บทที่ 325 : การย้อนคืนของสายเลือด
“รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณเป็นการรวมเผ่าพันธุ์ในอดีตกาล ยุคสมัยที่เก่าแก่เอาไว้มากกว่าหนึ่งหมื่นเผ่า เมื่อนับจนถึงยามนี้นับว่าเก่าแก่มากนัก นายเหนือผู้นี้คาดหวังไว้อย่างมากว่าหลังจากที่สายเลือดนี้ตื่นขึ้นหลังจากการย้อนคืนจริงๆ จะมีพลังเช่นใด”
บุรุษร่างกำยำชุดม่วงแย้มยิ้มบาง
เมื่อผู้เป็นเจ้าของค้นพบพลังสายเลือดของตนจะทำให้ความสามารถในการฝึกตนเพิ่มขึ้น จะทำให้เกิดสำนึกรู้ตอบสนองกับบรรพบุรุษ กระทั่งอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยากจะพบเห็นอีกด้วย
สิ่งที่เรียกว่าการย้อนคืนนั้นคือการได้รับพลังสายเลือดของบรรพบุรุษจริงๆ
ตัวอย่างเช่น หากบรรพบุรุษเป็นราชาในขอบเขตปราณเทวะ เมื่อผ่านการย้อนคืนของสายเลือด พลังสายเลือดของทายาทรุ่นหลังก็จะมีความสามารถใกล้เคียงกับบรรพบุรุษ
เพียงแต่สายเลือดของคนรุ่นหลังนั้น หลังจากที่ผ่านการสืบทอดมาหลายครั้ง มันจึงบางเบานัก
ไม่ว่าจะเป็นจ้าวหยูเฟย หลิวฉินซิน หรืออ้าวเยว่เทียน กระทั่งเจ้าเมืองหงหูนั้นมีพลังสายเลือดที่เจือจางมาก โดยปกติแล้วมีพลังไม่ถึงหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในพันส่วน หากต้นตระกูลยิ่งมีประวัติยาวนานเท่าใด อาจจะมีความเข้มข้นของพลังสายเลือดไม่ถึงหนึ่งในแสนเสียด้วยซ้ำ
หากเป็นการย้อนคืนสายเลือดที่มีพลังถึงหนึ่งในสิบส่วน หนึ่งในห้าส่วน หรือหนึ่งในสองส่วน เมื่อเทียบกับบรรพบุรุษแล้วพลังของมันจะร้ายกาจเพียงใดกัน
“ในยามนี้ มรดกสายเลือดของจ้าวหยูเฟยยังรอการประเมินค่าอยู่ ลักษณะพิเศษของมันนั้นคือมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับไอสวรรค์สูง เลือดเนื้อทั่วทั้งร่างสามารถดูดซึมไอสวรรค์ได้ นอกจากนางจะมีปราณแท้ที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมากแล้ว การรวบรวมและปลดปล่อยพลังปราณก็รวดเร็ว สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้นคือความเร็วในการฝึกตนที่ไม่อาจหาผู้ใดเทียบเคียง”
ผู้ฝึกตนชราชุดขาวเผยรอยยิ้มบาง
“ฝึกได้รวดเร็ว ความเร็วเหนือกว่าเทียนอี้หลายเท่านัก ทว่าทางด้านความเร็วการฝึกตน ‘หยูเทียนฮ่าว’ แห่งทวีปกลาง อายุราว 20 ปี มีพลังฝึกตนอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดแล้ว เป็นที่รู้จักกันในนามอัจฉริยะอันดับหนึ่งของทวีป เหนือกว่าผู้ใดในรอบพันปี รวมทั้งยามที่ผู้นำลัทธิมารจันทราชาดและจอมดาบเย่อู๋เสียอยู่ในช่วงวัยเดียวกันก็ไม่อาจเทียบได้ ควรจะรู้ว่าพลังฝึกตนนั้นยิ่งฝึกไปนานเท่าใดก็ยิ่งพัฒนาได้เชื่องช้าลงเท่านั้น”
บุรุษชุดม่วงมีท่าทีครุ่นคิด
ขอบเขตพลังฝึกตนสูงคอขวดและความยากก็มีมากขึ้น เวลาที่จะใช้ในการทะลวงขั้นย่อมนานขึ้น
หลังจากขั้นมนุษย์แท้ แม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะหากต้องการจะทะลวงขั้นก็ยังต้องใช้เวลาหลายปี หลังจากขั้นผู้วิเศษแท้ก็อีกหลายสิบปี นับเป็นเรื่องปกติอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเร็วในการฝึกตนของหยูเทียนฮ่าวนับว่าเร็วกว่าจ้าวหยูเฟ่ยอย่างน้อย 2-3 เท่าตัว
“หยูเทียนฮ่าวนั้น บิดามารดาเป็นผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ต้นตระกูลเองก็เป็นราชาในขอบเขตปราณเทวะ” ผู้ฝึกตนชราชุดขาวส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “ตัวเขานั้นทันทีที่ลืมตาดูโลกก็เป็นบุตรที่ถูกเลือกจากสวรรค์ ได้รับทรัพยากรการสั่งสอนที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกันแล้ว เวลาที่หยูเฟ่ยเจ้าร่วมสำนักเทียนหยวนยังคงสั้นนัก นอกจากนั้น พลังสายเลือดของหยูเฟย หากผ่านการย้อนคืนของสายเลือด ความสามารถในการเชื่อมต่อกับไอสวรรค์ย่อมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พลังฝึกตนย่อมพัฒนา ทว่ายามนี้เองก็ได้พัฒนาขึ้นทุกวัน”
“ยังคงพัฒนาอยู่?”
