Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1332

ตอนที่ 1332

ดับตะเกียงดวงที่หก

เสียงเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไปในโลกที่กำลังพังทลายลงไปนี้ เพราะว่าอาณาเขตที่ตั้งของดาวดวงที่แปดพังทลายลงไป ทำให้โลกแห่งนี้กำลังแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ไป

พื้นดินจมลงไป และเสียงแผดร้องด้วยโทสะก็เต็มอยู่ในอากาศ สายฟ้ายังคงฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่างช้าๆ ไม่ได้ลงไปบนพื้นหรือว่าพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า เส้นผมลอยพลิ้วไปมาและเสื้อผ้าก็กระพือพัดเป็นระลอกคลื่น เวลาเดียวกันนั้นแสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้นมาในดวงตา

“ถึงเวลาที่จะรวบรวม…ปราณและโลหิตที่สร้างขึ้นมาในตอนดับตะเกียงวิญญาณของข้าแล้ว!” เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อ จากนั้นก็ใช้นิ้วมือข้างขวาแตะไปที่หน้าอก

การกระทำนี้ดูเหมือนว่าจะไปเปิดจุดที่อุดตันของปราณและโลหิตภายในร่างให้เปิดออก เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ตามมาด้วยเสียงกึกก้องของพลังแห่งทะเลปราณและโลหิต ที่ระเบิดออกไปอย่างดุร้าย

ตอนนี้ร่างกายเมิ่งฮ่าวสูงนับร้อยจ้าง ดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิม เวลาเดียวกันนั้นพลังกายเนื้อก็พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเหมือนตอนที่ดูดซับโลหิตเทพเข้าไป แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง

หัวใจเริ่มเต้นรัวเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ กระดูกเริ่มแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น ชิ้นเนื้อและโลหิตเต็มไปด้วยพลัง และเสียงกระหึ่มก็ดังก้องมากขึ้นเต็มอยู่ในร่าง

ในตอนนี้ระดับกายเนื้อของเมิ่งฮ่าวเพิ่มขึ้นไปอีกครั้ง กำลังพุ่งผ่านเข้าไปอยู่ในขั้นกลางของระดับห้าแก่นแท้

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้น ขณะที่ยกมือขวาขึ้นไปอีกครั้ง ครั้งนี้กดลงไปบนหน้าผาก จนเกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเมื่อคลื่นปราณและโลหิตคลื่นที่สอง ซึ่งหลบซ่อนอยู่ภายในร่างระเบิดออกมา ทำให้พลังกายเนื้อพุ่งทะยานขึ้นไปอีกครั้ง

“ยังไม่พอ!” เมิ่งฮ่าวขยับมือขวาร่ายเวท และจากนั้นก็กดลงไปบนจุดตันเถียน พลังปราณและโลหิตปะทุขึ้น พุ่งกระจายไปทั่วร่าง ทำให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เขามีความสูงเกือบหกร้อยจ้าง ดูน่ากลัวอย่างถึงที่สุด

ตอนนี้กายเนื้อของเมิ่งฮ่าวอยู่ในขั้นสุดท้ายของระดับห้าแก่นแท้

“ข้ายังมีพลังสำรองอยู่อีกสองส่วน” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้าขึ้น ปราณและโลหิตที่สร้างขึ้นมาจากการดับตะเกียงวิญญาณไปห้าดวง ถูกปลดปล่อยออกมาแล้วสามครั้งในตอนนั้น ในตอนนี้เขาไม่ลังเลใดๆ อีก ขยับมือร่ายเวทและกดลงไปบนศีรษะของตนเอง

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และสายตาของเมิ่งฮ่าวก็พร่าเลือนไป เวลาเดียวกันนั้นพลังอันน่าเหลือเชื่อของปราณและโลหิตก็ระเบิดออกมาจากด้านบนศีรษะ ขณะที่พลังนั้นเต็มอยู่ในร่าง เขาก็แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา มีความสูงมากขึ้น จนกระทั่งถึงเจ็ดร้อยจ้าง กำลังสั่นสะท้านไปมา รู้สึกราวกับว่าโลหิตและชิ้นเนื้อแทบจะถูกแยกออกจากกัน และจิตใจก็แทบจะระเบิดออกไป

ฟ้าดินบิดเบี้ยวไปมา และอากาศรอบๆ ตัวก็กระเพื่อมขึ้นลง ขณะที่กลิ่นอายอันรุนแรงระเบิดออกไป

ในตอนนี้เองที่ความแข็งแกร่งของกายเนื้อเมิ่งฮ่าว เทียบเท่ากับขั้นสูงสุดของระดับห้าแก่นแท้ อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น…ก็จะอยู่ในระดับจักรพรรดิเต๋าหกแก่นแท้!

