Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1255

ตอนที่ 1255

ข้ามาเพื่อปกป้อง

เมิ่งฮ่าวกำลังเดือดดาล แต่คำพูดของเมิ่งหรูก็ทำให้จิตใจเขาต้องสั่นสะท้าน ยากที่จะบอกได้ว่าคนทั้งหมดมีความหมายต่อเขามากเช่นไร ยิ่งไปกว่านั้นจู๋หมู่ (ท่านย่า) ของเมิ่งเฉินก็คือไว่ผอ (ท่านยาย) ของเขาด้วยเช่นกัน!

ฟางเหยียเยี่ย (ท่านปู่ฟาง) และเมิ่งไว่กง (ท่านตาเมิ่ง) หายสาบสูญไป และฟางไหน่ไน (ท่านย่าฟาง) ก็ตายไปนานแล้ว การที่จู่ๆ ก็พบว่าไว่ผอยังมีชีวิตอยู่ ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว และปรารถนาที่จะไปอยู่ข้างกายท่านในทันที

แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังไม่สูญเสียความคิดไป ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ยังคงปกปิดตนเองไว้ทำให้ไม่มีใครจะสามารถตรวจพบเขาได้ ไปปรากฏกายขึ้นกลางอากาศตรงด้านนอกของคฤหาสน์บรรพชน และจากนั้นก็พุ่งห่างออกไปไกลพร้อมกับเมิ่งหรู

เมิ่งหรูอยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง สำหรับนางแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของนางเมิ่งเฉินซึ่งอยู่ในอาณาจักรเซียน คือบุคคลที่สำคัญมากที่สุดสำหรับสายโลหิตนาง มันมีพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่ง และเป็นความหวังของสายโลหิตทั้งหมด เมิ่งหรูไม่ค่อยเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างอาณาจักรเซียนและอาณาจักรโบราณมากนัก ในจิตใจนางความรวดเร็วที่คนทั้งสองกำลังเดินทางไป น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง

อันที่จริงสำหรับนางแล้ว เมิ่งเฉินคือสวรรค์สำหรับสายโลหิตนาง!

ถ้าใครบางคนมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ พวกมันคงจะตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ เมิ่งฮ่าวก็พาเมิ่งหรูข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวไปปรากฏขึ้น…ที่เบื้องหน้าของทวีปสายโลหิตท่านตาอาศัยอยู่

เขาไม่จำเป็นต้องให้เมิ่งหรูบอกว่าจะไปที่ไหน บินไปยังทวีปนั้น ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กระจายออกไปจนกระทั่งพบหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ตรงเขตชายแดน ซึ่งดูแทบจะเหมือนกับเมืองของมนุษย์ธรรมดา ที่นั่นเมิ่งฮ่าวเห็นบ้านหลังหนึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังร้องไห้เสียใจอยู่ไม่น้อย ในทันทีที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาไปถึงสถานที่แห่งนั้น ก็สังเกตเห็นห้องๆ หนึ่ง…ที่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของญาติสายโลหิตเดียวกัน

“ไว่ผอ…” เมิ่งฮ่าวคิด ร่างกายสั่นสะท้าน เขาไม่เคยคิดว่าท่านยายจะยังคงมีชีวิตอยู่ ดังนั้นในตอนนี้จิตใจกำลังเต้นรัวเช่นเดียวกับเมิ่งเฉิน ถ้ามันมาอยู่ในที่แห่งนี้ได้ เขาพุ่งตรงไปยังหมู่บ้านแห่งนั้นพร้อมกับเมิ่งหรู จากนั้นก็ไปปรากฏกายขึ้นอยู่ในบ้าน

แทบจะทันใดนั้น เสียงร้องด้วยความประหลาดใจก็ได้ยินขึ้นมาเพื่อตอบรับการมาถึงของเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขามองไปรอบๆ ก็สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนนับสิบอยู่ภายในบ้าน ทั้งหมดเป็นสตรี ไม่มีบุรุษแม้แต่คนเดียว!

