ตอนที่ 1357
ใช้ร่างตนเองเป็นเหยื่อ
ไม่สำคัญว่าไห่เมิ่งจื้อจุนจะวางแผนหลบหนีไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเลจริงๆ หรือไม่ หรือรู้สึกว่าสงครามครั้งนี้จะไร้ความหวังมากมายแค่ไหนก็ตาม ในตอนนี้คำพูดที่ดังก้องออกไปของนาง ไม่เพียงแต่จะทำให้จิตใจของผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลมั่นคงขึ้นเท่านั้น แต่ยังใช้คำพูดกระแทกเข้าไปในจิตใจของกลุ่มคนนอกคอกที่ยังคงเหลืออยู่ของสวรรค์ชั้นที่สองจนถึงชั้นที่หก จนทำให้สีหน้าพวกมันเปลี่ยนเป็นดูน่ากลัวมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นก็มองตรงไปยังขุนเขาที่เก้าด้วยสีหน้าอันซับซ้อน ลึกลงไปในจิตใจเขาเชื่อว่าไห่เมิ่งจื้อจุนมีความตั้งใจที่จะนำอาณาจักรขุนเขาทะเลไปต่อสู้อย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมิ่งฮ่าวระงับสติทำจิตใจให้เยือกเย็น และจากนั้นก็เพ่งสมาธิไปที่ค่ายกลเวท ทำให้แสงตะวันอันเจิดจ้าพุ่งกระจายออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
เวลาเดียวกันนั้น ราวกับเป็นการตอบรับคำพูดของไห่เมิ่ง ลูกบาศก์สีดำนับล้านที่กำลังลอยอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ปะทุเป็นสายฟ้านับไม่ถ้วนออกมา จากนั้นก็ฟาดกระหน่ำลงมายังแนวป้องกันแรกของอาณาจักรขุนเขาทะเล ถ้าเกิดขึ้นทั้งหมดแค่นี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีพลังของผู้ยิ่งใหญ่กระจายออกมาจากสวรรค์ชั้นที่หกด้วยเช่นกัน
เสียงแหบแห้งได้ยินมา เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่างถึงที่สุด “สหายเต๋าไห่เมิ่งช่างมีวาจาที่แหลมคมนัก เหล่าฟูได้รับการสอนสั่งแล้ว ช่างน่าสนใจนัก”
เดิมทีสามสิบสามสวรรค์มีผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งอยู่ห้าคน จากคนทั้งห้าเหล่านั้น หนึ่งคนกลายเป็นทาสของเมิ่งฮ่าว เหลืออยู่เพียงแค่สี่คน และตอนนี้…ก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อต่อสู้แล้วสองคน!
คำพูดของผู้ยิ่งใหญ่นี้ทำให้กลุ่มคนนอกคอกเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในทันที นอกจากนี้ถ้าสามสิบสองสวรรค์ส่งสองผู้ยิ่งใหญ่มาช่วยเหลือพวกมัน แล้วจะเป็นไปตามที่ไห่เมิ่งพูดไว้ว่า พวกมันถูกทอดทิ้งได้อย่างไร?
จิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกมันพุ่งทะยานขึ้นไป กลุ่มคนนอกคอกนับล้านแผดร้องคำรามพุ่งตรงไปยังทะเลแรก ซึ่งน้ำทะเลกำลังเดือดพล่านและเกิดเป็นฟองขึ้น ขณะที่ค่ายกลเวทป้องกันนับไม่ถ้วนระเบิดออกไป ขุนเขาทะเลแรกคือด่านป้องกันแรก และผู้ฝึกตนในที่แห่งนั้นก็ไม่มีเวลาที่จะคิดสงสัยใดๆ พวกมันได้แต่ต้องเริ่มต้นต่อสู้เท่านั้น!
