายเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมว่า….” ชายร่างผอมรู้สึกสับสน

จู่เก่อเท่าหัวเราะ “หยุดคิดถึงเรื่องนี้ มันไม่มีปัญหากับคำสั่งแต่งตั้ง

แน่นอน”

“ตอนนี้ มันเป็นเรื่องลำบากใจ ” ชายร่างใหญ่ขมวดคิ้ว ” ผู้ตรวจสอบ

คนใหม่มีอายุเพียง 19 ปี เท่านั้น เขาอายุยังน้อย เขาอาจไม่ใช่คนที่ชอบอยู่นิ่งๆ วัยรุ่นมักจะอารมณ์ร้าย! บางทีเราอาจจะถูกไล่ออก เพราะความโกรธของเขา ถ้าเราบังเอิญทำอะไรไม่ถูกใจ”

คนวัยหนุ่มสาวมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ เมื่อเทียบกับผู้สูงอายุ

“อื่ม” คนอื่นๆ รวมทั้งจู่เก่อเท่าพยักหน้า

“อย่ากังวลมากเกินไป” โจว เซียงหยาง “คนหนุ่มที่มีอารมณ์ร้อนแรง

อาจจะทำอะไรรุนแรงไปบ้าง แต่…คนหนุ่มสาวยังไม่โตเต็มที่ ถ้าเรา

แค่ชมเชยเขาสักนิด เขาก็จะมีความสุข พวกเราต่างมีประสบการณ์

มากมาย ดังนั้นพยายามทำให้เขามีความสุข ”

หัวหน้าอีกสามคนพยักหน้า

“ทุกคนจดจำไว้ว่า เขาคือหลัวเฟิงจากเมืองเจียงหนาน” ท่าทางของ โจว เซียงหยาง ดูจริงจัง ในขณะที่เขากล่าวหนักแน่นว่า “ตามกฎแล้วตำแหน่งนี้ให้ความปลอดภัยกับชาวเมือง! และนี่คือ หลัวเฟิง เทพสงครามขั้นสูงระดับอยู่ยงคงกระพัน และเขาเป็นชาวเมืองหยางโจว ดังนั้นหลังจากที่เขากลายเป็นผู้ตรวจสอบ เขาจะกลับมารับตำแหน่งที่นี่”

หัวหน้าอีกสามคนเข้าใจ แม้ว่าผู้ตรวจสอบคนใหม่จะปรากฏตัวที่

สำนักงานใหญ่…พวกเขาก็จะไม่ถูกส่งมาที่เมืองเจียงหนาน เนื่องจาก

หลัวเฟิงประจำอยู่ที่เมืองเจียงหนานแห่งนี้แล้ว ดังนั้นจะไม่มีใครย้ายเขาออกไป?

“ถ้าหลัวเฟิงมีความก้าวหน้าและแข็งแกร่งขึ้น เขาอาจจะอยู่ในตำแหน่งนี้เพียงไม่กี่ปี ”

“และเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจะกลายเป็นผู้ดำรงอยู่เหนือระดับที่ใหญ่ที่สุด ผู้ตรวจการณ์! ตำแหน่งของเขาจะยิ่งสูงขึ้น และสามารถสั่งปลดผมที่เป็นประธานได้เพียงคำพูดเดียว ดังนั้นเราจึงต้องทำให้เขามีความสุขที่สุด” โจว เซียงหยาง กล่าวอย่างจริงจัง

ไม่ว่าหลัวเฟิงจะเป็นคนก้าวร้าวหรือไม่ก็ตาม ขณะนี้เขาจะอยู่เหนือพวกเขาเสมอ และ หลัวเฟิงเป็นคนท้องถิ่น เขาอาจจะอยู่ในเมืองเจียงหนานตลอดไป นั้นทำให้พวกเขาต้องพยายามทำให้หลัวเฟิงมีความสุข

“ไม่ต้องห่วง ประธาน”

“พวกเราเข้าใจ”

“พวกเราล้วนรู้ว่าต้องทำอย่างไร ” หัวหน้าทั้งสามกล่าว

“ดีมาก” โจว เซียงหยาง พยักหน้า “ผมจะติดต่อไปยังเขตหมิงเย่า”

“สวัสดี” โจว เซียงหยาง หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก “เว่ยเทอ่อง หลัวเฟิงจากเขตของคุณ……….”

