บทที่ 324 : ปราชญ์ลิ่วอู (2)
การเปลี่ยนแปลงของหลิวฉินซินได้ทำให้เจ้าเมืองหงหูรู้สึกยินดีและคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
บุตรสาวของเขานั้น ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ พลังสายเลือดหรือความงดงาม แม้กวาดตามองทั่วทุกทิศแล้วยังนับว่ายอดเยี่ยม
หากมองอย่างผิวเผิน เจ้าเมืองหงหูจากตระกูลหลิวแห่งหงหูอาจจะเป็นอัจฉริยะที่น่าตื่นตะลึงที่สุดในรอบพันปี ทว่าตัวเจ้าเมืองหงหูนั้นรู้อย่างชัดเจนว่าบุตรสาวของเขานั้นมีพรสวรรค์ความสามารถเหนือกว่าตนเอง
หลังจากที่มารดาและอาจารย์ของหลิวฉินซินสิ้นชีพไปทีล่ะคน เรื่องที่มักจะชมชอบอยู่เสมอก็กลับไปเมินเฉย อารมณ์เรียบเฉยเงียบงัน ไม่ชมชอบการต่อสู้
“ผู้ใดทำให้เจ้าเปลี่ยนใจ? อย่าได้บอกข้านะว่าเป็นเด็กนั่นที่ผิดสัญญา ไร้ซึ่งความซื่อตรง”
เจ้าเมืองหงหูรู้สึกสงสัยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“เมื่อไม่นานมานี้ ซินเอ๋อร์ได้พบกับอาจารย์ของท่านอาจารย์”
ฉินซินแย้มยิ้มกว้าง หลังจากการหลบหนีการแต่งงานของจ้าวเฟิง พายุฝนที่โหมกระหนำเช่นนั้นยังปรากฏสายรุ้งออกมา
“อาจารย์ของอาจารย์ เจ้าหมายถึงปราชญ์ลิ่วอู?”
เจ้าเมืองหงหูสีหน้าแปรเปลี่ยนไปในที่สุด
หอคอยลิ่วอู เซียนผู้นั้นมีความรู้ลึกล้ำราวมหาสมุทร เชี่ยวชาญศาสตร์การทำนาย ภูมิศาสตร์และอื่นๆ กระทั่งฉินหวางเฟยยังเป็นศิษย์ของเขา
ก่อนหน้าหลายเดือน เจ้าเมืองหงหูได้ไปขอเข้าพบปราชญ์ผู้นั้น เอ่ยขอให้อีกฝ่ายช่วยออกมือค้นหาว่าจ้าวเฟิงนั้นหลบหนีไปอยู่ที่ใด
ทว่าในที่สุดแล้ว เจ้าเมืองหงหูก็ทำไม่สำเร็จ
“อาจารย์ของท่านอาจารย์ หลังจากที่คำนวณดูแล้ว ค้นพบว่า ‘งานชุมนุมเซียนมังกร’ ในครานี้จะปรากฏมรดกที่ทรงพลัง ตัวอย่างเช่นมรดกความลับสวรรค์ และอื่นๆ โอกาสที่ทวีปบุปผาครามจะเชื่อมต่อกับพวกมันนั้นมีมากกว่าหนึ่งในสิบส่วน ยิ่งไปกว่านั้น ความเป็นไปได้นี้ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาเอ่ยเพิ่มว่าทวีปบุปผาครามในไม่ช้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ให้ข้าคว้าโอกาสนี้เอาไว้”
ดวงตาใสกระจ่างของหลิวฉินซินปรากฎความคาดหวังขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้
“โอกาสที่มรดกความลับสวรรค์จะปรากฏขึ้นมีมากกว่าหนึ่งในสิบส่วน?”
