ตอนที่ 1359
แผนการอันกลอกกลิ้ง
หลอมรวมความคิดข้าเข้ากับเจตจำนงแห่งสวรรค์ ใช้หมัดข้าหมุนดวงตะวัน จนกลายเป็นหมัดแห่งแสง!
ในตอนนี้เจตจำนงของเมิ่งฮ่าวได้แปรสภาพเป็นหมัดสังหารเทพ เต็มไปด้วยความกล้าหาญและมุ่งมั่น ต่อยออกไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
เมื่อกระแทกลงไปยังหมัดของเสวียนฟางจื้อจุน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องขึ้น แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว และแขนข้างขวาก็บิดเบี้ยวผิดรูป โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ร่างกายสั่นสะท้านลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ถูกโจมตีมาด้วยพลังระเบิดอันรุนแรง
อย่างไรก็ตามเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาเสวียนฟางก็สาดประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่ามันไม่รู้สึกวิตกเท่าใดนัก แต่นิ้วทั้งห้าที่มือขวาของมันก็มีอาการเจ็บปวดขึ้นมา ไม่อาจแม้แต่จะยืดนิ้วออกไป เป็นอาการบาดเจ็บที่คล้ายกับว่ามีบางสิ่งไม่ได้ทำให้มันต้องกระอักโลหิตออกมา แต่กระดูกนิ้วกลับถูกบดขยี้ไป และกระดูกที่ท่อนแขนก็แตกร้าว อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดเช่นนี้ก็มีแต่จะทำให้รังสีสังหารในแววตาของเสวียนฟางต้องลึกล้ำมากขึ้น อีกครั้งที่มันเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว
“คิดจะหนี?” เสวียนฟางหัวเราะหึๆ แต่ขณะที่มันเข้าไปใกล้ จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักนิ่งและมองตรงไป ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความดุร้าย ขณะที่เวทตราบนิรันดร์ชิงตี้ทำงานขึ้นอย่างเต็มกำลัง
“เมิ่งโหม่ว ไม่เคยคิดจะหลบหนี” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงที่เย็นชาราวน้ำแข็ง แสงสีฟ้าสาดประกายออกมา ขณะที่กลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังเสวียนฟางด้วยความรวดเร็วสูงสุด เสียงแผดร้องคำรามอย่างดุร้ายดังก้องขึ้น เวลาเดียวกันนั้นภูเขาจำนวนมากก็ตกลงมา พร้อมด้วยสุดยอดสะพานที่ปะทุขึ้นด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินมา ขณะที่เสวียนฟางจื้อจุนหัวเราะอย่างเย็นชา ไม่ยอมหลบเลี่ยงแต่เดินตรงมาและทำท่าคว้าจับออกไป ทันใดนั้นแสงสีทองก็พุ่งขึ้นมาอยู่ที่เบื้องหน้ามัน ภายในเป็นสัญลักณ์เวทที่เปล่งแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นค่ายกลเวทกระจายเป็นพลังแห่งดวงดาวออกมา ทำให้ธาตุทั้งห้าตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และแสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้น
ค่ายกลเวทพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที ทำให้ภูเขาแตกกระจายไป และทำลายรูปแบบวิหคยักษ์ของเขาไป แสงสีฟ้ากระจัดกระจายออกไป
ร่างมนุษย์ของเมิ่งฮ่าวปรากฎขึ้น ดูสกปรกไปโดยสิ้นเชิง หน้าอกกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อและโลหิตอันเลอะเลือน จนมองเห็นอวัยวะภายในได้อย่างเลือนลาง
ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างน่าเหลือเชื่อจากเวทตราบนิรันดร์ชิงตี้ ซึ่งทำการรักษาร่างกายเขาในทันที เมิ่งฮ่าวก็คงจะตายไปแล้ว ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเขายังคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่อย่างถึงที่สุด
“ผู้ยิ่งใหญ่…” เมิ่งฮ่าวคิดดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้ ตอนที่ต่อสู้กับอี้กู่ยังไม่รุนแรงเท่านี้ ตอนนี้เขาติดอยู่ด้านใน จึงไร้ทางเลือกนอกจากต้องเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลังอย่างน่ากลัวนี้เท่านั้น
และนี่ก็คือผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้!
เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ค่ายกลเวทสีทองกดทับลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว เขาแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ทำให้แสงอันเจิดจ้าสาดประกายออกมาจากสุดยอดสะพาน ขณะที่ทำการต่อสู้กลับไป
แรงกดดันจากสุดยอดสะพาน ทำให้ค่ายกลเวทสีทองสั่นสะท้าน และในที่สุดก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป สุดยอดสะพานสั่นไหวไปมา แต่ก็ยังคงบดขยี้ลงไปยังร่างเสวียนฟางอย่างต่อเนื่อง
ดวงตาเสวียนฟางเบิกกว้างขึ้น ทันใดนั้นก็มองไปยังสุดยอดสะพานอย่างละเอียดมากขึ้น และสีหน้าก็เปลี่ยนไป ถอยไปทางด้านหลัง ขยับร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ จากนั้นก็แตะนิ้วลงไปบนหน้าผาก ฉับพลันนั้นแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากด้านบนศีรษะของมัน กลายเป็นราชสีห์ทองคำหนึ่งตัว ใบหน้าเสวียนฟางเต็มไปด้วยความโลภ และเริ่มหัวเราะออกมา
“คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสะพานนั่น…เปิ่นจุนจะนำมันไป!” ราชสีห์ทองคำเป็นเศษชิ้นส่วนวิญญาณของเสวียนฟาง ขณะที่มันลอยออกไป ก็เริ่มหมุนวนไปรอบๆ สุดยอดสะพาน พยายามจะใช้พลังแห่งผู้ยิ่งใหญ่ ตัดการเชื่อมต่อระหว่างสุดยอดสะพานและเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลาที่จะทำให้การเชื่อมต่อนี้เสถียรมั่นคง เป็นช่วงวิกฤตอันร้ายแรง แต่ก็มีความเชื่อมั่นว่าตราบเท่าที่ตนเองยังไม่ตายไป มันก็ไม่มีทางจะนำสะพานนี้จากไปได้ ในขณะที่เสวียนฟางถอยไปทางด้านหลัง จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็เคลื่อนย้ายทางไกลกลับเข้าไปในค่ายกลเวทที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของดวงตะวัน ในที่แห่งนั้นเขาขยับมือร่ายเวทและชี้นิ้วออกไป ทำให้แสงอันเจิดจ้าหมุนวนออกมาจากดวงตะวัน
อย่างน่าตกใจยิ่งเขาได้ต่อสู้กับเสวียนฟางจื้อจุนมานานกว่าสิบลมหายใจแล้ว ซึ่งหมายความว่าลูกธนูแสงตะวัน สามารถจะถูกใช้ออกมาได้อีกครั้ง เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่แสงอันเข้มข้นพุ่งตรงไปยังเสวียนฟางจื้อจุน เนื่องจากมันอยู่ใกล้มากเป็นอย่างยิ่ง ทำให้แสงนั้นพุ่งไปกระทบร่างมันแทบจะในทันที
ลูกธนูแสงแทงเข้าไปในหน้าผากของมัน ทำให้เสวียนฟางต้องสั่นสะท้านและกระอักโลหิตออกมากองโต พลังของมันจางหายไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะไม่ตายไป แต่ก็มองเห็นบาดแผลอันร้ายแรงอยู่บนหน้าผากของมัน แต่ก็เริ่มถูกรักษาไปในทันที
เมิ่งฮ่าวใช้เวลาวิเคราะห์อยู่ชั่วขณะ ก็ได้ข้อสรุปว่าเสวียนฟางไม่ได้ไม่เป็นอันตรายใดๆ เห็นได้ชัดว่ามันใช้เวทลับบางอย่างเพื่อสะกดข่มอันตรายจากบาดแผลนั้น
ในอนาคตมันอาจจะต้องทุกข์ทรมานจากพลังสะท้อนกลับอันน่าเหลือเชื่อจากการใช้เวทลับนั้น แต่ในตอนนี้พลังการต่อสู้ของมันไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยเนื่องจากบาดแผลนั้น
“บัดซบ!” เมิ่งฮ่าวคิดด้วยใบหน้าที่หมองคล้ำลง เวลาเดียวกันนั้นเสวียนฟางก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย และพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว เมื่อเข้ามาใกล้ มันก็โบกสะบัดมือออกไป ทำให้ทะเลสีทองสาดกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่ภายในค่ายกลเวท
“ไม่จำเป็นต้องพูดถึงหนึ่งเค่อ แม้แต่การยิงลูกธนูแสงในครั้งต่อไป เจ้าก็ไม่อาจจะอยู่ถึง”
ไห่เมิ่งจื้อจุนอยู่ตรงด้านนอกกลุ่มหมอก ใบหน้าซีดขาวขณะที่ตระหนักว่าเสวียนฟางมีความตั้งใจที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวอย่างแน่วแน่ แม้แต่นางก็ยังไม่เชื่อว่าเมิ่งฮ่าวจะสามารถอดทนอยู่ได้จนครบหนึ่งเค่อ…
