ตอนที่ 983
วงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเซียน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความมุ่งหวังและบ้าคลั่ง เขาได้เปิดชีพจรไปแล้วหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุด และได้เดินไปบนเส้นทางที่แม้แต่ในสมัยโบราณ ก็ไม่มีใครเคยเดินมาก่อน แม้แต่ตี้จ้างต้าจุนซึ่งเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่สี่ ก็ไม่เคยทำในสิ่งที่คล้ายกับเมิ่งฮ่าวนี้ ในตอนที่ท่านได้กลายเป็นเซียนแท้
เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทั้งหมด แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมหยุด เปลวไฟเต้นไปมาอยู่ในดวงตา ซึ่งเป็นแสงสะท้อนของแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในฝ่ามือ ราวกับว่าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์นั้นได้กลายเป็นแรงปรารถนาที่อยู่ในดวงตาของเมิ่งฮ่าว
“ชีพจรจุดสุดท้ายของข้า…แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์!” จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังเต้นรัว เขารู้ว่าแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ก็ไม่อาจจะหยุดความตื่นเต้น ถึงความคิดที่จะให้มันกลายมาเป็นชีพจรจุดสุดท้ายของตนเองได้!
“ถ้าข้าสามารถสร้างชีพจรจุดที่หนึ่งร้อยยี่สิบสามขึ้นมาได้สำเร็จ ข้าก็คงไร้ความเสียใจใดๆ อีก!”
“มันคือการวางเดิมพัน ถ้าข้าทำได้สำเร็จ ก็จะมีชีพจรเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งจุด แต่ถ้าทำไม่ได้…” จิตใจเมิ่งฮ่าวเต้นรัว แต่ดวงตาก็สาดประกายด้วยความคาดหวังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เสียหายอะไร!” เส้นผมและเสื้อผ้าของเมิ่งฮ่าวพลิ้วไปมา ขณะที่พลังเริ่มพุ่งขึ้นไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวส่งเสียงดังกระหึ่มกึกก้องออกไป
“ก่อนที่โลกจะปรากฏขึ้น, ก่อนที่จะมีสวรรค์และปฐพี, ก่อนที่จะสามารถนับคำนวนเวลาที่ผ่านไปได้ บางที…อาจจะไม่มีสิ่งที่เป็นเซียนอมตะ ดังนั้น…เซียนคนแรกมาจากอะไรกัน?!”
“เซียนคนแรกจะต้องเดินไปบนเส้นทางของตนเองอย่างแน่นอน มันต้องพยายามทำมามากมายหลายสิ่ง และต้องล้มเหลวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะในที่สุดก็ได้ค้นพบเส้นทางที่ถูกต้อง บุคคลแรกที่ทำได้สำเร็จเรียกตัวเองว่าเซียนอมตะ และนั่นคือวิธีการที่เซียนอมตะได้ถือกำเนิดขึ้น!”
“มันต้องเกิดขึ้นเช่นนั้น ดังนั้นข้าจึงสามารถกระทำในสิ่งเดียวกันนี้ได้ ข้า, เมิ่งฮ่าว จะกลายเป็นเซียนด้วยวิธีการของตนเอง!”
ประตูเซียนอันยิ่งใหญ่, แสงเซียนอันไร้ขอบเขต, ปราณเซียนที่ไร้สิ่งกีดขวาง, มังกรเซียนที่กำลังหมุนวนไปมา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้กลายเป็นพื้นหลังให้เมิ่งฮ่าวดูโดดเด่นขึ้นมา
ถ้าเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เล็กๆ นี้มีขนาดใหญ่มากขึ้น ไม่ว่าเมิ่งฮ่าวจะมีความมุ่งมั่นอย่างไรก็ตามที เขาก็คงไม่อาจจะดูดซับมันเข้าไปได้ทั้งหมด แต่…ในตอนนี้ก็มีเปลวไฟอยู่ไม่มากนัก!
มีเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นในตะเกียงสัมฤทธิ์นี้!
“รางวัลมีไว้แด่ผู้กล้าเท่านั้น ในชีวิตของคนเรา มีอยู่หลายครั้ง…ที่จำเป็นต้องเสี่ยงหรือวางเดิมพัน!” เมิ่งฮ่าวจับตะเกียงสัมฤทธิ์ไว้แน่น จ้องมองไปยังแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างในอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกันนี้ ทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็กำลังมองไปยังผู้ฝึกตนนามว่าเมิ่งฮ่าว คนทั้งหมดมองเห็นตะเกียงสัมฤทธิ์ที่เขาถืออยู่ในมือ และมองเห็นเปลวไฟที่กำลังกระพริบไปมาอยู่ที่ด้านในด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามแม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า ก็ยังไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงคุณสมบัติที่แปลกๆ ของตะเกียงสัมฤทธิ์นี้ได้ แต่พวกมันก็สามารถจะรู้สึกได้ว่าเปลวไฟที่อยู่ด้านในประกอบไปด้วย…พลังแห่งแก่นแท้!
