Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 917

ตอนที่ 917

ปีนป่ายให้สูงขึ้นไปอีก!

ชายชราที่เป็นนักปรุงยาระดับแปดจำนวนแค่หยิบมือที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวบนจอภาพ และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความชื่นชมและมุ่งหวัง

แผนกเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟางไม่ใช่สำนัก แต่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล นักปรุงยาและเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดคือสมาชิกของตระกูล และความรู้สึกถึงความภาคภูมิใจและเกียรติยศของตระกูลก็มีอยู่ในสายเลือด ทำให้ตระกูลไม่ต้องพังทลายลงไปมาหลายชั่วคน

อันที่จริง คะแนนความดีคือหนึ่งในวิธีการทั่วไป ที่ทำให้สมาชิกของตระกูลไม่รู้สึกเกิดการแบ่งแยกขึ้น

แน่นอนว่าแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา หวังว่าจะมีนักปรุงยาผู้ถูกเลือกปรากฏขึ้นมาอย่างแท้จริง เพื่อกระตุ้นให้คนในแผนกเกิดความสนใจในเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยา และสร้างชื่อเสียงให้กับแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟางขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามถึงแม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว ถึงแม้แผนกต่างๆ ของตระกูลจะมีผู้ถูกเลือกขึ้นมามากมาย แต่แผนกเต๋าแห่งการปรุงยาก็ยังคงเป็นสถานที่ที่อ้างว้างและเงียบกริบ นักปรุงยาผู้ถูกเลือกเป็นสิ่งที่พบเห็นได้โดยบังเอิญเท่านั้น ไม่อาจจะทำการค้นหาได้

มีใครบางคนที่มีพรสวรรค์สำหรับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีแนวโน้มจะศึกษาเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยา กลับชอบที่จะมุ่งเน้นไปที่การฝึกตนมากกว่า บุคคลเช่นนั้นเชื่อว่าเส้นทางแห่งพลัง จะถูกบดบังโดยการไปมุ่งเน้นฝึกฝนอย่างอื่น

วันนี้ผู้อาวุโสระดับแปดเหล่านี้ ในที่สุดก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

บนชั้นหกของศาลาโอสถ เมิ่งฮ่าวกำลังเดินไปเป็นก้าวที่เจ็ดสิบ ทันใดนั้นเขาก็สูดกลิ่นอันเข้มข้นของต้นสมุนไพรเข้าไปลึกๆ จมูกและสมองของเขาเต็มไปด้วยเสียงกึกก้องที่ไร้เสียง และแรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง โลหิตทั้งหมดในร่างจู่ๆ ก็เริ่มโคจรไหลเวียนย้อนกลับ

ภาพของต้นสมุนไพรเริ่มลอยขึ้นมาอยู่ในจิตใจ มีอยู่มากมายหลายชนิดอย่างไม่รู้จบ กลิ่นหอมวิเศษนี้ไม่ได้เป็นแค่การทดสอบทักษะเรื่องพืชสมุนไพรเท่านั้น แต่ยังได้ทำการทดสอบเรื่องของสัญชาตญาณอีกด้วย!

การที่สามารถจะรู้ได้ว่ามีต้นสมุนไพรอยู่มากมายเท่าใด ด้วยการแค่สูดดมกลิ่นโดยที่ไม่ต้องคิดมากนัก…เป็นสิ่งที่…ต้องกระทำด้วยสัญชาตญาณ และต้องมีความคุ้นเคยกับต้นสมุนไพรทุกชนิดอย่างน่าเหลือเชื่อเท่านั้น

ยิ่งมีทักษะเกี่ยวกับต้นสมุนไพรอยู่ในระดับสูงมากขึ้น ก็เหมือนกับเป็นสูตรวิเศษในฉับพลันของเต๋าแห่งการปรุงยา ซึ่งจริงๆ แล้วพวกมันก็เป็นสองรูปแบบที่มีทักษะและอยู่ในอาณาจักรเดียวกัน

ด้วยระดับความยากของการทดสอบในชั้นที่หกนี้ การที่จะผ่านไปได้นั้น ผู้เข้าทดสอบจะต้องเดินไปให้สำเร็จได้ในยี่สิบก้าว ในแต่ละก้าวเหล่านั้น การบอกชื่อต้นสมุนไพรผิดไปสิบครั้งหรือรวมกันแล้วมากกว่านั้น ก่อนที่จะก้าวต่อไปก็จะถูกถือว่าไม่ผ่าน