อันที่จริงก็เป็นเช่นดังที่เสวียนฟางกล่าวไว้ เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะยืนหยัดได้นานมากนัก ถึงแม้ว่าเขาจะ…เซ่นสังเวยผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งแสนคนเพื่อยืดเวลาออกไปก็ตาม
“เสวียนฟาง!” ไห่เมิ่งร้องตวาดขึ้น โจมตีไปยังกลุ่มหมอกด้วยความกระวนกระวายใจ เวลาเดียวกันนั้น สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่เมิ่งฮ่าวส่งไปควบคุมหุ่นเชิดอี้กู่ก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ หุ่นเชิดเริ่มเฉื่อยชาลง คงอีกไม่นานสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็จะจางหายไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นหุ่นเชิดก็จะ…สูญเสียพลังการต่อสู้ทั้งหมดไป เหลือไว้แต่สัญชาตญาณดิบของมันเท่านั้น
ถ้านั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด อย่างไรก็ตามกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่อีกด้านของเกราะป้องกันกำลังพลุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นมา และตอนนี้กำลังพยายามเจาะทะลวงเข้ามา
เวลาเดียวกันนั้นผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่บนดวงตะวันในตอนนี้
ที่มากไปกว่านั้นก็คือว่า ในสวรรค์ชั้นหกที่อยู่ตรงด้านนอกอาณาจักรขุนเขาทะเล เสียงหัวเราะอย่างเย็นชาดังก้องขึ้น ซึ่งเป็นของผู้ยิ่งใหญ่คนที่สองนั่นเอง
ถ้ามันไม่เข้าใจว่าจะฉวยโอกาสที่เสวียนฟางจื้อจุนสร้างขึ้นมานี้ได้อย่างไร มันก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ขณะที่มันก้าวเดินออกมาจากสวรรค์ชั้นหกเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ไม่มีใครสามารถจะมองเห็นได้ว่ามันมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร เนื่องจากร่างกายมันถูกปกคลุมด้วยระลอกคลื่นแห่งความมืดมิด มันมองไปยังอาณาจักรขุนเขาทะเลและเกราะป้องกัน จากนั้นก็มองไปยังสนามรบที่อยู่บนดวงตะวันด้วยสายตาที่เย็นชา
ริมฝีปากมันบิดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา และความโหดเหี้ยมดุร้ายก็กระจายออกมาจากร่าง ไม่ยอมพูดจาใดๆ แต่ยกมือขวาขึ้นมาขยับร่ายเวท ทันใดนั้นระลอกคลื่นความมืดมิดที่อยู่รอบๆ ตัว ก็บิดเบี้ยวไปมา จากนั้นก็เริ่มกระจายออกไป เห็นได้ชัดว่ามันกำลังใช้พลังทั้งหมดออกไป
กลิ่นอายแห่งผู้ยิ่งใหญ่ปะทุออกมาจากร่างมัน ขณะที่…ดินแดนอันกว้างใหญ่ซึ่งก็คือสวรรค์ชั้นที่สองเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมา
ทันใดนั้นสวรรค์ชั้นที่สองก็เริ่มขยับตัวเคลื่อนไหว ราวกับว่ามีหัตถ์ยักษที่มองไม่เห็นมาคว้าจับมันไว้ และกำลังขว้างมัน…ให้พุ่งตรงไปกระแทกกับเกราะป้องกันของอาณาจักรขุนเขาทะเล!
ภาพที่ดินแดนอันกว้างใหญ่พุ่งตรงไปกระแทกเกราะป้องกันของอาณาจักรขุนเขาทะเล เป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับทั้งผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลและกลุ่มคนนอกคอก
ผู้ที่วิตกกังวลมากที่สุดก็คือกลุ่มคนนอกคอกจากสวรรค์ชั้นที่สองนั่นเอง แต่พวกมันก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงแผดร้องออกมา ได้แต่เฝ้ามองไปขณะที่ดินแดนอันกว้างใหญ่ ซึ่งถูกโจมตีด้วยลมพายุจากก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็เริ่มพุ่งตรงไปยังเกราะป้องกันของอาณาจักรขุนเขาทะเล
ดูเหมือนว่ามันจะเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ แต่ความเป็นจริงก็คือว่าพลังนั้นเพียงพอที่จะทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน!
ในตอนนี้ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลกำลังมองเห็นด้วยสองตาของตนเองว่า…ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงคืออะไร!