“มันคือเฉินเอ๋อร์! เฉินเอ๋อร์กลับมาแล้ว!”

“เกอเกอ…” แทบจะทันใดนั้น คนทั้งหมดก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา และดวงตาก็เริ่มแดงก่ำขณะที่หยดน้ำตาเอ่อล้นขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวมองไปยังคนทั้งหมด แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบดูอย่างละเอียด เขารีบเดินตรงไปยังห้องที่ไว่ผออยู่ในทันที สมาชิกตระกูลคนอื่นๆ ถอยไปทางด้านหลัง เปิดทางให้เขาเดินตรงไปอย่างรวดเร็ว ในทันทีที่ผ่านเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นหญิงชรากำลังนอนอยู่บนเตียงไม้

ตรงด้านข้างนั่งไว้ด้วยสองชายชรา ที่ดูเหมือนว่ากำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดใจ ราวกับว่าแม้แต่การนั่งตัวตรงก็ยากที่จะทำได้ คนทั้งสองแก่ชรามากเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ามีชีวิตอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน และกลิ่นอายก็อ่อนแอมากเป็นอย่างยิ่ง จนดูเหมือนว่าต้องดิ้นรนที่จะลืมตาขึ้นมาให้ได้ ราวกับว่าคนทั้งสองมีชีวิตอยู่ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นเท่านั้น

ยังมีสตรีวัยกลางคนอยู่ในห้องอีกสามคน เห็นได้ชัดว่าต่างก็มีหน้าตาที่งดงามในตอนที่ยังสาว แต่ก็ถูกทำลายไปโดยวันเวลาที่ผ่านไป และดูอ่อนแอมากด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกนางต่างก็อยู่ด้วยความมุ่งมั่นด้วยเช่นกัน

สำหรับหญิงชราที่อยู่บนเตียง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าจะเก่าแก่โบราณอย่างลึกล้ำ กระจายกลิ่นเหม็นของการเน่าเปื่อยออกมา และแห้งเหี่ยวลงไปจนถึงจุดที่มีแต่ผิวหนังหุ้มติดกระดูกเท่านั้น กลิ่นอายของท่านอ่อนแอด้วยเช่นกัน จนดูเหมือนว่าอาจจะตายไปได้ทุกเมื่อ

แต่ถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นอายที่อ่อนแอเช่นนั้น แต่หญิงชราก็ยังคงเข้มแข็ง ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากท่านดูเหมือนว่าจะเป็นประจักษ์พยานต่อแรงกดดัน ที่มีชีวิตอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นท่าน ร่างกายก็สั่นสะท้านและเดินตรงไป

นี่คือไว่ผอของเมิ่งฮ่าว…แค่มองเห็นท่าน ก็ทำให้หยดน้ำตาต้องไหลลงมาบนแก้ม รู้สึกเจ็บปวดใจขณะที่ตรวจสอบดูร่างกายท่าน และพบว่าอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บสิบกว่าแห่ง ยิ่งไปกว่านั้นเส้นลมปราณก็แห้งเหี่ยวไปโดยสิ้นเชิง

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวเดินเข้าไปในห้อง สตรีวัยกลางคนทั้งสามก็หันหน้ามามอง “เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว…” หนึ่งในสามกล่าวขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความเมตตา และพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อเก็บซ่อนความเสียใจไว้ แต่เมิ่งฮ่าวไม่ใช่เมิ่งเฉิน ด้วยเช่นนั้นเขาจึงสามารถจะมองเห็นได้

สำหรับสองชายชราที่นั่งอยู่ พวกท่านดิ้นรนที่จะลืมตาขึ้นมา ขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่รักใคร่เมตตา

เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือใคร แต่หลังจากที่มองไปยังชายชรา ก็สามารถจะคาดเดาได้ เขายังคาดเดาได้ด้วยว่าสตรีวัยกลางคนทั้งสามคือใครด้วยเช่นกัน