“อะไรนะ” ขณะที่ โจว เซียงหยาง ได้ฟังคำบอกเล่าของเว่ยเทอ่อง

ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป จู่เก่อเท่าและคนอื่นๆ ฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาเกือบจะได้ยินคำว่า ‘เครื่องบินรบ’ และ ‘หลัวเฟิง’

หลังจากผ่านไปสักครู่การโทรก็สิ้นสุดลง

“เกิดอะไรขึ้น ประธาน?” ทั้งสามคนมองโจว เซียงหยาง

ประธาน โจว เซียงหยาง ยิ้มออกมา “หลัวเฟิงเพิ่งมาถึงเขตหมิงเย่าด้วยเครื่องบินเจ็ททรงสามเหลี่ยม และหลัวเฟิงบอกว่า…เขาซื้อเครื่องบินเจ็ทด้วยตัวเอง!”

“เขาซื้อมัน? เขาเพิ่งจะกลายเป็นผู้ตรวจสอบ แล้วเขาสามารถจ่ายเงินซื้อมันได้อย่างไร” ชายร่างใหญ่อดสงสัยไม่ได้

“ใครสนใจ ว่าเขาซื้อมาได้อย่างไร” ใบหน้าของ โจว เซียงหยาง ซีดลงขณะที่เขาตะโกนว่า “พี่หวัง คุณต้องท่องจำไว้ ตั้งแต่ตอนนี้ไป หลัวเฟิงเป็นผู้ตรวจสอบ เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดใน สำนักขีดสุด ของเมืองเจียงหนาน! แล้วดูสิ่งที่คุณพูดสิ หยุดพูดว่าเขา เขา เขา หยุดสงสัยเขาได้แล้ว ถ้าคุณทำให้หลัวเฟิงไม่พอใจ เพียงเขาพูดคำเดียว นั้นจะทำให้คุณหลุดจากตำแหน่งได้”

ชายร่ายใหญ่รู้สึกตกใจ เขาหัวเราะ “ประธานผม ยังไม่ได้ทบทวนเรื่องนี้”

“เรายังไม่รู้ว่า หลัวเฟิงเป็นคนยังไง ดังนั้นพยายามสังเกตอารมณ์ของเขาด้วยตัวเอง” โจว เซียงหยาง สั่ง “ทุกคนเตรียมตัว อีก 20 นาที เราจะนั่งเครื่องบินไปพบผู้ตรวจสอบในเมืองหยางโจว”

“ตกลง”

หัวหน้าทั้งสามตอบ

…………

เขตหมิงเย่า เมืองหยางโจว ซึ่งเป็นบ้านของหลัวเฟิง

ครอบครัวของหลัวเฟิงกำลังรับประทานอาหารเช้าอย่างมีความสุข พวกเขานั่งรอบโต๊ะอาหาร อย่างไรก็ตาม ภาพที่มีชีวิตชีวาเปลี่ยนไปเนื่องจากคำพูดเพียงคำเดียวจากหลัวฮว๋า

“พี่ พี่บอกว่า พี่ไม่ต้องออกไปข้างนอกอีกต่อไป มันเกิดอะไรขึ้น?” หลัวฮว๋ากล่าว

“สำนักงานใหญ่ของสำนักขีดสุด แต่งตั้งให้พี่เป็นผู้ตรวจสอบประจำ

สำนักขีดสุด ที่เมืองเจียงหนานแห่งนี้” คำพูดของหลัวเฟิง ทำให้พ่อแม่และน้องชายของเขาเงียบไป พ่อ ไม่ค่อยรู้เรื่องตำแหน่งมากนัก เขาถาม “ฮ่า ฮ่า ตำแหน่งผู้ตรวจสอบ ดูเหมือนจะใหญ่โต มันใหญ่แค่ไหนกัน?”

