Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 956

ตอนที่ 956

การดิ้นรนของคนรุ่นหลัง!

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว และเริ่มหอบหายใจออกมา เขารู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่เขาไม่สามารถจะเหยียบย่างเข้ามาได้ ยิ่งไปกว่านั้น พื้นฐานฝึกตนของเขาก็น่าจะอยู่ที่ชั้นสูงสุดของอาณาจักรโบราณ ก่อนที่จะทำการรับมอบมรดกจากผู้ผนึกอสูรรุ่นที่ห้า

แต่เนื่องจากนักรบโบราณ ทำให้เขามาอยู่ในที่แห่งนี้ได้!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง และเขาไม่ได้กระทำการใดๆ ในทันที เขายังคงจดจำความรู้สึกถึงวิกฤตอันเนื่องมาจากผู้ผนึกอสูรรุ่นที่หกได้ และทำให้เขาต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและลังเลอยู่เล็กน้อย

เมิ่งฮ่าวไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดๆ จากผู้ผนึกอสูรรุ่นที่ห้า และแผ่นหยกผนึกอสูรโบราณก็ไม่ได้มีท่าทีที่แปลกๆ แต่อย่างใด เขาพึมพำกับตัวเองอยู่ชั่วขณะ ไม่ต้องการจะยอมแพ้ไปอย่างง่ายดาย

“แย่ยิ่งนักที่ร่างจริงที่สองของข้ายังคงอยู่ในชั้นตอนการฟื้นฟูกลับมา หลังจากที่ถูกทำลายไป ถ้ามันยังอยู่ ข้าคงจะให้มันลองดูก่อนเป็นคนแรก” หลังจากผ่านไปสักพัก ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น

รางวัลอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความกล้าเสี่ยง และน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะลองเสี่ยงดวงดู แทนที่จะยอมแพ้ไปอย่างง่ายดาย

เมิ่งฮ่าวไม่ลังเลอีกต่อไป เดินไปยังบุรุษหนุ่มและโค้งตัวลง จากนั้นก็ระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ ค่อยๆ โคจรหมุนวนพื้นฐานฝึกตนขึ้นอย่างช้าๆ ถ้ามีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาก็จะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อหลบหนีจากไปในทันที ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ไปยังนักรบศิลา ให้คอยยืนคุ้มกันอยู่ที่ด้านข้างอีกด้วย

ขณะที่เมิ่งฮ่าวนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มเข้าฌาณ บุรุษหนุ่มก็ค่อยๆ ยื่นมือออกมา กดลงไปตรงหน้าผากของเขา

ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าคนทั้งสองได้เชื่อมต่อกัน ผ่านห้วงกาลเวลาและห้วงอวกาศอันไกลโพ้น

มรดกกำลังถูกส่งต่อมาแล้ว!

คนทั้งสองอยู่ห่างกันหลายรุ่น หลายปี และอยู่ห่างไกลกันเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นก็ยังมาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยกัน ในดินแดนบรรพบุรุษตระกูลฟาง ทำการรับมอบมรดกอันล้ำค่า!

เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่คล้ายกับเป็นแม่น้ำเต๋าหรือทะเลสวรรค์ ได้ไหลเข้าไปในหน้าผากของเมิ่งฮ่าว ในชั่วพริบตาเขารู้สึกราวกับว่าจิตใจแทบจะพังทลายไป ศีรษะกำลังจะระเบิดออก

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่สายฟ้ากำลังฟาดลงมาอยู่ที่ด้านในอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในทันที และโลหิตก็ได้ไหลซึมออกมาจากปาก รับรู้ได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรงอย่างเข้มข้น แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความคิดที่ว่าบุรุษหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าต้องการจะให้เขาตายไป เป็นเพราะว่าพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวไม่สูงพอ ไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับมรดกนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เขาก็กัดฟันแน่นและสีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น รับมรดกที่เดิมทีเขาไม่สามารถจะรับได้อันเนื่องมาจากระดับพลังของเขาในตอนนี้เข้าไปอย่างต่อเนื่อง

