Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1333

ตอนที่ 1333

ข้าทำผิดไป?

ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกมองไปยังบุรุษในชุดสีม่วงหลังเกราะป้องกัน และกล่าวขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ “อูจู่ (ราชันอู) เจ้าน่าจะรู้ว่าไม่มีทางสำเร็จ แล้วจะพยายามต่อไปทำไม?”

ร่างจำแลงจักรพรรดิเต๋าที่อยู่ด้านข้างยิ้มออกมา แววตาเยาะเย้ยแวบประกายขึ้น

บุรุษชุดม่วงที่อยู่ในเกราะป้องกันอูจู่ ไม่กล่าวตอบหลับตาแน่น และใบหน้าก็ซีดขาว จากพลังพื้นฐานฝึกตนที่กำลังหมุนวนอยู่ภายในร่าง ก็เห็นได้ชัดว่ามันกำลังพยายามทะลวงผ่านให้จงได้ ก่อนหน้านี้มันต่อสู้กับราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หก และคนทั้งสองก็มีความสามารถสูสีกัน

แต่เมื่อร่างจำแลงของจักรพรรดิเต๋านอกคอกปรากฏขึ้น และรวมพลังกับราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หก ทำให้อูจู่ไม่อาจจะต่อสู้ด้วยได้ เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะถูกสังหารไป ก็ใช้ศักดิ์ฐานะของราชันแห่งขุนเขาทะเล ทำลายมงกุฎขุนเขาทะเลของตนเองไป เพื่อสร้างเป็นเกราะป้องกันแยกตัวเองออกมาจาก ร่างจำแลงจักรพรรดิเต๋านอกคอกและราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หก เวลาเดียวกันนั้นก็พยายามจะทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนขึ้นไป

มันรู้ว่าการต่อสู้นี้ มีแต่ต้องทะลวงผ่านจากระดับห้าแก่นแท้เข้าไปยังหกแก่นแท้ให้ได้เท่านั้น ถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต เนื่องจาก…เกราะป้องกันขุนเขาทะเลนี้ไม่อาจจะปกป้องได้นานมากนัก

ตอนนี้มันสูญเสียความได้เปรียบไปแล้ว ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกและร่างจำแลงจักรพรรดิเต๋านอกคอก มีอยู่หลายวิธีที่จะค่อยๆ กลั่นสกัดตนเองไปอย่างช้าๆ

อันที่จริงในตอนนี้พวกมันกำลังกลั่นสกัดอยู่ เปลวไฟสีดำกระจายออกมาจากร่างจำแลง ปกคลุมไปทั่วยังเกราะป้องกัน

เปลวไฟที่ร้อนแรงราวขุมนรกนั้นทำให้เกิดเป็นเสียงแตกร้าวดังก้องออกมา อูจู่จะค่อยๆ ถูกกลั่นสกัดจนกลายเป็นเม็ดยาอย่างช้าๆ

ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าอาจจะทำลายมงกุฎขุนเขาทะเลไป แต่ก็ยังคงเป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลอยู่ดี หลังจากที่กลั่นสกัดเจ้าจนกลายเป็นเม็ดยาขุนเขาทะเล ข้าจะกลืนเจ้าลงไป และสามารถจะใช้พลังแห่งขุนเขาทะเลออกมาได้อีกครั้ง!”

ในทันทีที่สวรรค์ชั้นแรกตกลงมา มันก็ถูกปลดออกจากศักดิ์ฐานะที่เป็นราชันแห่งขุนเขาทะเล แต่ถ้ามันกลืนกินอูจู่ลงไปได้ ก็สามารถจะปลดปล่อยพลังแห่งขุนเขาทะเลได้อีกครั้ง!

เมื่ออูจู่ยังคงไม่สนใจมัน ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกก็แค่นเสียงเย็นชา ด่าออกมาว่า “เจ้าโง่ที่ดื้อรั้นนัก!”

