ตอนที่ 1360
หกเวทผนึกหลอมรวมเป็นหนึ่ง
ผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งแสนคน ต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน พลังชีวิตของพวกมันเชื่อมต่อกับค่ายกลเวท
จิตวิญญาณพลุ่งพล่านขึ้นด้วยความเด็ดเดี่ยวไม่ยินยอม พลังการฝึกตนทำให้พวกมันกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ในขณะที่ต่อสู้ด้วยกันเพื่อปกป้องเมิ่งฮ่าว
เสวียนฟางหัวเราะอย่างเย็นชา จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไป ทันใดนั้นทุกสรรพสิ่งก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเสียงกระหึ่มอย่างเข้มข้นก็ดังก้องออกไป ขณะที่ผู้ฝึกตนหนึ่งแสนคนกระอักโลหิตออกมา
เมิ่งฮ่าวอยู่ในจุดกึ่งกลางของค่ายกลเวท จิตใจกำลังหมุนคว้าง ไม่อาจจะนั่งเฉยอยู่ในที่แห่งนั้นโดยไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ รู้ดีว่าไม่อาจจะต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่ได้ และรู้ด้วยเช่นกันว่าสิ่งที่ต้องทำก็คือแค่หลับตาลงและเฝ้ารอคอยให้เวลาเลื่อนผ่านไป ถ้าถ่วงเวลาได้มากพอก็เป็นไปได้ว่า…จะสามารถยืนหยัดจนครบหนึ่งเค่อ จนกระทั่งกลุ่มหมอกกระจายหายไป
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะมีชีวิตรอด!
อย่างไรก็ตาม…เมิ่งฮ่าวก็ไม่ยอมจะนั่งรออย่างนิ่งเฉย ขยับมือร่ายเวท เพื่อหยุดการใช้พลังจากดวงตะวัน ถ้าเขายังคงกระทำเช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ มันก็คงจะบั่นทอนพลังชีวิตของผู้ฝึกตนทั้งหนี่งแสนคนอย่างรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะยอมรับได้
เมิ่งฮ่าวก้าวเดินออกไป ทิ้งค่ายกลเวทไว้เบื้องหลัง มุ่งหน้าตรงไปยังเสวียนฟาง ที่กำลังหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความดูถูกเยาะเย้ย จริงๆ แล้วมันรู้สึกวิตกว่าเมิ่งฮ่าวจะแอบซ่อนตัวไว้ ทำให้ต้องเสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวขยับตัวเคลื่อนไหว เสวียนฟางก็หายตัวไปในทันที และจากนั้นก็มาปรากฏตัวขึ้นใหม่อยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว ยกมือขวาขึ้นมาส่งพลังฟาดลงไปบนร่างเขา จนไม่อาจจะต่อต้านได้ ทำให้ต้องลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากในทันที
“เสาจู่!!”
“เสาจู่!!!” ผู้ฝึกตนนับแสนร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดใจ
ขณะที่เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่น เวทตราบนิรันดร์ชิงตี้ก็ทำงานขึ้นมาในทันที ป้องกันไม่ให้ร่างกายต้องพังทลายลงไป อย่างไรก็ตามภายใต้แรงกดดันของผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่อาจจะยืนหยัดต่อไปได้นานนัก นอกจากนั้นบาดแผลของเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงระดับที่วิกฤตแล้ว
อีกครั้งที่เสวียนฟางเข้ามาใกล้ ยกมือขวาขึ้นสูง รังสีสังหารแวบประกายขึ้นในดวงตา ขณะที่คว้าจับไปยังศีรษะเมิ่งฮ่าว
“จงตายไปให้กับเปิ่นจุน!”
ขณะที่เสวียนฟางยื่นมือออกไปคว้าจับเมิ่งฮ่าว เขาก็ยกมือขวาขึ้นมาร่ายเวทและจากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป
เวทผนึกอสูร รุ่นที่แปด!
