Skip to content

King of Gods 5

King Of Gods

บทที่ 5 : เลือกวิชา(1)

หอตำรานับเป็นพื้นที่สำคัญของพรรค มันเป็นสถานที่รวบรวมวิชาต่อสู้หลากหลายที่เก็บรวบรวมมานับร้อยปี มันถูกใช้ในการช่วยเหลือชนรุ่นหลัง เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลได้

โดยปกติแล้ว จำนวนศิษย์ของพรรคและจำนวนวิชาที่พรรคครอบครองเป็นสิ่งที่ประเมินความแข็งแกร่งของพรรค จ้าวเฟิงจำได้ว่าที่หมู่บ้านใบไม้เขียวนั้น ตระกูลจ้าวที่นั่นไม่มีกระทั่งหอตำราเสียด้วยซ้ำ

หอตำราถูกแบ่งออกเป็นสามชั้น

ในชั้นแรกเป็นที่เก็บตำราวิชาจำนวนมหาศาล แต่วิชาเหล่านั้นส่วนมากเป็นเพียงวิชาระดับต่ำ มีวิชาระดับกลางปะปนอยู่บ้าง

ชั้นสองนั้นนับเป็นความลับของพรรคและวิชาที่สืบทอดกันมาภายในตระกูล ส่วนมากเป็นวิชาระดับสูง และมีกระทั่งวิชาระดับสุดยอดด้วย!

ทว่าเพื่อที่จะเข้าไปยังชั้นสองได้นั้นต้องมีระดับขั้นสี่แห่งผู้ฝึกตนเป็นอย่างน้อย และสำหรับชั้นสามนั้นเป็นเพียงข่าวลือ เมื่อมันไม่เคยถูกเปิดขึ้นเลยสักครั้ง…

ทว่า สำหรับจ้าวเฟิงนั้น ชั้นสองและชั้นสามนับว่ายังห่างไกล กระทั่งแค่ชั้นแรกของหอตำราก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างมาแล้ว

เขาไม่มีฐานใดๆ ในพรรคเลยแม้แต่น้อย และสำหรับผู้ที่ไม่มีทั้งฐานในพรรคหรือพรสวรรค์ที่โดดเด่นย่อมไม่สามารถเข้าถึงวิชาระดับสูงกว่านี้ได้ หมัดเหล็กเพลิงที่เขามีอยู่นั้นนับเป็นเพียงวิชาระดับพื้นฐาน อ่อนแอกว่าวิชาระดับต่ำเสียอีก

ทว่าหลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นสองแห่งผู้ฝึกตนได้แล้ว เขาก็มีสิทธิที่จะเข้าสู่ชั้นแรกของหอตำราและเลือกวิชาได้

“พรรคจ้าว มิน่าแปลกใจที่นับเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองประกายอรุณ เหนือกว่าตระกูลนับร้อย” จ้าวเฟิงก้าวเข้าไปภายใน ลมหายใจของเด็กหนุ่มถี่รัวขึ้น

ในชั้นแรกนั้น เขาเห็นศิษย์พรรคจ้าวจำนวนหนึ่ง แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้เวลาของพวกเขาในการเลือกวิชาของตน

ตามกฎนั้น ผู้ที่เข้าไปยังหอตำรามีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการเลือก ดังนั้นแล้วทุกคนที่เข้ามายังหอตำราจึงไม่ยอมเสียเวลาใดๆ

“ข้ามีเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงและต้องเลือกวิชาระดับกลางหนึ่งวิชา หรือวิชาระดับต่ำสองวิชา” จ้าวเฟิงสูดหายใจลึก และเริ่มกวาดตามองชั้นหนังสืออย่างรวดเร็ว

ชั้นแรกของหอตำรานั้นมีหนังสือนับพัน และทุกเล่มล้วนหนาราวครึ่งนิ้ว การหาตำราวิชาเพียงหนึ่งหรือสองจากหนังสือจำนวนมากมายนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

“ฝ่ามือทลายหิน หมัดมังกรคลั่ง เพลงดาบใบไม้ไหว ท่าเท้าสายลม…”วิชาที่หลากหลายทำให้ดวงตาของจ้าวเฟิงเปล่งประกายหลากสีสัน

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

เด็กหนุ่มรีบพลิกหน้าตำราไปยังหน้าแรก ตำราวิชาเหล่านี้มักจะมีบทย่ออยู่ที่หน้าแรก

เพลงดาบวายุคลั่ง คมดาบว่องไวราวกับสายลม รุนแรงราวสายฟ้า ใช้ความรวดเร็วในการเอาชนะ คุณสมบัติในการฝึกฝน: ขั้นหนึ่งแห่งผู้ฝึกตน ความยากในการฝึก: ธรรมดา ระดับ: ต่ำ

