Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1033

ตอนที่ 1033

พลังอำนาจแห่งลำดับขั้น

ลำแสงทั้งสองนั้น หนึ่งคือนกแก้วหลากสี ซึ่งมีผีโต้งในรูปแบบของกระดิ่งผูกติดอยู่ที่ข้อเท้าของมัน กระดิ่งใบนั้นส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งดังก้องออกมาอยู่ตลอดเวลา

อีกหนึ่งคือ…หญิงสาวเยาว์วัย มีใบหน้าที่ดุร้ายและเส้นเลือดเขียวก็โผล่ขึ้นมาบนหน้าผาก มีท่าทางซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่านางกำลังมีโทสะจนแทบจะบ้าคลั่งไป ซึ่งก็คือ…หลี่หลิงเอ๋อร์

นกแก้วดูเหี่ยวแห้งและค่อนข้างจะผอมโซ ขณะที่บินฝ่าอากาศมา ด้านหลังมันเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ กว้างนับหมื่นจ้างและดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

สิ่งมีชีวิตนั้นมีรูปร่างเป็นลูกทรงกลมยักษ์ ปกคลุมไปด้วยขนจำนวนมากอย่างไร้จุดสิ้นสุดลอยพลิ้วไปมา ดวงตาที่มีอยู่ข้างเดียวของมันจ้องมองออกไปด้วยความเย็นชาอย่างไร้ขอบเขต เส้นขนที่ปกคลุมไปทั่วร่างของมัน รวมตัวกันเป็นหนวดที่สะบัดฟาดไปมาอยู่รอบๆ เป็นระยะ ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันสัมผัสโดน ในตอนนี้สิ่งมีชีวิตที่แปลกๆ นี้กำลังไล่ล่านกแก้วและหลี่หลิงเอ๋อร์อยู่

ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้จะมีกลิ่นอายที่น่ากลัว และมีรูปร่างที่น่าตกใจเมื่อมองไป แต่มันก็ไม่ได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วมากนัก แทบจะราวกับว่ามันได้ตกอยู่ในความขัดแย้งของกฎธรรมชาติที่คงอยู่ในเศษซากเซียนแห่งนี้ ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันกดทับลงมาบนร่างมันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อมันเคลื่อนที่ไป ก็ถูกปกคลุมด้วยประกายแสงที่ดูริบหรี่เลือนราง

“ข้าเพิ่งจะมีอะไรกับเจ้าไป! แล้วเจ้าจะมาทำร้ายข้าไปทำไม!?” นกแก้วแผดร้องขึ้นมาด้วยโทสะ

“ใช่แล้ว! มันเป็นผู้ที่ไร้ศีลธรรม! มันไม่ถูกต้อง! รอให้ซานเหยียแข็งแกร่งกว่านี้ก่อนเถอะ ข้าจะต้องเปลี่ยนแปลงเจ้าให้จงได้!”

“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก!” หลี่หลิงเอ๋อร์ร้องตะโกนขึ้นมา ดูเหมือนว่าแทบจะบ้าคลั่งไปได้ทุกขณะจิต การที่ถูกห้อมล้อมด้วยนกแก้วและผีโต้ง ทำให้นางรู้สึกว่าความมีเหตุผลของนางกำลังพังทลายลงไป

หลังจากที่ถูกเหวี่ยงเข้าไปในเศษซากเซียนโดยปรมาจารย์เอกะเทวะ นางก็อยู่ร่วมกับนกแก้วและผีโต้ง ทั้งหมดเดินทางฝ่าเศษซากเซียนมาด้วยความระมัดระวังตัว พยายามที่จะค้นหาทางออกไปให้จงได้

ตอนแรกทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี นางสามารถจัดการกับการพูดคุยอย่างไม่รู้จบของผีโต้ง และความเย่อหยิ่งอย่างถึงที่สุดของนกแก้วได้ นอกจากนั้นก่อนที่จะทุบตีสุนัข ก็ต้องเห็นแก่หน้าเจ้าของของมันก่อน เมิ่งฮ่าวได้ช่วยชีวิตนางไว้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะต้องเอาใจใส่ดูแลสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆ ของเขา

อย่างไรก็ตาม…ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนว่าเจ้านกแก้วบัดซบนี้จะมีการเสพติดที่ผิดเพี้ยนไปบางอย่าง จนหลี่หลิงเอ๋อร์ต้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างหลายต่อหลายครั้ง เมื่อนกแก้วไปเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่มีขน มันก็จะมีการกระทำที่เหมือนกับคนปัญญาอ่อนในทันใด ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน นกแก้วก็จะโห่ร้องด้วยความเบิกบานใจ และพุ่งตรงเข้าไปด้วยความตื่นเต้นอยู่เสมอ

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น คือการข่มขืนต่อหน้าต่อตาของหลี่หลิงเอ๋อร์ และนางก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าศีรษะกำลังจะระเบิดออกไป และความเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่นางเคยมีมาก็ต้องพังทลายลงไปจนหมดสิ้น

ไม่นานมานี้สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ นกแก้วได้ไปข่มขืนลูกทรงกลมยักษ์ ในตอนแรกลูกทรงกลมนั้นไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหว แต่หลังจากที่นกแก้วได้ทำไปหลายร้อยรอบ ในที่สุดฟางเส้นสุดท้ายของมันก็ขาดลง เริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมาราวกับเป็นตัวต่อ สิ่งมีชีวิตลูกทรงกลมไม่ยอมทนอีกต่อไป ส่งเสียงแผดร้องคำรามออกมาจนทำให้พื้นฐานฝึกตนของหลี่หลิงเอ๋อร์แทบจะพังทลายลงไป

ทั้งหมดรีบหลบหนีจากไปในทันที แต่ก็เห็นได้ชัดว่าลูกทรงกลมนี้ได้รับความอัปยศมามากเกินไป จึงได้ไล่ล่าติดตามมาด้วยความโกรธแค้น

ขณะที่หลบหนีไป ทั้งหมดก็รับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นของวิชาเวท และสันนิษฐานว่าคงออกมาจากผู้คน นกแก้วจึงได้แนะนำว่าควรจะไปยังทิศทางนั้น เพื่อจะร้องขอความช่วยเหลือสำหรับหายนะที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

แทบจะในทันทีที่พวกมันใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นนกแก้วและหลี่หลิงเอ๋อร์ เช่นเดียวกับซูเยียน แต่ความสนใจของซูเยียนได้ไปอยู่ที่ลูกทรงกลมยักษ์ที่กำลังติดตามพวกมันมามากกว่า

“อสูรกลืนจันทร์!” นางสูดลมหายใจเข้าไป สีหน้าสลดลงและจิตใจก็เริ่มเต้นรัว การปรากฏกายขึ้นอย่างกระทันหันของอสูรกลืนจันทร์ ได้ตัดเส้นทางหลบหนีของนางไป ที่เบื้องหน้านางเป็นเมิ่งฮ่าวและตัวด้วงสีดำของเขา และที่ด้านหลังนางก็เป็นอสูรกลืนจันทร์ นางกำลังตกอยู่ในร่างแห ทำให้ต้องสูญเสียความหวังเกือบทั้งหมดไป

“บัดซบ! เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร? มีอสูรกลืนจันทร์อยู่น้อยมากในเศษซากเซียนแห่งนี้ โดยปกติแล้วพวกมันมักจะหลับใหลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าสวรรค์จะถล่มปฐพีจะทลายลงไปเช่นใด มันก็ไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้ แต่ถ้ามันตื่นขึ้นมา กฎธรรมชาติก็จะเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้เคลื่อนที่ไปมา แล้ว…แล้วเกิดอะไรขึ้น? ทำให้อสูรกลืนจันทร์นี้ถึงได้ไล่ล่าคนเหล่านั้นมา?”

“หรือว่าหญิงสาวและนกแก้วนั่น ไปตอแยอสูรกลืนจันทร์จนมันมีโทสะขึ้นมาเป็นอย่างมาก จนต้องไล่ล่าพวกมันมา!?”

