Skip to content

King of Gods 10

King Of Gods

บทที่ 10 : ป่าเมฆาคล้อย

ยามค่ำคืน

ภายในสิ่งก่อสร้างหรูหราในพรรคจ้าว

“พี่ชาย! ท่านต้องช่วยข้า! จ้าวเฟิงทำให้ข้าขายหน้าและเขาเป็นเพียงศิษย์ตระกูลสาขาต่ำต้อย!” จ้าวคังกัดฟันขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง เขาพ่ายแพ้ให้ศิษย์ตระกูลสาขาสองรอบติดๆ กัน บัดนี้เขาไม่มีหน้าก้าวออกจากบ้านแล้ว

“ขยะ!”

ภายในห้องนั้นปรากฏร่างของเด็กหนุ่มร่างผอมเพรียวราวกับเสือดาว ผมตัดสั้น

เขาคือพี่ชายของจ้าวคัง จ้าวกัง

“พี่ชาย ข้าขอร้อง ท่านต้องช่วยข้า” จ้าวคังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเกลียดชัง

เขากลัวผู้เป็นพี่ชาย ตั้งแต่เขาเกิดมา จ้าวกังก็รังแกเขาอยู่เสมอ เขารู้สึกอับจนต่อหน้าจ้าวกังผู้ที่เก่งกาจกว่าเขาในทุกๆ ด้าน

บัดนี้จ้าวกังนั้นได้เข้าสู่ขั้นสามแห่งผู้ฝึกตนแล้ว ทั้งยังฝึกอสรพิษสิบสามลักษณ์ไปจนกระทั่งถึงลักษณ์ที่ 6 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นอันดับ 5 ในบรรดาศิษย์สายนอก กระทั่งมีจ้าวคัง 3 คนหรือ 5 คน ก็ไม่อาจรับมือพี่ชายของเขาได้

เช้าวันที่สอง

จ้าวเฟิงลุกออกจากเตียงของเขาตั้งแต่ย่ำรุ่งก่อนเริ่มฝึกหมัดมังกรคลั่งและลมหายใจผลักวายุ วิชาทั้งสองนั้นเป็นวิชาที่เด็กหนุ่มฝึกฝนเป็นหลัก

“ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นสาม”

จ้าวเฟิงฝึกฝนอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มทำตาม ‘แผน’ ที่ได้วางไว้เมื่อวาน เด็กหนุ่มเดินตรงไปยังคลังของพรรค

ตามกฎนั้น จ้าวเฟิงจะได้เบี้ยเลี้ยงจำนวน 10 เงินต่อเดือน

“ข้ายังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงของเดือนนี้” จ้าวเฟิงไปถึงคลังของพรรคอย่างรวดเร็ว

“จ้าวเฟิง ขั้นสองแห่งผู้ฝึกตน ตระกูลสาขา เบี้ยเลี้ยงต่อเดือน 20 เงิน” ผู้ดูแลเงินเอ่ยเสียงเรียบ

20เงิน?

จ้าวเฟิงรับเงินมาและเอ่ยขอบคุณ

หลังจากที่เข้าสู่ขั้นสอง เบี้ยเลี้ยงประจำเดือนของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

แม้ว่าเบี้ยเลี้ยง 20 เงินนั้นจะสามารถเลี้ยงทั้งครอบครัวให้กินอิ่มนอนหลับอย่างเป็นสุขได้ ทว่าเมื่อผู้รับเป็นผู้ฝึกตนมันก็ไม่อาจนับเป็นอันใดได้

ทรัพยากรที่ช่วยในเรื่องความเร็วการฝึกฝนและการทะลวงขั้นนั้นอาจมีราคาได้มากกว่าหนึ่งพันเงินเลยทีเดียว สิ่งที่เหล่าศิษย์ที่มีฐานะทานนั้นมีราคามากกว่าเบี้ยเลี้ยงของศิษย์ทั่วไป 30 ปีรวมกันเสียอีก

“20เงิน…”

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกขณะกำเงินไว้แน่น เด็กหนุ่มออกจากพื้นที่ของพรรคไปมุ่งตรงไปยังตลาดของเมืองประกายอรุณ

เขามักจะนำเงินจำนวนนี้ไปให้มารดาบิดาของเขาเพื่อช่วยเหลือในค่าใช้จ่าย ทว่าครานี้เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น เขากำเงินและจากไป

หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้นในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองประกายอรุณ

ร้านค้าอาวุธภายในเมือง

“ผู้ดูแลร้าน ‘ธนูเหล็กกล้า’ นี่ราคาเท่าใดกัน?” จ้าวเฟิงตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นหลังจากพิจารณาอยู่นาน

“ธนูเหล็กกล้านี่ทรงพลังนัก มันสามารถยิงได้ไกลถึง 150 เมตร ราคา 20 เงิน ไม่มีส่วนลด” คนดูแลร้านเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้ม

เขาเห็นตรา ‘พรรคจ้าว’ บนชุดของจ้าวเฟิง

ในเมืองประกายอรุณนั้น พรรคจ้าว พรรคชิว และพรรคซินเป็นสามตระกูลใหญ่ที่ปกครองทั้งเมือง

“20เงินรึ?” จ้าวเฟิงขมวดคิ้วและเอ่ยเสียงแน่น

“ถูกกว่านี้อีกหน่อยได้หรือไม่?” รอยยิ้มของผู้ดูแลร้านซีดเซียวลง

“ได้ ข้าจะให้ราคาที่ถูกกว่านี้ 18เงิน”

“15! ข้าไม่มีเงินมากนัก แต่เมื่อข้ามีแล้วข้าจะให้เงินคืนท่านเป็นสองเท่า” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างซื่อตรง

“15เงิน? นั่นนับว่าต่ำไป เกือบจะไม่ได้กำไรอันใด…” ผู้ดูแลร้านมีทีท่าลำบากใจเล็กๆ แต่เมื่อเห็นแววตาซื่อตรงของเด็กหนุ่ม เขาก็กัดริมฝีปาก

“ได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญา เพราะร้านแห่งนี้เองก็อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคจ้าวเช่นกัน”

“ขอบคุณ” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างยินดี เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าร้านแห่งนี้อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคจ้าว

ไม่ช้า จ้าวเฟิงก็ซื้อคันธนูด้วยราคา 15 เงิน พร้อมด้วยลูกศรและอาหาร

ตอนนี้เขาไม่มีเงินเหลือแล้ว

“หวังว่ามันจะไม่พลาด…”

จ้าวเฟิงพึมพำกับตนเองและออกจากเมืองประกายอรุณไปอย่างรวดเร็ว

ฟิ้ว!

ทันทีที่เขาออกจากเขตเมือง เด็กหนุ่มก็ใช้ท่าเท้านภาลอยล่องในการเดินทาง ความเร็วของเขานั้นนับว่าเร็วยิ่งกว่าม้าโดยทั่วไปส่วนมาก

สองชั่วโมงถัดไป จ้าวเฟิงจึงมาถึงยังจุดหมายของเขา ป่าเมฆาคล้อย

‘ป่าเมฆาคล้อย’ นั้นเป็นป่าที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลเมฆา พื้นที่ของมันนั้นติดกับจักรวรรดิกว่าสิบจักรวรรดิ ในฐานะที่เป็นป่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาจักรวรรดิใกล้เคียง ‘ป่าเมฆาคล้อย’ มีสัตว์อสูรอันตรายจำนวนมาก และใกล้ใจกลางป่ายังมีสัตว์อสูรระดับสูงที่ถูกเรียกว่า ‘สัตว์ปีศาจ’ อยู่

สัตว์ปีศาจนั้นแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรอย่างมาก พวกมันได้รับผลกระทบจากพลังธรรมชาติและค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง สัตว์ปีศาจไม่กี่ตัวสามารถทำลายหมู่บ้านได้ มีเพียงผู้ฝึกตนที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับพวกมันได้

ที่จ้าวเฟิงมายังป่าเมฆาคล้อยนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อมาลองสู้กับสัตว์ปีศาจเมื่อเขายังอยากมีชีวิตอยู่

เป้าหมายของเขานั้นง่ายดาย ล่าเพื่อหาเงิน!

สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งบางตัวในป่าเมฆาคล้อยนั้นมีขนและชิ้นส่วนราคาแพง ตัวอย่างเช่น หมีที่โตเต็มวัยตัวหนึ่งสามารถขายได้ราวๆ 200-300 เงิน ทว่าความแข็งแกร่งของหมีตัวเต็มวัยนั้นมากกว่าผู้ฝึกตนขั้นสองทั่วไปยิ่งนัก มีเพียงผู้ฝึกตนขั้นสามที่สามารถเอาชนะมันได้

แน่นอนว่าเป้าหมายของจ้าวเฟิงย่อมไม่ใช่หมีหรือสัตว์อสูรที่มีรูปร่างใหญ่

“แม้ว่าสัตว์อสูรตัวใหญ่จะราคาดี ทว่าขนาดตัวของมันใหญ่เกินไป ข้ายกมันไปมาไม่ไหว”

จ้าวเฟิงได้วางแผนไว้แล้ว

ฟิ้ว!