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกับที่เวทผนึกถูกปลดปล่อยออกไป และเสวียนฟางก็หยุดชะงักนิ่ง เวทนั้นก็แตกกระจายออกไป เกิดเป็นพลังสะท้อนกลับกระแทกเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเขากำลังโซเซถอยไปทางด้านหลัง แต่ทันใดนั้น เวลาก็กระเพื่อมอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เสวียนฟางมีสีหน้าตกใจ ดวงตาเบิกกว้างขึ้น ขณะที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป จากนั้นก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังมัน
เสวียนฟางหมุนตัวพุ่งตรงไปที่เขา แต่กลายเป็นว่าพุ่งผ่านร่างเมิ่งฮ่าวไป ราวกับว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นแค่เงาร่างของเขาเท่านั้น
“กาลเวลา!” ดวงตาเสวียนฟางเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาอันกระจ้อยร่อย แต่ประกอบไปด้วยพลังแห่งการท่องไปในกาลเวลา เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวไปปรากฏตัวขึ้นหลายช่วงเวลาจากก่อนหน้านี้ อยู่ที่ด้านหลังเสวียนฟางตลอดเวลา!
นี่ก็คือวิชาการเดินท่องผ่านกาลเวลาที่แปลกๆ ซึ่งเมิ่งฮ่าวเรียนรู้มาจากมือสังหารชุดดำ เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ยังคงอยู่ที่ด้านหลังเสวียนฟาง และทันใดนั้นมือขวาก็แปรเปลี่ยนไป อย่างน่าตกใจยิ่ง…อาวุธสงครามปรากฏขึ้น ยกชูขึ้นสูงเหนือศีรษะ เมื่อเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก็ดูเหมือนว่าจะเดินจากอดีตย้อนกลับมาในปัจจุบัน!
จากนั้นใบมีดอันน่าตกใจก็กรีดเฉือนลงไป!
เสวียนฟางไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยง ใบมีดกรีดเฉือนจากเมื่อครู่เข้ามาในตอนนี้ ทำให้ยากที่จะหลีกเลี่ยง เป็นครั้งแรกที่จิตใจเสวียนฟางเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงวิกฤต ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่อันตรายอย่างร้ายแรงก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นประสบการณ์ที่ยากจะพบเห็นเป็นอย่างยิ่งสำหรับมัน
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง เมื่อประกายแสงอันเจิดจ้าแวบผ่านลงไปบนร่างเสวียนฟางจื้อจุน ถึงแม้ว่ามันไม่อาจจะหลบเลี่ยงไปได้ แต่ก็สามารถจะขยับร่างได้เล็กน้อย ทำให้การโจมตีนี้ไม่ได้ตกลงมายังหน้าผากมันโดยตรง แต่กรีดเฉือนลงไปยังไหล่ด้านซ้ายของมัน!
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น และโลหิตก็พุ่งกระจายออกมา แขนซ้ายของเสวียนฟางจื้อจุนถูกตัดขาดไปโดยสิ้นเชิง เสวียนฟางถอยไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วสูงสุด ใบหน้าซีดขาว
ดวงตาแวบประกายขึ้นด้วยรังสีสังหารขณะที่จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นแขนที่ถูกตัดไปของมันก็ระเบิดขึ้น กลายเป็นทะเลโลหิตสีทองที่ม้วนกวาดตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน เขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสไปแล้ว และตอนนี้กำลังกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง สติเริ่มเลือนหายไป และกำลังหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา แต่ประกายแสงแห่งความไม่ยินยอมก็แวบขึ้นมาในดวงตา และขยับตัวเคลื่อนไหวในทันที โดยไม่สนใจว่าจะทำให้อาการบาดเจ็บต้องเลวร้ายลงไปมากขึ้นกว่าเดิม
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวขยับร่างเคลื่อนไหว มือขวาของเสวียนฟางจื้อจุนก็แวบขึ้นร่ายเวท ใช้นิ้วแทงตรงไปอย่างดุร้าย ทำให้ใบมีดยาวสีทองปรากฏขึ้น ใบมีดนั้นกรีดเฉือนออกไปด้วยความรวดเร็วดุร้าย ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ ผีโต้งก็ลอยออกมาปิดกั้นใบมีดนั้นไว้