“แก่นแท้!! เปลวไฟในมือของมันกระจายแก่นแท้ออกมา!”
“น่าเสียดายที่มันมีขนาดเล็กมาก ถ้ามีแก่นแท้มากกว่านี้ พวกเราก็อาจจะได้รับความรู้แจ้งจากมันได้”
“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเด็กผู้นั้นจะมีโชควาสนาอะไร ที่ทำให้มันได้รับสิ่งของที่ประกอบไปด้วยแก่นแท้นั้นมา ก็ช่างเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากเย็นยิ่ง! บางทีพวกเราอาจจะค้นหาร่องรอยบางอย่าง ของต้นกำเนิดของแก่นแท้เปลวไฟนั่นจากคนผู้นี้ได้?” ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าจากสำนักและตระกูลต่างๆ มองไปยังเปลวไฟด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าจากเต๋าคุนหลุนจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา เสียงของมันดังก้องเข้าไปในหูของคนทั้งหมดที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าเช่นเดียวกัน
“ท่านทั้งหลาย เด็กผู้นี้…มาจากดาวหนานเทียน”
เมื่อคนทั้งหมดได้ยินคำพูดประโยคนี้ ดวงตาพวกมันก็เบิกกว้าง หลายคนได้ยกเลิกความคิดจากก่อนหน้านี้ และมีท่าทางเสียใจขึ้นอยู่บนใบหน้าอย่างรวดเร็ว สำหรับคนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าแล้ว ดาวหนานเทียนคือสิ่งที่…
ต้องห้ามโดยสิ้นเชิง!
อย่างไรก็ตาม เมื่อสี่ชายชราจากเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) มองเห็นตะเกียงสัมฤทธิ์นั้น สีหน้าพวกมัน…ก็เปลียนเป็นประหลาดใจขึ้นในทันที!
พวกมันอ้าปากค้าง จากนั้นก็สบตากันไปมา ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่า…ของสิ่งนั้นจะมีอยู่จริงๆ!!”
“ข้ามักจะคิดว่ามันเป็นแค่ตำนานเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะปรากฏขึ้น! ไม่ผิดพลาดแน่…ลวดลายบนตะเกียงสัมฤทธิ์นั่นไม่ผิดแผกไปแม้แต่น้อย…”
“มีใครบางคนสามารถจะจับต้องมันได้จริงๆ…นี่…นี่…” สี่ชายชรารู้สึกว่าจิตใจพวกมันกำลังหมุนคว้าง คลื่นลูกใหญ่แห่งความประหลาดใจกำลังสาดซัดเข้ามาในจิตใจ
ในตอนนี้ผู้ฝึกตนทั้งหมดกำลังจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว
คนทั้งหมดมองไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวชูตะเกียงสัมฤทธิ์ขึ้นสูงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่กัดฟันแน่นอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็อ้าปากและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
ฉับพลันนั้นเปลวไฟที่อยู่ในตะเกียงสัมฤทธิ์ก็แวบขึ้น จากนั้นก็ลอยออกมาจากตะเกียง ในชั่วพริบตาก็ถูกเมิ่งฮ่าวดูดเข้าไปในปาก
เขาดูดกลืนเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เข้าไป!
เมื่อเมิ่งฮ่าวดูดแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เข้าไป จิตใจก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ในเวลาเดียวกันนั้น ความร้อนอันยากจะอธิบายออกมาได้ก็ระเบิดขึ้นภายในลำคอของเขา
เปลวไฟอันเข้มข้นแทบจะเผาไหม้โลหิตของเมิ่งฮ่าวให้ไหม้เกรียมไปในทันที ก่อนที่เขาจะทันได้กระพริบตา ร่างกายก็กำลังลุกไหม้จนแทบจะกลายเป็นเถ้าธุลี ไม่นานนักเส้นเลือดเขียวก็ปะทุขึ้นมาบนใบหน้าเขา จากนั้น…รอยแตกจำนวนมากก็กระจายออกไปทั่วร่าง
รอยแตกนั้นเป็นสีแดง เมื่อพวกมันเปิดออก ก็ดูคล้ายกับเป็นลาวาที่กำลังจะระเบิดออกมาจากภายในร่างกาย
เมิ่งฮ่าวส่งเสียงกู่ร้องอย่างโหยหวนออกมา ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับว่าการกลืนกินเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ลงไป ก็เหมือนกับการกลืนกินภูเขาไฟลงไปทั้งลูก!