ผู้ยิ่งใหญ่คือบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการต่อสู้ทั้งหมด พวกมันสามารถใช้ดินแดนอันกว้างใหญ่เหมือนกับเป็นอาวุธเพื่อปลดปล่อยพลังทำลายล้างอย่างที่คาดไม่ถึงออกมา จริงๆ แล้วถ้านั่นยังไม่ใช่ข้อจำกัดที่แท้จริง ผู้ยิ่งใหญ่ก็อาจจะใช้ได้แม้แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเองด้วยเช่นกัน
ดินแดนอันกว้างใหญ่ซึ่งก็คือสวรรค์ชั้นที่สอง เป็นดินแดนขนาดเล็กมากที่สุดในท่ามกลางห้าดินแดนอันกว้างใหญ่ในตอนนี้ แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่ามันมีขนาดที่ใหญ่โตมากเพียงใด แม้แต่แรงกดดันที่กระจายออกมาจากดินแดนแห่งนั้น ก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องแตกกระจายไป ทันใดนั้นเกราะป้องกันอาณาจักรขุนเขาทะเลก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงการโค้งงอแล้ว
ใบหน้าตี้จ้างซีดขาว แต่ก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้องออกไป เวลาเดียวกันนั้นก็หยิบขวดเม็ดยาออกมา หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ก็เทเม็ดยาลงไปในปาก จากนั้นพื้นฐานฝึกตนของท่านก็ระเบิดเป็นพลังขึ้นไป เส้นเลือดเขียวปะทุขึ้นมาบนใบหน้า และเขาสีเขียวที่ดูน่ากลัวก็งอกออกมาจากด้านบนศีรษะในทันที
ผิวหนังของท่านเริ่มเปลี่ยนสีสันไป กลายเป็นสีเขียว และร่างกายก็สูงขึ้นไปถึงหนึ่งร้อยจ้าง ชุดนักพรตของท่านฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขณะที่พลังพุ่งทะยานขึ้นไป ในตอนนี้พลังของท่านไม่ใช่เป็นพลังของผู้ฝึกตนอีกต่อไป แต่เป็นพลังของ…อสูร!
ท่านยกมือขวาขึ้นมาและตบลงไปบนพื้น ใช้พลังชีวิตของท่าน ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ต่อสู้กลับไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่ของสวรรค์ชั้นที่สองซึ่งใกล้เข้ามา
ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนที่อยู่บนดวงจันทร์ต่างก็ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา พร้อมกับส่งพลังชีวิตของตนเองออกไปด้วยเช่นกัน พื้นฐานฝึกตน จิตวิญญาณของพวกมัน ไหลผ่านเข้าไปในค่ายกลเวทเพื่อช่วยเหลือตี้จ้าง ช่วยเหลืออาณาจักรขุนเขาทะเล ต่อสู้กลับไปยังศัตรู!
ในตอนนี้ ดวงตะวันและจันทราต่างก็ตกอยู่ในจุดวิกฤตอันเลวร้าย ก่อนหน้านี้อาณาจักรขุนเขาทะเลอยู่ในสภาวะที่ได้เปรียบ แต่ตอนนี้กลับเป็นตรงกันข้าม ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจาก…เสวียนฟาง!!
จากห้าผู้ยิ่งใหญ่ของสามสิบสามสวรรค์ พื้นฐานฝึกตนของเสวียนฟางไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากที่สุด แต่ในช่วงวิกฤตของสงครามครั้งนี้ สามสิบสามสวรรค์ส่งมันออกมา ก็เห็นได้ชัดว่ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าภายใต้การนำของมัน กลุ่มคนนอกคอกจากสวรรค์ทั้งห้าสามารถจะทำให้อาณาจักรขุนเขาทะเลต้องสั่นสะเทือน อย่างน้อย…พวกมันก็สามารถยืดเวลาการต่อสู้ออกไปหนึ่งปีได้อย่างง่ายดาย
ย้อนกลับไปบนดวงตะวัน เสวียนฟางกำลังหัวเราะออกมา ก้าวเดินตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ที่ยังคงอยู่ภายในค่ายกลเวท และกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เปิ่นจุนไม่วิตกที่จะเปิดเผยแผนการที่แท้จริงออกมาแล้ว เป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่อี้กู่ ไม่ใช่ดวงตะวัน และไม่ใช่เจ้าด้วยเช่นกัน แต่เป็น…สิ่งที่ข้าไม่เคยชำเลืองมองไปแม้แต่แวบเดียว…ดวงจันทร์!”
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดกำลังกระอักโลหิตออกมา แต่ไม่มีใครละทิ้งหน้าที่ของตนเอง
เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนที่อยู่บนดวงจันทร์ พวกมันปลดปล่อยพลังการฝึกตนและพลังชีวิตของตนเองออกมา ถึงแม้ว่าจะต้องตายไป พวกมันก็จะถ่วงเวลาให้กับเมิ่งฮ่าว
พวกมันจะแบกรับพลังอันหนักหน่วงของเสวียนฟางเพื่อช่วยเหลือเมิ่งฮ่าว