ผู้ฝึกตนนับล้านพุ่งตรงไปโจมตีซึ่งกันและกัน ประกายแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายออกไปทั่วทั้งทะเลแรก รวมกับพลังแห่งเวทป้องกันและค่ายกลเวท เพื่อปลดปล่อยการสังหารตรงไปยังกลุ่มคนนอกคอก
ทะเลแรกพลุ่งพล่านปั่นป่วน ขณะที่กลุ่มคนนอกคอกนับไม่ถ้วนไหลเข้ามาต่อสู้ ในชั่วพริบตาเสียงแผดร้องโหยหวนและเสียงร้องตะโกนก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ เกิดการบาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน ทะเลแรกแทบจะกลายเป็นสีแดงเข้มไปในทันที ทำให้ดูคล้ายกับเป็น…ทะเลแห่งโลหิต
สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ที่เพิ่งจะกล่าวออกมาจากสวรรค์ชั้นหก มันไม่ได้ปรากฏขึ้นอยู่ในรูปแบบของร่างกาย เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์หลักของมัน ก็แค่สร้างเป็นแรงกดดันให้กับอาณาจักรขุนเขาทะเล และทำให้กลุ่มคนนอกคอกสงบเยือกเย็นลงเท่านั้น ที่มากไปกว่านั้นก็คือว่า มันต้องการถ่วงเวลา
เวลาสำหรับรอคอยให้สวรรค์ชั้นที่เจ็ดจนถึงชั้นที่สามสิบสาม โผล่ออกมาจากสถานะที่พิเศษเฉพาะ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาด้วยวิชาเวทที่พวกมันใช้หลีกเลี่ยงลมพายุอันน่ากลัวนั้น
สำหรับราชันจักรพรรดินอกคอก พวกมันมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากสี่คนเป็นหกคน และกำลังจะสร้างเป็นภาพอันยิ่งใหญ่อยู่ในสนามรับ
ตรงด้านนอกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดวงตาของเสวียนฟางสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังราชันจักรพรรดิทั้งหก จากนั้นก็ชี้ไปยังทิศทางของดวงตะวัน
“พวกเจ้าทั้งหมด…” แต่ก่อนที่จะทันได้พูดจบ สีหน้ามันก็เปลี่ยนไป “แย่แล้ว…”
เวลาเดียวกันนั้น เกราะป้องกันที่เรืองแสงก็กระจายออกมาจากดวงจันทร์ ตี้จ้างกำลังใช้พลังทั้งหมด เท่าที่สามารถจะปลดปล่อยออกได้ เพื่อรวบรวมพลังค่ายกลเวทของดวงจันทร์ ดวงจันทร์มุ่งเน้นไปที่การป้องกัน และตอนนี้ก็สร้างเป็นเกราะป้องกันปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักรขุนเขาทะเลรวมถึงทะเลแรก
เกราะป้องกันนั้นตรึงอาณาจักรขุนเขาทะเลไว้ และเวลาเดียวกันนั้น…ก็ตัดแบ่งกลุ่มคนนอกคอกทั้งหมดที่อยู่ภายในทะเลแรกออกไปจากกลุ่มคนอื่นๆ!
ราวกับว่ากองกำลังขนาดใหญ่ของกลุ่มคนนอกคอกจู่ๆ ก็ถูกตัดแบ่งออกเป็นสองส่วน!
ส่วนหนึ่งถูกโดดเดี่ยวอยู่ในทะเลแรก โดยมีกองกำลังส่วนใหญ่ติดอยู่ที่ด้านนอก เวลาเดียวกันนั้นเมิ่งฮ่าวก็ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด ซึ่งกำลังเฝ้ารอคอยอยู่ที่ด้านบนของขุนเขาแรก ทันใดนั้นมันก็มองขึ้นมา พร้อมกับดวงตาที่แวบประกายขึ้น
หุ่นเชิดมีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่เมื่อเสวียนฟางมองเห็น สีหน้ามันก็สลดลง หุ่นเชิดลุกขึ้นมายืน และแรงกดดันของผู้ยิ่งใหญ่ก็ระเบิดออกมาจากขุนเขาแรก เต็มไปทั่วทั้งทะเลแรก จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไปหนึ่งก้าว
“อี้กู่ เจ้ากำลังจะทำอะไร!?!?” เสวียนฟางแผดร้องคำรามออกมาจากอีกด้านของเกราะป้องกัน มันเดินตรงไปยังเกราะป้องกัน กำมือเป็นหมัดต่อยออกไป เกราะป้องกันสั่นสะเทือนไปทั่ว จนแทบจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ
แต่ดวงตาของตี้จ้างก็สาดประกายขึ้นด้วยความดุร้าย และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปากของผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนที่อยู่ใต้คำสั่งของท่าน ผลที่ได้ก็คือว่าเกราะป้องกันเริ่มเสถียรมั่นคงมากขึ้น และไม่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการพังทลายลงอีกต่อไป
เสวียนฟางแผดร้องคำรามออกมาด้วยโทสะ ขณะที่บดขยี้ไปยังเกราะป้องกันอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล จ้องมองไปยังผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดของเมิ่งฮ่าวอย่างดุร้าย ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดก้าวเดินตรงไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็ต่อยหมัดลงไปยังทะเลแรก
หมัดที่โจมตีออกไปนั้นประกอบด้วยพลังผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถจะทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้าน ทะเลแรกจมลงไปทั้งหมด และผู้ฝึกตนขุนเขาทะเลก็ถูกผลักให้ถอยร่นไปทางด้านหลังด้วยพลังอันมหาศาล แต่กลับกันสีหน้าของกลุ่มคนนอกคอกต้องเปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึงและสิ้นหวัง
“ไม่!!”