หรือบางที…เขากำลังกลายเป็นภูเขาไฟไปแล้วจริงๆ!
ชีพจรเซียนทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุดโคจรหมุนวนอย่างเต็มกำลัง และพลังเซียนอันไร้ขอบเขตก็พุ่งขึ้นมา อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ก็แค่ทำให้เมิ่งฮ่าวยังคงมีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่อาจจะดูดซับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เข้าไปได้
ความเจ็บปวดอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ เต็มอยู่ภายในร่าง ขณะที่เปลวไฟส่งเสียงดังกระหึ่ม และบรรลุถึงจุดที่เขาไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป
เสียงปะทุได้ยินมา และรอยแตกก็กระจายออกไปทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวมากขึ้น พวกมันกระจายไปทั่วใบหน้าและลำคอ ในไม่ช้าก็ปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง
ภายในรอยแตกเหล่านั้นเป็นแสงสีแดงเข้ม ซึ่งดูเหมือนจะบ่งบอกว่าร่างกายเขากำลังจะระเบิดออกมาแล้ว
ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าก็ตามที นี่คือทัณฑ์เซียนของเขา, ชีพจรเซียนของเขา และทางเลือกของเขาเอง!
มีเพียงคนเดียวที่สามารถจะช่วยเหลือเขาได้ก็คือตัวเขาเอง มีแต่ต้องหลอมรวมแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ที่กำลังทดลองนี้ได้สำเร็จเท่านั้น ถึงจะสามารถช่วยเขาได้
“ข้าต้องทำได้สำเร็จ!” เปลวไฟไหลซึมออกมาจากดวงตาเมิ่งฮ่าว และรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังอันเข้มข้นและดุร้าย ที่กระจายไปทั่วร่างซึ่งก็คือเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์!
ถ้าเขาไม่มีชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุดแล้วละก็ เขาคงจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะมีชีพจรเซียนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาก็ยังคง…เข้าไปใกล้จุดที่กำลังจะพังทลายลงไปแล้ว
ในตอนนี้เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าทั้งหมดกำลังเฝ้ามองไปด้วยความใกล้ชิด ปรมาจารย์ปฐพีแห่งตระกูลฟางมองไปด้วยความกระวนกระวายใจ และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยโทสะ
“เจ้าโง่! เจ้าคนปัญญาอ่อน! เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าดูเหมือนว่าจะฉลาดเป็นอย่างมาก แต่ทำไมถึงได้กระทำในสิ่งที่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้? บัดซบ! ชีพจรหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุดก็มหัศจรรย์มากแล้ว ทำไมถึงต้องดื้อรั้นที่จะเปิดขึ้นมาอีก?!” หลังจากที่ก่นด่าราวกับเป็นลมพายุ ในที่สุดปรมาจารย์ปฐพีก็ถอนหายใจและมองไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความชื่นชม
จากมุมมองของตระกูลฟาง มันไม่ต้องการให้เมิ่งฮ่าวต้องพบเจอกับอันตรายที่ร้ายแรงใดๆ อย่างไรก็ตามจากมุมมองของผู้ฝึกตน มันก็ต้องยอมรับว่าเมิ่งฮ่าวช่างบ้าคลั่งอย่างแท้จริง เมื่อทำการฝึกตน มีแต่ต้องหลงใหลในพลังซึ่งคล้ายกับเป็นความบ้าคลั่ง ซึ่งจะทำให้คนผู้นั้น…กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
ไม่ใช่มันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีความคิดเห็นเช่นนี้ เหล่าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าแห่งสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดที่กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็มองไปที่เขาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ในทันที พวกมันรับรู้ได้ถึงความบ้าคลั่งของเขา และความหลงใหลที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งให้จงได้
ด้วยการวางเดิมพันเช่นนี้ ยอมเสี่ยงทุกวิถีทางด้วยวิธีการของเขา ได้ทำให้พวกมันเกิดเป็นความรู้สึกที่ประทับใจขึ้น
ผู้แข็งแกร่งจากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ฟางเว่ยลอยตัวอยู่กลางอากาศ จิตใจสั่นสะท้านขณะที่มองไปยังสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ สำหรับบิดามันฟางซิ่วซาน กำลังจ้องมองไปด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด เต็มไปด้วยความยินดี
“มันรนหาที่ตายเอง! เจ้าลูกสุนัขน้อยนี้กำลังฆ่าตัวตาย ฮา ฮา ฮา! ขอให้ร่างมันระเบิดออกไป!”
