Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1207

ตอนที่ 1207

ข่าวร้าย

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังบุรุษชุดดำ ซึ่งจู่ๆ ภายในแววตาของมันก็ปรากฏเป็น…ความอ่อนโยนขึ้นมา

ความอ่อนโยนนั้นไม่ได้มุ่งตรงไปยังหวังมู่ แต่เป็นชายชราที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้ามัน

ชายชราผู้นั้นเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเมิ่งฮ่าว เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่ในตอนที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นมัน ก็เกิดเป็นความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ทรงพลังอย่างน่ากลัวเกี่ยวกับชายชราผู้นั้น

เวลาผ่านไป บุรุษชุดดำและเมิ่งฮ่าวต่างก็ลอยตัวอยู่ที่นั่น เฝ้ามองลงไป

หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ…บุรุษชุดดำก็ก้าวเดินตรงไปในทันที เมิ่งฮ่าวเลียนแบบมันโดยไม่รู้สึกตัว และเมื่อเหยียบเท้าลงไป ก็ดูเหมือนว่าโลกจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นชั่วครู่ และสายตาก็เลือนลางลงไปชั่วขณะ เมื่อเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ทั้งบุรุษชุดดำและเมิ่งฮ่าวก็ไปยืนอยู่ในป่าไผ่ ข้างชายชราและหวังมู่

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าหวังมู่ไม่รู้แม้แต่น้อยถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

“ดีมาก การฝึกตนในวันนี้ของเจ้าเสร็จสิ้นแล้ว ให้มาใหม่ในวันพรุ่งนี้” ชายชรากล่าวเสียงราบเรียบ โบกสะบัดมือขวาออกไป และหวังมู่ก็โซเซถอยไปทางด้านหลัง มองขึ้นมาด้วยแววตาที่แข็งกร้าว

“ข้าต้องการเอาชนะหวังเถิงเฟย!!”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องฝึกฝนให้หนักกว่านี้” ชายชรากล่าวตอบด้วยเสียงที่ดังก้องออกไป หวังมู่โซเซถอยไปทางด้านหลังอีกครั้งอย่างที่ไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ จากนั้นก็หายลับไป

หลังจากที่หวังมู่หายตัวไป ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วทั้งป่าไผ่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าบรรยากาศในบริเวณนี้ค่อนข้างจะน่าขนลุกอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นภายในความเงียบนี้ ก็เริ่มมีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าที่กำลังบินออกมาจากภายในส่วนลึกของป่าไผ่เป็น…ฝูงยุง!

พวกมันมีรูปร่างที่ไม่ได้ดูใหญ่โตกว่ายุงธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมัน จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา และรู้สึกได้ถึงวิกฤติอันร้ายแรงที่พุ่งขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวมั่นใจว่าพวกมันต้องไม่ใช่ยุงธรรมดาอย่างแน่นอน กลิ่นอายที่กระจายออกมาจากพวกมันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนจากสัตว์อสูรตัวใดๆ ก่อนหน้านี้

มันคือกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความตั้งใจเข่นฆ่า ดุร้ายอย่างถึงที่สุด ที่สำคัญมากไปกว่านั้นยังมีความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณอย่างลึกล้ำอีกด้วย จากพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ทำให้สามารถได้ข้อสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้จิตใจต้องสั่นสะท้านขึ้นมาทีละน้อย!

“ยุงเหล่านี้…เก่าแก่โบราณกว่าอาณาจักรขุนเขาทะเลซะอีก!” เขาเริ่มหอบหายใจออกมา ขณะที่จ้องมองไปยังฝูงยุง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่เป็นสีทองและกำลังบินอยู่ตรงตำแหน่งด้านหน้า ระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตกระจายออกมาจากร่างมัน ขณะที่บินตรงมายังเมิ่งฮ่าวและบุรุษชุดดำ

จากนั้นมันก็เริ่มบินเป็นวงกลมไปรอบๆ บุรุษชุดดำ เกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ที่ดูเหมือนว่าจะรู้สึกทั้งยินดีและเศร้าใจ จากการที่มันบินไปรอบๆ ตัวบุรุษชุดดำ ก็ดูเหมือนว่ามันต้องการจะเข้าไปใกล้ แต่ก็ต้องอยู่ห่างเช่นนั้น ราวกับมีเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ทำให้มันไม่อาจจะเข้าไปใกล้ได้

ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าบุรุษชุดดำ ก็ดูเหมือนว่าจะมีสีหน้าที่ทั้งดีใจและเสียใจด้วยเช่นกัน