เมิ่งฮ่าวคุกเข่าลงไปบนพื้นและโขกศีรษะในทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนและเข้าไปใกล้ไว่ผอ ซึ่งนอนหลับตาอยู่ที่นั่น เมิ่งฮ่าวยื่นมือออกไปวางบนแขนท่าน จากนั้นก็ส่งพลังชีวิตบางส่วนเข้าไป แต่แทบจะในทันทีที่พลังชีวิตผ่านเข้าไปในร่าง ก็กระจัดกระจายออกไปในทันที ทำให้ลึกลงไปในดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องสาดประกายขึ้นด้วยความตกใจและโทสะ

เขารีบส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเข้าไปในร่างไว่ผอ และต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าภายในร่างท่านมีตะปูสีดำอยู่เก้าตัวซุกซ่อนอยู่ ถูกฝังลึกอยู่ภายในร่าง และยังได้แทงเข้าไปในวิญญาณของท่านอีกด้วย

ตะปูทั้งเก้าเหล่านั้นกำลังขัดขวางไม่ให้พลังชีวิตของเมิ่งฮ่าวไหลผ่านเข้าไปในร่างของไว่ผอ ที่ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องโกรธแค้นมากไปกว่านั้นก็คือว่าภายในร่างของไว่ผอ เขาพบว่ามี…ยาพิษ!

เป็นยาพิษที่ผลิตขึ้นมาเพื่อกัดกร่อนพื้นฐานฝึกตน และกัดกินพลังชีวิตของท่านโดยเฉพาะ ถ้าเป็นคนอื่นๆ ก็อาจจะตกตายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไว่ผอเมิ่งฮ่าวกลับไม่ยอมแพ้ อาจจะเป็นเพราะว่าพื้นฐานฝึกตนของท่านลึกล้ำมากก็เป็นได้

เมิ่งฮ่าวดึงมือกลับมา ดวงตาสาดประกายขึ้น จากนั้นก็ใช้มือขวาขยับร่ายเวท กดลงไปบนร่างท่านเก้าครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ละครั้งที่เขากดมือลงไป ก็กระทำไปตรงตำแหน่งของตะปูสีดำเหล่านั้น

เมื่อกระทำเสร็จสิ้น ร่างไว่ผอก็สั่นสะท้าน หลังจากที่เมิ่งฮ่าวขยับร่ายเวทอีกครั้ง และกดมือลงไปตรงจุดที่อยู่ใต้จมูก ส่งพลังชีวิตให้ไหลเข้าไปในร่างท่านมากขึ้น

เมื่อสตรีวัยกลางคนทั้งสามมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ดวงตาก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้น และดูเหมือนว่าจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกสงสัยใดๆ กลับเป็นสองชายชราที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสบายใจและสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและไม่อยากจะเชื่อ

ขณะที่พลังชีวิตของเมิ่งฮ่าวค่อยๆ ไหลเข้าไปในร่างไว่ผออย่างช้าๆ กลิ่นอายแห่งความตายและความเน่าเปื่อยที่ปกคลุมไปทั่วร่างท่านจู่ๆ ก็กระจายหายไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ธาตุไฟของท่านแทบจะดับลงไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับลุกโชนขึ้นมาเล็กน้อย แม้แต่สีหน้าก็ดูดีขึ้นกว่าเดิม

เมิ่งฮ่าวดึงมือกลับมา ไม่กล้าที่จะส่งพลังชีวิตเข้าไปมากนัก ไว่ผอแทบจะตกตายไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นถ้าเขาไม่ระวัง ก็อาจจะทำให้ท่านต้องตายไปอย่างง่ายดาย

แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงเชื่อมั่นว่าด้วยการดูแลเป็นอย่างดี ท่านก็จะฟื้นคืนมาอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่ดึงมือกลับมา เขาก็ตบไปที่ถุงสมบัติหยิบเอาเม็ดยาออกมา จากนั้นก็ให้ไว่ผอกลืนลงไป ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นมายืน และมองไปยังสองชายชราที่เห็นได้ชัดว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ถ้าเมิ่งฮ่าวจำไม่ผิด สองชายชราผู้นี้น่าจะเป็นน้องชายร่วมสายโลหิตของไว่กง ทำให้พวกท่านคือไว่ซูกง (น้องชายท่านตา) ของเขา เห็นได้ชัดว่าพวกท่านและไว่ผอ คือกลุ่มคนรุ่นอาวุโสที่รอดชีวิตมาได้

สำหรับสตรีวัยกลางคนทั้งสาม การที่พวกนางมาอยู่ในห้องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ข้างนอกก็เป็นการบ่งบอกให้เมิ่งฮ่าวรู้ว่า พวกนางต้องเป็นภรรยาของจิ้วจิ่ว (พี่ชายหรือน้องชายมารดา) อย่างแน่นอน

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวต้องรู้สึกตกใจ เมื่อพบว่าสตรีทั้งสาม รวมทั้งไว่ซูกงทั้งสอง ต่างก็มีตะปูเก้าตัวฝังอยู่ในร่าง ที่แตกต่างกันก็คือว่าตะปูที่อยู่ในร่างของสตรีเป็นสีเงินไม่ใช่สีดำ

เมิ่งฮ่าวหยิบเม็ดยาออกมาอย่างเงียบๆ ยื่นส่งให้ไว่ซูกงทั้งสอง สองชายชรามองมาที่เขา ถึงแม้พวกท่านจะอ่อนแอเป็นอย่างมากจนดูเหมือนว่า แม้แต่มนุษย์ธรรมดาก็สามารถจะสังหารพวกท่านไปได้ แต่ในดวงตาพวกท่านก็ยังมองเห็นพลังและศักดิ์ศรีอยู่ภายในขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว

แววตาพวกท่านเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นอย่างช้าๆ อ้าปากขึ้นกลืนเม็ดยาและจากนั้นก็หลับตาลง

เมิ่งฮ่าวประสานมือและโค้งตัวลง จากนั้นก็หันหลังจากไป ขณะที่ทำเช่นนั้นสตรีวัยกลางคนทั้งสามก็มองไปด้วยสายตาสงสัย

หลังจากที่ออกไปจากห้อง ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็หมองคล้ำลง มองไปยังหญิงสาวเยาว์วัยสิบกว่าคนที่ด้านนอก รวมทั้งเมิ่งหรู

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เมิ่งฮ่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม คำพูดของเขาแทบจะดูเหมือนว่าได้ทำให้สมาชิกสายโลหิตของตระกูลที่อยู่รอบๆ ต้องเยือกเย็นลงในทันที

“เป็นตระกูลสวี…ที่ทำเรื่องเช่นนี้ พวกมันจับตัวเมิ่งหานไว้ และส่งคนมาบอกว่าพวกเราต้องส่งซากศพของจู๋หมู่ (ท่านย่า) ไปเพื่อรับมันกลับมา”

“ตระกูลสวีบีบบังคับผู้คนมากเกินไป พวกมันข่มเหงพวกเรามานานหลายปี แต่พวกเราแซ่เมิ่ง! พวกเราคือสมาชิกที่แท้จริงของตระกูลเมิ่ง! พวกมันเป็นแค่ข้ารับใช้ของตระกูลซึ่งได้รับที่ดินในทวีปแห่งนี้จากตระกูลพวกเรา พวกมันมีสิทธิ์อะไรมารังแกพวกเราเช่นนี้!?”

“ไม่ใช่กลุ่มสายโลหิตหลักของตระกูลสวีที่กระทำเรื่องนี้ เป็นแค่หนึ่งในสาขาย่อยของพวกมันเท่านั้น…”

“พวกมันยังคงคิดเช่นนี้? ญาติพี่น้องของพวกเราตายไปแล้วยี่สิบเจ็ดคนจากเงื้อมมือของพวกมันเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็ตายไปอย่างไร้ค่า ไม่มีใครกล่าวคำอธิบายกับพวกเรา…และในครั้งนี้ก็คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะมุ่งเป้ามาที่จู๋หมู่ ซึ่งคอยช่วยปกป้องคุ้มครองพวกเรามาโดยตลอดอีกด้วย!!”

“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือไว่ผอ และช่วยเมิ่งเฉินปกป้องตระกูลต่อไป” เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตนเอง ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป จากนั้นก็ก้าวเดินหายตัวไปอย่างรวดเร็ว เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ในกลางอากาศ มองลงไปยังทวีปที่ด้านล่าง เพียงชั่วขณะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวก็ไปอยู่ที่สาขาย่อยของตระกูลสวีที่เพิ่งจะถูกเอ่ยถึง

สาขานั้นอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ตั้งอยู่ในเขตที่เจริญของเมือง ซึ่งคล้ายกับคฤหาสน์บรรพชนของตระกูลเมิ่ง แต่ไม่ได้หมายถึงในแง่ของตัวเมืองจริงๆ แต่เป็นสถานที่ตั้งของตระกูล

ตรงประตูหลักของเมือง มองเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่อยู่หนึ่งตัว

徐 ! (สวี)

มีสมาชิกของตระกูลอาศัยอยู่ในเมืองนี้ไม่น้อย ส่วนใหญ่แล้วเป็นมนุษย์ธรรมดา มีผู้ฝึกตนอยู่เพียงแค่สิบกว่าคนเท่านั้น พวกมันทั้งหมดอยู่ในอาณาจักรวิญญาณ มีชายชราแค่คนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในอาณาจักรเซียน แต่ถึงแม้ว่าจะนับรวมชายชราผู้นั้นเข้าไปด้วย ก็ไม่มีใครในเมืองนี้ที่จะไม่ใช่มดแมลงในสายตาของเมิ่งฮ่าว

เพลิงโทสะลุกโชนขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว ก้าวเดินตรงไปและไปอยู่ที่ด้านในของคฤหาสน์บรรพชนตระกูลสวี ไม่มีใครรับรู้ถึงการมาของเขา ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านไป ก็ไม่ได้ทำร้ายมนุษย์ธรรมดา แต่กำจัดเส้นลมปราณของพวกมันไป เพื่อไม่ให้ฝึกฝนพื้นฐานฝึกตนได้ สำหรับผู้ฝึกตน…ไม่ว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่ในตอนนี้ ร่างกายต่างก็ระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มหมอกของเลือดเนื้อไปในทันที

สำหรับชายชราที่อยู่ในอาณาจักรเซียน ศีรษะมันระเบิดขึ้นขณะที่นั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่ ผู้ฝึกตนทั้งหมดตกตายไป

เมิ่งฮ่าวจากไป นำเด็กหนุ่มที่หมดสติอยู่มาด้วย ร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้น เต็มไปด้วยบาดแผลจากการถูกทรมาน ถึงแม้ว่ามันจะบาดเจ็บ แต่ก็กัดฟันจนแน่น ราวกับเป็นการบ่งบอกว่ามันจะไม่ยอมร้องขอความเมตตาจากผู้ใดแม้แต่ครึ่งคำ

การสังหารกลุ่มคนไปเพียงแค่หยิบมือ ไม่ได้ทำให้โทสะของเมิ่งฮ่าวลดลงไปแม้แต่น้อย เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป พบว่ายังมีสาขาย่อยของตระกูลสวีอยู่อีกแห่ง จึงมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้นต่อไป

หนึ่ง, สอง, สาม…เมิ่งฮ่าวไปยังสาขาย่อยตระกูลสวีทั้งหมดสิบหกสาขา ผู้ฝึกตนในที่แห่งนั้นไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะเห็นหน้าเมิ่งฮ่าว พวกมันระเบิดไปทั้งหมด

ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองไปยังคฤหาสน์บรรพชนตระกูลสวี ซึ่งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของทวีปใหญ่ เขาแค่นเสียงเย็นชาและกำลังจะไปกวาดล้างตระกูลนั้นไปทั้งหมด แต่ทันใดนั้นเองสีหน้าก็ต้องเปลี่ยนไป และมองกลับไปยังทิศทางของสายโลหิตไว่กง

เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ว่าไว่ผอตื่นขึ้นมาแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!