เหตุผลที่มีการกำหนดกฎเกณฑ์เช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า ชั้นนี้มีความยากมากเกินไปนั่นเอง

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะคาดคิดได้ว่า เมิ่งฮ่าวได้เดินไปแล้วถึงเจ็ดสิบก้าว พร้อมกับมีดอกบัวเบ่งบานไปทุกก้าว จะเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงมากแค่ไหน สำหรับนักปรุงยาที่อยู่ด้านนอกทั้งหมด ซึ่งเข้าใจถึงความยากลำบากของการทดสอบนี้ พวกมันแทบไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง

เจ็ดสิบเอ็ดก้าว, เจ็ดสิบสองก้าว, เจ็ดสิบสามก้าว…เมิ่งฮ่าวไม่ได้หยุดชะงักนิ่งแม้แต่น้อย ยังคงก้าวเดินต่อไป มุ่งหน้าไกลออกไปเรื่อยๆ กลิ่นหอมของต้นสมุนไพรเริ่มเข้มข้นมากขึ้น และมีหลากหลายชนิดมากกว่าเดิม

แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงเดินต่อไป…โดยมีดอกบัวบานขึ้นมาในแต่ละก้าวที่เดินไป

จนกระทั่งเดินไปเป็นก้าวที่แปดสิบ ในที่สุดเขาก็เริ่มช้าลงเล็กน้อย แต่สำหรับนักปรุงยาที่กำลังมองดูอยู่ที่ด้านนอก ก็ยังคงเห็นว่าเขาเดินไปด้วยความรวดเร็วอยู่ดี

แปดสิบเอ็ด, แปดสิบสอง, แปดสิบสาม…แต่ละก้าวที่เมิ่งฮ่าวเดินไป ความว่างเปล่าที่มืดมิดรอบๆ ตัวก็เริ่มมีแสงระยิบระยับเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ โคมไฟพฤกษชาติส่องแสงเป็นประกาย จนกระทั่งทั่วทั้งชั้นหกในตอนนี้เกิดเป็นแสงไฟอันเจิดจ้าขึ้น

เมื่อเดินไปเป็นก้าวที่เก้าสิบ เมิ่งฮ่าวก็ยังเหลืออีกแค่สิบก้าวเท่านั้นที่ต้องเดินไป ตอนนี้เขาเริ่มเคลื่อนที่ช้าลง ราวกับว่าสิบก้าวนี้แม้แต่เขาก็ยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ละก้าวที่เดินไปต้องใช้ความคิดเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งกลุ่มผู้ชมก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน

สัญชาตญาณในตอนนี้ของเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นกลุ่มเมฆ เขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์และหาข้อสรุปสำหรับพืชสมุนไพรแต่ละต้นเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ทำการตรวจสอบด้วยความอุตสาหะจนในที่สุดก็สามารถจะบอกชื่อของต้นสมุนไพรทั้งหมดนั้นได้

โลกที่ด้านนอกปกคลุมไปด้วยความเงียบ กลุ่มผู้ชมสามแสนคนต่างก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวบนจอภาพ ที่ด้านหลังมีดอกบัวเรียงรายกันเป็นทางยาว และเขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยโคมไฟพฤกษชาติมากมายนับไม่ถ้วน

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นเซียนแห่งต้นพืชสมุนไพร เขาเพ่งสมาธิมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การทดสอบนี้ ทำให้แม้แต่หญิงชรานางนั้นก็ต้องมองไปอย่างเงียบๆ

เก้าสิบเอ็ด, เก้าสิบสอง, เก้าสิบสาม…แต่ละก้าวในตอนนี้ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม แต่ละครั้งดอกบัวก็จะบานขึ้น และแสงโคมไฟของต้นสมุนไพรก็ส่องแสงระยิบระยับไปทั่วทุกที่

เมื่อถึงก้าวที่เก้าสิบห้า เมิ่งฮ่าวก็ใช้เวลาสามชั่วยาม เขายืนนิ่งอยู่ที่นั่น ตกอยู่ภายในกลิ่นหอมอันไร้ขอบเขต ก่อนจะในที่สุดก็ได้ประทับชื่อต้นสมุนไพรทั้งหมดลงไป