ในตอนนี้เองที่ได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากชายชราที่ผอมกระหร่อง ถึงแม้ว่าปกติแล้วมันจะมีท่าทางที่หยาบกระด้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความโศกเศร้า ทันใดนั้นมันก็หันหน้ามองตรงมายังเมิ่งฮ่าว

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ราวกับว่าสายตานั้นจะเป็นกระบี่อันแหลมคม ที่พุ่งแทงเข้ามาในจิตใจเขาโดยตรง พยายามจะกรีดเฉือนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไป ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็พุ่งกระจายออกไป และพลังของเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าก็ระเบิดขึ้น ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นเกราะป้องกันในจิตใจของเขาเท่านั้น มันยังได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังการฝึกตน ที่พุ่งเข้าไปในสายตาซึ่งคล้ายกับเป็นกระบี่แทงกลับเข้าไปยังดวงตาของชายชราอีกด้วย

ชายชราร้องอุทานออกมา ดวงตาสาดประกายขึ้น ไม่นานต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ ชายชรามองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะละสายตามองตรงไปยังบุรุษชุดดำด้วยแววตาที่ซับซ้อน

เห็นได้ชัดว่ามันตระหนักดีถึงเมิ่งฮ่าวและบุรุษชุดดำที่กำลังยืนอยู่ในที่แห่งนั้น!

“ท่าน…” ชายชรากล่าวขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา นี่คือสิ่งทั้งหมดที่มันสามารถจะกล่าวออกมาได้ ก่อนที่จะเงียบลงไป ขณะที่ความรู้สึกอันซับซ้อนยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ บุรุษชุดดำก็กล่าวขึ้นมาในทันที ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง, เย็นชา และเก่าแก่โบราณ “มันอยู่ไหน?”

ถึงแม้ว่าสามคำนี้มันจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดาโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อเป็นคำพูดจากปากมัน ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่าตกใจ ราวกับว่าโดยพื้นฐานแล้วบุรุษผู้นี้…ก่อตัวขึ้นมาจากกลิ่นอายอันน่ากลัว

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าบุรุษชุดดำผู้นี้คือใคร แต่ถ้าเขาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างมันและชายชราผู้นี้แล้วละก็ เขาคงไม่อาจจะฝึกตนจนมีความสำเร็จเช่นในตอนนี้แล้ว

“พวกมันรู้จักกัน!!”

“พวกเราอยู่ในตระกูลหวัง และชายชราผู้นี้คือหนึ่งในอาจารย์ของหวังมู่ มันยังรู้จักหวังเถิงเฟยอีกด้วย ซึ่งก็หมายความว่ามันต้องเป็นคนของตระกูลหวังด้วยอย่างแน่นอน!!”

“ผู้ยิ่งใหญ่ชุดดำนี้มีความลึกลับเป็นอย่างยิ่ง และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากสมัยปัจจุบันนี้ มันคงอยู่มานานมากแล้ว และต้องมาจากช่วงเวลาก่อนที่อาณาจักรขุนเขาทะเลจะเกิดขึ้น ซึ่งเห็นได้จากฝูงยุงโบราณเหล่านั้น”

“เมื่อพวกมันรู้จักกัน ชายชราผู้นี้…” เมื่อเมิ่งฮ่าวครุ่นคิดมาจนถึงจุดนี้ ม่านตาก็หดเล็กลง ในอดีตที่ผ่านมาที่เขาติดต่อเกี่ยวข้องกับตระกูลหวัง ก็มักจะรู้สึกว่าวิชาเวทของพวกมันแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีสิ่งที่ลี้ลับและไม่ธรรมดาเกี่ยวกับสายโลหิตของพวกมันอีกด้วย

ขณะที่จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง ชายชราที่ผอมแห้งก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยการหวนรำลึก

“ในตอนนั้น มันจากไปและไม่เคยกลับมาอีกเลย…”

บุรุษชุดดำหลับตาลงชั่วครู่ ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาและถามว่า “นางเป็นอย่างไรบ้าง?”

“พวกมันจากไปพร้อมกัน นางไม่เคยกลับมาด้วยเช่นกัน” ชายชราถอนหายใจ ภายในแววตาอันซับซ้อนที่มันมองไปยังบุรุษชุดดำ คือความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อที่แอบซ่อนอยู่ ในที่สุดมันก็ไม่อาจจะหักห้ามใจ ถามปัญหาที่ลุกโชนอยู่ในจิตใจออกมา “ท่าน…ในตอนนั้นยังไม่ได้ตายไป?”