แม้แต่แม่ก็อยากรู้เช่นกัน

ในเมืองที่พวกเขาอยู่ ตำแหน่งที่พวกเขาได้ยินบ่อยที่สุดคือ ประธานและหัวหน้าทั้งสามคน

สำหรับผู้ตรวจสอบ พวกเขาทุกคนแทบจะไม่เคยได้ยินคนพูดถึงมาก่อน

“พ่อ แม่” หลัวฮว๋าเพิ่งฟื้นตัวจากอาการตกใจ ขณะที่เขาตื่นเต้นมาก เขากล่าวว่า “เป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่มาก มีอำนาจมากกว่าประธาน! ในเมืองเจียงหนานทั้งหมดใน สำนักขีดสุด ต้องนับว่าเขาคือหมายเลข 1!”

“ใหญ่กว่าประธานหรือไม่?” พ่อและแม่ยังคงสงสัย

พวกเขายังคงไม่เข้าใจ พวกเขารู้แต่ว่าการเป็นประธานของ สำนักขีดสุดของเมืองเจียงหนานต้องเป็นผู้ที่มีอำนาจมากมาย การเป็นประธาน คุณจะต้องเป็นคนแข็งแกร่ง ! นอกจากนี้คุณยังต้องมีความสัมพันธ์กับผู้คนมากมาย เพื่อให้สามารถเข้ามาสู่จุดนี้

และลูกชายของเราหรือ? มีอำนาจมากกว่าบุคคลดังกล่าวหรือไม่?

“เฟิง?” พ่อและแม่ต่างมองไปยังหลัวเฟิง

“ใช่แล้ว” หลัวเฟิงพยักหน้า

“เครื่องบินเจ็ทที่ผมนำกลับมาในวันนี้” หลัวเฟิงกล่าว “มันมีราคา

ประมาณ 1 แสนล้านเหรียญ และแม้ว่าจะมีเงินก็ยังไม่สามารถซื้อได้”

เพื่อช่วยให้พ่อแม่ของเขาเข้าใจถึงอำนาจหน้าที่ในปัจจุบันของเขาหลัวเฟิงบอกพวกเขาว่า ราคาเครื่องบินเจ็ทของเขา อันที่จริง เงินไม่เพียงพอที่จะซื้อเครื่องบินเจ็ทระบบอัตโนมัติระดับนี้!

ตัวอย่างเช่น สำนักขีดสุดและพันธมิตร HR ไม่ได้ขายเครื่องบินเจ็ท

ระบบอัตโนมัติ! ราคาพิเศษที่ลดสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับสูงของ สำนักขีดสุด เช่น ผู้ตรวจสอบยังคงมีมูลค่าถึง 1.8 แสนล้าน

หากประเทศหรือกลุ่มอำนาจอื่นๆ ต้องการซื้อ สำนักขีดสุด จะไม่ขายในราคาที่ต่ำกว่า 2 แสนล้าน! โปรดจำ ไว้ว่า ‘เจ็ตอัตโนมัติ’ เหล่านี้… มีเพียงแค่ สำนักขีดสุด เท่านั้นที่สามารถผลิตได้

“มากกว่า 1 แสนล้าน?” พ่อและแม่รู้สึกตกใจอีกครั้ง

แพงมหาศาล!

คนร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนมีเงินเท่าไหร่? โปรดจำไว้ว่าเงินรางวัล

ค่าหัวมูลค่า 1 แสนล้านของเวนีน่า ทำให้นักสู้จำนวนนับไม่ถ้วนในโลกนี้ต่างคลุ้มคลั่ง แม้กระทั่งคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน ยังต้องตกตะลึงกับเงินจำนวน 1 แสนล้าน และสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่าอย่างพ่อและแม่ของหลัวเฟิง เงินจำนวน 1 แสนล้าน…

จำนวนที่มากมายมหาศาล!

แม้แต่เทพสงครามที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถซื้อสิ่งนี้ได้! หลัวเฟิงได้รับโชคจากการค้นพบจิตวิญญาณธรรมชาติในเกาะหมอก ไม่เช่นนั้น เขาก็ยังคงไม่มีความสามารถที่จะซื้อมันได้

“โอ้”

พ่อและแม่กะพริบตาสองสามครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะตั้งสติได้

“โอ้ ลูกมีอำนาจมากแค่ไหน? และมีเงินเท่าไหร่ ” พ่อถามคำถามที่คนทั่วไปอยากรู้

อำนาจและเงิน?