หมัดมังกรคลั่งสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย สามารถใช้พลังทั้งหมดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว คุณสมบัติในการฝึกฝน: ขั้นสองแห่งผู้ฝึกตน ความยากในการฝึก: ค่อนข้างยาก ระดับ: ขั้นสูงของระดับกลาง

ท่าเท้าสายลม ท่าร่างระยะประชิดซึ่งใช้ความเร็วในการเอาชนะ เมื่อฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ สามารถรับมือกับคนหลายคนได้พร้อมกัน คุณสมบัติในการฝึกฝน: ขั้นหนึ่งแห่งผู้ฝึกตน ความยากในการฝึก: ต้องใช้ความเข้าใจสูง ระดับ: กลาง

ทรายโลหะ เพิ่มพลังป้องกันให้กับร่างกาย เมื่อใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพสามารถรับมือกับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้ ผู้ที่ฝึกจนเข้าขั้นสูงสามารถใช้เพียงร่างกายสู้กับดาบและกระบี่ได้ คุณสมบัติในการฝึกฝน: ขั้นสองแห่งผู้ฝึกตน ความยากในการฝึก: ต้องใช้ความพยายามสูง ระดับ: กลาง

“วิชาในหอตำรานั้นแข็งแกร่งกว่าวิชาระดับพื้นฐานอย่างมาก เช่นที่คาดไว้…” จ้าวเฟิงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก และวิชาที่เขาอ่านไปนั้นส่วนมากเป็นวิชาระดับกลาง เพียงอ่านไปสิบกว่าเล่ม หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างตื่นเต้นอยู่หลายครั้ง

ทว่าหอตำรามีข้อจำกัด เขาสามารถเลือกวิชาระดับกลางได้เพียงหนึ่งเท่านั้น หากนำออกไปเพิ่มอีกสัก2-3เล่มได้คงดีนัก…

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจและคิดว่ามันช่างอยุติธรรมนัก

“ศิษย์ตระกูลสาขาเลือกวิชาระดับกลางได้เพียงหนึ่ง ในขณะที่ศิษย์ตระกูลหลักเลือกได้ถึงสอง”

เพื่อเพิ่มความเร็วในการเลือก จ้าวเฟิงจึงเริ่มใช้ดวงตาซ้ายของเขา ด้วยดวงตาซ้าย ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า…

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

นัยน์ตาซ้ายของเขาใช้ความเร็วอันน่าตะลึงในการอ่านตำราเหล่านั้น เพียงแค่มองครั้งเดียวเขาก็เข้าใจมันทั้งหมด เมื่ออ่านไปมากกว่า30เล่ม จ้าวเฟิงก็จดจำมันได้ทั้งหมดและเริ่มนำไปเปรียบเทียบกัน

เมื่อเขาอ่านไปมากกว่า50เล่ม เด็กหนุ่มจึงได้ตระหนักบางสิ่งขึ้นได้…

ไม่ถูกต้อง!

จ้าวเฟิงแข็งค้างไป เด็กหนุ่มนึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับรายละเอียดของตำราเล่มอื่น ในความทรงจำของเขา ทุกรายละเอียดในตำราเหล่านั้นปรากฎขึ้นและไม่มีความผิดพลาดแม้แต่คำเดียว

“นี่…” จ้าวเฟิงรับรู้ได้ถึงร่างกายที่สั่นสะท้านจากความตื่นเต้น หลังจากที่หลอมรวมกับดวงตาซ้ายของเขา ความสามารถในการจดจำของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สามารถกล่าวได้ว่าเขาลำบากเพียงมองครั้งเดียว และจะไม่ลืมเลือนมัน

โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้งานตาซ้ายของเขา ทุกรายละเอียดในหนังสือนั้นราวกับประทับลงในสมองของเขา เด็กหนุ่มไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้รับความสามารถ ‘ความทรงจำชั่วพริบตา’ มา

มีข่าวลือจำนวนมากเกี่ยวกับอัจฉริยะที่ทวีปบุปผาคราม และ ‘ความทรงจำชั่วพริบตา’ คือหนึ่งในความสามารถของพวกเขา…

ทว่า ‘ความทรงจำชั่วพริบตา’ ของคนส่วนมากนั้นคือการที่ความทรงจำของพวกเขาดีมาก เพียงแค่กวาดตาอ่านเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถจดจำได้ถึง 80-90% แต่เมื่อเทียบกับ ‘ความทรงจำชั่วพริบตา’ ของจ้าวเฟิงแล้ว เด็กหนุ่มนับว่าเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด อาจกล่าวได้ว่าเขาไม่มีทางลืมเลือน