ร่างของเด็กหนุ่มนั้นราวกับขนนก ในขณะที่เขาใช้กิ่งไม้ในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ไม่ช้าจ้าวเฟิงก็ทิ้งตัวลงบนยอดไม้สูงกว่า 100 เมตร

ต้นไม้นี้นับว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาต้นไม้รอบๆ ทำให้สายตาของเด็กหนุ่มนั้นกว้างไกลขึ้น หากเขาไม่ได้เรียนรู้วิชานภาลอยล่องมา ความสูงเช่นนี้คงทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวเป็นแน่

ในขณะที่เขากำลังยืนอยู่บนยอดไม้นั้น จ้าวเฟิงก็ใช้ดวงตาซ้ายของเขาสำรวจไปรอบๆ

หวูบบบ!

ในตอนนั้นดวงตาของเขาก็แปรเปลี่ยนไปใช้สุดยอดการมองเห็น ทุกสิ่งในระยะ 5-6ไมล์ล้วนถูกเห็นโดยเขาอย่างชัดเจน

จ้าวเฟิงสำรวจว่ามีสัตว์อสูรหรือสัตว์ปีศาจอันตรายอยู่ใกล้ๆ เขาหรือไม่

โชคดีนักที่ไม่มีสัตว์ปีศาจเลยแม้แต่ตัวเดียว

“ข้าจะเริ่มล่ะนะ”

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกก่อนจะดึงธนูเหล็กกล้าของเขาช้าๆ

ฟุ่บ!

สายธนูสั่นสะท้าน ลูกธนูปักเข้าที่ร่างของงูจุดทอง ที่อยู่ห่างไป100 เมตร

ชี่!

งูจุดทองหวาดผวาและส่งเสียงออกมาเป็นภาษางูด้วยความหวาดกลัว

ทว่า ผีมือธนูของจ้าวเฟิงนั้นนับว่าสมบูรณ์แบบ ลูกธนูของเขาปักเข้าที่จุดตายของมัน งูตัวนั้นอาจดิ้นรนอยู่บ้าง แต่เพียงไม่นานก็ตาย

“งูลายทอง สัตว์อสูรที่มีพิษร้ายที่สามารถทำอันตรายได้กระทั่งผู้ฝึกตนขั้น 3”

จ้าวเฟิงพ่นลมหายใจออกมาขณะปาดเหงื่อ หากเขาสู้กับมันโดยตรง งูลายทองนั้นมีโอกาสสูงที่จะฆ่าเขาได้เมื่อมันมีความรวดเร็วและพิษร้ายแรงเป็นอาวุธ

ทว่าจ้าวเฟิงก็ได้รับประโยชน์มากเช่นกัน

ส่วนของเขี้ยวและตับของงูลายทองนั้นมีราคาสูงมาก

หลังจากที่ฆ่า ‘งูลายทอง’ จ้าวเฟิงก็ใช้ดวงตาซ้ายของเขาในการหาเหยื่อใหม่

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงบางอย่างแหวกอากาศ

อินทรีปากเหล็ก ปีกของมันนั้นยาวกว่าเมตร สามารถฆ่าหมาป่าที่มีระดับสองได้อย่างง่ายดาย

จ้าวเฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อินทรีปากเหล็กนั้นสามารถเรียกได้อีกชื่อว่า ‘อินทรีจิกโลหะ’ และเป็นที่เลื่องชื่ออย่างมากในป่าเมฆาคล้อย ความแข็งแกร่งของมันนั้นเกินกว่าสัตว์อสูรระดับสองทั้งยังบินได้อิสระบนอากาศ มันเกือบจะไร้ซึ่งศัตรูทางธรรมชาติ

“อินทรีจิกโลหะนั้นรวดเร็วมาก ขนและพลังป้องกันของมันนั้นยิ่งแข็งแกร่ง มันเกือบจะเทียบชั้นได้กับสัตว์ปีศาจ ตัวหนึ่งมีราคา 700-800 เงิน”

จ้าวเฟิงคิดขณะใช้ดวงตาซ้ายของเขาจับจ้องไปยังอินทรีจิกโลหะ

ครานี้เขาใช้ลูกธนูอาบยาพิษ

กืดด

สายธนูของธนูเหล็กกล้าถูกดึงจนสุดอย่างรวดเร็ว…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!