ตอนที่ 1151
สอบถามไห่เมิ่ง
อาณาจักรสายลมหายไปแล้ว ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรขุนเขาทะเลอีกต่อไป มันแยกจากไปตราบชั่วนิรันดร์!
เมิ่งฮ่าวมองเข้าไปในความว่างเปล่า และแสงอันลึกล้ำก็ค่อยๆ สาดประกายขึ้นในดวงตา จากนั้นเขาก็หันหน้าไป ขณะที่แสงฉุดดึงของไห่เมิ่งจื้อจุนได้ฉุดลากเขาไปยังกลุ่มคนที่เหลือ ซึ่งไปรวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกถ้ำแห่งเซียนของนาง
ต่างคนต่างก็ไม่พูดจา พวกมันมองดูอาณาจักรสายลมหายลับไป จากนั้นก็มองเห็นความว่างเปล่ากลับคืนสู่ความเงียบสงบอยู่ในสถานะปกติเหมือนเดิม แต่จิตใจของคนทั้งหมดไม่อาจจะสงบนิ่งได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอาณาจักรสายลม กลายเป็นความรู้สึกที่ประทับลึกอยู่ในจิตใจ
พวกมันเริ่มต้นด้วยการต่อสู้สังหารซึ่งกันและกัน แต่ก็จบลงด้วยการช่วยเหลือกัน เมื่อคิดย้อนกลับไปยังสิ่งทั้งหมดที่ประสบพบเจอมา ก็ต้องถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าออกมา
เมื่อคิดย้อนกลับไป สิ่งที่พวกมันเรียกว่าศัตรูและความแค้นจากก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะไร้ความหมายไปโดยสิ้นเชิงในตอนนี้
หลินชงรู้สึกเช่นนั้น เช่นเดียวกับหานชิงเหลย แม้แต่เต้าเทียนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
สำหรับอวี่เหวินเจียน เดิมทีมันเกลียดชังเต้าเทียนเนื่องจากการตายไปของหงปิน อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้เห็นวิญญาณของหงปิน มันก็เข้าใจแล้วว่าผู้ที่สังหารหงปินไปอย่างแท้จริงคือจักรพรรดิ
พวกมันยืนครุ่นคิดอยู่ที่นั่น ถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในจิตใจ สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่สามารถจะลืมเลือนได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เรื่องเหล่านั้นถูกประทับแน่นอยู่ในจิตวิญญาณของพวกมัน นอกจากนี้พวกมันเพิ่งจะมองเห็นด้วยสองตาของตนเอง เกี่ยวกับการทรยศอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
เรื่องราวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในอาณาจักรขุนเขาทะเลมานานหลายปีมากแล้ว แต่คนทั้งหมดเหล่านี้เพิ่งจะประสบพบเจอมาด้วยตนเอง ถ้าไห่เมิ่งจื้อจุนไม่ใช้ลำแสงฉุดดึงออกมาเมื่อครู่นี้ คนทั้งหมดคงจะถูกนำตัวไปยังสามสิบสามสวรรค์พร้อมกับอาณาจักรสายลมไปแล้ว…
ผู้ฝึกตนลำดับขั้นสามารถจะสงบจิตใจต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ดีกว่าคนอื่นๆ นอกจากนี้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของอาณาจักรขุนเขาทะเลของพวกมัน ก็มีมากกว่าผู้ฝึกตนธรรมดา อย่างไรก็ตามผู้ฝึกตนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็สั่นสะท้านจนลึกลงไปถึงแก่นกาย
นอกสวรรค์ก็ยังมีสวรรค์อยู่อีก ใครก็ตามที่รับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตใจคงจะพลุ่งพล่านขึ้นด้วยคลื่นแห่งความประหลาดใจอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวเลื่อนสายตากลับมาจากความว่างเปล่ามองไปยังฉู่อวี้เยียน นางมองไปทางอื่น และยังได้ถอยไปด้านหลังสองสามก้าวอีกด้วย ทำท่าราวกับว่านางไม่ต้องการจะติดต่อกับเขาใดๆ ทั้งสิ้น เมิ่งฮ่าวยืนเงียบๆ อยู่ที่นั่นชั่วขณะ จนกระทั่งทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกมาจากภายในถ้ำแห่งเซียน หญิงสาวนางหนึ่งเดินออกมา และหญิงสาวนางนั้นก็ไม่ใช่ไห่เมิ่งจื้อจุน แต่เป็นหลี่หลิงเอ๋อร์ มีท่าทางแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ ดูสง่างามมากยิ่งขึ้นราวกับว่านางได้หลุดพ้นจากมนุษย์ธรรมดาไปแล้ว
เมื่อนางเดินออกมา หลินชงและคนอื่นๆ ประสานมือและโค้งตัวลงด้วยท่าทางเคร่งขรึม แม้แต่เต้าเทียนก็ยังก้มศีรษะให้ อย่างไรก็ตามดวงตาของฝานตงเอ๋อร์และฉู่อวี้เยียนก็เบิกกว้างขึ้น มองไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ก้มศีรษะลง นอกจากนี้เขายังเป็นคนส่งมอบหลี่หลิงเอ๋อร์ให้กับไห่เมิ่งจื้อจุนด้วยตนเอง แล้วเขาจะก้มศีรษะให้กับนางได้อย่างไร?