อูจู่ลืมตาขึ้นมาในทันที จ้องนิ่งไปยังชายชรา “ข้าอาจจะโง่เขลาดื้อรั้น แต่ก็ยังดีกว่าเจ้า…ที่เป็นผู้ทรยศแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล!”

ในช่วงการต่อสู้ของคนทั้งสอง ก็เห็นได้ชัดว่าราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกไม่ใช่คนนอกคอก แต่เป็นผู้ฝึกตนแห่งขุนเขาทะเล!

เมื่อไป๋จู่แห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ดแปรพักตร์ เป็นเรื่องที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง มันเป็นคนนอกคอกที่ปลอมตัวมา ถูกวางแผนให้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ตั้งแต่ตอนแรก แต่ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกคือผู้ทรยศที่แท้จริง!

“ผู้ทรยศ?” ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่ากลัว เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและหมกมุ่น

“เหล่าฟูทรยศจริงๆ แล้วจะอย่างไร?!”

“จากพรสวรรค์และโชควาสนาของเหล่าฟู ถ้าไม่ถือกำเนิดอยู่ในอาณาจักรขุนเขาทะเล และไม่ถูกหน่วงเหนี่ยวด้วยศักดิ์ฐานะและสายโลหิต เหล่าฟูก็น่าจะก้าวเข้าไปในระดับหกแก่นแท้มานานแล้ว และน่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำไป!”

“เหล่าฟูฝึกตนมานานถึงสามหมื่นสามพันปี เป็นราชันขุนเขาทะเลระดับห้าแก่นแท้ขั้นสูงสุด แล้วจะอย่างไร?”

“อาณาจักรขุนเขาทะเลถูกสาปแช่ง, ถูกผนึก, ถูกจำกัดไว้โดยสามสิบสามสวรรค์! พื้นฐานฝึกตนที่สูงมากที่สุดอยู่ที่ระดับห้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดเท่านั้น แล้วการเป็นผู้ทรยศเพื่อให้พื้นฐานฝึกตนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง?”

“ผู้ฝึกตนฝึกฝนเพื่อตัวเอง ใครจะไปสนใจว่ามาจากตระกูลไหน เป็นคนจากที่แห่งใด เพื่อไล่ตามเต๋าอันยิ่งใหญ่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งใดๆ เพื่อให้พื้นฐานฝึกตนก้าวหน้าต่อไป เหล่าฟูยอมละทิ้งได้ทุกอย่าง!”

“ยิ่งไปกว่านั้น สงครามในครั้งนี้…อาณาจักรขุนเขาทะเลไม่มีทางจะชนะได้ ผู้มีปัญญาย่อมรู้สถานการณ์เป็นอย่างดี เจ้าคิดว่าเหล่าฟูทำผิดไปจริงๆ?” ขณะที่ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกกล่าว เสียงของมันก็เริ่มดังมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นเสียงร้องตะโกน ราวกับว่ามันไม่ได้พูดกับอูจู่ชุดม่วง แต่กำลังพูดกับตนเอง

ร่างจำแลงคนนอกคอกยืนอยู่ด้านข้าง หัวเราะเป็นเสียงดัง และแววตาดูถูกเยาะเย้ยก็ยิ่งสาดประกายวาววับมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าแววตาเยาะเย้ยนั้นไม่ได้มุ่งเน้นไปยังอูจู่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เป็นราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกด้วยเช่นกัน

อูจู่มองไปยังราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกด้วยสีหน้าขมขื่น กล่าวขึ้นว่า “ไร้ครอบครัว ไร้เชื้อชาติ แล้วพวกเราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออันใด?”

มันรู้จักราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกมานับหมื่นปีแล้ว ถือได้ว่าไม่ใช่มิตรภาพที่ผิวเผิน แต่ผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้ มันกล่าวต่อไป

“เจ้าบอกว่าพวกเราถูกผนึกอยู่ มันก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกัน ดูตี้จ้างเป็นตัวอย่างได้!”

“ตี้จ้าง? มันควบคุมวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ขุนเขาที่สี่พิเศษมากที่สุด ด้วยการช่วยเหลือจากพลังแห่งการเกิดใหม่ ทำให้สามารถจะหลีกเลี่ยงจากผนึกของสามสิบสามสวรรค์ เมื่อดูจากเต๋าของมันแล้ว แม้แต่การก้าวเข้าไปในพื้นฐานเต๋าก็สามารถจะทำได้!”

“ในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมดนี้ นอกจากมันแล้วยังมีใครทำเช่นนั้นได้อีก? ไม่มีเลย ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะก้าวเข้าไปในระดับจักรพรรดิเต๋าที่แท้จริงได้!”

“เว้นแต่ผู้เฒ่าเพียงไม่กี่คนเหล่านั้น แต่ปราณและโลหิตของพวกมันก็เสื่อมลงไปแล้ว การระเบิดพลังออกไปมีแต่ทำให้อายุขัยของพวกมันต้องลดลงเท่านั้น แล้วจะทำอะไรได้?!”

“เหล่าฟูจะออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล เพื่อกลายเป็นผู้ฝึกตนแห่งสามสิบสามสวรรค์ ถึงแม้ว่าจะต้องสูญเสียศักดิ์ฐานะหรืออิสรภาพ แต่อย่างน้อย…ก็ยังมีเต๋าอันยิ่งใหญ่!”

“คงไม่นานนัก หลังจากที่ผ่านไปแค่ไม่กี่พันปี เมื่ออาณาจักรขุนเขาทะเลล่มสลายไป แต่เหล่าฟูก็ยังคงมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็คงจะเป็นจักรพรรดิเต๋าที่แท้จริงแล้ว และถ้าโชคดีก็อาจจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่! เหล่าฟูจะต้องมีบทบาทที่สำคัญอยู่ในสามสิบสามสวรรค์อย่างแน่นอน!” ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังขึ้น

อูจู่ได้แต่มองไปด้วยความขมขื่นเท่านั้น ไม่ว่ามันจะโคจรหมุนวนพื้นฐานฝึกตนให้รวดเร็วอย่างไร ช่องว่างที่ห่างจากระดับหกแก่นแท้ของมันก็กว้างใหญ่มากเกินไป

อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันต้องมาพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อหนึ่งหมื่นกว่าปีก่อน ตอนที่มันบรรลุถึงจุดที่สามารถทะลวงผ่านได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะพยายามไปมากมายหลายครั้งที่จะทำเช่นนี้ แต่ก็มักจะล้มเหลวอยู่เสมอ

แม้แต่ในตอนนี้ที่ต้องเดิมพันด้วยทุกสรรพสิ่ง เมื่อมันถูกต้อนอยู่ในมุมอับ ก็ยังคงไม่อาจจะบังคับให้พื้นฐานฝึกตนเลยผ่านจุดนี้ไปได้ การผนึกของสามสิบสามสวรรค์ยังคงมีอยู่ตลอดเวลา กระจายเป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็นออกมา จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกมันถึงได้เย่อหยิ่งเช่นนั้น

ร่างจำแลงคนนอกคอกหัวเราะดังก้อง เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเยาะเย้ย มันดีใจที่ได้เห็นราชันแห่งขุนเขาทะเลทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำลายล้างซึ่งกันและกันเช่นนี้ คนหนึ่งกลายเป็นผู้ทรยศ อีกคนกำลังพยายามทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตน มันรู้สึกชอบใจเป็นอย่างยิ่ง!

ในความทรงจำของมัน ครั้งหนึ่งเหล่าเซียนมักจะดูสูงส่งและยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้ความเป็นตายของพวกมันขึ้นอยู่กับความคิดของมันเท่านั้น ทำให้ต้องรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

พร้อมกับเสียงหัวเราะ ร่างจำแลงของจักรพรรดิเต๋านอกคอกหันหน้าไปยังราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หกและกล่าวว่า “ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่ยอมจำนนต่อสามสิบสามสวรรค์ จะมีคุณสมบัติที่ทำให้ทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนไปได้ สหายเต๋าชาง อีกไม่นานท่านก็จะเทียบเท่าข้าแล้ว”

“กลั่นสกัดคนผู้นี้ให้เสร็จสิ้น เมื่อท่านกลืนกินเม็ดยาขุนเขาทะเลไปแล้ว ก็มาช่วยพวกข้ากำจัดราชันขุนเขาทะเลที่เหลือ และท่านก็จะมีผลงานมากขึ้น”

ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หก, ชางจู่ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับคนนอกคอกด้วยความตื่นเต้นและความรู้สึกที่ซับซ้อน

เสียงแตกร้าวได้ยินออกมามากขึ้น ขณะที่รอยร้าวและฉีกขาดกระจายออกไปทั่วทั้งเกราะป้องกันของอูจู่ จากนั้นอูจู่ก็เริ่มหัวเราะขึ้นมาด้วยความขมขื่น เมื่อตระหนักว่าตนเองล้มเหลวในการทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนอีกครั้ง

“เหล่าฟูเคยบอกแล้วว่าเจ้าไม่มีทางจะทำได้สำเร็จ ช่างดื้อรั้นโง่งมนัก นอกจากตี้จ้างแล้ว ในอาณาจักรขุนเขาทะเลไม่มีใครกลายเป็นจักรพรรดิเต๋าที่แท้จริงได้!” ด้วยเช่นนั้นมันก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะเริ่มกลืนกินอูจู่เข้าไปแล้ว

อย่างไรก็ตามแม้ในขณะที่คำพูดของมันเพิ่งจะดังก้องออกมา เสียงเย็นชาจู่ๆ ก็กระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“เจ้าคิดว่าตี้จ้างเป็นเพียงคนเดียวที่กลายเป็นจักรพรรดิเต๋าที่แท้จริงได้เท่านั้น?”

เสียงนี้ทำให้ชางจู่ประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ร่างจำแลงนอกคอกก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่ามีใครใกล้เข้ามา จักรพรรดิเต๋านอกคอกอ้าปากค้าง และหันหน้าไป

ดวงตาชางจู่เบิกกว้าง พื้นฐานฝึกตนส่งเสียงดังกระหึ่ม หมุนตัวไปรอบๆ

แม้แต่อูจู่ก็เงยหน้าขึ้นมาในทันที

สายตาของคนทั้งสามจู่ๆ ก็จ้องนิ่งไปยังเงาร่างๆ หนึ่งที่กำลังพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวใกล้เข้ามา

เป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัยหน้าตาหล่อเหลาในชุดยาวสีเขียวพร้อมกับเส้นผมที่ลอยพลิ้วไปมา แทบจะดูเหมือนเป็นนักศึกษามากกว่าผู้ฝึกตน อันที่จริงถ้าคนผู้นี้สะพายหลัวใส่ตำราไว้ที่ด้านหลัง ผู้คนส่วนใหญ่ก็คงจะคิดว่ามันกำลังเดินทางไปสอบเป็นขุนนางอยู่แน่แท้

นี่ก็คือเมิ่งฮ่าว!

ขณะที่เมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามา ไม่มีระลอกคลื่นกระจายออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว แต่กฎธรรมชาติถูกม้วนกวาดออกไปจนหมดสิ้นเมื่อเขาพุ่งผ่านไป และแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ก็กระจายออกมาจากร่าง

เขาแทบจะคล้ายกับเป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยคลื่นอันทรงพลังที่สามารถจะบดขยี้ลงไปยังทุกสรรพสิ่ง

คนแรกที่จดจำเขาได้คือจักรพรรดิเต๋านอกคอก ซึ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะที่กล่าวว่า “เมิ่งฮ่าว!”

ในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวง นอกจากไห่เมิ่งจื้อจุนและตี้จ้างแล้ว มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มันหวาดกลัว คนผู้นั้นก็คือ…เมิ่งฮ่าว!

ตอนที่อยู่ในขุนเขาทะเลที่แปด หนึ่งในร่างจำแลงอีกคนของมันถูกสังหารไปด้วยการร่วมมือกันของเมิ่งฮ่าวและราชันแห่งขุนเขาทะเลที่แปด

สำหรับชางจู่ นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นเมิ่งฮ่าว หลังจากที่รับรู้ได้ถึงความผันผวนจากพื้นฐานฝึกตนของเขา ดวงตามันก็หดเล็กลง “ห้าแก่นแท้ขั้นสูงสุด?”

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่ใช่ราชันขุนเขาทะเล แต่ก็ยังคงมีพลังแห่งขุนเขาทะเลอยู่ภายในร่าง และถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีแก่นแท้

แต่ความรู้สึกของชางจู่ก็บอกกับมันว่า เมิ่งฮ่าวอยู่ในขั้นสูงสุดของห้าแก่นแท้

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้น แววตาของคนนอกคอกก็แวบขึ้นด้วยรังสีสังหาร และรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวที่กำลังกระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว

เป็นกลิ่นอายที่ไม่มีใครสามารถจะรับรู้ได้ เป็นกลิ่นอายอันน่ากลัวที่สืบเนื่องมาจาก…คนนอกคอก!

มีทางเดียวเท่านั้นที่ใครบางคนจะสามารถกระจายเป็นกลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้ นั่นก็คือ…เคยสังหารกลุ่มคนนอกคอกมาแล้วนับไม่ถ้วน!

“รนหาที่ตาย!” ร่างจำแลงกล่าวขึ้น พุ่งทะยานร่างพร้อมกับขยับมือร่ายเวท ทำให้ทะเลแห่งเปลวไฟสีดำพุ่งออกไปพร้อมกับพลังแก่นแท้ จนกลายเป็นงูเหลือมเปลวไฟสีดำขนาดใหญ่ พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับปากที่อ้ากว้างขึ้น

“ถ้าร่างจริงของเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าอาจจะกังวลบ้าง แต่เมื่อเป็นแค่ร่างจำแลง เจ้าคิดว่าจะขัดขวางข้าได้?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบพร้อมกับโบกสะบัดมือออกไป

เป็นการกระทำที่เรียบง่ายธรรมดา แต่เมื่อพื้นฐานฝึกตนโคจรหมุนวนและพลังกายเนื้อถูกปลดปล่อยออกไป ระลอกคลื่นอันน่าตกใจก็กระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว งูเหลือมเปลวไฟขนาดใหญ่ดูเหมือนว่าจะกระแทกเข้าไปยังกำแพงที่มองไม่เห็น จนต้องส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา จากนั้นก็ระเบิดขึ้นโดยสิ้นเชิง

สีหน้าร่างจำแลงสลดลง และจิตใจก็เริ่มเต้นรัว แต่มันก็ไม่ได้ถอยหลังไป กลับขยับตัวเคลื่อนไหวจนเกล็ดบนร่างของมันพุ่งขึ้นไป และกลายเป็นลมพายุ สายฟ้าปะทุขึ้นและเต้นไปมา เกิดเป็นเสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้อง สายลมกรีดร้องระงม และสายฝนก็สาดซัดกระหน่ำ ทะเลแห่งเปลวไฟพุ่งขึ้นไป และพลังแห่งความว่างเปล่าก็กระจายตัวออกไป ทำให้ร่างกายของมันกลายเป็นภาพลวงตา และหลอมรวมเข้ากับการโจมตีที่ทรงพลังนั้น

พลังแห่งสายลม สายฝน ฟ้าร้องและสายฟ้ากลายเป็นมังกรอันดุร้ายสี่ตัว เวลาเดียวกันนั้นเปลวไฟสีดำก็กลายเป็นใบหน้าพุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าว จนทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!