บุรุษชุดม่วงรู้สึกประหลาดใจขึ้นในที่สุด
ยอดอัจฉริยะบางคนนั้น ช่วงแรกในการฝึกตนจะสามารถพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด ไม่กี่สิบปีก็บรรลุสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง
ทว่าหลังจากนั้น ความเร็วในการพัฒนาก่อนหน้ารวดเร็วเกินไป ทำให้ความอดทนมีไม่เพียงพอ อาจจะติดอยู่ในระดับนั้นเป็นสิบปี หรืออาจจะกระทั่งครึ่งชีวิต
“ข้าได้สอบถามมาแล้ว จ้าวหยูเฟ่ยนั้นตั้งแต่เด็ก ทั้งด้านทรัพยากรและไอสวรรค์ล้วนน้อยนิด ทำให้ระดับแรกเริ่มพัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้าและยากลำบาก ทว่าในข้อเสียก็ยังมีข้อดีอยู่ ข้อดีที่ใหญ่หลวงนั้นคือพื้นฐานของนางจะมั่นคงอย่างมาก โดยปกติแล้วอัจฉริยะที่มาจากพื้นที่ห่างไกลมักจะมีความอดทนมาก”
ผู้ฝึกตนชราชุดขาวในดวงตาราวกับมีม่านหมอกบางอย่าง ปรากฏสติปัญญาขึ้น
ในเวลาเดียวกัน
ในทวีปบุปผาครามอันกว้างใหญ่ ทวีปเหนือ ทวีปกลาง ทวีปตะวันตก และทวีปตะวันออก สำนักและกลุ่มอำนาจใหญ่โตจำนวนมากได้เตรียมตัวสำหรับ ‘งานชุมนุมเซียนมังกร’
งานชุมนุมเซียนมังกร ตำแหน่งที่จะสามารถเข้าร่วมได้นั้นมีไม่มากนัก
สำนักที่แข็งแกร่งเช่นสำนักเทียนหยวนได้รับ 10 ตำแหน่ง
และอาณาจักรขนาดใหญ่เช่นอาณาจักรนภาย่อมได้รับ 10 ตำแหน่งเช่นกัน
สำหรับแคว้นใหญ่ทั่วไปได้รับ 2 ตำแหน่ง
ณ ดินแดนแคว้นเมฆาอันห่างไกล
หลังจากที่สิบสามสำนักยอมศิโรราบ สิบสามแคว้นเมฆาก็ได้รวมเข้ากับ ‘แคว้นใหญ่มังกรโลหะ’
สำนักจันทร์สลาย เทือกเขานภาจันทร์
ในตำหนักจ้าวสำนัก
“ม่อเอ๋อร์ นี่คือสิ่งที่ข้าได้รับมาอย่างยากลำบาก ‘ยาวิญญาณดุดัน’ แม้ว่าคุณสมบัติของมันแทบจะเหมือนกับยาปลดวิญญาณ ทว่ามีผลข้างเคียงที่ใหญ่หลวง หากว่ามีความช่วยเหลือจากยานี่ เจ้ายังมีความหวังในระดับหนึ่งที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง”
บนใบหน้างดงามกระจ่างใสของผู้อาวุโสหยุนไห่เต็มไปด้วยความยินดี
เป่ยม่อยืนอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่าย สีหน้ามีความลังเลไม่เต็มใจอยู่บ้าง
บัดนี้แม้เขาจะมีพลังฝึกตนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง แต่หากคิดถึงการทะลวงขั้นเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง โอกาสยังมีน้อยอยู่มาก มีเพียงแค่การได้รับความช่วยเหลือจากปัจจัยภายนอกเท่านั้น
ทว่าในดินแดนของสิบสามแคว้นเมฆา ทรัพยากรนับว่าขาดแคลน ในเวลาหนึ่งยังยากที่จะสร้าง ‘ยาปลดวิญญาณ’ เม็ดที่สอง
ทว่ายาวิญญาณดุดันนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ระดับหนึ่ง แต่ผลข้างเคียงเองก็ใหญ่หลวงนัก
หากกินยานี้ อาจจะทำให้จุดตันเถียนแตก จุดชีพจรระเบิดออก หากระเบิดรุนแรงอาจร่างแหลกสลายจนถึงแก่ความตาย นับว่ามีความเสี่ยงมากนัก