ก้าวที่เก้าสิบหก ใช้เวลาสิบชั่วยาม

ก้าวที่เก้าสิบเจ็ด ใช้เวลาสองวัน

เมื่อถึงก้าวที่เก้าสิบแปด เมิ่งฮ่าวใช้เวลาอยู่นานมาก คนทั้งหมดในโลกด้านนอกกำลังจ้องมองไปยังจอภาพอย่างใกล้ชิด ห้าวันต่อมา เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเดินตรงไปอีกครั้ง และดอกบัวก็บานขึ้นมาอีกหนึ่งดอก

ก้าวที่เก้าสิบเก้า เขาใช้เวลาสิบวัน แต่อีกครั้งที่ดอกบัวบานขึ้นมา และกลุ่มฝูงชนก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย

ในตอนนี้มีผู้คนประมาณสี่แสนคนมารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้ คนทั้งหมดกำลังสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ขณะที่เฝ้ารอคอยให้เมิ่งฮ่าว…เดินไปเป็นก้าวสุดท้าย

ก้าวที่หนึ่งร้อย!

บนชั้นที่หก ดวงตาเมิ่งฮ่าวปิดอยู่ เขาไม่รู้ว่าได้เดินไปกี่ก้าวแล้ว โดยที่ไม่แม้แต่จะคิดถึงมัน เขาก้าวเดินไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจ และร่างเขาก็สั่นสะท้านขึ้น

เมิ่งฮ่าวกำลังหอบหายใจออกมา ทุกครั้งที่ทำการประทับ ทำให้เขาต้องพยายามลอดผ่านข้อมูลที่คลุมเครือดูเลือนลางนั้นออกมาให้ได้ และจำเป็นต้องใช้ความคิดวิเคราะห์อย่างมากมาย

เวลาผ่านไปมากขึ้น คนทั้งหมดที่อยู่ในโลกด้านนอกได้แต่เฝ้ารอคอย สามวัน เจ็ดวัน สิบวัน…

ในที่สุด ก็ผ่านไปยี่สิบวัน!!

โลกที่ด้านนอกเต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆ ไม่เคยมีใครใช้เวลาทำการทดสอบอยู่ที่ด้านในศาลาโอสถได้นานมากเช่นนี้มาก่อน เมิ่งฮ่าวใช้เวลาเกือบสองเดือนเพื่อผ่านการทดสอบจากชั้นแรกไปจนถึงชั้นที่หกนี้

เวลาอีกหน้าวันได้ผ่านไป ทันใดนั้นโคมไฟต้นสมุนไพรนับไม่ถ้วนทั้งหมดที่อยู่ในชั้นที่หก ก็ได้ระเบิดเป็นประกายแสงระยิบระยับออกมา ที่ใต้เท้าของเมิ่งฮ่าว…ดอกบัวดอกที่หนึ่งร้อยปรากฏขึ้น!

เขาลืมตาขึ้นมา ร่างกายสั่นสะท้าน พ่นโลหิตออกมาจากปาก ชั้นนี้ยากมากที่สุดจนเมิ่งฮ่าวต้องผ่านมันไปด้วยโลหิต, หยาดเหงื่อ และหยดน้ำตาเท่านั้น ก้าวสุดท้ายได้ผลักดันให้เขามาถึงขีดจำกัดของทักษะต้นพืชสมุนไพรของตัวเอง แต่ในที่สุดก็ทำให้เขาสามารถจะผ่านไปได้ด้วยคะแนนที่สมบูรณ์แบบ!

ที่เบื้องหน้าด้านบน โคมไฟต้นสมุนไพรนับไม่ถ้วนรวมตัวเข้าด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นขั้นบันไดเถาวัลย์ เป็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเหมาะสมกับราชันแห่งต้นพืชสมุนไพรเท่านั้น

ชั้นที่เจ็ดได้เปิดออกแล้วในตอนนี้!

ในเวลาเดียวกันนั้น จากมุมมองในโลกที่ด้านนอก ชั้นที่หกเริ่มส่องประกายด้วยแสงอันไร้ขอบเขต ท้องฟ้าที่กำลังมืดสลัวลงไป ความมืดทั้งหมดนั้นได้หายไปในบัดดล ตอนนี้แผนกเต๋าแห่งการปรุงยากลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่

นามฟางฮ่าวปรากฏขึ้นบนแท่นศิลาตัวอักษร อยู่ที่ตำแหน่งแรกบนรายชื่อของชั้นที่หก!