ร่างกายเมิ่งฮ่าวค่อยๆ กลายเป็นภาพลวงตาในระหว่างร่างจริง กลิ่นอายอ่อนแอลงไป ขณะที่เปลวไฟแห่งพลังชีวิตกำลังมืดสลัวเลือนลางลง

สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดจ้องมองมาด้วยความสับสน มันบอกได้ว่าบางสิ่งแปลกๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่บนพื้นหลุมฝังศพโบราณนี้ เป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวได้ผ่านเข้าไป

มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างละเอียด และจากนั้นม่านตาก็หดเล็กลง ราวกับว่ามันเพิ่งจะสังเกตเห็นบางสิ่ง ทำให้มันต้องสั่นสะท้านขึ้นและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

“มันกำลังรับมอบมรดก!”

“พื้นหลุมฝังศพโบราณได้อยู่ในที่แห่งนี้มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนไม่มากนักที่สามารถจะผ่านเข้าไปได้ถึงตำแหน่งนั้น แต่ก็มีอยู่ไม่น้อย รอยแตกเหล่านั้นเป็นสถานที่สำหรับการทดสอบ ไม่ใช่มรดก แต่…เด็กผู้นี้กำลังเข้าฌาณเพื่อให้ได้รับความรู้แจ้งของมรดกอยู่จริงๆ!” จิตใจปรมาจารย์รุ่นเจ็ดเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม

“แต่มรดกที่มันรับรู้ได้เป็นของใครกัน?” แสงอันลึกล้ำปรากฏขึ้นในดวงตา ขณะที่มันมองตรงไปยังทิศทางของอุโมงค์หมอกสวรรค์ ซึ่งอยู่ในที่ห่างไกลออกไป

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวเริ่มอ่อนแอลงไปมากขึ้น และเปลวไฟแห่งพลังชีวิตก็สลัวเลือนลางลง ใครก็ตามที่มองเห็นเขาก็จะตระหนักได้ว่าเขากำลังรับมอบมรดกอยู่ แต่บนแผ่นหยกสายโลหิต ดูคล้ายกับว่าเขากำลังจะตายไป

แน่นอนว่าผู้ฝึกตนชุดดำอีกหกคนในดินแดนบรรพบุรุษ นอกจากฟางเต้าหงแล้ว พวกมันทั้งหมดกำลังตรวจสอบไปที่แผ่นหยก สิ่งที่พวกมันมองเห็นได้ชัดเจนก็คือว่า จุดแสงที่เป็นตัวแทนของเมิ่งฮ่าวกำลังอ่อนจางและมืดคล้ำลงไปเรื่อยๆ พวกมันยังมองเห็นด้วยเช่นกันว่าจุดแสงของฟางเต้าหงอยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าวมากที่สุด

ทำให้พวกมันได้ข้อสรุปที่ผิดพลาดไปอย่างง่ายดาย

พวกมันทั้งหมดคิดว่าจุดแสงของเมิ่งฮ่าว ที่กำลังอ่อนจางลงไปเนื่องมาจากฟางเต้าหง

ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วบุรุษชุดดำที่ยังเหลืออยู่ทั้งหกคน จะมีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก แต่พวกมันก็มีบุคลิกส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไป บางคนแน่วแน่, บางคนลังเล, บางคนกังวลใจ และบางคนก็หุนหันพลันแล่น!

จากตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวอยู่ในตอนนี้ ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันหลี่ มีบุรุษวัยกลางคนในชุดยาวสีดำอยู่ผู้หนึ่ง ดวงตาของมันกำลังสาดประกายด้วยความเจิดจ้าขึ้น “ฟางฮ่าวต้องมีของวิเศษอันล้ำค่าบางอย่างอยู่แน่นอน ทำให้มันสามารถสังหารสองผู้อาวุโสอาณาจักรโบราณได้ตามลำดับ เห็นได้ชัดว่ามันไม่อาจจะใช้พลังของของวิเศษนั้นได้เป็นเวลานาน เพราะว่าพื้นฐานฝึกตนของมันไม่เพียงพอ และตอนนี้…ฟางเต้าหงก็อยู่ที่นั่นแล้ว…เมื่อมันยังไม่ได้ตายไป นั่นก็หมายความว่าพวกเรายังมีโอกาส!”

