ตอนที่ 1358
สู้เสวียนฟางจื้อจุน
ราวกับว่ามันได้ค้นพบต้นกำเนิดของลูกธนู ติดตามลูกธนูแสงกลับไป ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะเข้าใจได้บางอย่าง เดินทางย้อนเวลากลับไปหลายชั่วอึดใจ เพื่อที่จะ…กลับไปยังที่แห่งนั้น ด้วยตัวตนของเสวียนฟางจื้อจุนเอง!
อาการบาดเจ็บที่มันได้รับมาจากลูกธนูแสงหายไปในทันที ขณะที่ไปปรากฏตัวขึ้นบนพื้นผิวของดวงตะวัน!
เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ได้ยินมา และดวงตะวันก็เริ่มสั่นสะเทือนไปทั้งดวง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องหรี่เล็กลง
“แก่นแท้แห่งกาลเวลา!!” ชั่วชีวิตของเมิ่งฮ่าวเคยต่อสู้กับผู้คนมาอย่างมากมาย ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่เคยรู้จักกับเสวียนฟางมาก่อน แต่ขณะที่มันเข้ามาใกล้ ร่างกายก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาในทันที รวดเร็วกว่าความนึกคิดซะอีก พื้นฐานฝึกตนระเบิดเป็นพลังออกไป ใช้พลังของค่ายกลเวทที่ก่อตัวขึ้นมาจากผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคน ทำการโจมตีออกไปอย่างดุร้ายโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
การโจมตีนี้ประกอบไปด้วยพลังสิบส่วนเต็มของดวงตะวัน กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป ไม่ได้ตรงไปยังเสวียนฟาง แต่ตรงไปยังไข่มุกสีดำ
ไข่มุกนั้นทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงอันตรายที่เลวร้ายเป็นอย่างมาก
แสงสีทองที่กระจายออกมาจากร่างเสวียนฟางจื้อจุนจางหายไปบางส่วน เห็นได้ชัดว่าการใช้เวทแห่งกาลเวลาที่ต่อต้านสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่มันจะสามารถใช้ออกมาได้อย่างง่ายดาย อันที่จริงแล้ว มันไม่อาจจะปลดปล่อยวิชาเวทเช่นนี้ออกมาได้อีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ซึ่งก็เหมือนกับแก่นแท้แห่งความว่างเปล่าของเมิ่งฮ่าว
อย่างไรก็ตามการปรากฏกายขึ้นอย่างกะทันหันบนดวงตะวันของเสวียนฟาง ไม่เพียงแต่จะทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องเบิกกว้างขึ้นเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าไห่เมิ่งจื้อจุนก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
ไห่เมิ่งจื้อจุนรีบเคลื่อนย้ายทางไกลออกไปยังอาณาเขตของดวงตะวันอย่างเต็มกำลังในทันที เมิ่งฮ่าวก็ใช้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เพื่อเรียกผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด ให้มาช่วยคลี่คลายอันตรายในตอนนี้ด้วยเช่นกัน!
ในท่ามกลางเสียงกระหึ่มดังก้อง แสงอันเจิดจ้าพุ่งตรงไปยังไข่มุกที่เสวียนฟางจื้อจุนกำลังกระแทกตรงมายังพื้นผิวของดวงตะวัน ด้วยความรวดเร็วที่ดูเหมือนว่าสามารถสกัดกั้นไข่มุกได้ก่อนที่มันจะมีผลกระทบต่อดวงตะวันทั้งหมด
เสวียนฟางแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ปล่อยไข่มุกออกไปในทันที ยอมให้แสงดวงตะวันกระแทกเข้ามา เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น ขณะที่ไข่มุกแตกกระจายไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น กลุ่มหมอกสีดำก็พุ่งกระจายออกมา เมิ่งฮ่าวบอกได้ในทันทีว่ากลุ่มหมอกเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังผนึกอันน่าเหลือเชื่อบางอย่าง แต่โชคดีที่มันถูกทำลายไปก่อนที่จะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง ถ้ามันถูกใช้ออกมา แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยากที่จะคลายผนึกของมันได้
เห็นได้ชัดว่า ไข่มุกนี้คือของวิเศษอันล้ำค่าที่มีแต่ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ที่สามารถจะสร้างขึ้นมาได้!