ด้วยความสามารถนี้ ในหอตำราแห่งนี้ นั่นหมายความว่าจ้าวเฟิงสามารถนำวิชาออกไปได้อีก ‘เล็กน้อย’

“เร็วเข้า! เร็วอีก! เร็วขึ้นอีก!” ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเริ่มจดจำตำราให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

เด็กหนุ่มทุ่มความสนใจทั้งหมดลงไปในตำราเบื้องหน้าที่เขารีบลิกหน้ากระดาษทันทีที่อ่านจบ ตราบเท่าที่เนื้อหาถูกอ่านด้วยดวงตาซ้ายของเขา มันไม่สำคัญว่าจะเป็นตัวอักษรหรือรูปภาพ เขาสามารถจำมันได้ทั้งหมด

จ้าวเฟิงใช้เวลาเพียง20ลมหายใจในการจำตำราที่หนาถึง50หน้า

“ฮ่าฮ่าฮ่า… ไม่มีวันลืม! เยี่ยม!” เด็กหนุ่มรู้สึกดีอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ดูบ้าคลั่งในขณะที่เขาเปิดหน้าตำราอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ท่าทางของเขาทำให้ศิษย์คนอื่นต้องมองไป

“ข้าคิดว่าเจ้าเด็กนั่นต้องเสียสติไปแล้ว…”

“คงเป็นครั้งแรก และเขาอาจจะตื่นเต้นเกินไป…”

ศิษย์บางคนมองท่าทางของจ้าวเฟิงและส่ายศีรษะ

เวลาเดินไปอย่างรวดเร็ว…

3ใน4 ของเวลาครึ่งชั่วโมงได้ผ่านพ้นไป

ฮู่ว!

จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว เขารู้สึกเหนื่อย แต่มันก็ไม่อาจหยุดความตื่นเต้นของเขาได้

ในตอนนี้เขาได้ ‘ขโมย’ วิชาไปมากกว่า 100วิชาแล้ว

วิชาเหล่านี้ส่วนมากเป็นวิชาระดับกลาง มีทั้งวิชาหมัด วิชาฝ่ามือ วิชาดาบ วิธีกำหนดลมหายใจ ท่าเท้า วิชาป้องกัน และอื่นๆ อีกมาก เป็นเพราะจ้าวเฟิงใช้ดวงตาซ้ายอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมองของเขาล้า

ต่อจากนั้น ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเริ่มกวาดมองไปทั่วบริเวณและหยุดลงที่ตำราเก่าแก่เล่มหนึ่ง

สาเหตุที่ทำให้เขาหยุดสายตาลงที่ตำราเล่มนั้นเป็นเพราะมันดูแตกต่างจากตำราเล่มอื่น เด็กหนุ่มหยิบตำราเก่าแก่ขึ้น บนปกมีคำเพียงสามคำ นภาลอยล่อง

เด็กหนุ่มพลิกไปยังหน้าแรก

นภาลอยล่องเป็นวิชาระดับสูงที่สามารถทำให้ผู้ฝึกสามารถเคลื่อนไหวไปบนหิมะโดยไร้ซึ่งร่องรอยได้ สามารถเดินบนน้ำ และให้ความรู้สึกราวกับปักษา เมื่อฝึกฝนจนชำนาญเพียงพอผู้ฝึกจะสามารถกระโดดสองครั้งได้และทำได้กระทั่งบินได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ! คุณสมบัติในการฝึกฝน: ขั้นสองแห่งผู้ฝึกตน ความยากในการฝึก: ยากมาก ในขณะเดียวกันจะเพิ่มพลังภายใน เมื่อฝึกจนเข้าขั้นสูงจะทำให้ผู้ฝึกมีความรวดเร็วกว่าผู้ฝึกตนที่มีระดับต่ำกว่าขั้น7 ทั้งหมด

คราแรกนั้นจ้าวเฟิงคิดว่ามันเป็นเพียงท่าเท้าธรรมดา แต่หลังจากได้เห็นคำว่า ‘กระโดดสองครั้ง’ และ ‘เพิ่มพลังภายใน’ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย

‘การกระโดดสองครั้ง’ นั้นนับว่าเหนือกว่าข้อจำกัดของวิชาระดับกลาง กระทั่งวิชาระดับสูงบางวิชาก็ไม่อาจทำได้เช่นนั้น!