“ม่อเอ๋อร์ หรือว่าเจ้าต้องการที่จะอาศัยอยู่ในแคว้นเมฆาอันห่างไกลนี้ตลอดไป? แคว้นเมฆาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นใหญ่มังกรโลหะแล้ว ตราบเท่าที่เจ้าสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ย่อมมีความหวังมากในการคว้าตำแหน่งเข้าร่วม ‘งานชุมนุมเซียนมังกร’ ”
ผู้อาวุโสหยุนไห่จ้องมองไปยังเป่ยม่อ อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์สูงสุดในสำนักจันทร์สลายยามนี้
หนึ่งปีก่อน เป่ยม่อได้เอาชนะหยางกาน กลายเป็นหัวหน้าศิษย์
“งานชุมนุมเซียนมังกร…”
มือทั้งสองข้างของเป่ยม่อกำแน่น ร่างกายสั่นสะท้านเล็กๆ
งานชุมนุมเซียนมังกรคือเวทีของทั่วทั้งทวีป ในทางกลับกัน ดินแดนแคว้นเมฆานั้นเป็นเพียงหมู่บ้านในหุบเขาเล็กๆ เท่านั้น
“มีเพียงระดับแคว้นใหญ่เท่านั้นที่จะได้รับตำแหน่งในการเข้าร่วม หากไม่ได้รวมเข้ากับแคว้นใหญ่มังกรโลหะ โอกาสที่เจ้าจะได้เข้าร่วมนับว่าแทบไม่มีหวัง”
ผู้อาวุโสหยุนไห่มอบ ‘ยาวิญญาณดุดัน’ ให้แก่เป่ยม่อ
สามารถเห็นได้จากสายตาของผู้เป็นศิษย์ว่าเด็กหนุ่มนั้นตื่นเต้นยิ่งนัก ไม่อาจที่จะปกปิดความต้องการนั้นได้
ตั้งแต่เยาว์วัย เป่ยม่อคือบุตรที่สวรรค์เลือก ไม่ต้องการที่จะเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องการที่จะรั้งอยู่เบื้องหลัง
หลังจากงานสิบสามสำนักพันธมิตร เขาได้ทรมานตนเองในการฝึกตนเพิ่มขึ้น บัดนี้ในบรรดาสิบสามสำนัก ตัวเขานับได้ว่าเป็นหนึ่งในยอดอัจฉริยะ
ในทางหนึ่ง เขาได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
ในอีกทางหนึ่ง เหล่ายอดอัจฉริยะในงานสิบสามสำนักพันธมิตร ชางหยูเยว่ หลินทง จ้าวเฟิง อ้าวเยว่เทียน จ้าวหยูเฟ่ย และยอดอัจฉริยะคนอื่นๆ ก็ได้ออกจากสิบสามแคว้นไปโดยส่วนมาก
หากเป่ยม่อสามารถก้าวไปได้อีกก้าว เขาก็จะกลายเป็นยอดอัจฉริยะของแคว้นใหญ่มังกรโลหะ
“ ‘ยาวิญญาณดุดัน’ นี้มีความเสี่ยงมากนัก คนสิบคนกินยานี้ ห้าคนร่างระเบิดแหลกสลาย คนที่เหลือส่วนมากจุดชีพจรฉีกขาด กลายเป็นคนพิการ เป่ยม่อ เจ้าจะเป็นมังกรหรือเพียงอสรพิษ ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับวาสนา…”
ผู้อาวุโสหยุนไห่มองตามทางที่ร่างของเป่ยม่อจากไปอย่างระมัดระวัง สีหน้ากลับกลายเป็นไร้ความรู้สึก
สำนักจันทร์สลาย
ณ อีกเทือกเขาหนึ่ง ตำหนักผู้อาวุโสหนึ่ง
“ก่านเอ๋อร์ พลังฝึกตนของเจ้ารั้งอยู่ในนภาที่เจ็ดขั้นระดับสุดยอด คอขวดของมันนั้นอาจจะคงอยู่หลายปี กระทั่งหลายสิบปียังยากที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ควรจะออกไปเดินทางนอกสำนักดีกว่า”
ผู้อาวุโสหนึ่งเอ่ย
“ศิษย์เชื่อฟังท่านอาจารย์”
สีหน้าของหยางกานราวกับบ่งบอกว่ามันควรเป็นเช่นนั้น
เขาเองก็รับรู้ได้ถึงพลังฝึกตนที่หยุดนิ่ง เมื่อเผชิญกับคอขวดที่ไม่อาจข้ามผ่าน การจะหยุดอยู่ที่ระดับนี้เป็นเวลาหลายปีหรือสิบปีนับเป็นเรื่องธรรมดายิ่งนัก