บุรุษผู้นี้มีรูปร่างที่สูงและผอมแห้ง มีจมูกที่งองุ้ม ทำให้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ

“ของวิเศษที่สามารถทำให้ผู้ฝึกตนที่เกือบจะอยู่ในอาณาจักรเซียน สังหารผู้ฝึกตนในอาณาจักรโบราณได้…” บุรุษวัยกลางคนลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองไปยังแผ่นหยกสายโลหิตอีกครั้ง สิ่งที่มันสังเกตเห็นได้ก็คืออีกสองจุดแสงกำลังเคลื่อนที่ตรงไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าว ทำให้ดวงตามันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ข้าอยู่ใกล้มากที่สุด ดังนั้นตราบเท่าที่ข้าระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ!” โดยไม่ลังเลอีกต่อไป มันรีบพุ่งออกไปยังที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีสองผู้ฝึกตนในชุดดำกำลังใกล้เข้ามาจากอีกสองทิศทาง พวกมันกำลังคิดเหมือนกับบุรุษวัยกลางคนในชุดดำเมื่อครู่นี้ และเริ่มเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว

สำหรับบุรุษชุดดำอีกสามคน สองในพวกมันส่ายไหวไปมาอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจว่าต้องปลอดภัยไว้ก่อน บุรุษในชุดดำคนสุดท้าย…เป็นชายชราซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ตรงปากทางเข้าของดินแดนบรรพบุรุษ สถานที่ซึ่งผู้พิทักษ์เต๋าเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน

มันกำลังตรวจสอบดูการพังทลายลงไปของภูเขา เศษซากปรักหักพังนับไม่ถ้วนเต็มอยู่ในบริเวณนั้น ทำให้จิตใจมันสั่นสะท้าน ไม่อาจแม้แต่จะคิดว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี ได้แต่มองไปยังภาพที่เห็นเป็นเวลานานก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

“ผู้พิทักษ์เต๋า…จากไปแล้ว?” มันคิด คลื่นแห่งความตกใจลูกใหญ่กระแทกเต็มอยู่ในจิตใจ และเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่จู่ๆ มันก็ตระหนักว่าผู้อาวุโสอาณาจักรโบราณคนแรกที่ถูกสังหารไป…ได้ตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้

มันแทบจะรับรู้ขึ้นได้ในทันทีว่าทำไม เมื่อคำตอบได้เกิดขึ้นอยู่ภายในใจ มันแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่คำตอบนั้นก็ได้อธิบายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นเดียวกับความน่าเหลือเชื่อของมัน

“ฟางฮ่าวสามารถควบคุมผู้พิทักษ์เต๋าได้อย่างไร!?!?” มันหยิบเอาแผ่นหยกสายโลหิตออกมา และมองไปยังจุดแสงที่เป็นตัวแทนของเมิ่งฮ่าวซึ่งกำลังอ่อนจางลงไป จากนั้นก็มองไปยังจุดแสงของสามผู้ฝึกตนที่กำลังเข้าไปใกล้เขาอย่างรวดเร็ว มันไม่มีทางจะบอกคนอื่นๆ ได้ ในขณะที่อยู่ในดินแดนบรรพบุรุษแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงได้แต่เฝ้ามองไป ขณะที่สามจุดแสงเริ่มไปรวมตัวกันตรงตำแหน่งเมิ่งฮ่าว ราวกับเป็นแมงเม่าที่กำลังบินเข้าหากองไฟ