เสียงแผดร้องโหยหวนดังก้องขึ้น ขณะที่ผีโต้งลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าอ่อนแอลงไปมาก แต่ก็ไม่กลับเข้าไปในถุงสมบัติ กลับลากเมิ่งฮ่าวให้กลับเข้าไปในค่ายกลเวทแทน
“เจ้าไม่มีทางหนีรอด!” เสวียนฟางจื้อจุนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและชั่วร้าย แขนขวาที่เหลืออยู่ของมันยื่นตรงไปยังเมิ่งฮ่าว เมื่อชี้นิ้วออกไป พลังแก่นแท้ก็ปะทุขึ้น
ห้าแก่นแท้ส่งเสียงดังกระหึ่ม หมุนวนไปมาด้วยกัน ชั่วขณะต่อมาแก่นแท้ที่หกก็ปรากฏขึ้น และจากนั้นก็เจ็ด ด้วยการเพิ่มขึ้นมาของแก่นแท้แห่งกาลเวลา ทำให้เกิดเป็นมือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังอย่างที่คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง เมื่อไหร่ที่หัตถ์ยักษ์นี้ถูกปลดปล่อยออกไป…ก็ต้องโจมตีไปยังเป้าหมายได้อย่างแน่นอน!
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาวอย่างน่ากลัว ในช่วงวิกฤตนี้เขาผลักผีโต้งออกไป จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นไปยังหัตถ์ยักษ์ที่ใกล้เข้ามา ตรงไปยังเสวียนฟาง จากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป!
ผนึกอสูร เวทรุ่นแปด!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น หัตถ์ยักษ์หยุดชะงักนิ่งไป แต่ก็แค่ชั่วขณะเท่านั้น ก่อนที่มันจะเคลื่อนที่ตรงมาอีกครั้ง ผลก็คือโลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว อันเนื่องมาจากพลังสะท้อนกลับอย่างรุนแรง นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องรู้สึกลังเลที่จะใช้เวทผนึกจากก่อนหน้านี้ ถ้าเขาพยายามจะตรึงผู้ยิ่งใหญ่ไว้ ไม่เพียงแต่จะทำไม่ได้เท่านั้น ตัวเองยังต้องได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
เมื่อเมิ่งฮ่าวต้องต่อสู้กับอี้กู่ โฉ่วเหมินไถสอดมือเข้ามาช่วยในตอนที่ทำให้กลายเป็นข้าทาส ซึ่งหมายความว่าเวทผนึกสามารถจะใช้ได้ในตอนนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่อย่างเต็มตัว และไม่ใช่ว่าเวทผนึกจะมีปัญหา แต่เป็นเพราะ…
“พื้นฐานฝึกตนของข้าต่ำมากเกินไป!” เมิ่งฮ่าวหัวเราะอย่างขมขื่นและกัดฟันแน่น ขณะที่หัตถ์ยักษ์นั้นใกล้เข้ามา เขาก็ปลดปล่อยแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ออกไป จากนั้นก็ใช้มือขวาขยับร่ายเวท และชี้นิ้วออกไปหลายครั้ง
“ผนึกอสูร เวทรุ่นเจ็ด!”
“เวทรุ่นหก!”
“เวทรุ่นห้า!”
“เวทรุ่นสาม!”
“เวทรุ่นสอง!”
ถ้าเขาต้องเสี่ยงชีวิต ก็ต้องทุ่มออกไปจนสุดตัว ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง ขณะที่ปลดปล่อยเวทผนึกทั้งหมดออกไป ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง และเสวียนฟางก็ขมวดคิ้ว เมื่อลมปราณที่อยู่รอบๆ ตัวมันตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และเกิดความรู้สึกรำคาญขึ้นมาอย่างลึกล้ำ
เมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน และร่างกายกำลังจะพังทลายลงไปจนกลายเป็นมวลโลหิต อันเนื่องมาจากพลังสะท้อนกลับจากเวทผนึกอสูร
สิ่งที่เขาต้องการจะทำจริงๆ ก็คือใช้เวทผนึกสวรรค์ แต่ก็ต้องพึ่งพาพลังจากขุนเขาทะเล เมื่อคิดไปว่าในตอนนี้ตนเองถูกตัดขาดออกมา ถ้าพยายามจะใช้เวทนั้นก็คงต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงต้องลองเสี่ยงตาย…เพื่อหลอมรวมเวทผนึกอสูรให้โจมตีออกไปในครั้งเดียว!