ใบหน้าของเจ้าเมืองหงหูสั่นสะท้าน
มันเป็นที่รู้กันว่ามรดกความลับสวรรค์คือมรดกที่ลึกลับและทรงพลังที่สุดในโลก
โอกาสที่มรดกความลับสวรรค์และทวีปบุปผาครามจะเชื่อมต่อกันนั้นมีน้อย
โดยปกติแล้ว หนึ่งหมื่นปีจะมีสักครั้ง
โดยรวมแล้วเป็นโอกาสหนึ่งในพัน จะอย่างไรก็ตาม งานชุมนุมเซียนมังกรได้จัดขึ้นทุกๆ สิบปี
แต่ครานี้ หลังจากการคำนวณของปราชญ์ลิ่วอู โอกาสที่มรดกความลับสวรรค์จะปรากฏขึ้น แม้ว่าจะมีเพียงหนึ่งในสิบส่วน ทว่าก็นับว่าเหนือกว่าเหตุการณ์ปกตินับร้อยเท่า
“ซินเอ๋อร์ เจ้าจะต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้ มันนับว่าจะทำให้เจ้าสามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้มากกว่าเดิมนับสิบเท่า โอกาสที่หาได้ยากเช่นนี้นานๆ จะมีสักครั้ง การปรากฏขึ้นของมรดกความลับสวรรค์แต่ล่ะคราจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทวีป สามารถคาดเดาได้ว่าเวลาของพวกเราจะเหนือกว่ายามที่ลัทธิมารจันทราชาดคงอยู่”
เจ้าเมืองหงหูรู้สึกตื่นเต้นขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มรดกความลับสวรรค์ หมื่นปีจะปรากฏขึ้นสักครั้ง ทว่าช่วงชีวิตของผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั่วไปมีเพียงแค่หลายร้อยปีเท่านั้น
หากจะเอ่ยถึงระยะเวลาหนึ่งหมื่นปี กระทั่งผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยังมีน้อยนิด
งานชุมนุมเซียนมังกร เจ้าเมืองหงหูเองก็โชคดีได้เข้าร่วมสองครั้ง ครองอันดับหนึ่งในร้อยคนแรก
เพียงแต่ในรอบร้อยปีที่ผ่านมา งานชุมนุมเซียนมังกรไม่เคยปรากฏมรดกที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน
“ท่านพ่อ ท่านไม่ควรจะรีบดีใจ นี่เป็นเพียงแค่การทำนายชะตาเท่านั้น ยามเมื่อเวลามาถึงอาจจะไม่ใช่มรดกความลับสวรรค์”
หลิวฉินซินแย้มยิ้ม
ทวีปเหนือ สำนักเทียนหยวน
ในการประลองหยุนไห่ เทือกเขาที่โอ่อ่าไร้ที่สิ้นสุด
ภายใต้ชั้นเมฆสามารถมองเห็นได้ถึงตำหนักอยู่ร่ำไร นกกระสาเทพ ปักษาชั้นจิตวิญญาณ และสัตว์อสูรอื่นๆ บินไปมา ดูสันโดษและสงบเงียบ ราวกับภาพวาดของแดนเทพ
ในยามนั้น ยอดของภูเขาลูกหนึ่งได้ปรากฏร่างของศิษย์ในสำนักนับสิบ พลังฝึกตนอยู่ที่ขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเป็นอย่างน้อย เกินครึ่งมีพลังอยู่ที่ขั้นมนุษย์แท้
ผู้นำเป็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีเงิน รูปลักษณ์ท่าทีไม่ธรรมดา อยู่เหนือกว่าผู้อื่น
นัยน์ตาของเขาปรากฏแสงส่องประกาย หนึ่งวาจาดึงดูดเสวี๋ยนอ้าวแห่งปราณจิตวิญญาณ เปิดประตูสวรรค์ กลิ่นอายโดยรอบสูงส่ง เพียงพอให้จิตใจของขั้นผู้วิเศษแท้ทั่วไปต้องสั่นสะท้าน สีหน้าแปรเปลี่ยนไป
ศิษย์จำนวนมาก ณ ที่นั้นยามมองไปยังเขาเต็มไปด้วยความหวาดเกรงอย่างมาก ราวกับว่าบุรุษผู้นี้มีพลังเทียบเคียงเทพเจ้า
เขาคือหัวหน้าศิษย์แห่งสำนักเทียนหยวน โม่เทียนอี้
ดาบวงแหวนต้าหลัว
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีฟ้า น้ำเสียงทุ้มหนัก พลังขั้นมนุษย์แท้ระดับต่ำ ในมือวาดดาบใหญ่ลง พลังยิ่งใหญ่สั่นสะท้านเทือกเขา สร้างความเย็นเยียบไร้ที่สิ้นสุด แม้ว่าจะไม่มีจิตแห่งดาบ ทว่าความงดงามและพลังของวิชาดาบนั้นเทียบเคียงกับเทียนหยุนจือได้