หลี่หลิงเอ๋อร์จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความขัดใจอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กวาดมองไปยังคนอื่นๆ ทั้งหมด
“จงฟังคำสั่งของไห่เมิ่งจื้อจุนให้ดี สิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรสายลมไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน ห้ามกระจายข่าวเรื่องนี้ออกไปแม้แต่น้อย การที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นด้วยตนเอง สามารถถือได้ว่าเป็นโชควาสนาอันน่ามหัศจรรย์สำหรับพวกท่านทั้งหลาย นางหวังว่าพวกท่านทุกคนจะยังคงฝึกฝนตนเองต่อไป และสามารถจะค้นหาเส้นทางที่เหมาะสมได้ เมื่อท่านทั้งหลายผ่านเข้าไปในอาณาจักรโบราณ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำตามแผนการที่วางไว้แล้ว!” จากนั้นนางก็โบกสะบัดมือ และกระแสน้ำวนสีขาวได้ปรากฏขึ้นที่ด้านข้าง
“เข้าไปในกระแสน้ำวน และพวกท่านก็จะกลับไปยังสถานที่ที่จากมา!”
มีผู้คนอยู่ไม่มากนักในตอนนี้ รวมถึงเต้าเทียนและผู้ฝึกตนลำดับขั้น รวมทั้งฝานตงเอ๋อร์และคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม…เดิมทีกลุ่มคนเหล่านี้มีอยู่เกือบหนึ่งร้อยคน แต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น
คนทั้งหมดประสานมือตรงไปยังถ้ำแห่งเซียนและโค้งตัวลงอย่างเงียบๆ หลินชงเป็นคนแรกที่เข้าไปใกล้กระแสน้ำวน มันหยุดลงที่เบื้องหน้าและหันหลังกลับมามองเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว ข้าจะรอคอยเจ้าอยู่ในขุนเขาที่สี่ สวี่ชิง…ก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน เมื่อเจ้ามา ข้าจะขอท้าประลองต่อสู้ด้วยอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเจ้าและข้าก็จะกลายเป็นสหายกัน!” มันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและจริงใจ
“เมื่อข้ากลับไปยังขุนเขาที่สี่ สิ่งแรกที่ข้าจะทำก็คือไปหาสวี่ชิง และบอกนางว่า…ข้าได้พบกับเจ้า มีอะไร…ที่เจ้าอยากให้ข้าบอกนางหรือไม่?”