“นั่น…นั่นคืออี้กู่จื้อจุน เป็น…เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?!?”
“อี้กู่จื้อจุนกลายเป็นผู้ทรยศไปแล้ว!!”
เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกมา ขณะที่หมัดนั้นกระแทกลงไป กลุ่มคนนอกคอกเริ่มกระอักโลหิตออกมา และเสียงแตกร้าวก็ผสมผสานรวมเข้ากับเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจ ขณะที่ร่างกายพวกมันเริ่มแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ
หลังจากที่ต่อยหมัดลงไป ระลอกคลื่นอันทรงพลังก็พุ่งขึ้นไปในทั่วทุกทิศทาง ราวกับเป็นลมพายุขนาดใหญ่ ขณะที่พุ่งผ่านกลุ่มคนนอกคอกในทะเลแรก ร่างพวกมันก็ถูกแยกออกเป็นชิ้นเนื้อและโลหิต เนื้อหนังของพวกมันกลายเป็นเถ้าธุลี และกระดูกก็แตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ จางหายไปอย่างไร้ร่องรอยใดๆ!
ของวิเศษ, ถุงสมบัติ, ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกมันถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกเลยนอกจากกลุ่มควัน
แต่โลหิตก็ยังคงเต็มอยู่ในทะเลแรก ไม่ได้จางหายไปแม้แต่น้อย และอันที่จริงก็ยิ่งมีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น จนกระทั่งทะเลแรกกระจายเป็นกลิ่นคาวโลหิตที่ลอยคละคลุ้ง จนทำให้จิตใจของกลุ่มคนนอกคอกที่อยู่อีกด้านของเกราะป้องกันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หมัดเดียวกำจัดกองกำลังของศัตรูในทะเลแรกไปได้ทั้งหมด
พลังของผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อไหร่ที่ถูกปลดปล่อยออกไป…ก็สามารถจะทำลายได้แม้กระทั่งสวรรค์และปฐพี
ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดค่อยๆ มองขึ้นไป และเห็นได้ชัดว่าดวงตาของมันไม่ใช่อี้กู่ แต่เป็นเมิ่งฮ่าว ภายในนั้นมีความบ้าคลั่งอย่างเย็นเยียบ และความต้องการสังหารที่เย็นชาราวน้ำแข็ง พุ่งแทงออกไปจากเกราะป้องกันขุนเขาทะเลตรงไปยังเสวียนฟาง
เสวียนฟางสั่นสะท้าน และสีหน้าก็หมองคล้ำลง แต่รังสีสังหารในแววตาลุกโชนเจิดจ้ามากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่หันหน้ามองมายังทิศทางของดวงตะวันและเมิ่งฮ่าว
“ถ้าเด็กผู้นั้นไม่ตายไป การเอาชนะในสงครามครั้งนี้ก็คงจะยากขึ้นเป็นสิบเท่า!” มันคิด หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะก็ละสายตากลับมา โดยไม่พูดอะไรออกมาอีก เพ่งความสนใจกลับไปยังเกราะป้องกัน มันเชื่อมั่นว่าสามารถจะโจมตีไปให้แตกกระจายไปได้ แต่ก็รู้ด้วยเช่นกันว่าถึงแม้จะทำได้เช่นนั้น กองกำลังของมันก็คงไม่ยอมที่จะก้าวเข้าไปในทะเลแรก
ถ้าเรื่องนี้ไม่ถูกแก้ไข ถึงแม้ว่าจะถ่วงเวลาได้บ้าง แต่จิตวิญญาณกองกำลังของมันก็ถูกทำลายลงไปอย่างเห็นได้ชัด และทำให้อาณาจักรขุนเขาทะเลมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ดวงตาเสวียนฟางสาดประกายอย่างลี้ลับขึ้นมา “ต้องไม่วิ่งไปตามแผนการของพวกมัน จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ ต้องมี…เหยื่อล่อ!