“งานชุมนุมเซียนมังกรในอีกหกเดือนกำลังจะเริ่มขึ้น ด้วยพลังของเจ้าย่อมไม่อาจมีคุณสมบัติเข้าร่วมได้ ทว่าการออกเดินทางครั้งนี้ของเจ้า เจ้าสามารถไปชมดูและศึกษางานชุมนุมเซียนมังกรได้หากต้องการ บางทีการเปิดโลกทัศน์ของเจ้าอาจจะมีประโยชน์กับเจ้ามากก็ได้”
ผู้อาวุโสหนึ่งเอ่ยแนะนำ
งานชุมนุมเซียนมังกร แคว้นใหญ่เช่นมังกรโลหะมีเพียงสองตำแหน่ง หยางกานนับว่าไร้หวังโดยสิ้นเชิง
“ข้ายินดี! การประลองครั้งยิ่งใหญ่ของทั้งทวีป ศิษย์นั้น แม้ว่าจะเจออุปสรรคแทบจะเอาชีวิตไม่รอดก็จะไปสัมผัสมันให้ได้”
หยางกานเข้าใจว่าการเดินทางข้ามแคว้นนั้นอันตรายยิ่งนัก
โดยทั่วไปแล้วควรมีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจึงจะมีความปลอดภัย หรือเป็นเช่นจ้าวเฟิง ชางหยูเยว่ และหลินทง อัจฉริยะที่มีพลังความสามารถไม่ธรรมดาเหล่านี้
“ฮี่ฮี่ แม้ว่าป่าเมฆาคล้อยจะนับเป็นชายแดนของทวีปเหนือ ค่อนข้างใกล้ทวีปกลาง ทว่าด้วยความเร็วของเจ้า แม้ว่าจะใช้เวลาหนึ่งหรือสองปีก็ไม่อาจไปถึง กระทั่งมีโอกาสตายตกในสถานการณ์อันตรายระหว่างทาง”
ผู้อาวุโสหนึ่งแย้มยิ้ม
“นี่…”
สีหน้าของหยางกานหดหู่ เว้นเสียแต่ว่าหากมีพลังฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงและมีปักษาวิเศษจึงจะสามารถไปถึงทวีปกลางได้ภายในหกเดือน
“ข้าได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ข้ามีสหายในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงในแคว้นใหญ่มังกรโลหะผู้หนึ่งเตรียมที่จะนำศิษย์ไปเฝ้าชมและศึกษางานชุมนุมเซียนมังกร สามารถนำเจ้าไปด้วยได้”
ในมือของผู้อาวุโสหนึ่งปรากฏจดหมายฉบับหนึ่ง รวมทั้งกำไลมิติมอบให้แก่ศิษย์ใหญ่ของตน
หยางกานรู้สึกยินดีอย่างมาก รับตราซิ่นไป ก่อนจะพบว่าในกำไลมิติเต็มไปด้วยผลึกเริ่มต้นและยาจิตวิญญาณจำนวนมาก สร้างความซาบซึ้งให้ชายหนุ่มยิ่งนัก
มองตามร่างที่เลือนหายไปของหยางกาน หางตาของผู้อาวุโสหนึ่งปรากฏความเปียกชื้นขึ้นเล็กๆ “กานเอ๋อร์ อย่าได้โทษความเห็นแก่ตัวของอาจารย์เลย…”
เหตุผลที่ผู้อาวุโสหนึ่งให้หยางกานไปชมและศึกษางานชุมนุมเซียนมังกรนั้น ในใจปิดบังความคิดหนึ่งไว้
ทวีปเหนือ
หนึ่งในสามอาณาจักร อาณาจักรนภา
พันธารา ลัทธิโลหะเลือดสาขา
จ้าวเฟิงเปิดเปลือกตาขึ้น ดวงตาซ้ายสีฟ้าใสเย็นเยียบกระทั่งดูลึกล้ำกว่าเก่า
ในจิตใจ บ่อน้ำเหมันต์ลึกล้ำสีฟ้าใสได้ขยายออกมากกว่าหนึ่งฟุต
ความเย็นชาบนใบหน้าของเขายิ่งมากมายขึ้นกว่าแต่ก่อน
การวิวัฒนาการครั้งที่สองของเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้าทำให้บุคลิกของจ้าวเฟิงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้การกวาดมองของดวงตาซ้ายของเขา กระทั่งยอดฝีมือขั้นมนุษย์แท้บางคนยังรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกและแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้