“พี่หลิน ถ้าไม่รบกวนมากนัก โปรดบอกต่อสวี่ชิงว่า…ข้ายังไม่ลืมสัญญาระหว่างพวกเรา!” เขาโบกสะบัดมือ ทำให้เม็ดยาลอยตรงไปยังหลินชง
มันคือเม็ดยาคงโฉม
“ได้โปรดส่งมอบเม็ดยานั้นให้กับนาง”
หลินชงคว้าจับเม็ดยาไว้และพยักหน้า จากนั้นก็หันหลังก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนและหายตัวไป
คนต่อไปคือหานชิงเหลย มันมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน จากนั้นก็ส่ายหน้า หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“เจ้าอาจจะแซ่เมิ่ง แต่โชคดีที่เจ้าไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเมิ่งแห่งขุนเขาที่แปด…”
“อาจจะมี…ก็เป็นได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ สีหน้าแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
หานชิงเหลยกระพริบตาด้วยความตกตะลึง จ้องมองกลับมายังเมิ่งฮ่าวอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดมันก็ถอนหายใจ ไม่แน่ใจว่าต้องกล่าวอะไรอีก ประสานมือจากนั้นก็ก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนและหายลับไป
หลังจากนั้นเป็นอวี่เหวินเจียน มันเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าว ใช้มือโอบไปที่ไหล่และมองเข้าไปในดวงตาของเขา เมิ่งฮ่าวหัวเราะและดึงมันเข้ามากอด
“อย่าลืมมาหาข้าในขุนเขาที่หก ข้าจะนำเจ้าไปยังสุสานเทพ ที่ซึ่งเจ้าจะได้พบกับ…โลหิตเทพ!” มันหัวเราะออกมา หมุนตัวเดินตรงไปยังกระแสน้ำวน
ก่อนที่มันจะก้าวเข้าไป ก็ร้องตะโกนขึ้นว่า “ขวานสงครามนี้ ข้าขอเก็บไว้!”
จากนั้นมันก็กระโดดเข้าไปในกระแสน้ำวนและหายตัวไป ราวกับวิตกว่าเมิ่งฮ่าวอาจจะไม่ยินยอม
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง เขาลืมเรื่องขวานสงครามไปโดยสิ้นเชิง และตอนนี้เมื่อมันพูดขึ้นมา ความเจ็บปวดใจก็พุ่งไปทั่ว แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องหัวเราะอย่างแห้งแล้งออกมา
“เมิ่งฮ่าว!” เต้าเทียนกล่าวขึ้น มองเข้ามาในดวงตาเมิ่งฮ่าว
“ข้าดีใจที่ได้มายังอาณาจักรสายลม เพื่อสามารถจะมองเห็นด้วยสองตาของตนเองว่ายังมีสวรรค์เกินกว่าสิ่งที่พวกเราเคยคิดไว้อยู่อีกมาก ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็ช่วยให้ข้าเข้าใจว่า…คนที่เหนือกว่าสิ่งที่ข้าเคยคิดไว้ยังมีอยู่”
“เจ้าทำลายเวทผู้ยิ่งใหญ่ของข้าไป หลังจากที่ครุ่นคิดมาอย่างลึกซึ้ง ก็เริ่มตระหนักถึงเหตุผลที่ว่า…เป็นเพราะว่าข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะควบคุมมันได้อย่างเพียงพอ!”
“สุดท้ายเจ้าก็ช่วยข้าไว้ แต่ข้าก็ยังคงจะขอท้าประลองต่อสู้กับเจ้าสักวันหนึ่ง ถ้าเจ้าชนะข้า ข้าก็จะประลองกับเจ้าเป็นครั้งที่สอง ถ้าเจ้าชนะข้าอีก ข้าก็จะประลองเป็นครั้งที่สาม ข้าจะต่อสู้กับเจ้าตลอดไปจนกระทั่งเอาชนะเจ้าได้!”
“ดังนั้น อย่าได้คิดว่าเจ้าคือผู้ฝึกตนอันดับหนึ่งในลำดับขั้นจริงๆ เดิมทีลำดับขั้นมีสมาชิกสิบสามคน แต่ถึงแม้ว่าจะรวมกับไห่ตงชิงแล้ว ก็มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่มายังอาณาจักรสายลม”
“ยังมีอีกสามคน และพวกมันคือ…กลุ่มคนที่เจ้าจำเป็นต้องระมัดระวังตัวไว้ คนทั้งสามเหล่านี้…ช่างน่ากลัว…อย่างแท้จริง!” เต้าเทียนหยุดชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะเอ่ยคำว่า ‘ช่างน่ากลัว’ ออกมา
เมื่อคิดไปถึงความเย่อหยิ่งของมัน ก็เห็นได้ชัดว่าคงเป็นเรื่องยากสำหรับมันที่จะกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง
“ช่างน่ากลัวโดยสิ้นเชิง?”