“มีอำนาจ? ผมจะบอกยังไงดี…” หลัวเฟิงไม่รู้ว่าจะอธิบาย พลังของนักสู้ในขั้นต่าง ๆอย่างไร! พวกเขามีอำนาจที่น่าอัศจรรย์จนคนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้ และสำหรับเงิน….สำหรับคนที่มีกระสวยทะยานฟ้าเช่น หลัวเฟิง การล่าสัตว์ประหลาดระดับผู้นำจะเป็นเรื่องง่ายมาก

สัตว์ประหลาดระดับผู้นำเป็นเครื่องทำเงินของเขา

ปัญหาเดียวคือ…ว่าเขาไม่สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับผู้นำกลุ่ม ในเขต

เดียวกันจำนวนมากเกินไป มิฉะนั้นสัตว์ประหลาดระดับจักรพรรดิอาจจะเข้ามาสร้างปัญหาได้

“อย่าถามเรื่องแบบนี้ คนแก่แบบคุณ สามารถใช้เงินได้ถึง 1 แสนล้าน

ไหม?” แม่ตะโกนและหัวเราะ

“เฟิง” แม่พูดอย่างจริงจัง “แม่มีบางอย่างที่อยากให้ลูกช่วย…”

“แม่ ถ้าแม่มีอะไร แม่ก็บอกได้เต็มที่” หลัวเฟิงรีบตอบ

แม่ถอนหายใจ “ในตอนที่ แม่และพ่อของเจ้าอยู่ในยุคมหานิพพานนั้น พวกเรายังเด็ก ในช่วงเวลาที่อยู่ในยุคมหานิพพาน มีผู้คนจำนวนมากมายต้องตายไป ในเวลานั้นแม่และพ่อต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า” แม่ของเขาพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปี ก่อน

ช่วงยุคมหานิพพาน!

คือเวลาที่เศร้าที่สุดของมนุษยชาติ! ทุกเมืองของมนุษย์ถูกโจมตีและทั้งประเทศถูกกำจัดเกือบจะสิ้นซาก!

“แม่มีลูกพี่ลูกน้องมากมาย…” แม่และพ่อของเขา เกิดมาในขณะที่

นโยบายลูกคนเดียวยังคงมีผลอยู่ ดังนั้นทั้งสองคนจึงเป็นลูกคนเดียว!

อย่างไรก็ตามพ่อแม่ของพวกเขามีพี่น้องกันหลายคน ซึ่งทำให้พวกเขามีญาติหลายคน

“เมื่อพวกเราหนีไป เราไม่สามารถห่วงเรื่องอื่นได้ ใครจะมีเวลาตามหาญาติพี่น้อง” แม่ส่ายหัวขณะที่เธอถอนหายใจ “และระยะเวลาในยุค

หายนะ มีแต่ความสับสนวุ่นวายที่ไม่คาดฝัน บ้านช่องพังพินาศ และ

เอกสารต่างๆ ล้วนสูญหายไป มีหลายๆ คนที่สูญเสียพ่อแม่ของพวก

เขาและกลายเป็นเด็กกำพร้า แม่และพ่อต่างลงทะเบียนด้วยตัวเอง”

“มันเป็นช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวายเกินไป”

“เมื่อมีการสร้างเมืองใหญ่ และการบูรณะประเทศ ทำให้ทุกอย่างคงที่

มันผ่านมานับ 10 ปี แล้ว แม่และพ่ออาศัยอยู่ในบ้านเช่า ดังนั้นเราไม่มีเวลาและเงินที่จะใช้ค้นหาญาติของเรา”

หลังจากที่กลายเป็นเด็กกำพร้า ความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อญาติของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น

พ่อและแม่ต้องการค้นหาญาติของพวกเขาเสมอ พวกเขามีญาติหลายคน ดังนั้นบางคนก็ยังคงมีชีวิตอยู่…แต่อย่างไรก็ตามหากไม่มีอำนาจพอ พวกเขาไม่มีทางที่จะค้นหาพบ!

“พ่อ แม่”

“อย่ากังวล ผมจะค้นหาญาติของเราทั้งหมด” นี่เป็นสิ่งแรกที่เขาจะทำ

ในฐานะผู้ตรวจสอบ และเขาจะทำเพื่อพ่อและแม่ของเขา