ราชันจักรพรรดิยังไม่พอ มีแต่ต้องเสนอตนเองไปเป็นเหยื่อ ถึงจะบังคับให้อาณาจักรขุนเขาทะเลขยับตัวเคลื่อนไหวได้ คงต้องทำเช่นนี้แล้ว!”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลก็เริ่มร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจในทันที พวกมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เวลาเดียวกันนั้นเกราะป้องกันก็เริ่มจางหายไป
ขณะที่เป็นเช่นนั้น กลุ่มคนนอกคอกก็จ้องมองไปยังโลหิตในทะเลแรก และเป็นดังเช่นเสวียนฟางคาดคิดไว้ ไม่มีใครกล้าที่จะผ่านเข้าไป ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนมากกว่าผู้ฝึกตนอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ตาม แต่พวกมันก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว
ไม่มีใครกล้าผ่านเข้าไป แต่ไม่ใช่เสวียนฟาง มันพุ่งผ่านเกราะป้องกันที่กำลังจางหายไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด เวลาเดียวกันนั้นตี้จ้างก็ลุกขึ้นมายืนจากตำแหน่งที่นั่งอยู่ด้านในของดวงจันทร์อย่างฉับพลัน
“มันกล้าเข้ามาจริงๆ?!?!” ตี้จ้างคิดดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ แต่ก็รู้สึกลังเล เป็นความลังเลที่เกิดขึ้นจากการที่ท่านคิดว่าจะกระตุ้นให้เกราะป้องกันทำงานขึ้นมาอีกครั้งดีหรือไม่ กักขังผู้ยิ่งใหญ่นอกคอกไว้ด้านใน จากนั้นก็ใช้พลังแห่งขุนเขาทะเลสังหารมันไป!
ถ้าทำได้สำเร็จ…ก็มีโอกาสที่จะจบการต่อสู้นี้ได้อย่างง่ายดาย!
ไม่เพียงแต่ตี้จ้างเท่านั้นที่ลังเลอยู่ ไห่เมิ่งก็กำลังขมวดคิ้ว และกองกำลังกลุ่มคนนอกคอกที่เหลืออยู่ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน แต่กลุ่มคนนอกคอกบางคนก็เริ่มแผดร้องคำรามออกมา และพุ่งตรงไปด้วยความต้องการต่อสู้
ราชันจักรพรรดิทั้งหกต่างก็สั่นสะท้านด้วยเช่นกัน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ดูเหมือนว่า จะไม่สะทกสะท้านใดๆ ซึ่งก็คือผู้ยิ่งใหญ่อีกคนที่อยู่ในสวรรค์ชั้นหก
เมิ่งฮ่าวเริ่มสูดหายใจเข้าอย่างหนักหน่วง ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่แสดงออกมาโดยเสวียนฟาง ทำให้แสงอันเย็นเยียบราวน้ำแข็งแวบประกายขึ้นมาในแววตาเมิ่งฮ่าว
“ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ?”
ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดนานนัก เสวียนฟางพุ่งเข้ามาในทะเลแรก และไปปรากฏกายขึ้นอยู่ตรงหน้าผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิด ขณะที่ใกล้เข้ามา ก็ขยับมือร่ายเวทและชี้นิ้วออกไป ทำให้ทะเลโลหิตที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นแข็งตัว แทบจะราวกับว่ามันกำลังจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็งด้วยความหนาวเย็นอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้
“ผนึก!” ไห่เมิ่งร้องตวาดขึ้น โต้ตอบกลับไปยังการเคลื่อนไหวของมัน ดวงตานางแวบประกายขึ้นด้วยแสงอันดุร้าย เรื่องนี้จริงๆ แล้วก็ไร้ทางเลือกโดยสิ้นเชิง ถ้าเสวียนฟางกล้าหาญพอที่จะเสนอตนเองเป็นเหยื่อล่อ และอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ขี้ขลาดที่จะไปงับเหยื่อเช่นนี้ แล้วจะต่อสู้ต่อไปได้อย่างไรในสงครามครั้งนี้?