ในทันทีที่ไข่มุกสีดำแตกกระจายไป เสวียนฟางจื้อจุนก็ขยับร่างเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน ในชั่วพริบตามันก็อยู่ห่างออกไปไกล แต่ก็ยังคงอยู่บนพื้นผิวของดวงตะวัน และน่าตกใจยิ่งที่มองเห็นไข่มุกสีดำอีกลูกอยู่ในมือมัน รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันไม่สนใจไห่เมิ่งและผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดที่ใกล้เข้ามาโดยสิ้นเชิง
“เมื่อเปิ่นจุนลงมือ ก็มักจะวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ยอมให้เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้น!” มันกล่าวเสียงราบเรียบ พร้อมกับขว้างไข่มุกสีดำลงไปบนพื้นผิวของดวงตะวันอย่างดุร้าย
“ทำไมมันต้องยืนกรานที่จะกระแทกลงไปบนพื้นผิวของดวงตะวัน…?” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดพร้อมกับขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็มีความคิดผุดขึ้นมาในจิตใจ เวลาเดียวกันนั้นกระถางสายฟ้าก็ปรากฏขึ้น ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวเคลื่อนย้ายร่างออกไปจากค่ายกลเวท ทำให้เสวียนฟางต้องอ้าปากค้าง ในชั่วพริบตารูปแบบการสลับร่างย้ายตำแหน่ง ก็ทำให้มันต้องสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือออกไป ขณะที่ไข่มุกสีดำกำลังจะกระแทกลงไปบนพื้นผิวของดวงตะวัน เขาก็คว้าจับเอาไว้ได้
เมื่อมือเมิ่งฮ่าวสัมผัสโดนไข่มุก เขาก็เข้าใจได้ในทันที
“มันไม่ต้องการจะผนึกช่วงเวลานี้ และไม่ได้ใช้ไข่มุกมาสังหารข้า มันต้องการ…ผนึกดวงตะวัน!” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองขึ้นไป และม่านตาก็หดเล็กลง ขณะที่ตระหนักว่าเสวียนฟางจื้อจุน…หยิบไข่มุกสีดำลูกที่สามออกมา
ครั้งนี้เสวียนฟางไม่ยอมพูดจาใดๆ แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวกวาดมองมา มันไม่ได้ขว้างไข่มุกลงไป แต่บดขยี้ไปอย่างเรียบง่าย
เมื่อไข่มุกถูกบดขยี้ กลุ่มหมอกสีดำอันแน่นหนาก็ระเบิดขึ้น ลอยคละคลุ้งปกคลุมไปทั่วดวงตะวันในทันที สร้างบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเป็นอาณาจักรที่โดดเด่นไม่เหมือนใครออกมา
ในตอนนี้เองที่ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดของเมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามา และต่อยหมัดออกไปยังกลุ่มหมอกสีดำ แต่พลังที่โจมตีออกไปนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับโยนก้อนศิลาลงไปในมหาสมุทร ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ออกมาจากภายในกลุ่มหมอกเหล่านั้นแม้แต่น้อย
สำหรับไห่เมิ่งจื้อจุน ในทันทีที่นางเข้ามาใกล้พอ ก็ชี้นิ้วออกไป พลังผู้ยิ่งใหญ่ระเบิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรกับกลุ่มหมอกเหล่านั้นได้ ยกเว้นว่าแค่ทำให้มันสั่นกระเพื่อมไปมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ไข่มุกแห่งความมืด!!” ใบหน้าไห่เมิ่งดูน่าเกลียดขึ้นอย่างถึงที่สุด ไข่มุกแห่งความมืดไม่ใช่สิ่งที่มาจากสามสิบสามสวรรค์ ในยุคสมัยที่อาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่เผชิญหน้ากับมหันตภัยในครั้งนั้น หนึ่งในสองกองกำลังหลักสร้างพวกมันขึ้นมา ด้วยจุดประสงค์ที่จะจับตัวผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังของโลกแห่งเซียนไว้ เมื่อไหร่ที่พลังของไข่มุกถูกปลดปล่อยออกมา ก็ยากที่จะขจัดออกไปได้
อย่างน้อยที่สุด มันสามารถจะกักขังทุกสรรพสิ่งไว้ด้านในเป็นเวลาหนึ่งเค่อ (15 นาที)
ในช่วงเวลาหนึ่งเค่อนั้น อะไรก็ตามที่อยู่ด้านในกลุ่มหมอก จะถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกไปโดยสิ้นเชิง!
แม้ในขณะที่สีหน้าของไห่เมิ่งเปลี่ยนไป ดวงตาของเสวียนฟางจื้อจุนที่อยู่ภายในกลุ่มหมอก ก็สาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหารอันเย็นเยียบ ถึงแม้ว่าเดิมทีจะดูเหมือนว่ามันกำลังไล่ตามผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดอยู่ แต่ในชั่วพริบตามันก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังเมิ่งฮ่าว แต่จากนั้นเมื่อคนทั้งหมดคิดว่ามันกำลังพยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าวไปจริงๆ มันก็ปลดปล่อยไข่มุกแห่งความมืดลงไปเพื่อตรึงดวงตะวันไว้!