เมื่อไหร่ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ และเมื่อรวมพลังกายเนื้อเข้ากับพื้นฐานฝึกตน พลังการต่อสู้ที่ระเบิดออกไป ก็จะทำให้เมิ่งฮ่าวเข้าไปอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับจักรพรรดิเต๋า

ถึงแม้ไม่อาจจะถือได้ว่าอยู่ห่างจากระดับผู้ยิ่งใหญ่แค่ครึ่งก้าว แต่ก็ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก!

“สุดท้าย!” เมิ่งฮ่าวแผดร้องคำราม ใช้สองมือขยับร่ายเวท กดลงไปตรงหน้าอกและจุดตันเถียนโดยพร้อมเพรียงกัน พลังทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกไป และพลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างคล้ายกับเป็นมหาสมุทร

ตอนนี้เขามีความสูงถึงแปดร้อยจ้าง เวลาเดียวกันนั้นผิวกายก็แตกร้าวและฉีกขาดออก ทำให้โลหิตพุ่งกระจายพร่างพรมลงไป ความเจ็บปวดเต็มไปทั่วร่าง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะพลังเจตจำนงอันน่าเหลือเชื่อของเมิ่งฮ่าวแล้วละก็ เขาคงไม่อาจจะทนทานได้อย่างแน่นอน

เมิ่งฮ่าวส่งเสียงกู่ร้องดังก้องออกมา ขณะที่บรรลุถึงความสูงเก้าร้อยจ้าง ความรู้สึกแห่งพลังเต็มอยู่ภายในร่าง ทำให้เมิ่งฮ่าวเชื่อว่าถ้าตนเองต้องไปเผชิญหน้ากับไป๋จู่อีกครั้งในตอนนี้…ก็สามารถจะเอาชนะมันได้ในหมัดเดียว!

หนึ่งหมัดที่ทำให้ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน หนึ่งหมัดที่ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะเทือน หนึ่งหมัดที่สามารถ…สังหารราชันแห่งขุนเขาทะเล!

ฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง และโลกแห่งนี้ก็สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง ตอนนี้เมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ได้ถึง…เต๋าแล้ว!

มันคือพลังแห่งเต๋า เป็นเต๋าแห่งฟ้าดิน เป็นบางสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะสัมผัสได้…

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับห้าแก่นแท้ รู้สึกได้ว่ากายเนื้อของตนเองยังไม่ได้อยู่ในระดับหกแก่นแท้ ถ้าอยู่ในหกแก่นแท้ ความรู้สึกนั้นจะไม่ใช่เพียงแค่สัมผัสเต๋าอยู่ แต่สามารถจับต้องได้!

มีแต่พลังเช่นนี้เท่านั้น เขาถึงสามารถจะมีชีวิตอยู่เมื่อต้องต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้ และยังสามารถจะสร้างเป็นความหวาดกลัวให้กับผู้ยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้!

“คาดไม่ถึงว่ากายเนื้อหกแก่นแท้จะยากเย็นเช่นนี้…แต่ข้าเคยพูดไว้แล้วว่าวันนี้ จะต้องมีกายเนื้อจักรพรรดิเต๋าขั้นสูงสุดให้จงได้!”

ตูม!

ขณะที่พลังปราณและโลหิตพุ่งผ่านไปทั่วร่าง เมิ่งฮ่าวก็มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขามีความสูงถึง…เก้าร้อยเก้าสิบเก้าจ้างแล้ว!

“ตะเกียงโบราณ ออกมา!!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง ขณะที่โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป ทำให้อากาศรอบๆ ตัวพลุ่งพล่านไปมา เมื่อตะเกียงวิญญาณสามสิบสามดวงปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ห้าดวงดับลงไปแล้ว อีกยี่สิบแปดดวงกำลังลุกไหม้อยู่ แสงที่ส่องกระทบไปบนร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้ดูคล้ายกับเป็นเทพเซียน สะบัดชายแขนเสื้อออกไป สายตาไปหยุดอยู่ที่ตะเกียงวิญญาณดวงที่หก

“ข้าผ่านความทุกข์แรกของเจ็ดอารมณ์ไปแล้ว ต่อไปจะเป็นอารมณ์ที่สอง ทุกข์แห่งกายเนื้อ ข้าน่าจะสามารถดับตะเกียงดวงที่หกนี้ได้!” ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น โดยไม่ลังเลใดๆ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือตรงไปยังตะเกียงวิญญาณดวงที่หก

“ดับไป!”

เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวปะทุขึ้น และเสียงกระหึ่มก็ดังกึกก้อง ขณะที่ตะเกียงวิญญาณดวงที่หกดับลง ทันใดนั้นกลุ่มควันสีเขียวจำนวนมากก็ปรากฏขึ้น และเมิ่งฮ่าวก็ดูดกลืนเข้าไปในทันที

เมื่อกลุ่มควันเหล่านั้นผ่านเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้าน ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังแห้งเหี่ยวลงไป แต่ความรู้สึกที่แห้งเหี่ยวอย่างรุนแรงนั้นก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องยิ้มออกมา

ถึงจะมีความเจ็บปวด แต่เมิ่งฮ่าวก็เคยพบเจอกับความเจ็บปวดที่เลวร้ายมากกว่านี้มาก่อน

โดยปกติแล้วอารมณ์ทั้งเจ็ดจะเป็นสิ่งที่ต้องเอาชนะไปด้วยความระมัดระวังสูงสุดในช่วงของการนั่งเข้าฌาณตามลำพัง พร้อมกับมีผู้พิทักษ์เต๋าอยู่ด้านนอก แต่ขณะที่พบเจอกับความทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บปวดอยู่นี้ เมิ่งฮ่าวก็ค่อนข้างมีความเชื่อมั่นว่าสามารถจะผ่านทัณฑ์ทรมานแรกของอารมณ์ที่สองนี้ไปได้

กายเนื้อของเมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ จนทำให้ทัณฑ์ทรมานของกายเนื้อไม่อาจจะมีผลกระทบแม้แต่น้อย ร่างเมิ่งฮ่าวกำลังแห้งเหี่ยวลงไปอย่างต่อเนื่อง และไขกระดูกก็หายไปแล้ว ราวกับว่ามีหลุมดำอยู่ภายในร่างกำลังดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ ทำให้ร่างกายต้องแห้งเหี่ยวลงไปอย่างต่อเนื่อง

แต่ความแห้งเหี่ยวนั้นก็ไม่ได้รบกวนเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย

ในตอนนี้โลกที่อยู่รอบๆ ตัว กำลังพังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง พื้นดินแตกกระจาย ฟ้าดินถูกทำลายไป หุบเขาสุสานเทพกำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายที่แห้งเหี่ยวลงไปนี้ ไม่อาจจะทำอันตรายต่อพลังของพื้นฐานฝึกตนและกายเนื้อของตนเองได้ เขายื่นมือขวาออกไปและทำท่าคว้าจับไปยังอวี่เหวินเจียน จากนั้นก็ขยับร่างเคลื่อนไหว พุ่งผ่านอากาศไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกของหุบเขาสุสานเทพในทันที ซึ่งอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเลที่เจ็ด

แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นตรงด้านนอก พลังแห่งการลงทัณฑ์ก็บดขยี้ลงมา ซึ่งก็คือทัณฑ์เต๋ากายเนื้อนั่นเอง อันเนื่องมาจากว่ากายเนื้อกำลังก้าวเข้าไปในเต๋า!

แต่ก็มีบางสิ่งที่แปลกๆ เกี่ยวกับทัณฑ์นี้ เนื่องจากสงครามระหว่างอาณาจักรขุนเขาทะเลและสวรรค์ชั้นแรก หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะการคงอยู่ของสวรรค์ชั้นแรก ทำให้ทัณฑ์อาณาจักรเต๋าไม่เกิดขึ้น!

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ชั่วขณะ แต่จากนั้นก็ปล่อยวางเรื่องนี้ไป จากกายเนื้อในตอนนี้ของเมิ่งฮ่าว การเอาชนะทัณฑ์เต๋าก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากแต่อย่างใด แม้แต่อารมณ์ที่สองภายในใจของตนเองก็เช่นกัน

แท่นบูชาที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นปากทางเข้าไปสู่หุบเขาสุสานเทพแตกร้าว และกระจายออกไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โลกที่ประกอบไปด้วยหุบเขากลายเป็นเถ้าธุลีไป

อวี่เหวินเจียนสลบไป แต่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของโลหิตเทพ ที่น่าสังเกตมากไปกว่านั้นก็คือว่านิ้วชี้ของมันในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิม และประกอบไปด้วยความผันผวนอันน่ากลัว

“นี่คือโชควาสนาของมัน” เมิ่งฮ่าวคิดละสายตากลับมา โบกสะบัดชายแขนเสื้อ หายตัวไปพร้อมกับอวี่เหวินเจียน เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้งก็กลับไปอยู่บนดาวหู่เหลา หลังจากที่ส่งมอบอวี่เหวินเจียนให้กับผู้ฝึกตนในที่แห่งนั้น เขาก็จากไป พร้อมกับการมองไปยังดาวดวงนี้เป็นครั้งสุดท้าย ร่างกายก็แวบหายเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังกายเนื้ออันน่ากลัวที่อยู่ภายในร่าง ซึ่งเกินกว่าสิ่งที่เขาเคยปลดปล่อยออกมาจากก่อนหน้านี้มากนัก ขณะที่เดินทางไปตามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมิ่งฮ่าวก็กำหมัดจนแน่น และทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวก็สั่นสะเทือน เมื่อระลอกคลื่นอันทรงพลังพุ่งกระจายออกไป

“ร่างกายที่แห้งเหี่ยวนี้ อีกไม่นาน…ก็จะหายไป” จากเส้นทางของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเขาคือขุนเขาทะเลที่สี่

เขาปรารถนาที่จะได้พบกับสวี่ชิงอย่างแรงกล้า หลังจากนั้นก็จะทำบางสิ่งบางอย่างที่อาณาจักรขุนเขาทะเล รวมทั้งสามสิบสามสวรรค์ทั้งหมดต้องสั่นสะเทือน!