หลังจากที่บรรลุสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง พลังของดวงเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็ได้พัฒนาขึ้นทุกวัน
บัดนี้เด็กหนุ่มมั่นใจว่า ในบรรดาผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ส่วนมากยากที่จะต่อต้านสายเลือดดวงตาของเขา ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาพลังจิตหรือว่าการโจมตีทางจิตใจ
นอกจากนี้
แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณภายในร่างของเขาก็สมดุลมั่นคงยิ่งนัก กระทั่งเทียบกับผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ระดับต่ำอาจเรียกได้ว่าบริสุทธิ์กว่ามากนัก
ที่ไม่มีผู้ใดรู้คือ ภายในร่างของจ้าวเฟิงยังมีแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่ถูกผนึกเอาไว้ของจอมโจรฉุ่ยเยว่
ผนึกจากวิชาลับจากมรดกความลับสวรรค์ทำให้มันปรากฏขึ้นในรูปลักษณ์ที่พิเศษ
“เมื่อปราณจิตวิญญาณของข้าไม่เพียงพอจะสามารถนำพลังจากแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่ออกมาใช้ได้ กระทั่งสามารถเพิ่มพลังของข้าเองได้”
จ้าวเฟิงรู้สึกว่ามันเหนือกว่าแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของตนเอง
หรือพูดอีกนัยหนึ่ง
ในร่างของจ้าวเฟิงมีแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณสองอัน นั่นคือข้อดีของเขา
ในสถานการณ์ปกติ แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่จะทำเพียงเสริมแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างเงียบๆ มันคือลักษณะของแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ดัดแปลง ทำให้สามารถปรับเข้ากับร่างกายของคนส่วนมากได้
ทว่า
จ้าวเฟิงได้ฝึกฝน ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ทั้งยังมีพลังในการควบคุมอันแข็งแกร่งของดวงตาเทพเจ้า ทำให้สามารถโยกย้ายแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณที่ถูกดัดแปลงนี้ได้
จะอย่างไร แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของจอมโจรฉุ่ยเยว่ก็มาจากการฝึก ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’
“แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณนี้จะต้องใช้ให้น้อย หากไม่ใช่ช่วงเวลาวิกฤติก็ไม่ควรนำมาใช้”
จ้าวเฟิงรั้งประสาทสัมผัสจากดวงตาเทพเจ้ากลับไป
ฟุ่บ!
ร่างงดงามอ่อนแอ้นร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น
“รายงานหัวหน้าสาขา นี่คือจดหมายจากท่านรองจ้าวลัทธิที่เขียนด้วยมือตนเอง”
เตี๋ยเย่ยื่นจดหมายให้
จ้าวเฟิงเปิดออกอ่าน นัยน์ตาส่องประกายวูบ “ภายในหนึ่งเดือนให้ไปยังเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมในงานประลองตำแหน่งงานชุมนุมเซียนมังกร ทั่วทั้งอาณาจักรนภามีทั้งหมดสิบตำแหน่งหรือ?”