ดาบนั้นหากเผชิญหน้าตรงๆ ย่อมเพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ทั่วไปได้รับบาดเจ็บสาหัสในเสี้ยววินาที
นภาแทนที่ภูผา
โม่เทียนอี้ในชุดเงินสีหน้าราบเรียบ มือข้างหนึ่งวาดออก แสงสีส้มใสได้เข้าปะทะกับประกายดาบของชายหนุ่มในชุดสีฟ้า
เปรี้ยงง ครืนน
ประกายดาบที่สั่นสะท้านทั้งเทือกเขาพลันปรากฏรอยแตก สะท้อนกลับไปยังชายหนุ่มชุดฟ้า
พรวด
ชายหนุ่มชุดฟ้ากระอักโลหิตออกมาในทันที ราวกับว่าดาบที่ฟาดฟันออกไปนั้นได้ย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง
“ฮี่ฮี่ หากเจ้าก่อกำเนิดจิตแห่งดาบ บางทีอาจจะสู้กับข้าได้สักหนึ่งหรือสองกระบวนท่า หรือมิเช่นนั้นแม้เจ้าบรรลุสู่ขั้นผู้วิเศษแท้ก็ยังไม่นับเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”
โม่เทียนอี้ส่ายศีรษะแย้มยิ้ม
“ ‘วิชาลับกำเนิดภูผา’ ของศิษย์พี่โม่ควรค่าแล้วที่นับเป็นหนึ่งในวิชาชั้นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนัก กระทั่งผู้ที่เอื้อมแตะชายขอบของขั้นนายเหนือแท้บางคนยังไม่อาจที่จะทำความเข้าใจได้ ความสามารถในการเรียนรู้ของท่านนั้น แม้กวาดมองทั่วทั้งทวีปเหนือก็ยากที่จะหาคนที่สองพบ”
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่โม่กดพลังฝึกตนให้อยู่ในระดับเดียวกัน หนึ่งกระบวนท่าสามารถเอาชนะศัตรูได้”
“เมื่อศิษย์พี่โม่เข้าร่วมใน ‘งานชุนนุมเซียนมังกร’ อย่างน้อยย่อมติดหนึ่งในสิบ กระทั่งมีโอกาสติดหนึ่งในสาม”
เหล่าศิษย์แนวหน้าของลานประลองอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ ดรุณีบางคนเอ่ยพูดคุยกันด้วยแววตาชื่นชม
โม่เทียนอี้รั้งมือกลับอย่างเชื่องช้า เอ่ยอย่างราบเรียบ “ในงานชุมนุมเซียนมังกร ข้ามิใช่หัวหน้าศิษย์ ในยามนั้นที่เข้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกรสามารถติดหนึ่งในสามสิบได้อย่างยากลำบาก ทว่าทั่วทั้งทวีปเหนือมีอยู่สามคนที่ติดหนึ่งในยี่สิบ”
งานชุมนุมเซียนมังกรจะจัดขึ้นในทุกๆ สิบปี ตราบเท่าที่อายุไม่เกิน 50 ปีสามารถเข้าร่วมได้
สำหรับผู้ฝึกตนขั้นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงนั้น อายุ 50 ปีนับเป็นเพียงหนึ่งในห้าสิบส่วนของช่วงชีวิต ในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
เมื่อสิบปีก่อน โม่เทียนอี้อายุน้อยกว่ายี่สิบปี ได้ประสบความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น บัดนี้ผ่านมาอีกสิบปี ย่อมยากที่จะคาดคิดว่าเขาจะเติบโตขึ้นมากเท่าใด
“สำนักเทียนหยวนของเรา ในฐานะของสิบยอดสำนักแห่งทวีป งานชุมนุมเซียนมังกรในแต่ล่ะครั้งมีตำแหน่งเข้าร่วมทั้งหมดสิบตำแหน่ง”
“โอ้ สิบตำแหน่ง การแข่งขันรุนแรงนัก ศิษย์สายในของสำนักเทียนหยวนของเรามีมากกว่าหนึ่งพัน ศิษย์หลักเองก็มีนับสิบ”
ศิษย์จำนวนมากในลานประลอง แม้ว่าจะเป็นศิษย์ยอดฝีมือ ทว่าบนใบหน้าของหลายคนก็ยังคงปรากฏความลนลานอยู่
สายตาของโมเทียนอี้กวาดสำรวจศิษย์จำนวนมากก่อนจะไปหยุดลงที่ร่างของเด็กสาวผู้หนึ่ง สายตาส่องประกายวูบขึ้น