มันจัดเตรียมไข่มุกไว้สามลูก เพื่อให้มั่นใจว่าพลังของดวงตะวันไม่อาจจะปลดปล่อยออกมาได้ ซึ่งเป็นการกำจัดหนึ่งในสิ่งกีดขวางหลักสำหรับกองทัพที่รุกรานเข้ามาของมัน
แต่เมื่อผู้คนคิดว่าตนเองรู้ในสิ่งที่เสวียนฟางกำลังจะทำ ทันใดนั้นมันก็เปลี่ยนกลยุทธ์อีกครั้ง แทนที่พยายามจะปิดผนึกดวงตะวัน มันกลับมุ่งเป้าไปยังเมิ่งฮ่าวแทน ความเป็นจริงก็คือว่าน้อยคนนักที่จะคาดเดาได้ว่า…เป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไรกันแน่
ตอนนี้ดวงตะวันถูกผนึกไว้อันเนื่องมาจากกลุ่มหมอก ไห่เมิ่งและผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดอยู่ที่ด้านนอก พยายามจะทะลวงผ่านเข้าไป พยายามจะคลายผนึกออก เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวที่อยู่ด้านในกำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ช่วงเวลาหนึ่งเค่อนี้ เพียงพอสำหรับเปิ่นจุน ที่จะสังหารเจ้า!” เสวียนฟางหัวเราะขึ้นเป็นเสียงดังก้อง ปะทุขึ้นด้วยพลังพื้นฐานฝึกตนของผู้ยิ่งใหญ่ ขณะที่เดินตรงไปยังเมิ่งฮ่าวหนึ่งก้าว
สีหน้าเมิ่งฮ่าวหมองคล้ำลง เสวียนฟางกลายเป็นตัวป่วนอย่างแท้จริง มันไม่เพียงแต่จะมีพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อเท่านั้น ยังมีเล่ห์เหลี่ยมที่ลึกซึ้งอีกด้วย ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ายากที่จะจัดการกว่าอี้กู่มากนัก
ขณะที่เสวียนฟางพุ่งตรงมา เมิ่งฮ่าวก็พุ่งถอยไปทางด้านหลัง ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกไปรวมรวมพลังจากค่ายกลเวท เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่แสงอันเจิดจ้าระเบิดออกไป กลายเป็นลูกธนูแสงพุ่งตรงไปยังเสวียนฟาง
เสวียนฟางแผดร้องคำราม ขยับสองมือเพื่อร่ายเวท ทำให้ราชสีห์ทองคำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ราชสีห์ตัวนั้นขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปกคลุมเสวียนฟางไว้ และรับแรงกระแทกจากลูกธนูแทน
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่ลูกธนูแสงแทงทะลุเข้าไปในภาพลวงตาของราชสีห์ ทำให้ภาพนั้นบิดเบี้ยวไปมา และจากนั้นก่อนที่มันจะทันได้แผดร้องคำราม ก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป ถึงแม้ว่าลูกธนูแสงจะค่อนข้างเลือนรางลงไป แต่ก็ยังคงแทงตรงไปยังเสวียนฟางอย่างต่อเนื่อง และเสวียนฟางก็ยกมือขึ้นมาคว้าจับมันไว้ กำมือจนแน่นเพื่อบดขยี้จนลูกธนูแสงแตกกระจายไป เสวียนฟางถอยไปทางด้านหลังหนึ่งก้าว ใบหน้าซีดขาวแต่ก็แสดงท่าทางดูถูกออกมา
“ของวิเศษที่จิ่วเฟิงส่งมอบให้ทรงพลังอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่เจ้าปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางทีถ้าเจ้าโจมตีติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรวดเร็ว ก็อาจจะสามารถสังหารเปิ่นจุนไปก็เป็นได้ แต่เจ้าก็ปลดปล่อยพลังออกมาได้ด้วยการช่วยเหลือจากค่ายกลเวท และผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนเหล่านั้นเท่านั้น ช่างน่าขบขันนัก!”
“นอกจากนี้ อีกสิบลมหายใจเป็นอย่างน้อย ที่เจ้าไม่อาจจะปลดปล่อยพลังของดวงตะวันออกมาได้!” ขณะที่พูดออกมา เสวียนฟางก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว แสงสีทองสาดประกายขึ้นอยู่รอบๆ ตัวมัน พร้อมกับต่อยหมัดออกไป
“กายเนื้อของเจ้าบ่งบอกว่ามีการฝึกฝนกายเนื้อมา ถ้าเช่นนั้นก็มาดูกันว่าเจ้าฝึกฝนมันมาได้อย่างไร!”