ถ้าทำได้สำเร็จ ความฮึกเหิมของอาณาจักรขุนเขาทะเลก็จะพุ่งขึ้นมา และชื่อเสียงของเขาก็จะกระจายออกไปทั่วทั้งสามสิบสามสวรรค์ จากนั้นคนทั้งหมดก็จะรู้ว่าอาณาจักรขุนเขาทะเล มีผู้ฝึกตนผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า…เมิ่งฮ่าว!

เขามองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จากนั้นก็เดินทางต่อไป กลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้าพุ่งห่างออกไปไกล ในที่สุดก็เข้าไปใกล้เกราะป้องกันที่แยกขุนเขาทะเลที่เจ็ดและหกออกจากกัน สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วเกราะป้องกันนี้ไม่มีคุณค่าให้ต้องเอ่ยถึง เขาพุ่งผ่านเข้าไป แทบจะทันใดนั้นก็พบกับปากทางออก เขาพุ่งทะลวงผ่านเข้าไปในขุนเขาทะเลที่หกอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวมาอยู่ในขุนเขาทะเลที่หก ถึงแม้ว่าจะเป็นสถานที่แปลกตา แต่กลิ่นอายในที่แห่งนี้ เมิ่งฮ่าวรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง มันคือกลิ่นอายของ…กลุ่มคนนอกคอก!

เช่นเดียวกับขุนเขาทะเลที่เจ็ด ขุนเขาทะเลที่หกแทบจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนนอกคอก

ขณะที่เมิ่งฮ่าวผ่านเข้ามาในขุนเขาทะเลแห่งนี้ ร่างกายก็แห้งเหี่ยวลงไปมากขึ้น ดูผอมแห้งมากขึ้นกว่าเดิม แต่พลังการต่อสู้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป กลับกำลังเพิ่มขึ้นมา ความทุกข์ทรมานนี้กำลังจะจบสิ้นแล้ว!

เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น พลังกายเนื้อก็จะปะทุขึ้น และกายเนื้อของเมิ่งฮ่าวก็จะเข้าไปอยู่ในระดับจักรพรรดิเต๋าอย่างสมบูรณ์!

ตอนนี้เขาไม่ให้ความสนใจต่อความทุกข์ทรมานนั้นแม้แต่น้อย ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และรับรู้ได้ถึงลูกบาศก์สีดำนับไม่ถ้วนแทบจะในทันที ยังคงมีการต่อสู้อยู่ในที่แห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเหตุการณ์แปลกๆ ปรากฏขึ้น

ตรงที่แห่งนั้นเมิ่งฮ่าวมองเห็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งสวมใส่ชุดยาวสีม่วง มีเกราะป้องกันเรืองแสงสีแดงหมุนวนอยู่รอบๆ ตัว และกำลังหลับตาอยู่ ใบหน้าซีดขาว ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส นั่งขัดสมาธิแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่นั่น

ตรงด้านนอกเกราะป้องกันซึ่งคอยปกป้องมันเป็นคนนอกคอกผู้หนึ่ง กำลังพยายามทำลายเกราะป้องกันนั้นอยู่ในตอนนี้ ที่กำลังช่วยเหลือคนนอกคอกนั้นเป็นชายชราผู้หนึ่ง ซึ่งมีสีหน้าราบเรียบ แต่เมื่อมันมองไปยังบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ภายในเกราะป้องกัน ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความโลภ

เมิ่งฮ่าวจำคนนอกคอกนี้ได้ มันคือหนึ่งในร่างจำแลงของจักรพรรดิเต๋านอกคอกนั้น!

เห็นได้ชัดว่านี่คือร่างจำแลง!

สำหรับชายชราที่กำลังช่วยเหลือมัน กระจายเป็นเศษพลังแห่งขุนเขาทะเลออกมา ทำให้เมิ่งฮ่าวมั่นใจในตัวตนของมันได้อย่างฉับพลัน

คนผู้นี้คือผู้ทรยศเช่นเดียวกับไป๋จู่ มันคือ…ราชันแห่งขุนเขาทะเลที่หก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!