ผู้ถูกเลือกเซียนแท้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า มองเห็นความมุ่งมั่นที่เมิ่งฮ่าวได้แสดงออกมา สีหน้าพวกมันก็แสดงออกมาด้วยความแตกต่างกันออกไป
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้น ขณะที่รอยแตกได้กระจายไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง ทำให้ดูเหมือนว่าเขาถูกเย็บติดเข้าด้วยกันจากชิ้นส่วนต่างๆ
มีบางตำแหน่งบนใบหน้าของเขา ที่รอยแยกได้ผสานเข้าด้วยกัน ทำให้เศษผิวหนังเริ่มหลุดลอกออกไป และกลายเป็นเถ้าธุลี มองเห็นเป็นรอยแผลขนาดเท่าเล็บนิ้ว ภายในนั้นไม่มีเลือดเนื้อแต่เป็นทะเลแห่งเปลวไฟ
ขณะที่ผิวหนังของเขาได้เริ่มหลุดลอกออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ ชีพจรเซียนทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุดก็ได้กลายเป็นมังกรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสองตัว แต่กระนั้นแม้แต่กระแสพลังทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบสองกระแสก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้
คนทั้งหมดที่มองไปเริ่มหอบหายใจออกมา ด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน
เมิ่งฮ่าวแผดร้องคำราม ร่างกายสั่นไปมา สายตาเริ่มพล่าเลือน แต่ความมุ่งมั่นในแววตาก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น
“ข้าจะไม่ล้มเหลว! ชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุด และกระแสพลังมากกว่าร้อย ดูเหมือนจะน่าเหลือเชื่อ แต่พวกมันก็ยังแยกออกจากกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ยังไม่เพียงพอ…”
“แต่ถ้าชีพจรเซียนหนึ่งร้อยยี่สิบสองจุดเหล่านี้สามารถกลายเป็นชีพจรเซียนแห่งความเป็นนิรันดร์ ถ้าเช่นนั้น…อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ของข้าก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยยี่สิบสองเท่า!”
“และจากนั้นข้าก็จะต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน!” ขณะที่จิตใจเขาหมุนคว้าง ก็ได้พิจารณาถึงสถานการณ์ในตอนนี้ และได้ข้อสรุปขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นเขาก็สั่นสะท้านขึ้นขณะที่ชีพจรเซียนทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็น…มังกรแห่งความเป็นนิรันดร์!
มังกรแห่งความเป็นนิรันดร์หนึ่งร้อยยี่สิบสองตัวระเบิดขึ้น และอาณาจักรความเป็นนิรันดร์ก็ก่อตัวขึ้นมาจนทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนขึ้นในทันที
ตูมมมมมมม!
เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา รอยแตกที่ปกคลุมไปทั่วร่างเริ่มหดเล็กลง และเปลวไฟที่อยู่ภายในร่างก็เริ่มเข้มข้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ กลายเป็นชีพจรเซียนเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอย่างช้าๆ
ในเวลาเดียวกันนั้น ประตูเซียนก็กระจายปราณเซียนออกมา หลอมรวมเข้าไปในร่างเขา ชีพจรเซียนเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ตกผลึกแข็งตัวลง ในเวลาเดียวกันนั้นบาดแผลอันน่ากลัวที่เขาเพิ่งจะได้รับมาก็เริ่มถูกรักษาฟื้นฟู
หลังจากธูปเผาไหม้หมดไปครึ่งดอก ร่างกายเมิ่งฮ่าวก็ฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสมบูรณ์ เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงแห่งความเชื่อมั่นอย่างเข้มข้น ยิ่งไปกว่านั้นพลังที่อยู่ภายในร่างก็ได้พุ่งทะยานขึ้นไป ทำให้เขามีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม!
“เปิดชีพจรเซียนเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ โบกสะบัดมือ ขณะที่ชีพจรเซียนอีกจุดเริ่มเปิดออกอยู่ภายในร่าง
หนึ่งร้อยยี่สิบสามจุดชีพจร!
นี่คือ…ชีพจรจุดสุดท้ายของเมิ่งฮ่าว!
มังกรเซียนอีกตัวเริ่มบินไปรอบๆ ประตูเซียน!
มังกรตัวที่หนึ่งร้อยยี่สิบสาม!
มังกรตัวสุดท้าย!
วงจรอันยิ่งใหญ่!
ทันใดนั้นเอง สวรรค์ก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม ปฐพีเต็มไปด้วยเสียงกึกก้อง ท้องฟ้าเปลี่ยนสี และทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าก็สั่นสะเทือน!
เมิ่งฮ่าวทำได้สำเร็จในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และบางที…อาจะไม่มีทางทำได้อีกเลย! เขาเปิดชีพจรได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบสามจุด และได้บรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเซียน!