Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1486

ตอนที่ 1486

ร่างจำแลงตายตอนเข้าฌาน

ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดสี่แก่นแท้ซึ่งอยู่ตรงด้านนอกทัณฑ์ที่ห้า ต้องรู้สึกประหลาดใจขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ต่อพลังที่กระแทกลงมาบนร่างพวกมันอย่างหนักหน่วง

ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างกำลังบดขยี้ลงมาบนดินแดนแห่งนี้

เวลาเดียวกันนั้นกลุ่มหมอกโลหิตก็เริ่มกลายเป็นร่างของคนผู้หนึ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ไม่อาจจะแยกแยะใบหน้านั้นได้ มองเห็นแต่เพียงร่างกายเท่านั้น นอกจากนี้ตะเกียงวิญญาณหนึ่งร้อยแปดดวงที่อยู่ภายในร่างนั้น แต่ละดวงก็ดูคล้ายกับเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌานอยู่

รูปร่างของพวกมันก่อตัวขึ้นมาจากแรงระเบิดที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งเซียน ราวกับว่าในตอนนี้เซียนที่แท้จริงกำลังมาเยือนยังโลกแห่งนี้แล้ว!

แรงกดดันในบริเวณนั้นโจมตีไปยังกลิ่นอายเซียนในทันที บังคับให้มันกระจายหายไป ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และรอยแตกขนาดเล็กก็เลื้อยไปมาในอากาศ ราวกับว่า…ความว่างเปล่ากำลังจะถูกทำลายลงไป

สองผู้ฝึกตนขั้นสูงสุดสี่แก่นแท้หลบออกไปทางด้านข้าง พวกมันแทบไม่อยากจะเชื่อต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ขณะที่กลิ่นอายนั้นทำให้จิตใจพวกมันพลุ่งพล่านปั่นป่วน และบดขยี้ลงไปบนพื้นฐานฝึกตนจนแทบจะหยุดหายใจไป

ต่อมากลิ่นอายอันน่ากลัวและน่าประหลาดใจอีกอย่างก็พุ่งขึ้นมาจากภายในร่างเมิ่งฮ่าว

ครั้งนี้ไม่ได้มาจากตะเกียงวิญญาณหนึ่งร้อยแปดดวง แต่มาจากเครื่องหมายผนึกเก้าชิ้น ที่สาดประกายเจิดจ้าออกมาราวกับดวงตะวัน หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ บริเวณนั้น กระจายเป็นแรงกดดันที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน

แรงกดดันนั้นทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสี่แก่นแท้ทั้งสอง พวกมันลอยละลิ่วไปทางด้านหลังราวกับถูกโจมตีด้วยพลังอันแข็งแกร่ง และในขณะที่แผดร้องออกมา ร่างกายก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ

วิญญาณที่สกปรกของพวกมันโผล่ออกมาพร้อมกับเสียงแผดร้อง ล่าถอยออกไปหลายพันจ้าง สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“นั่น…นั่นเป็นเครื่องหมายผนึกอะไรกัน?!?!”

“แค่มองมาครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้นก็ทำลายร่างกายพวกเราไป!!” พวกมันต้องการหลบหนีจากไป แต่แรงกดดันอันเข้มข้นกำลังบดขยี้ลงมา ทำให้ยากที่จะล่าถอยออกไปได้ เท่าที่เห็นพวกมันกำลังจะถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

ในตอนนี้เองที่เครื่องหมายผนึกทั้งเก้าชิ้นภายในร่างเมิ่งฮ่าวเริ่มกระจายเป็นลำแสงออกไปเชื่อมต่อกับตะเกียงวิญญาณทั้งหนึ่งร้อยแปดดวง แสงนั้นดูเหมือนว่าจะระเบิดเป็นกลิ่นอายเซียนออกมา สร้างเป็นเส้นใยเซียนที่เชื่อมต่อไปยังตะเกียงวิญญาณทั้งหมด เพื่อก่อตัวเป็นวงกลม สร้างเป็น…รากเซียน!

วิญญาณที่คล้ายเซียน ส่วนที่ลึกคล้ายราก นี่ก็คือรากเซียน!

“มันต้องไม่อยู่ในอาณาจักรโบราณอย่างแน่นอน กลิ่นอายนั้น…ช่างน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง! จนเหมือนกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่!”

“นั่น…นั่นคือรากเซียน?” สองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสี่แก่นแท้กำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และวิญญาณของพวกมันก็ดูเหมือนว่ากำลังจะจางหายไป

รากเซียนเป็นสิ่งที่อยู่ในตำนานของชางหมางพ่าย

กล่าวกันว่าผู้ฝึกตนทั้งหมดมีเส้นใยเซียนอยู่ภายในร่าง เมื่อพื้นฐานฝึกตนบรรลุถึงจุดสูงสุด หรือว่าสายโลหิตมีความแข็งแกร่งเพียงพอ เส้นใยเซียนเหล่านั้นก็จะรวมตัวเข้าด้วยกันเพื่อกลายเป็นรากเซียน

คนที่มีรากเซียนเท่านั้น ถึงจะถือได้ว่า…เป็นเซียนที่แท้จริง!

เมื่อเมิ่งฮ่าวดับตะเกียงวิญญาณดวงสุดท้าย และเข้าไปในอาณาจักรเต๋า รากเซียนก็ปรากฎขึ้นมา

เนื่องจากรากเซียนนั้น บางสิ่งที่แปลกเป็นอย่างมากก็เกิดขึ้น

ตะเกียงวิญญาณหนึ่งร้อยแปดดวงกลายเป็นรากเซียน และได้สร้างบางสิ่งที่คล้ายกับเป็นต้นไม้ใหญ่ขึ้นมาตามลำดับ ต้นไม้นั้นมีเก้ากิ่งซึ่งทำการเชื่อมต่ออยู่กับเครื่องหมายผนึกทั้งเก้าที่อยู่ภายในร่าง ราวกับเป็นผลไม้เซียนที่เติบโตอยู่บนต้นไม้นั้น!

ในท่ามกลางกิ่งทั้งเก้านั้น กิ่งแรกเริ่มสาดประกายระยิบระยับเป็นแสงหลากสีออกมา และกระพริบเป็นสีสันสดใสที่ดูคล้ายกับเป็นสายฟ้า

สำหรับอีกแปดกิ่ง ดูมืดสลัวลงไป ราวกับว่าขาดแคลนพลังชีวิตใดๆ

สำหรับกิ่งแรกของรากเซียนที่กระพริบไปมาคล้ายสายฟ้า เครื่องหมายผนึกชิ้นแรกเริ่มสาดประกายขึ้นมา จนกระทั่งกลายเป็นแสงอันเจิดจ้า!

ในตอนนี้เครื่องหมายผนึกชิ้นแรกเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว!

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว กลิ่นอายผนึกสวรรค์กระเพื่อมออกมาจากภายในร่าง ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนไปมา สายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไป เวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายแห่งอาณาจักรเต๋าก็ระเบิดออกไป

จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมา

ก้าวเข้าไปในเต๋าผ่านทางผลเนี่ยผาน!

อันที่จริงร่างจำแลงของเมิ่งฮ่าวถูกสร้างขึ้นมาจากผลเนี่ยผาน ไม่ได้มีจุดประสงค์สำหรับการมีชีวิตใหม่ แต่เพื่อนำพลังของสายโลหิตนั้นมาใช้ให้สามารถจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้รวดเร็วกว่าปกติทั่วไป!

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงอันเจิดจ้า จนการมองไปแค่แวบเดียว ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถดูดซับวิญญาณของสองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสี่แก่นแท้ไปได้โดยสิ้นเชิง!

กล่าวกันโดยทั่วไปแล้ว ทัณฑ์อาณาจักรเต๋าน่าจะตกลงมาแล้ว แต่มีบางสิ่งที่พิเศษเฉพาะเกี่ยวกับเส้นทางเหนือสูงสุด ทำให้ทัณฑ์นั้นไม่อาจจะค้นหาเขาได้

แม้แต่กลิ่นอายอาณาจักรเต๋าบนร่าง มันก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ โดยที่ไม่ต้องพูดถึงตัวตนของเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการดับตะเกียงวิญญาณดวงสุดท้ายนี้ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก แต่ก็ช่วยยืนยันถึงการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขาได้อย่างแท้จริง

“ในชีวิตนี้…ข้าไม่อาจจะสร้างเวทรุ่นเก้าให้สมบูรณ์แบบได้ มีแต่ทำให้เครื่องหมายผนึกสมบูรณ์ได้แค่ชิ้นเดียวเท่านั้น” เมิ่งฮ่าวมองเข้าไปในแสงหลากสีที่เปล่งประกายออกมาจากกิ่งแรกของต้นรากเซียน มองเห็นประกายระยิบระยับหลากสีที่แวบไปมาเป็นระยะ และส่งจิตสำนึกเข้าไป เมื่อทำเช่นนั้นชีวิตของเขาก็แวบขึ้นมาตรงหน้าสายตาตนเอง

เมิ่งฮ่าวมองเห็นตัวเองกำลังลอยลงไปในแม่น้ำ และจากนั้นก็เห็นนักศึกษาอุ้มตนเองขึ้นมา มองเห็นชายชรากำลังเล่นกับตัวเอง และจากนั้นก็เห็นทัณฑ์ปีที่เจ็ด ต่อมาก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาและเข้าสังกัดตี้จิ่วจง

เขาเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นเซียน รับเยียนเอ๋อร์มาเป็นศิษย์ และจากนั้นก็ก้าวเข้าไปบนเส้นทางเหนือสูงสุด…ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เขาเห็น

นั่นคือความทรงจำทั้งหมดในชีวิตนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นจวบจนสิ้นสุดลง

“จริงๆ แล้ว…ก็เป็นเช่นนี้” เมิ่งฮ่าวพึมพำ

“ข้าเดินมาถูกทางแล้ว เวทรุ่นเก้าช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง และไม่ควรจะคงอยู่แม้แต่น้อย ดังนั้นในชีวิตแรกของร่างจำแลงข้า ก็สามารถจะทำได้แค่สร้างออกมาได้หนึ่งในเก้าส่วนเท่านั้น”

“แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ข้าเดินมาถูกทาง ก็พอแล้ว!”

เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าตะเกียงวิญญาณหนึ่งร้อยแปดดวงที่ก่อตัวกันเป็นรากเซียน เป็นสิ่งที่ร่างจริงไม่เคยพบเห็นมาก่อนตลอดทั้งการฝึกตนที่ผ่านมา รากเซียนนั้นกำลังหล่อเลี้ยงเครื่องหมายผนึกของเวทรุ่นเก้า หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ ดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความเข้าใจ

“รากเซียนมุ่งเน้นไปยังเวทรุ่นเก้าที่สมบูรณ์แบบ ด้วยรากเซียนนี้ จะทำให้เครื่องหมายผนึกทั้งเก้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้”

“สำหรับร่างนี้ ได้เดินมาจนสุดทางของมันแล้ว ถ้าข้าต้องการจะสร้างเป็นเครื่องหมายผนึกชิ้นที่สองขึ้นมา ก็ต้องทำด้วยวิธีอื่น…”

“ต่อให้ร่างจำแลงนี้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ข้าก็คงจะติดอยู่ที่กิ่งก้านแรกนี้เท่านั้น สิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำในตอนนี้ก็คือ…กิ่งก้านที่สอง”

“กิ่งก้านแต่ละกิ่งต้องมีความทรงจำของชั่วชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าร่างจำแลงข้าก็จะต้องแยกตัวออกเป็นอิสระอย่างแท้จริง สำหรับร่างจริงแล้ว ร่างจำแลงนี้คือชีวิตที่สี่ของข้า แต่ตอนนี้เมื่อรากเซียนปรากฎขึ้นมา ร่างจำแลงนี้…ก็ได้พบเจอกับชีวิตแรกของมัน!”

“เก้ากิ่งก้าน เก้าชีวิต…เมื่อความทรงจำของชีวิตทั้งหมดเหล่านั้นหลอมรวมเข้าด้วยกัน และกลับมาจากการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ นั่นก็คือตอนที่เวทรุ่นเก้า ซึ่งก็คือเวทผนึกสวรรค์เสร็จสิ้นสมบูรณ์!” ยิ่งบรรลุถึงความรู้แจ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด ก็ยิ่งตะหนักว่ารากเซียนและเก้ากิ่งก้านสามารถจะยืนยันว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตนเองถูกต้องอย่างแท้จริง

“ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่…ข้าจำเป็นต้องมีเก้าชีวิตที่แตกต่างกัน และมีความทรงจำของชีวิตเหล่านั้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม”

“สิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือ…ผนึกความทรงจำเหล่านั้นไว้ ในที่สุดหลังจากได้ครบทั้งเก้าชีวิตแล้ว ข้าก็จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง” หลังจากที่ลังเลอยู่เล็กน้อย ก็นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ และในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา

บางครั้งเขาไม่ต้องการจะตายจากชีวิตในตอนนี้ไป จึงหันหน้ามองออกไป และถึงแม้จะไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญหน้ากับทิศทางใด แต่ก็มีความรู้สึกว่า…กำลังมองออกไปยังดาวชางหมาง

นั่นคือที่ตั้งของตี้จิ่วจง และเยียนเอ๋อร์ ศิษย์ของตนเองก็อยู่ในที่แห่งนั้น

สิ่งที่เขาวิตกกังวลมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือเยียนเอ๋อร์

“ผนึกความทรงจำ ตัดความคิด เข้าไปสู่การเกิดใหม่…” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้กลุ่มหมอกโลหิตหายไป และยืนขึ้นมาในท่ามกลางทัณฑ์ที่ห้า ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นมา

“ลังเลมาพอแล้ว” เมิ่งฮ่าวคิด ฟาดฝ่ามือออกไปที่เบื้องหน้า ทำให้อากาศแตกกระจายไป และกระแสน้ำวนก็ปรากฎขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ากระแสน้ำวนที่ส่งเสียงกระหึ่มนี้คือประตูที่เข้าไปสู่การเกิดใหม่

ขณะที่มันเปิดออก เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือตรงไปยังวิญญาณของสองผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสี่แก่นแท้ ซึ่งเคยวางแผนคิดจะหลอกลวงตนเอง ก่อนที่พวกมันจะทันได้ร้องขอความเมตตา เขาก็บดขยี้พวกมันไป

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่วิญญาณของพวกมันกลายเป็นจุดแสงระยิบระยับ คล้ายกับเป็นแหล่งเชื้อเพลิงให้กับกระแสน้ำวน กลิ่นอายแห่งการเกิดใหม่เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น

“เยียนเอ๋อร์ ความสัมพันธุ์ระหว่างศิษย์และอาจารย์ในชีวิตนี้ของพวกเรา…จบสิ้นลงแล้วในตอนนี้” เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา หลับตาลงจนดูเหมือนว่ากำลังนึกย้อนไปถึงความทรงจำเมื่อในอดีต หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เปล่งประกายเจิดจ้าและแจ่มใส จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ ขณะที่…ตัดสินใจตายไปในช่วงการเข้าฌาน!

ร่างกายเมิ่งฮ่าวเริ่มเปล่งประกายขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่เวลาเดียวกันนั้นก็แห้งเหี่ยวลงไป ในที่สุดเมื่อกลายเป็นซากศพที่แห้งเหี่ยวไป หน้าผากก็เปิดออกและวิญญาณก็ปรากฎขึ้น เปล่งประกายด้วยแสงเซียน

ภายในวิญญาณนั้นคือรากเซียน และเครื่องหมายผนึกทั้งเก้า นั่นคือสิ่งทั้งหมดที่ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวฝึกฝนมาในชั่วชีวิตนี้ ดวงตาของวิญญาณเปล่งประกายเจิดจ้า คล้ายกับเป็นเด็กทารกที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา นั่นเป็นเพราะว่าความทรงจำทั้งหมดในชีวิตนี้เพิ่งจะถูกตัดขาดออกไป และถูกผนึกไว้ในส่วนลึกของวิญญาณ

วิญญาณของร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนแห่งการเกิดใหม่และหายลับไป เขากำลังจากไป…เพื่อเริ่มต้นชีวิตที่สองของร่างจำแลง

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเงียบกริบลงไป ร่างเมิ่งฮ่าวยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในที่แห่งนั้น แน่นิ่งไม่ไหวติง…

เวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในตี้จิ่วจงแห่งชางหมางพ่าย เยียนเอ๋อร์ที่อยู่ท่ามกลางการเข้าฌานแต่ทันใดนั้นเองก็ต้องสั่นสะท้านขึ้นมา ลืมตาขึ้นราวกับว่าสายใยที่เชื่อมต่อนางกับบางสิ่งบางอย่างเพิ่งจะถูกตัดขาดไป

นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง รีบวิ่งตรงไปยังห้องนั่งเข้าฌานตามลำพังของอาจารย์ เมื่อผลักประตูให้เปิดออก และมองตรงไปยังตำแหน่งที่ตั้งเปลวไฟวิญญาณของอาจารย์ ก็รู้สึกราวกับว่าถูกฟาดด้วยสายฟ้า ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ หยดน้ำตากำลังไหลลงมานองหน้า จนดูเหมือนว่าไม่มีวันจะหยุดไหลไปได้

หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลานาน เยียนเอ๋อร์ก็กระอักโลหิตออกมา จากแววตาของนาง ราวกับว่าโลกทั้งหมดของตนเอง…พังทลายลงไปแล้ว

“ซือจุน…”

เปลวไฟวิญญาณของเมิ่งฮ่าว ที่ตั้งอยู่ตรงนั้นมาเป็นเวลานาน…ดับลงไปแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!