ชายชราชุดดำส่ายหน้า ไม่พูดอะไรอีก หันหลังและจากไป…

“หวัง…” ชายชราพูดออกมาแค่คำเดียวก็หยุดไป ราวกับไม่แน่ใจว่าจะเรียกบุรุษผู้นี้ว่าอย่างไรดี

แต่คำพูดนี้ก็ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน เขามองไปยังชายชรา จากนั้นก็บุรุษชุดดำ คำว่า ‘หวัง (王)’ มีสองความหมาย หนึ่งคือราชัน อีกหนึ่ง…ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องอ้าปากค้าง

“มันคือ…คนของตระกูลหวัง! เป็นปรมาจารย์ตระกูลหวัง?” เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าความคิดของตนเองกำลังพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง

“ถ้ามันเป็นปรมาจารย์ตระกูลหวัง นั่นก็หมายความว่า…ตระกูลหวังไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากอาณาจักรขุนเขาทะเล พวกมัน…คงอยู่ในช่วงเวลาของโลกแห่งเซียน!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น และเคลื่อนที่ติดตามบุรุษชุดดำจากไป

เขาก้าวเดินไปและภาพที่เบื้องหน้าก็เลือนรางลง เมื่อมองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง เขาและบุรุษชุดดำก็ย้อนกลับเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว บุรุษชุดดำลอยตัวอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะในที่สุดก็มองออกไปในความว่างเปล่า

ราวกับว่าสายตาของมันสามารถจะมองทะลุผ่านเข้าไปในสามสิบสามสวรรค์ และมองเห็นไกลมากเกินไปกว่านั้น รวมทั้งผีเสื้อที่กำลังฉุดลากดินแดนขนาดใหญ่ และดวงตะวันที่ผลักดันรูปปั้น พร้อมกับเสียงกึกก้องดังกระหึ่มตรงมายังทิศทางของอาณาจักรขุนเขาทะเล

“ในที่สุดพวกมันก็มาแล้ว…” บุรุษชุดดำพึมพำ ด้วยเสียงที่เย็นชาราวน้ำแข็ง ทำให้ความว่างเปล่ารอบๆ ตัวมันเริ่มหนาวเย็นมากขึ้นกว่าเดิม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ เป็นเพียงแค่ผลลัพธ์จากกลิ่นอายอันน่ากลัวของมันเท่านั้น

มันมองออกไปยังที่ห่างไกลและจากนั้นก็เริ่มเดินไป แต่ละย่างก้าวนั้นดูเหมือนว่าจะไร้จุดสิ้นสุด เมิ่งฮ่าวรีบติดตามไป แต่ภายในไม่กี่อึดใจ บุรุษผู้นั้นก็จากไปไกล…จนเขาไม่อาจจะติดตามมันไปได้ทัน!

เมิ่งฮ่าวรู้ว่าที่ตนเองไม่อาจจะติดตามไปทัน ก็เพราะว่าบุรุษผู้นั้นไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เขาจึงร้องตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบว่า “ผู้อาวุโส ท่านคือใคร?”

“บุคคลที่…ไม่ควรจะปรากฏตัวขึ้น” เสียงกล่าวตอบที่เย็นชาดังก้องมา ตอนนี้บุรุษชุดดำเริ่มเดินห่างออกไปไกลแล้ว

เมิ่งฮ่าวเป็นบุคคลที่พยายามไขว่คว้าทุกโอกาสเท่าที่เป็นไปได้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกหวาดกลัวต่อบุรุษชุดดำ แต่ก็ยังกัดฟันแน่นและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส พวกเรามีโชคชะตาร่วมกัน ท่านพอจะสอนเวทแห่งเต๋าบางอย่างให้ข้าได้หรือไม่? เหตุผลที่ท่านปรากฏตัวขึ้นที่นี่คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า ใช่หรือไม่…?”

บุรุษชุดดำหยุดชะงักนิ่ง ดูเหมือนว่ามันแทบจะไม่เคยพบกับผู้ฝึกตนเช่นเมิ่งฮ่าวมาก่อน

“ถ้าเจ้าฝึกวิชาย่อพสุธาในหนึ่งชุ่นได้สำเร็จ เมื่อพวกเราพบกันอีกครั้ง…ข้าจะถ่ายทอดวิชา…ถามหาสายลมให้” เสียงของบุรุษชุดดำลอยออกไปทางด้านหลัง ขณะที่ร่างมันหายลับไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เมิ่งฮ่าวไม่มีทางจะติดตามไปได้ทัน สีหน้าเต็มไปด้วยความซับซ้อน ขณะที่มองดูบุรุษผู้นั้นจากไป แต่อันที่จริงดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น