หนังศีรษะซูเยียนด้านชา นางตระหนักดีถึงความน่ากลัวของอสูรกลืนจันทร์ที่เกรี้ยวกราดนี้ นางกำลังจะพยายามหลบหนีจากไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ระเบิดตรงมายังนาง

ซูเยียนขยับมือร่ายเวทขึ้นในทันที ทำให้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นเพื่อโจมตีกลับไปยังเมิ่งฮ่าว ในไม่ช้าคนทั้งสองก็ต่อสู้ติดพันกันขึ้นมา ขณะที่ต่อสู้กันไปมาอยู่นั้น ซูเยียนต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปหลายครั้ง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และนางก็ตระหนักว่าถึงแม้ว่านางจะต่อสู้กันอย่างสูสีกับเมิ่งฮ่าว แต่ก็ต้องเสียสมาธิกับการหลบเลี่ยงจากการโจมตีจากกลุ่มด้วงสีดำที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ทำให้นางต้องตกอยู่ในอันตรายมาหลายครั้ง

ในเวลาเดียวกันนั้น อสูรกลืนจันทร์กำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ความเย็นชาในดวงตาของมันดูเหมือนว่าสามารถจะทำลายสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่มันพบเจอมาได้ทั้งหมดไป

“บัดซบ!!” สีหน้าซูเยียนเปลี่ยนไป ขณะที่โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก นางรู้ว่าไม่อาจจะต่อต้านได้นานมากนัก อย่างมากที่สุดก็อาจจะแค่สิบลมหายใจเท่านั้น ดังนั้นนางจะต้องหลบหนีจากไป

ซูเยียนกัดฟันแน่น สีหน้าเริ่มเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวอย่างน่าเหลือเชื่อ นางปล่อยให้แก่นแท้แห่งเปลวศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวกระแทกลงมาบนร่าง ทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก จนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่นางก็ยืมพลังจากการกระแทกนั้นทะลวงผ่านวงล้อมของกลุ่มด้วงสีดำไป และจากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยัง…อสูรกลืนจันทร์

ขณะที่นางพุ่งตรงไป ก็ยื่นมือขวาออกไป ทำให้โลหิตทั้งหมดของร่างนางพุ่งขึ้นมา ไม่นานต่อมา กลิ่นหอมหวานแปลกๆ ก็เริ่มกระจายออกมาจากร่างนาง

ผู้ฝึกตนไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกๆ เกี่ยวกับกลิ่นหอมนี้ได้ แต่ทันใดนั้นก็ทำให้อสูรกลืนจันทร์ต้องจ้องมองมา ฉับพลันนั้นร่างของมันก็เปิดออกเป็นช่องขนาดใหญ่ แทบจะดูคล้ายกับเป็นปากของมัน

ปากนั้นดูน่ากลัวโดยสิ้นเชิง ขณะที่มันเปิดออกมาอย่างฉับพลัน ทำให้ดูเหมือนกับว่ามันมีตาอยู่สองดวง ปากของมันเต็มไปด้วยเขี้ยวที่แหลมคมราวใบมีดเรียงรายกันเป็นแถวซ้อนกันไปมา มีเป็นจำนวนนับหมื่น สาดประกายแสงอันเย็นชาออกมา แทบจะดูเหมือนว่าทั่วทั้งร่างของมันถูกสร้างขึ้นมาด้วยเขี้ยว!

ปากขนาดใหญ่ยักษ์นั้นสูดลมหายใจเข้าไป และซูเยียนก็สั่นสะท้านลอยตรงไป คล้ายกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่าน มุ่งหน้าตรงไปยังอสูรกลืนจันทร์

ในชั่วพริบตานางก็ลอยผ่านนกแก้ว รวมทั้งหลี่หลิงเอ๋อร์ ซึ่งยังคงอ้าปากค้าง หลังจากที่ได้เห็นเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้

ตอนนี้ทั้งหลี่หลิงเอ๋อร์และนกแก้ว รวมทั้งผีโต้ง กำลังมองไปขณะที่อสูรกลืนจันทร์อ้าปากของมันออกมา เมื่อทั้งหมดมองเห็นเขี้ยวอันน่ากลัวนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านในปากของมัน ความตกตะลึงของพวกมันก็เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าซูเยียนแทบจะถูกอสูรกลืนจันทร์กลืนกินลงไปแล้ว ถ้าเขาใช้กระถางสายฟ้าเพื่อสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับนาง…เขาก็คงจะถูกสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นั้นกลืนกินลงไปอย่างน่าเศร้า

“ช่างเป็นแผนการที่ชาญฉลาดนัก!” เมิ่งฮ่าวคิด ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าซูเยียนกำลังพยายามทำอะไรอยู่ เห็นได้ชัดว่านางได้กระตุ้นให้สิ่งมีชีวิตนั้นกลืนกินนางลงไป เขาคาดคิดว่านางต้องมีวิธีในการออกไปจากปากของสิ่งมีชีวิตนั้น ถึงแม้ว่ามันจะกลืนกินนางลงไปก็ตามที นางกำลังใช้วิธีการนี้เพื่อหลบหนีจากไป และมั่นใจว่าเมิ่งฮ่าวต้องไม่ใช้กระถางสายฟ้าของเขาอย่างแน่นอน “แต่เจ้าก็ยังไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้!”