การหลอมรวมเก้าเวทผนึกคือการเปลี่ยนแปลงขั้นสูงสุดเท่าที่ผู้ผนึกอสูรจะสามารถทำได้ แต่ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวเรียนรู้ได้แค่หกเวทผนึกเท่านั้น ยังขาดเวทรุ่นแรกและรุ่นสี่ไป และยังต้องสร้างเวทรุ่นเก้าของตนเองขึ้นมาอีกด้วย
ในตอนนี้เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ช่วงเวลาหนึ่งเค่อผ่านไปมากกว่าครึ่งแล้ว แต่ก็หมายความว่ายังคงมีเวลาเหลืออยู่อีกเกือบครึ่งด้วยเช่นกัน เขาไม่อาจจะยืนหยัดได้อีกต่อไป เมิ่งฮ่าวแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ใช้พลังทั้งหมดเท่าที่มี เลือดเนื้อแทบจะระเบิดขึ้น กระดูกแทบจะแตกกระจายไป ด้วยความพยายามทั้งหมดเพื่อหลอมรวมเวทผนึกเข้าด้วยกัน
เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ดังก้องออกมา และคนทั้งหมดที่อยู่บนดวงตะวันต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เสวียนฟางอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจยังสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในฉับพลันนี้
อาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งปวงกำลังสั่นสะเทือนอยู่ในตอนนี้ กลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านนอกตรงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตื่นตระหนก และกลุ่มคนนอกคอกกำลังสั่นสะท้าน แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่จากสวรรค์ชั้นหกก็ยังต้องประหลาดใจ
ไห่เมิ่ง และคนทั้งหมดในที่แห่งนั้น ต่างก็รู้สึกว่าตนเองกำลังสั่นสะท้านด้วยเช่นกัน
ผู้ที่มีปฏิกิริยาแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ทั้งหมดก็คือสุ่ยตงหลิว ที่ยืนอยู่บนดาวหนานเทียน กำลังมองไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าวด้วยความวิตกกังวล ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย หรือแม้แต่…ความสับสนงุนงง!
พลังอันมหาศาลกำลังพุ่งขึ้นมาจากดวงตะวัน เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทันใดนั้นแสงลูกทรงกลมก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า เป็นแสงที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย ขณะที่มีพลังหกแบบหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ด้านใน ดูเหมือนว่าแสงลูกทรงกลมนั้นกำลังขบคิดอยู่ ราวกับว่ามันต้องการจะสร้างสิ่งใหม่ๆ บางอย่างขึ้นมา
เกิดเป็นแรงกดดันอันเข้มข้น จนทำให้สีหน้าของเสวียนฟางต้องเปลี่ยนไป เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรง โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มันเริ่มถอยไปทางด้านหลังในทันที
แต่ในขณะที่มันถอยหลังไป เมิ่งฮ่าวก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ รวมทั้งพลังชีวิตของตนเอง เพื่อผลักดันให้แสงลูกทรงกลมที่ปั่นป่วนวุ่นวายนั้นพุ่งตรงไป เขากำลังสั่นสะท้าน ผิวหนังฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นถึงกระดูกที่อยู่ด้านใน ซึ่งจากนั้นก็แตกกระจายออกไป
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น ขณะที่ลูกทรงกลมถูกผลักออกไปอย่างเต็มกำลัง แต่ตอนนี้เขาใช้พลังออกไปจนแทบจะหมดสิ้นแล้ว ร่างกายกำลังล้มลงไป ผีโต้งรีบคว้าจับไว้ และนำกลับเข้าไปที่ด้านในค่ายกลเวท
เวลาเดียวกันนั้นแสงลูกทรงกลมก็พุ่งตรงไปยังเสวียนฟาง เมื่อแสงนั้นเข้าไปใกล้เสวียนฟางก็แผดร้องคำรามออกมา ความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงปกคลุมอยู่เต็มจิตใจ ทันใดนั้นร่างกายมันก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ในชั่วพริบตาก็มีความสูงถึงหนึ่งหมื่นจ้าง จากนั้นก็หดตัวกลับลงไปในทันที กลายเป็นราชสีห์ทองคำอย่างน่าตกใจ
ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งการพยากรณ์ ขณะที่ใช้พลังชีวิตของตนเองปลดปล่อยวิชาเวทออกไป ด้วยความหวังว่าจะช่วยให้มองเห็นจุดอ่อนแอมากที่สุดของเวทที่กำลังเผชิญหน้าอยู่นี้
ตาย!