“ถ้าจะกล่าวให้ถูกต้อง พวกมันไม่ใช่ผู้ถูกเลือกในรุ่นปัจจุบันนี้…” เต้าเทียนมองไปยังถ้ำแห่งเซียนพร้อมกับสิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นความหวาดกลัว ราวกับว่ามันเพิ่งจะตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ จากนั้นก็มองกลับมายังเมิ่งฮ่าว และเมื่อคนทั้งสองสบตากัน
เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นแววตาที่ไม่อาจจะทำอะไรได้ของเต้าเทียนอย่างชัดเจน รวมทั้งโทสะที่อัดอั้นอยู่ในใจ ในที่สุดเต้าเทียนก็ก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนและหายตัวไป
ฝานตงเอ๋อร์จากไป เช่นเดียวกับเป้ยอวี้และคนทั้งหมด ฉู่อวี้เยียนก็จากไปด้วยเช่นเดียวกัน ตลอดช่วงเวลานั้นนางหลีกเลี่ยงสายตาเมิ่งฮ่าว และไม่ยอมพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว
ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง แต่แทนที่จะจากไป เขากลับหันหน้าตรงไปยังถ้ำแห่งเซียน
“ไห่เมิ่งจื้อจุน ท่านเป็นหนี้คำอธิบายข้า!” เสียงของเขาฟังดูทั้งน่ากลัวและเย็นชา เขาไม่เคยพูดกับนางด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน สองครั้งก่อนหน้านี้ที่คนทั้งสองพบกัน เขาพูดจาด้วยความระมัดระวังตัวและเคร่งขรึม แต่ตอนนี้จิตใจเขาลุกโชนด้วยโทสะ ดังนั้นคำพูดที่กล่าวกับไห่เมิ่งจื้อจุนจึงไม่ได้ประกอบด้วยความเคารพใดๆ เหมือนเมื่อในอดีตที่ผ่านมา
“บังอาจนัก!!” หลี่หลิงเอ๋อร์ร้องตวาดขึ้น เห็นได้ชัดว่าตกใจต่อคำพูดของเขา ดวงตานางเบิกกว้างขึ้น ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่านางจะเพิ่งร้องตวาดออกมา แต่ก็รีบมองไปยังเขาด้วยแววตาที่แฝงความหมายอย่างลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเตือนให้เขาอย่าได้ไปตอแยไห่เมิ่งจื้อจุน
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจสายตาที่แฝงความนัยของนางโดยสิ้นเชิง และจ้องมองไปยังถ้ำแห่งเซียนด้วยสายตาที่เย็นชา
หลังจากที่ผ่านไปนาน เสียงอันเย็นชาของไห่เมิ่งจื้อจุนก็ดังก้องออกมาจากภายในถ้ำแห่งเซียน เป็นเสียงที่โหดเหี้ยมและเย็นชา “เจ้าลืมศักดิ์ฐานะของตนเองไปแล้ว ในอาณาจักรขุนเขาทะเลมีผู้ถูกเลือกอยู่มากมาย บางทีข้าน่าจะกำจัดเจ้าทิ้งไป”
“เมิ่งฮ่าว” หลี่หลิงเอ๋อร์ร้องอุทานออกมา “อะไรทำให้เจ้าคิดว่าสามารถจะพูดจากับไห่เมิ่งจื้อจุนได้เช่นนั้น!? กล่าวขอโทษออกมาเดี๋ยวนี้!”
นางหันหน้าไปยังถ้ำแห่งเซียนด้วยความกระวนกระวายใจและประสานมือกล่าวว่า “ซือจุน (ท่านอาจารย์) โปรดระงับโทสะ หลังจากที่พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอาณาจักรสายลม เมิ่งฮ่าวก็แค่สับสนจนพูดผิดไป ได้โปรดยกโทษให้สักครั้ง”
“เห็นแก่คำขอร้องของหลิงเอ๋อร์ ข้าจะยกเว้นให้สักครั้ง แต่ถ้าเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ข้าจะตัดเครื่องหมายลำดับขั้นของเจ้าทิ้งไป ถ้าเจ้ายังกล้าพูดกับข้าเช่นนั้นเป็นครั้งที่สาม ข้าก็จะสังหารเจ้าไป” ไห่เมิ่งกล่าวขึ้นด้วยเสียงเยือกเย็น
หลี่หลิงเอ๋อร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็หันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าว นางกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่เมิ่งฮ่าวก็หัวเราะขึ้น เป็นเสียงหัวเราะที่ดังก้องเป็นอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง และไร้น้ำเสียงประนีประนอมแม้แต่น้อย อันที่จริงยังดูเหมือนกับเป็นการสะกดข่มอีกด้วย
“ข้าลืมศักดิ์ฐานะของตนเอง? ท่านน่าจะรู้ดีว่าข้ามีศักดิ์ฐานะอะไร, ไห่เมิ่งจื้อจุน!”
“ท่านน่าจะรู้ดีด้วยเช่นกันว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรสายลม ข้าไม่ติดใจเรื่องที่ถูกหลอกใช้ แต่เมื่อข้าถูกหลอกใช้…ก็น่าจะมีสิ่งตอบแทนให้บ้าง!”
“ที่สุดจะทนได้มากไปกว่านั้นก็คือว่า เมื่อข้าพยายามจะครอบครองโชควาสนา ซึ่งเป็นของข้าในตอนนี้ ท่านกลับพยายามมาขัดขวางข้าไว้!”
“ไห่เมิ่งจื้อจุน ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าไม่มีเหตุผลที่จะถามหาคำอธิบาย!?” ขณะที่เสียงของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป ดวงตาหลี่หลิงเอ๋อร์ก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ คำพูดของเขาทำให้นางไม่อาจจะพูดออกมาได้โดยสิ้นเชิง
ผ่านไปครึ่งค่อนวันถ้ำแห่งเซียนยังคงเงียบกริบ ในที่สุดแสงสีขาวก็เริ่มส่องประกายเจิดจ้าขึ้น ขณะที่ไห่เมิ่งจื้อจุนโผล่ออกมาในชุดสีขาวของนาง เมื่อนางก้าวเดินออกมา ความว่างเปล่าก็เริ่มเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น และแรงกดดันที่พุ่งไปยังเมิ่งฮ่าว ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนในช่วงสองครั้งที่เคยพบกันก่อนหน้านี้
แรงกดดันนั้นเป็นแรงกดดันที่กระจายออกมาจากผู้ยิ่งใหญ่ ราวกับว่าเพียงแค่แวบเดียวจากความคิดนาง ก็สามารถทำให้สวรรค์และปฐพีต้องพังทลายลงไป หรือทำให้ยุคสมัยแห่งกาลเวลาต้องเลื่อนผ่านไป นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความเย็นชาและกล่าวว่า
“เจ้าช่างมีความกล้าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ”
คำพูดนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ถอยโซเซไปทางด้านหลังสองสามก้าว และกระอักโลหิตออกมา แต่แสงสีฟ้าก็พุ่งออกมาจากร่างเขาในทันที กระตุ้นโลหิตของจิ่วเฟิงจื้อจุนที่อยู่ภายในร่างเขาให้ทำงานขึ้นมา ทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเลสั่นสะเทือน ดวงตะวันและจันทราหยุดชะงักนิ่ง ทันใดนั้นเองก็ดูเหมือนว่าเจตจำนงแห่งการสังหารได้ตรึงแน่นอยู่บนร่างของไห่เมิ่งจื้อจุน!
“ข้ามีความกล้าที่ไม่น้อยจริงๆ!” เมิ่งฮ่าวกล่าวผ่านร่องฟัน
แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างไห่เมิ่งจื้อจุน เมื่อนางมองมายังเขาสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร” นางกล่าวเสียงเยือกเย็น มองไปยังด้านข้าง จิตใจหลี่หลิงเอ๋อร์กำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้นางจะไม่ได้ติดตามไห่เมิ่งจื้อจุนมานานมากนัก แต่ก็ตระหนักดีว่าอารมณ์ของนางเปลี่ยนแปลงไปมาได้อย่างง่ายดาย นางไม่เคยกล่าวคำอธิบายต่อผู้ใด และตอนนี้นางกลับกล่าวประโยคนี้ออกมา ถึงแม้จะดูไม่เหมือนเป็นคำอธิบาย แต่ก็ถือได้ว่าเป็นคำอธิบายได้เช่นเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวมองไปยังไห่เมิ่งจื้อจุนอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาในทันที
“ข้าได้พบกับหญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่ง นางเรียกตัวเองว่าเป็นผู้สืบทอดแห่งเซียนโบราณ มีนามว่าเสวี่ยเอ๋อร์ ข้าอยากได้คำอธิบายจากท่านเป็นอย่างยิ่ง ไห่เมิ่งจื้อจุน ทำไม…ท่านถึงไม่ดึงนางออกมาจากอาณาจักรสายลม! ทำไมท่าน…ปล่อยให้นางเข้าไปในสามสิบสามสวรรค์พร้อมกับอาณาจักรสายลม!?”