เมิ่งฮ่าวรู้สึกตกตะลึงต่อเวทแห่งเต๋าของซูเยียน ถึงแม้เหตุการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนี้ก็ตามที ดวงตาเขายังคงแวบขึ้นขณะที่ตบไปยังถุงสมบัติเพื่อหยิบเอาผลเนี่ยผานออกมา! นี่ไม่ใช่ผลเนี่ยผานของเขา มันคือผลเนี่ยผานของปรมาจารย์รุ่นแรกแห่งตระกูลฟาง!

โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เมิ่งฮ่าวกดผลเนี่ยผานเข้าไปในหน้าผาก เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจ ขณะที่ผลเนี่ยผานจมลงไป ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในร่าง

ตูมมมมมมม!

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าชีพจรเซียนของเขา ได้ระเบิดเป็นพลังออกมา ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่พื้นฐานฝึกตนได้พุ่งทะยานสูงขึ้นไป

สามสิบสามสวรรค์พังทลายลงไป กลายเป็นแสงเซียนนับไม่ถ้วน ที่ไหลปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว จนกลายเป็นเสื้อผ้าเซียน ขณะที่เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในความว่างเปล่า เขาดูไม่เหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรเซียนอีกต่อไป เขาได้ก้าวเข้าไปมากเกินกว่านั้น…เขาได้กลายเป็นจักรพรรดิเซียนแห่งครั้งบรรพกาล!

ดวงตาหลี่หลิงเอ๋อร์เบิกกว้างขึ้น นางเคยเห็นสิ่งเดียวกันนี้มาก่อนจากบนจอภาพ แต่ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมา จนทำให้เขาสามารถจะสังหารได้แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณ ที่มีตะเกียงวิญญาณดับไปแล้วสามดวง

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่นางรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เป็นเช่นนี้ด้วยตนเอง ทำให้จิตใจนางต้องเต้นรัว พื้นฐานฝึกตนสั่นสะท้าน และชีพจรเซียนของนางก็ถูกบังคับให้ต้องอ่อนน้อมต่อเมิ่งฮ่าว

ซูเยียนรู้สึกหวาดกลัว นางไม่เคยคาดคิดว่าเมิ่งฮ่าวจะมีไพ่ไม้ตายเช่นนี้ หนังศีรษะนางด้านชาขณะที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อบินตรงไปยังอสูรกลืนจันทร์ นางรู้ดีว่าการไปถึงตัวมันคือความหวังเพียงหนึ่งเดียวของนาง

พลังที่ยากจะอธิบายออกมาได้ พุ่งขึ้นมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาจ้องมองไปยังซูเยียนที่เข้าไปใกล้อสูรกลืนจันทร์อย่างเย็นชา เขาก้าวเดินไปด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก

เพียงก้าวแรกเขาก็พุ่งผ่านหลี่หลิงเอ๋อร์และนกแก้วไป จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้พลังอันอ่อนโยนได้ผลักให้หลี่หลิงเอ๋อร์และนกแก้วลอยห่างออกไปจากอสูรกลืนจันทร์

ก้าวที่สองทำให้เขาหายตัวไป และจากนั้นก็ไปปรากฏขึ้นใหม่อยู่ระหว่างซูเยียนและอสูรกลืนจันทร์

ตอนนี้ซูเยียนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นางระเบิดวิชาเวทและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดออกไป แต่มือของเมิ่งฮ่าวก็ยื่นตรงมา ทำให้ทั้งหมดนั้นแตกกระจายไปก่อนที่…จะคว้าจับไปที่ลำคอของนาง

มือของเขาเย็นเยียบราวน้ำแข็ง และในทันทีที่แตะสัมผัสไปโดนลำคอของซูเยียน พื้นฐานฝึกตนของนางก็ถูกสะกดไว้โดยพลังเซียนของเมิ่งฮ่าว

“พวกเราไม่มีความเป็นศัตรูต่อกัน จนทำให้ข้าต้องสังหารเจ้าไป ถ้าเจ้าเชื่อฟัง ข้าก็จะไม่สังหารเจ้า” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น

ในเวลาเดียวกันนั้น หนึ่งในหนวดของอสูรกลืนจันทร์ก็ได้พุ่งตรงมายังคนทั้งสอง ในขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังจะหลบเลี่ยงออกไป ทันใดนั้นหนวดก็หยุดชะงักนิ่ง แทบจะราวกับว่ามันรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างบนร่างของเมิ่งฮ่าว ทำให้มันต้องหดกลับไปในทันที

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น หันกลับไปมองยังอสูรกลืนจันทร์ และปากที่อ้าค้างของมัน ซึ่งตอนนี้ได้อยู่ห่างออกไปแค่สิบจ้างเท่านั้น อสูรกลืนจันทร์หวาดกลัวจนร่างกายมันสั่นสะท้านขึ้นมา และ…ค่อยๆ ถอยไปทางด้านหลัง ปิดปากอันกว้างใหญ่ของมันลงอย่างช้าๆ

ภายในดวงตาที่โดดเดี่ยวของมันคือความหวาดกลัว จนทำให้ซูเยียนต้องเต็มไปด้วยความประหลาดใจ!

แทบจะราวกับว่าของสิ่งนี้กำลังหวาดกลัวต่อเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า เมื่อครู่นี้ตอนที่เขาแทบจะหลบเลี่ยงออกไปที่ด้านข้าง ได้เกิดความรู้สึกถึง…เครื่องหมายผนึกที่ถูกประทับโดยหญิงสาวชุดขาว ในตอนที่นางได้มอบลำดับที่สิบสามให้กับเขา!

เครื่องหมายนั้นได้ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเมิ่งฮ่าวในทันที สาดประกายอันเจิดจ้าออกมา

เมิ่งฮ่าวเริ่มคิดไปถึงศักดิ์ศรีของหญิงสาวชุดขาวในฐานะที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ และจิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา พร้อมกับการจับซูเยียนไว้ด้วยมือซ้ายอย่างต่อเนื่อง เขายกมือขวาขึ้นและทำท่าขับไล่ตรงไปยังอสูรกลืนจันทร์

“ไปให้พ้น” เขาทดลองพูดขึ้น พร้อมกับเตรียมตัวถอยไปทางด้านหลังถ้าจำเป็น

อสูรกลืนจันทร์ขนาดใหญ่ยักษ์กำลังสั่นสะท้านขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลี่หลิงเอ๋อร์, ซูเยียน, นกแก้วและผีโต้ง ทั้งหมดต่างก็มองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดูเหมือนว่าอสูรกลืนจันทร์แทบจะพยักหน้าให้เพื่อตอบรับคำพูดของเมิ่งฮ่าว ก่อนที่จะถอยไปทางด้านหลังและหายลับตาไปยังที่ห่างไกล

หลี่หลิงเอ๋อร์อ้าปากค้างมองไปยังเมิ่งฮ่าว ที่กำลังลอยตัวอยู่ที่นั่นด้วยชุดเซียนที่ประกอบขึ้นมาจากแสงเซียน พลังพุ่งขึ้นไป แทบคล้ายกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และปฐพี ขณะที่เขาโบกสะบัดมือ ทำให้สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อันน่ากลัวต้องยอมปฏิบัติตาม ภาพนี้แทบจะคล้ายกับเป็นภาพวาด ทำให้กลายเป็นสิ่งที่ประทับแน่นอยู่ในจิตใจของหลี่หลิงเอ๋อร์ และไม่มีทางจะจางหายไปได้

นกแก้วกระพริบตาปริบๆ และผีโต้งก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง

สำหรับซูเยียน ฉับพลันนั้นก็มีสีหน้าอันซับซ้อนปรากฏขึ้นมา เมื่อมองไปยังเมิ่งฮ่าว

“คาดไม่ถึงว่าเจ้า…จะมีชื่ออยู่ในลำดับขั้น!?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!