ตาย!
ตาย…
ใบหน้าเสวียนฟางเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ มันใช้เวทพยากรณ์มากกว่าหนึ่งพันครั้งเพื่อคิดคำนวน แต่ไม่ว่าจะคิดวิเคราะห์อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สุดท้ายก็มักจะเหมือนกันทุกครั้ง ตาย!
“เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน!?” เสวียนฟางกำลังสั่นสะท้านถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง แต่ก็โชคร้ายที่รอบๆ ตัวมันถูกปกคลุมไว้ด้วยกลุ่มหมอก ที่ตนเองสร้างขึ้นมาเพื่อกักขังเมิ่งฮ่าวไว้ แต่ตอนนี้มันกลับติดอยู่ในกับดักนี้เอง!
“ไม่สมบูรณ์! มันคือวิชาเวทที่ไม่สมบูรณ์! ซึ่งหมายความว่าข้ายังมีโอกาส มันต้องทำให้วิญญาณตนเองได้รับบาดเจ็บเพื่อใช้เวทนี้ เห็นได้ชัดว่านี่คือเต๋าที่อยู่ในท่ามกลางการกลั่นสกัด มันกลับใช้ออกมาก่อนเวลาอันควร!”
“เวทแห่งเต๋านี้ยังไม่สมบูรณ์ ถ้าวันนี้มันยังไม่ตายไป ก็คงไม่อาจจะใช้ได้อีกครั้งด้วยเช่นกัน!!”
“ข้ายังมีโอกาส ยังพอมี…เวลาอยู่บ้าง!!”
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น มันขยับร่างเคลื่อนไหว ปลดปล่อยเต๋าแห่งกาลเวลาออกไปด้วยพลังทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ ร่างกายมันกลายเป็นเงาสลัวเลือนราง ในชั่วพริบตาวิญญาณที่ไม่มีวันตายของมันก็ปรากฏขึ้น
“เปิ่นจุนมีชีวิตอยู่มานานนับแสนปี บางทีอาจจะไม่มีความหวังในการได้ครอบครองแปดแก่นแท้ แต่ก็สามารถจะปล่อยให้วิญญาณอยู่ต่อไปได้ในทุกๆ วัฏจักรหกสิบปี นี่คือเวทแห่งกาลเวลาขั้นสูงสุด ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำลายวิญญาณแต่ละดวงเหล่านั้นไปได้ แต่ไม่มีทางจะทำลายวิญญาณที่แท้จริงของเหล่าฟูได้!” ดวงตาเสวียนฟางกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า นี่คือวิชาเวทที่มันจะใช้ออกมาในตอนที่ไร้ทางเลือกเท่านั้น ตอนที่ชีวิตของมันตกอยู่ในอันตรายที่แท้จริง!
นี่คือเวทช่วยชีวิตที่มันสามารถจะใช้ออกมา…ได้แค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น!
ในตอนนี้มันถูกต้อนให้ตกอยู่ในมุมอับ ถ้าไม่ใช้ออกมาในตอนนี้ ก็คงต้องตายไปโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