โดยปกติแล้วไห่เมิ่งจะวางแผนไว้อย่างรอบคอบ แต่เหตุการณ์นี้ก็แตกต่างกันออกไป
ขณะที่เสียงของไห่เมิ่งดังก้องออกไปอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่นางจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ ในการตัดสินใจ แสงของดวงตะวันที่อยู่รอบๆ เมิ่งฮ่าวก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น เขาได้ตัดสินใจแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือ…งับเหยื่อรายนี้!
ตี้จ้างสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่พื้นฐานฝึกตนพุ่งขึ้นไปด้วยพลัง แม่น้ำแห่งการเกิดใหม่ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยทะเลแห่งน้ำพุเหลือง และวิหารโลกันต์จำนวนมาก ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนที่อยู่บนดวงจันทร์ต่างก็ปะทุขึ้นด้วยพลังการฝึกตน ส่งให้มันไหลเข้าไปในค่ายกลเวท จากนั้นตี้จ้างก็นำไปใช้ ทำให้เกราะป้องกันพุ่งขึ้นมา ปกคลุมอาณาจักรขุนเขาทะเลไว้ กักขังเสวียนฟางจื้อจุนไว้ภายในโดยสิ้นเชิง!
ในเวลาเดียวกับที่เกราะป้องกันปรากฏขึ้น แสงอันเข้มข้นของดวงตะวันก็ระเบิดออกไป ในขณะที่การโจมตีถูกปลดปล่อยออกมา ลูกธนูแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เวลาเดียวกันนั้นไห่เมิ่งจื้อจุนที่อยู่ในขุนเขาที่เก้าก็ลุกขึ้นมายืนในทันที ก้าวเดินตรงไปหนึ่งก้าว เพื่อไปปรากฏตัวขึ้นในสนามรบ
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่หุ่นเชิดของเมิ่งฮ่าวเริ่มต่อสู้กับเสวียนฟาง แม้ในขณะที่การต่อสู้นั้นเริ่มดำเนินขึ้น ลูกธนูแสงอาทิตย์ก็ใกล้เข้ามา
คาดไม่ถึงว่าเสวียนฟางไม่ได้พยายามจะหลบเลี่ยงลูกธนูดอกนั้น จริงๆ แล้ว แม้แต่ไห่เมิ่งจื้อจุนมันก็ไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าคิดว่าข้าจะทำตัวเองให้กลายเป็นเหยื่อล่อ เพื่อล้างแค้นให้กับสมาชิกร่วมตระกูลที่ตกตายไปแล้วนับล้านเหล่านั้น? หรือคิดว่าเป็นเพราะหุ่นเชิดอี้กู่?”
“เปิ่นจุน (คำเรียกตัวเองของผู้ที่ถูกเทิดทูนบูชา) มาที่นี่ ก็เพราะว่า…เจ้า” ทันใดนั้นมันก็มองตรงไปยังดวงตะวันและยิ้มอย่างเย็นชาออกมา หัวเราะเป็นเสียงดังก้องยกมือขึ้นและคว้าจับไปยังลูกธนูแสง บดขยี้ด้วยมือของมัน เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก ดูเหมือนว่าร่างมันแทบจะระเบิดออกไป แต่จากนั้นแสงแปลกๆ ก็เริ่มแวบขึ้นมาในแววตา
“เต๋าแห่งกาลเวลา ไม่กลับคืนสู่พื้นฐาน ไล่ตามแสงนี้ไป รวมตัวเป็นร่างจริงของข้า!” ขณะที่คำพูดนี้ดังก้องขึ้น เสวียนฟางก็หายตัวไป!
เมื่อมันปรากฏร่างขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่บนดวงตะวัน พร้อมกับไข่มุกสีดำที่อยู่ในมือ จากนั้นก็กระแทกลงไป!