ในขณะเดียวกัน ‘พลังภายใน’ นั้นหมายความว่าวิชานี้เหมาะกับผู้ฝึกตนขั้น4หรือสูงกว่า

และที่ยอดเยี่ยมยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อฝึกฝนจนเข้าขั้นสูงจะมีความเร็วเหนือกว่าผู้ฝึกตนขั้น7และต่ำกว่า

“โอ้อวดอันใดเช่นนี้! กระทั่งวิชาระดับสุดยอดบางวิชายังมิมีความกล้าที่จะกล่าวเช่นนี้” ดวงตาของจ้าวเฟิงส่องประกายวาบ เด็กหนุ่มเริ่มอ่านรายละเอียดของวิชานภาลอยล่องโดยไร้ซึ่งความลังเล

ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังมีความสงสัยอยู่ในใจ เหตุใดวิชาที่แข็งแกร่งเช่นนี้จึงถูกนำมาไว้ที่ชั้นล่างกัน? แล้วเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดเรียนมันกันเล่า?

ไม่นาน จ้าวเฟิงก็เข้าใจ

หลังจากพลิกตำราไป 1ใน4 ตัวอักษรก็เริ่มที่จะเลือนราง สาเหตุหลักนั้นเป็นเพราะว่าตำรานั้นเก่าแก่มากแล้ว และเริ่มที่จะเปื่อยยุ่ย นั่นหมายความว่าตำราเล่มนี้มีเนื้อหาเพียง 1ใน4 ของฉบับเต็มเท่านั้น

“โชคร้ายอันใดเช่นนี้…” เด็กหนุ่มรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ทว่าเขาก็ไม่ได้ยอมแพ้และใช้ดวงตาซ้ายในการอ่านเนื้อหาที่เลือนรางนั้น

จ้าวเฟิงส่งพลังทั้งหมดเข้าไปยังดวงตาซ้ายจึงเริ่มมองเห็นตัวหนังสือบนหน้ากระดาษที่เปื่อยยุ่ยนั้น มันเป็นภาพที่เกินกว่าดวงตามนุษย์จะมองเห็นได้กว่า 20-30 เท่า

หลังจากอ่านไป1-2หน้า เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าจิตใจเหนื่อยล้าอย่างมาก กระทั่งดวงตาซ้ายก็รู้สึกราวกับว่าไม่มีพลังงานหลงเหลืออยู่

“หากข้านำมันกลับไป ข้าก็สามารถทยอยอ่านเนื้อหาในนี้ได้”

เมื่อคิดได้เช่นนั้น จ้าวเฟิงจึงได้หยิบตำรานภาลอยล่องออกไปด้านนอก

“นภาลอยล่อง? เจ้าต้องการตำรานี่หรือ?” ชายชราชุดขาวเอ่ยถามขณะมุ่นคิ้วเข้าหากัน

“ขอรับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างสุภาพ

“ตำรานี่อายุกว่าพันปี และยังมีเนื้อหาบางส่วนที่เกินกว่าวิชาระดับสูงอย่างมาก” หลังจากกล่าวถึงตรงนี้ เสียงของชายชราก็เปลี่ยนไป

“ทว่า ในตำรานั้นหลงเหลือเนื้อหาอยู่เพียง1ใน4เท่านั้น และจุดสำคัญคือการฝึกนั้นยากยิ่ง กระทั่งอัจฉริยะบางคนยังมิอาจฝึกฝนมันได้ และแม้ว่าพวกเขาจะฝึกได้… หากระดับการฝึกตนต่ำกว่าขั้นสี่ก็ยังคงมิอาจใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” สุดท้าย ชายชราจึงเอ่ยเตือน

“ข้าแนะนำให้เจ้าเปลี่ยนตำราเสีย หรือมิเช่นนั้นเจ้าจะไม่อาจทะลวงเข้าสู่ขั้นสี่และกลายเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริงได้”

“ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับคำแนะนำ แต่ข้าตัดสินใจแล้ว” ใบหน้าของจ้าวเฟิงยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม

ดวงตาชรามองตามร่างของเด็กหนุ่มที่จากไป ชายชราส่ายศีรษะก่อนเอ่ย

“เด็กสมัยนี้ทำเพียงแต่เลือกตำราที่ระดับสูงที่สุด”

ชายชรามั่นใจว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางฝึกฝนวิชานภาลอยล่องได้สำเร็จและต้องยอมแพ้ หรือแม้เด็กหนุ่มจะฝึกจนสำเร็จจริง แต่ตำราที่ไม่สมประกอบนั่นจะทำอันใดได้?

จ้าวเฟิงกลับจากหอตำราและตรงไปยังบ้านของตน นั่งลงบนเตียงและปิดดวงตาลง เข้าสู่มิติภายในดวงตาซ้าย รายละเอียดของวิชานับร้อยจึงปรากฏขึ้นภายในอย่างรวดเร็ว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!