หมัดของมันทรงพลังเพียงพอที่จะป่นภูเขาให้แตกกระจาย บดขยี้พื้นดินให้พังทลายลงไป ดวงตะวันสั่นสะท้าน และแสงสีทองอันไร้ขอบเขตก็กระจายออกมา ขณะที่ราชสีห์ยักษ์ปรากฏขึ้นอยู่ภายในหมัด แผดร้องคำรามพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
พลังผู้ยิ่งใหญ่กำจัดกฎธรรมชาติในบริเวณนั้นไป ทำให้ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนกระอักโลหิตออกมา บางคนยังได้ระเบิดขึ้นจนกลายเป็นหยาดพิรุณแห่งโลหิตและชิ้นเนื้อไป
พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวเริ่มไม่เสถียรมั่นคงขึ้นในทันที และถอยโซเซไปทางด้านหลัง เวลาเดียวกันนั้นเสียงของไห่เมิ่งจื้อจุนก็ดังก้องขึ้นมาอย่างเร่งร้อนจากด้านนอกกลุ่มหมอก เป็นเสียงที่แทบจะเหมือนกับว่า กำลังลอยออกมาจากห้วงเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป
“เมิ่งฮ่าว ยืนหยัดให้ครบหนึ่งเค่อ!! นั่นคือเวลาที่นานมากที่สุด ที่พวกเราจะทำลายผนึกนี้ได้”
อันตรายที่ร้ายแรงนี้ ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องเต้นรัว เขาอาจจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับขั้นสูงสุดหกแก่นแท้ สามารถจะต่อสู้กับราชันจักรพรรดิได้ แต่ความแตกต่างระหว่างราชันจักรพรรดิและผู้ยิ่งใหญ่ก็มีขนาดกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาติดอยู่ด้านใน ไม่มีสถานที่ให้หลบหนีจากไปได้ จึงต้องต่อสู้จนตัวตายอย่างไร้ทางเลือกเท่านั้น
ในช่วงวิกฤตอันร้ายแรงนี้ เมิ่งฮ่าวละทิ้งความคิดทั้งหมดไป จิตใจดังกระหึ่มขึ้นด้วยความต้องการ…ต่อสู้เท่านั้น!
“หนึ่งเค่อ…” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร จากนั้นก็ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้พุ่งทะยานตรงไปโจมตียังเสวียนฟางด้วยความดุร้าย แทนที่จะล่าถอยไปทางด้านหลัง เขากลับต่อสู้กลับไปยังแรงกดดันนั้น เดินตรงไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และต่อยหมัดของตนเองออกไป!
หมัดทำลายล้างชีวิต!
ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นมาในทั่วทุกทิศทาง ขณะที่หมัดของเมิ่งฮ่าวกระแทกลงไปยังหมัดของเสวียนฟางจื้อจุน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว แต่สีหน้าก็ยังคงดุร้ายอย่างถึงที่สุด ขณะที่เดินตรงไปอีกหนึ่งก้าวและต่อยหมัดที่สองออกไป
หมัดกลายเป็นปีศาจ!
ไม่มีทางรอดชีวิตถ้าไม่กลายเป็นปีศาจ! เมิ่งฮ่าวหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง พลังมหาศาลถูกปลดปล่อยออกไปจากหมัดนี้ ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น แม้แต่เสวียนฟางจื้อจุนก็ยังต้องถอยไปทางด้านหลัง เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง และเสียงแตกร้าวก็ได้ยินมาจากภายในร่าง
เขาอาจจะมีกายเนื้อจักรพรรดิเต๋า แต่เสวียนฟางคือผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งมากไปกว่านั้น ซึ่งอยู่สูงกว่าเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง
“รนหาที่ตาย!” เสวียนฟางหัวเราะเสียงเย็นชา โคจรหมุนวนพลังการฝึกตน ทำให้แรงกดดันอันเข้มข้นกระจายออกไป ราชสีห์ทองคำแผดร้องคำราม สะกดข่มหมัดกลายเป็นปีศาจของเมิ่งฮ่าวไปโดยสิ้นเชิง และจากนั้นก็มาปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวโดยตรง
ในตอนนี้เองที่ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า พร้อมกับ…ต่อยหมัดที่สามออกไป!
ซึ่งก็คือ…หมัดสังหารเทพ!