“ถ้าคนเหล่านั้นตายไป ก็จะเป็นการยืนยันความคิดของข้าที่ว่า ฟางฮ่าวสามารถควบคุมผู้พิทักษ์เต๋าได้!” ชายชราหอบหายใจออกมา ไม่อยากจะยอมรับว่าความคิดของมันถูกต้อง แต่ก็ไม่อาจจะมีคำอธิบายอื่นอีก

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เป็นสามวันต่อมา และเมิ่งฮ่าวก็อยู่ในดินแดนบรรพบุรุษมาประมาณหนึ่งเดือนแล้ว ในตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่เบื้องหน้าแท่นศิลาตัวอักษร หลับตาลงแน่นิ่งไม่ไหวติงไปโดยสิ้นเชิง

กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวอ่อนแอลงอย่างถึงที่สุด และเปลวไฟแห่งพลังชีวิตก็แทบจะถึงจุดที่กำลังจะมอดดับลงไป จิตใจเขาถูกบดขยี้ด้วยสายฟ้าขณะที่มรดกแห่งเวทรุ่นที่ห้ากำลังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ภาพที่เมิ่งฮ่าวเห็นทำให้ต้องรู้สึกว่า คล้ายกับกำลังตกลงไปในห้วงหุบเหวลึกอันไร้จุดที่สิ้นสุด

ราวกับว่าจิตใจเขากำลังบวมเป่งขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นความเจ็บปวดราวกับกำลังถูกฉีกกระชากออกอย่างรุนแรง รู้สึกคล้ายกับว่ากำลังตกอยู่ในห้วงนรกโลกันต์

เพราะว่าเขากำลังรับมรดกนี้ด้วยพื้นฐานฝึกตนที่ต่ำเกินไป อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของเขาได้เริ่มทำงานขึ้นมานานแล้ว และอยู่ในสถานะที่ช่วยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าจิตใจเขาจะไม่พังทลายหรือระเบิดขึ้น

สำหรับกายเนื้อเซียนแท้ของเขา มันได้ช่วยเป็นอย่างดีในการรักษาให้จิตใจเขามีความมั่นคงอยู่ต่อไป

ขณะที่มรดกแห่งเวทรุ่นห้าไหลเข้ามา มันก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปแบบของมือที่กำลังพลิกไปมาอยู่ในจิตใจเขาอย่างต่อเนื่อง

บางครั้งมันก็หงายขึ้นไป บางครั้งมันก็คว่ำลงมา เป็นวัฏจักรที่ดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยหยินและหยาง ราวกับว่าจักรวาลทั้งหมดได้ถูกซ่อนไว้อยู่ภายใน ประกอบไปด้วยเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี!

รอยแตกหนึ่งแสนแห่งที่อยู่รอบๆ ตัวเขาในพื้นหลุมฝังศพโบราณ ต่างก็มีรูปแบบที่เป็นวัฏจักรด้วยเช่นกัน ราวกับว่าพวกมันกำลังหายใจอยู่ พวกมันเปิดออกเป็นระยะ บางครั้งก็ปิดลงไป ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะดูคล้ายกับเป็นดวงตาหนึ่งแสนดวง กำลังเปิดปิดอยู่ตลอดเวลา

วัฏจักรเช่นนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามวัน อย่างไม่รู้จบ

ฟางเต้าหงได้เริ่มหอบหายใจต่อภาพที่เห็นนี้มานานแล้ว มันถูกเมิ่งฮ่าวทำให้ต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างขึ้นอีกครั้ง และต้องมองว่าเขาเป็นคนที่น่าหวาดกลัวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ มันไม่เคยเห็นใครที่ยังไม่ได้อยู่ในอาณาจักรเซียน แต่สามารถจะทำเรื่องราวเช่นนี้ได้มาก่อน