เด็กสาวผู้นั้นแต่งกายด้วยอาภรณ์สีม่วงอ่อนราวหมอกควัน ดวงตาใสกระจ่างราวกับผลึกที่ส่องประกาย ใบหน้าหวานหยดย้อย ผิวขาวใสสะอาดตาไร้รอยตำหนิ ราวกับเป็นสาวงามที่แกะสลักขึ้นจากหยกเย็น
นางยืนนิ่งเงียบอยู่ในฝูงชน แม้ไม่ได้ทำตัวโดดเด่น ทว่าความงามเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดยามที่ได้มองใบหน้าของนาง ก็ทำให้สติหลุดลอยไปชั่วขณะ
“ศิษย์น้องหยูเฟ่ย หายากนักที่เจ้าและคนอื่นจะประลองชี้แนะกัน ทว่าด้วยพลังของเจ้าแล้ว การแข่งขันเพื่อตำแหน่งนั้นคงไม่มีปัญหา”
โม่เทียนอี้เป็นฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นก่อนอย่างหาได้ยาก
เขาคือหัวหน้าศิษย์ของสำนักเทียนหยวน ทว่าทั่วทั้งทวีปเหนือมีสิบยอดสำนักอยู่เพียงหนึ่งหรือสอง สามารถเอ่ยได้ว่าความสามารถเป็นหนึ่ง
ในดินแดนอันกว้างใหญ่ของทวีปเหนือ สำนักเสวี๋ยนปิงคือหนึ่งในสิบยอดสำนัก
ดังนั้นแล้ว โม่เทียนอี้จึงนับได้ว่าเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปเหนือในบรรดาคนรุ่นใหม่
“จ้าวหยูเฟ่ยผู้นี้ปรากฏตัวน้อยครั้งนัก มีคำกล่าวว่านางคืออัจฉริยะที่สำนักสามก่อกำเนิดแนะนำมา”
“ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ของนางยอดเยี่ยมนัก พลังสายเลือดเองก็พิเศษมาก เพียงเข้าร่วมสำนักก็ได้ถูกผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดรับเป็นศิษย์ น้อยครั้งจะปรากฏตัว ลึกลับยิ่งนัก…”
ศิษย์ชั้นแนวหน้าจำนวนมากของสำนักเทียนหยวนมองไปยังเด็กสาวผู้งดงามและลึกลับ
ในรุ่นนี้ของสำนักเทียนหยวน มีเพียงโม่เทียนอี้และจ้าวหยูเฟ่ยที่ถูกรับเป็นศิษย์ของผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด
“ไม่นานมานี้ หยูเฟ่ยได้ทำความเข้าใจในเคล็ดวิชาลับอย่างต่อเนื่อง ได้รับการชี้แนะจากท่านเป็นอาจารย์ กลัวว่าจะไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกร”
น้ำเสียงของจ้าวหยูเฟ่ยใสกระจ่าง ฟังดูอ่อนน้อม
“ศิษย์น้องหยูเฟ่ยถ่อมตนเกินไปแล้ว ศิษย์แห่งผู้สูงศักดิ์ ผู้ใดเล่าจะกล้าดูแคลน”
น้ำเสียงของโม่เทียนอี้นั้นค่อนข้างปรากฏความสงสัย
จ้าวหยูเฟ่ยผู้นี้เข้าร่วมสำนักเทียนหยวนเมื่อหนึ่งปีก่อน ในยามนั้นมีพลังในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง มันนานเท่าใดกัน แต่บัดนี้อีกฝ่ายกลับบรรลุสู่ขั้นมนุษย์แท้ระดับสูง สามารถนับได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของศิษย์หลัก
ความพัฒนาที่น่าหวาดกลัวนี้ บางทีอาจเกี่ยวข้องกับพลังสายเลือดที่พิเศษของนาง นอกจากนั้น หลังจากที่บรรลุเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ปราณจิตวิญญาณในร่างของนางยังยากที่จะตรวจสอบมากยิ่งกว่าเดิม
โดยปกติแล้ว ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของคนรุ่นใหม่ในทวีปเหนืออย่างโม่เทียนอี้ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องหวาดกลัวอัจฉริยะผู้ใด
คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขาคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปกลาง ทวีปตะวันออก ทวีปตะวันตก และทวีปใต้ รวมทั้งศิษย์ของผู้สูงศักดิ์จำนวนหนึ่ง