“มันเป็นปรมาจารย์ตระกูลหวังจริงๆ…” วิชาถามหาสายลมเป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเคยเห็นหวังมู่ใช้ออกมา เขารู้สึกว่ามันคือวิชาที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่สามารถจะครอบครองได้

“เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่เป็นไร ถึงหวังมู่จะเป็นหนี้ข้า แต่ไม่ต้องรีบกลับไปทวงมันในตอนนี้ การที่กรรมของเจ้าเชื่อมต่ออยู่กับข้า ก็เหมือนกับการมีกรรมเชื่อมต่ออยู่กับตระกูลหวัง!” เมื่อเมิ่งฮ่าวตัดสินใจได้แล้วก็หมุนตัว หลับตาลงชั่วขณะ จากนั้นก็ลืมขึ้นมาใหม่และก้าวเดินไป เหมือนกับก่อนหน้านี้ เขาตกเข้าไปในขั้นที่แปลกๆ ขณะที่เริ่มทดลองเดินไปด้วยวิธีที่แปลกประหลาดนั้น

“วิชานี้เรียกว่าย่อพสุธาในหนึ่งชุ่น…? ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ก้าวแรก ของวิชาย้อนกาลเวลา…” เมิ่งฮ่าวรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาสามารถคิดที่จะใช้วิชาเวทนี้ในการต่อสู้ได้หลากหลายวิธี

อันที่จริง ถ้าเขาใช้วิชานี้ได้อย่างเชี่ยวชาญชำนาญ ก็อาจจะสามารถใช้มันเดินทางข้ามกาลเวลาได้! เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ แววตาเมิ่งฮ่าวก็แวบแสงแปลกๆ ขึ้น ขณะที่เดินออกไปยังที่ห่างไกล

เวลาหลายวันผ่านไปขณะที่เขาเดินไปด้วยวิธีการที่พิเศษเฉพาะนี้ ตลอดช่วงเวลานั้นเขาไม่ได้คิดไปถึงการทวงหนี้ หรือว่าไปหยุดยังดวงดาวที่มีประตูเคลื่อนย้ายทางไกลอยู่ เขาแยกตัวออกมาจากโลกทั้งหมด ท่องเดินไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตามลำพัง จนกระทั่งมีความชำนาญต่อวิธีการเดินเช่นนี้

ในท่ามกลางการรู้แจ้งนี้ แผ่นหยกส่งข้อความที่อยู่ในถุงสมบัติก็สั่นไปมาอยู่หลายครั้ง แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่สังเกตเห็น จมอยู่ในขั้นตอนที่แปลกประหลาดนี้โดยสิ้นเชิง

เขาไม่รู้ว่าในช่วงหลายวันมานี้ มีใครบางคนที่เขารู้จักกำลังเดินทางไปทั่วเพื่อค้นหาเขา ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

คนผู้นั้นเดินทางไปยังดาวหนานเทียน และจากนั้นก็ดาวตงเซิ่ง เสาะหาไปทั่วทั้งตระกูลฟาง จากนั้นก็ไปยังตระกูลซ่ง ไปยังภูเขาไท่หยาง ทุกสถานที่ที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าว

แต่น่าเสียดาย…ที่คนผู้นั้นหาเมิ่งฮ่าวไม่พบ

“หรือนี่จะเป็นโชคชะตา…? ทำให้มัน…ไม่อาจจะพบกับนางเป็นครั้งสุดท้าย?” บุคคลที่กำลังค้นหาเมิ่งฮ่าวก็คือ ตานกุ่ย!!

สีหน้าท่านเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ และถอนหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดท่านก็ยกเลิกการค้นหา และกลับไปยังภูเขาคุนหลุน…

หลังจากผ่านไปสามวัน และในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ตื่นขึ้นมาจากสถานะที่แปลกๆ นี้ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง และจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความยินดีขึ้นอย่างช้าๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เขาเริ่มมีความเชี่ยวชาญกับวิธีการเดินที่แปลกประหลาดนี้แล้ว

หลังจากที่ฟื้นสติกลับคืนมา เมิ่งฮ่าวก็สังเกตเห็นแผ่นหยกส่งข้อความที่อยู่ในถุงสมบัติ คาดไม่ถึงว่าจะมีข้อความนับร้อยในช่วงที่ผ่านมานี้…

หลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไป จิตใจก็เริ่มดังกระหึ่มขึ้นราวเสียงฟ้าร้อง และร่างกายก็สั่นสะท้านราวกับว่ากำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้า อันที่จริงเขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!