ความจริงแล้วมันไม่เคยแม้แต่จะได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“ถ้ามันบรรลุถึงอาณาจักรเซียน…มันก็จะต้องสร้างความสั่นสะเทือนให้กับดาวตงเซิ่งทั้งหมดอย่างแน่นอน!” ดวงตาฟางเต้าหงสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ และทันใดนั้นมันก็ตระหนักว่าความเป็นตายของชีวิตมันซึ่งถูกควบคุมโดยเมิ่งฮ่าว ไม่ใช่สิ่งที่…ไม่อาจจะยอมรับได้

สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ปรมาจารย์รุ่นเจ็ดมองลงไปยังเมิ่งฮ่าว และจิตใจก็ต้องสั่นสะท้านมากยิ่งกว่าฟางเต้าหง ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว จู่ๆ มันก็รู้สึกว่ากำลังมองไปยังอนาคตของตระกูลฟาง

“มันมีกายเนื้อเซียนแท้แล้ว และปราณเซียนภายในร่างมันก็แทบจะบรรลุถึงจุดสูงสุด…”

“มันไม่มีกลิ่นอายของต้นเถาวัลย์ประกายเซียนอยู่เลย หรือบางทีต้นเถาวัลย์ประกายเซียนอาจจะถูกภาพแห่งธรรมของมันดูดซับเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น…เด็กผู้นี้ก็จะกลายเป็นเซียนไปในเวลาไม่ถึงหนึ่งร้อยวัน!”

“ในวันข้างหน้า มันจะต้องกลายเป็นเสาหลักของตระกูลฟางอย่างแน่นอน!!”

เวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกของขุนเขาที่เก้า ในทะเลอันไร้ขอบเขตท่ามกลางเหล่าดวงดาวของทะเลที่เก้า กลิ่นอายอันน่าตกใจจู่ๆ ก็ระเบิดออก

กลิ่นอายนั้นทำให้กลุ่มหมอกขนาดใหญ่ม้วนตัวลอยขึ้นมาจากพื้นผิวของทะเล ก่อตัวเป็นเงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนกำลังเต้นรำอย่างงดงาม สายฟ้าปะทุขึ้นอยู่ที่ด้านบน และกลุ่มเมฆลงทัณฑ์ก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันนั้น ประตูเซียนขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ มองเห็นได้อยู่ที่ด้านบนของทะเลที่เก้า!

ทะเลที่เก้ามีเกาะอยู่มากมายนับไม่ถ้วน หลายเกาะเหล่านั้นเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ฝึกตน ในตอนนี้ จิตใจของผู้ฝึกตนเหล่านั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง และพวกมันก็มองขึ้นไปในอากาศ ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ห่างออกไปแค่ไหนก็ตามที พวกมันก็ยังรับรู้ได้ถึงปราณเซียนที่กำลังม้วนตัวไปมาอยู่

“นั่นคือ…ประตูเซียนแท้!!”

“ใครกำลังจะบรรลุกลายเป็นเซียนแท้!? ใครกำลังจะโจมตีไปยังประตูเซียนให้เปิดออก!?!?”

ขณะที่ผู้ฝึกตนบนเกาะต่างๆ ในทะเลที่เก้ากำลังตกตะลึงอยู่ รอยแยกขนาดใหญ่ก็เปิดออกตรงพื้นผิวของทะเลที่อยู่ด้านล่างประตูเซียน ภายในรอยแยกนั้นมีประตูขนาดใหญ่อีกหนึ่งบานได้ปรากฏขึ้น และกำลังพุ่งขึ้นมาจากในน้ำ

ภายในประตูเป็นหญิงสาวเยาว์วัย มีซากศพหญิงสาวลอยอยู่ที่ด้านหลัง หญิงสาวนางนั้นไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด ก่อนที่จะบินขึ้นไปในอากาศ ตรงไปยังประตูเซียน