นัยน์ตางดงามของจ้าวหยูเฟ่ยปรากฏรอยยิ้ม ทว่าไม่ได้มีความคิดจะออกไปประลอง
จากนั้น ศิษย์หลักขั้นมนุษย์แท้อีกหนึ่งหรือสองคนจึงรวบรวมความกล้าท้าประลองนาง
วิชาของจ้าวหยูเฟ่ยนั้นราวกับเมฆาที่เคลื่อนคล้อย สายน้ำที่รินไหล ทุกการเคลื่อนไหวให้ความรู้สึกน่าชมมอง
กระทั่งปราณจิตวิญญาณที่ระเบิดออกอย่างรุนแรงในสถานการณ์เข้าตาจน ในมือนางก็ยังดูเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน
คู่ต่อสู่ขั้นมนุษย์แท้ระดับต่ำคนแรก จ้าวหยูเฟ่ยเอาชนะได้ในสิบกระบวนท่า
ขั้นมนุษย์แท้ระดับสูงคนที่สอง ชนะในยี่สิบกระบวนท่า
หลังจากทั้งหมดนั้น พลังของเด็กสาวก็ยังดูจะไม่ลดน้อยลง
ในเวลาเดียวกัน
ยอดภูเขาสูงถึงชั้นเมฆที่ห่างไกล ผู้ฝึกตนชราชุดขาว มีท่าทีสูงศักดิ์เหนือมนุษย์ ข้างกายมีบุรุษในอาภรณ์สีม่วง จ้องมองไปยังการประลองของกลุ่มศิษย์เบื้องล่าง
“ฮี่ฮี่ โม่เทียนอี้ เด็กนี่ ไม่เจอมาหลายปีกลับมีพลังฝึกตนในขั้นผู้วิเศษแท้ระดับต่ำแล้ว ‘วิชาลับกำเนิดภูผา’ เองก็เข้าสู่ระดับเจ็ด เก่งกาจขึ้นมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อน ดูเหมือนว่าครานี้เขาจะมีโอกาสติดหนึ่งในสิบ หรืออาจจะหนึ่งในสาม เมื่อคิดถึงความพัฒนาในอีกครึ่งปีก็นับเป็นชะตาของสำนักแล้ว”
ผู้ฝึกตนชุดขาวแย้มยิ้มไม่ใส่ใจ ปราณแท้บนร่างไร้ซึ่งความสั่นไหว
“มรดกสายเลือดของจ้าวหยูเฟ่ยผู้นี้พิเศษยิ่งนัก เจ้าเพิ่งกลับมายังดินแดนบุปผาคราม ทว่ากลับได้หยิบหยกที่ยังไม่ได้เจียระไนไป ทำให้ผู้คนต้องริษยาแล้ว”
ชายเสียงของบุรุษชุดม่วงทุ้มต่ำและลากยาว แม้ยืนอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือกลับให้ความรู้สึกราวกับไม่ได้คงอยู่
“สายเลือดของนางสามารถเชื่อมต่อกับไอสวรรค์ได้ในระดับสูงมาก กระทั่งเลือดเนื้อทั่วทั้งร่างยังสามารถดูดซึมไอสวรรค์ได้ ข้าได้ค้นหาจากรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณเมื่อไม่นานมานี้ มรดกสายเลือดของนางนั้นราวเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่เกือบจะหายสาบสูญไปแล้ว”
ผู้ฝึกตนชราชุดขาวสูดลมหายใจลึก สีหน้าพลันกลับกลายเป็นเคร่งเครียด
“รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ”
บุรุษชุดม่วงตื่นตะลึงเป็นครั้งแรก เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ “ ‘รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ’ นี้ ไม่ว่าจะเป็นมรดกสายเลือดใดล้วนเก่าแก่โบราณจนนับเป็นตำนาน กระทั่งพรสวรรค์สายเลือดของราชาในขอบเขตปราณเทวะยังไม่อาจเทียบเคียงได้”
รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณนั้น กระทั่งผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยังนับเป็นเพียงตำนาน มาจากยามที่ตำนานเหล่านั้นต่อสู้กัน เก่าแก่อย่างมาก
“แม้ว่านางจะมีพลังสายเลือดของ ‘รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ’ เพียงจางๆ ในอนาคตความสำเร็จของนางก็จะไร้ขีดจำกัดกระทั่งอาจมีโอกาสเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทั่วทั้งทวีป”
น้ำเสียงตื่นเต้นของผู้ฝึกตนชราชุดขาวสั่นสะท้านเล็กๆ