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนนับพันก็บินออกมาจากประตูในทะเลด้วยเช่นกัน มีทั้งบุรุษและสตรี พวกมันทั้งหมดมีสีหน้าที่เคร่งเครียด ขณะที่กระจายตัวออกไปในทั่วทุกทิศทาง เพื่อก่อตัวเป็นค่ายกลเวทขนาดใหญ่ ต่อมามังกรทะเลขนาดใหญ่หนึ่งร้อยตัวก็พุ่งออกมาจากประตู ส่งเสียงร้องคำรามขณะที่หมุนวนเป็นรูปวงกลมอยู่ในบริเวณนั้น ทำตัวเป็นผู้พิทักษ์เต๋าให้กับหญิงสาวเยาว์วัยผู้นั้น ชายชราสิบคนก็ได้ปรากฏกายขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ละคนกระจายกลิ่นอายอันน่าประหลาดใจออกมา พวกมันทั้งหมดอยู่ในชั้นสูงสุดของอาณาจักรโบราณ และแต่ละคนก็มีตะเกียงวิญญาณที่ดับไปแล้วอย่างน้อยก็สิบสามหรือสิบสี่ดวง!

คนเหล่านี้…เป็นผู้ฝึกตนของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า! เป็นกองหนุนอันลึกล้ำแห่งสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่ในตอนนี้!

บุคคลสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นเป็นหญิงชรา ที่สวมใส่ชุดสีฟ้าทะเล กลิ่นอายของนางสูงเกินกว่ากลิ่นอายของผู้ฝึกตนทั้งหมดในบริเวณนั้น ราวกับว่าการปรากฏขึ้นมาของนางจะทำให้แม้แต่สวรรค์ก็ยังต้องโอนอ่อนต่อนาง

“ตงเอ๋อร์ วันที่เจ้าจะกลายเป็นเซียนแท้ได้มาถึงแล้ว” หญิงชรากล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ “เปิดประตูเซียนออก รับปราณเซียนเข้าไป และกลายเป็นเซียนแท้ให้จงได้!”

ฝานตงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังประตูเซียน

สายฟ้าแวบขึ้นและเสียงฟ้าผ่าก็ดังก้องขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจจะทำให้ฝานตงเอ๋อร์ต้องหยุดชะงักลงไปได้แม้แต่น้อย ร่างกายนางทันใดนั้นก็ระเบิดพลังที่สามารถจะต่อต้านกับทัณฑ์เซียนได้ออกมา

เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้กำลังเริ่มต้นขึ้น เป็นการประกาศให้รู้ว่ายุคของผู้ถูกเลือกรุ่นใหม่ได้มาถึงแล้ว ท่ามกลางพวกมันเป็นใครบางคนที่ได้สะกดข่มพื้นฐานฝึกตนไว้ในยุคก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะได้กลายมาเป็นเซียนแท้ในยุคปัจจุบันนี้ เป็นผู้ฝึกตนของขุนเขาทะเลที่เก้า เป็นคนที่สองที่ได้เดินตามรอยเท้าของตานกุ่ย และสามารถกลายเป็นเซียนแท้ได้…ฝานตงเอ๋อร์!

ในตอนนี้เองที่กลุ่มคนในสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อเฝ้าสังเกตดูการกลายเป็นเซียนของฝานตงเอ๋อร์ ที่ด้านบนของทะเลที่เก้า!

เวลาเดียวกันนั้น…

ในนรกโลกันต์แห่งขุนเขาที่สี่ ที่ด้านข้างของสะพานแห่งการเกิดใหม่ หญิงสาวเย็นชาผู้หนึ่งยืนอยู่ที่นั่น เหลียวหลังมองกลับไปยังสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นทิศทางของขุนเขาที่เก้า ราวกับนางกำลังมุ่งหวังว่าจะสามารถมองไปยังขุนเขาที่เก้าได้อย่างชัดเจนจนไม่มีทางจะลืมเลือนมันไปได้ เส้นผมยาวสีดำสนิทของนางพลิ้วไปมาอยู่ในสายลม นางดูงดงามราวกับเป็นผีเสื้อ ขณะที่ก้าวเท้าตรงเข้าไปในสะพานแห่งการเกิดใหม่…

ในชีวิตก่อนหน้านี้ นางถูกเรียกว่าสวี่ชิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!