กลุ่มผู้ชมส่งเสียงดังหึ่งๆ ขึ้นมาในทันที

“มัน…ผ่านชั้นที่หก! มีดอกบัวบานขึ้นในทุกก้าว! หนึ่งร้อยก้าว, หนึ่งร้อยดอกบัว!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า ฟางฮ่าวผู้นี้กำลังจะฟื้นฟูแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาขึ้นมาใหม่!?”

“รอให้มันเสร็จเรื่องในศาลาโอสถนี้ก่อนเถอะ! ข้าจะต้องไปฟังคำบรรยายเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรกับมันอย่างแน่นอน!!”

ในเวลาเดียวกันนั้น ระฆังโบราณขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นในอากาศเหนือคฤหาสน์โบราณของตระกูลฟาง จากที่มองไประฆังใบนั้นเหมือนจะผ่านกาลเวลามาหลายยุคหลายสมัย ถูกแกะสลักเป็นรูปภูเขาและแม่น้ำ ในทันทีที่มันปรากฏขึ้น ก็เกิดเป็นเสียงดังและคมชัดออกมา

เสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งดาวตงเซิ่ง เข้าไปในหูของใครก็ตามที่มีโลหิตตระกูลฟางอยู่ในสายเลือดของพวกมัน คนภายนอกไม่อาจจะได้ยิน มีแต่สมาชิกตระกูลฟางเท่านั้นที่ได้ยินเสียงระฆังนี้!!

ตระกูลฟางกำลังสั่นสะเทือน คนทั้งหมดในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ที่ไม่ได้อยู่ตรงศาลาโอสถต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้น รับรู้ได้ถึงแสงอันเจิดจ้าที่กระจายออกมาจากศาลาโอสถ หลายคนในพวกมันเริ่มบินตรงไปในทิศทางนั้นอย่างฉับพลัน

คนทั้งหมดในคฤหาสน์โบราณต่างก็สั่นสะท้านขึ้นเช่นเดียวกัน ตอนแรกมีแสงพุ่งออกมาจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา และจากนั้นก็เป็นเสียงระฆัง สมาชิกตระกูลฟางทั้งหมดตกตะลึง และมีอยู่หลายคนที่บินตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา เพื่อดูว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้นอยู่

ผู้เฒ่าสูงสุดยืนเงียบๆ อยู่ในวิหารหลัก สีหน้าเต็มไปด้วยความซับซ้อน และค่อนข้างจะสับสนเป็นอย่างมาก

“ข้า…ทำผิดพลาดไป?” มันพึมพำขึ้น “ไม่, ข้าไม่ได้ทำผิด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อตระกูล เรื่องทั้งหมดที่ข้าทำ เป็นไปตามกฎของตระกูล!!” ผู้เฒ่าสูงสุดสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สีหน้าไม่มีความสับสนอีกต่อไป มันมองไปยังทิศทางของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา และแสงอันดุร้ายก็มองเห็นได้อยู่ในแววตา

เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่บนชั้นหกของศาลาโอสถ หลังจากที่เข้าฌาณไปสักพัก เขาก็ลืมตาขึ้นมา ซึ่งยังคงเป็นสีแดงก่ำอยู่เล็กน้อย พูดพึมพำกับตัวเองขี้น

“จากความยากของชั้นห้าและชั้นหก ทำให้ข้าได้เห็นความไร้ขอบเขตของเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟาง ข้าทำผิดไปหลายครั้งที่ชั้นห้า และชั้นหกก็ยากกว่ามากจริงๆ เพราะว่าข้าได้ดูดซับดอกปี่อ้านเข้าไป ทำให้ข้าสามารถจะมีสัญชาตญาณเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรเช่นนั้นได้!”

“ดังนั้น…ความสามารถเกี่ยวกับกลิ่นหอมวิเศษของข้าจริงๆ แล้วก็เป็นกลโกงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น”

“ชั้นเจ็ดนี้ จะต้องยากกว่าชั้นอื่นๆ ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน!” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นยืน และดวงตาก็แวบขึ้นด้วยแสงแห่งความมุ่งมั่น เมื่อเขาเข้ามาในศาลาโอสถนี้ เป้าหมายก็คือการทำให้โลกต้องตกตะลึง และมีชื่อเสียงขึ้นในชั่วข้ามคืน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อคะแนนความดีเท่านั้น แต่ตอนนี้สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ ได้ช่วยให้ทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของเขามีความก้าวหน้ามากขึ้น

เมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่จะกังวลในเรื่องการผ่านแต่ละชั้นไปให้ได้เท่านั้น แต่เขายังต้องการที่จะผ่านไปด้วยคะแนนที่สูงสุดในแต่ละชั้น ซึ่งเป็นหนทางเดียวสำหรับเขาที่จะช่วยเพิ่มทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของตนเอง

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเริ่มเดินขึ้นบันไดไป

ในเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวย่างเท้าลงไปบนชั้นที่เจ็ด กลุ่มผู้ชมนับแสนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกกำลังมองดูอยู่ เมื่อเทียบกับชั้นที่หกแล้ว ชั้นที่เจ็ดนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ผิดปกติธรรมดา มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่มองเห็นได้คือตำราขนาดใหญ่สองเล่ม

หนึ่งในสองนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นตำราพืชสมุนไพรเล่มแรก ซึ่งประกอบไปด้วยพืชสมุนไพรหนึ่งพันล้านต้น

เล่มที่สองว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่มีข้อมูลอะไรอยู่เลย

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังตำราทั้งสองเล่ม เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งชั้นเจ็ด

“ใช้วิธีการทาบกิ่งและความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมและสะกดข่ม ระหว่างต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันออกมา เจ้าต้องสร้าง…ต้นสมุนไพรที่เป็นหนึ่งเดียวไม่เหมือนใครออกมาหนึ่งหมื่นชนิด นั่นคือเกณฑ์เริ่มต้นที่จะผ่านชั้นนี้ไปได้ ถ้าเจ้าต้องการจะผ่านไปด้วยคะแนนที่สมบูรณ์แบบ เจ้าต้องสร้างขึ้นมาหนึ่งแสนชนิด”

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาเริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า

“ในที่สุด…ก็มีชั้นเช่นนี้!” เขารู้ว่าเมื่อรวบรวมความรู้เกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรได้มากขึ้น ก็ถึงเวลาที่จะก้าวเข้าไปในอาณาจักรใหม่แล้ว เป็นอาณาจักรที่ต้องใช้หลักการของการส่งเสริมและสะกดข่ม พร้อมกับวิธีการทาบกิ่ง เพื่อสร้างเป็นต้นสมุนไพรที่เป็นของเขาเองแต่เพียงผู้เดียว

การใช้ต้นสมุนไพรเช่นนั้นมาทำการปรุงเป็นเม็ดยา จะทำให้เป็นเรื่องยากเป็นอย่างมาก สำหรับคนอื่นๆ ที่จะแยกแยะสูตรยาออกมาได้ ถ้าพวกมันสามารถแยกได้ ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะสร้างขึ้นมาด้วยส่วนผสมของต้นสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ นี่คืออาณาจักรที่สูงขึ้นไปของการปรุงยา

ในตอนที่เมิ่งฮ่าวอยู่ในสำนักจื่อยิ่น เขาเคยได้พบกับเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก เต๋าแห่งการปรุงยาของสำนักเซียนอสูรโบราณ ก็มีเรื่องเช่นนี้ด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ยังไม่เคยมีโอกาสที่จะศึกษามันอย่างเป็นระบบมาก่อน

ตอนนี้ เขาปรับพลังปราณให้สงบนิ่งและทำจิตใจให้เยือกเย็น จากนั้นก็ก้าวเดินตรงไปยังตำรา และหลับตาลงเพื่อครุ่นคิด

ผู้คนทั้งหมดในโลกด้านนอก ซึ่งไม่เคยรู้ว่าชั้นที่เจ็ดเป็นเช่นไรมาก่อน ต่างก็อ้าปากค้างขึ้นในตอนนี้ จริงๆ แล้วตามเงื่อนไขของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลฟาง นักปรุงยาจะเริ่มใช้วิธีการทาบกิ่งตั้งแต่อยู่ในระดับห้า และเพื่อที่จะกลายเป็นนักปรุงยาระดับเจ็ด ก็จำเป็นต้องสร้างต้นสมุนไพรที่ทาบกิ่งมาเป็นของตนเองให้ได้หนึ่งหมื่นชนิด

ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมนับแสน นักปรุงยาระดับหกและเจ็ด ต่างก็เริ่มกระซิบกระซาบกันไปมา

“ไม่รู้ว่าถ้าฟางฮ่าวผ่านชั้นที่เจ็ดนี้ไป…มันจะสร้างเป็นต้นสมุนไพรทาบกิ่งขึ้นมาได้กี่ชนิด!?”

“คงเป็นเรื่องยากสำหรับมันที่จะผ่านไปได้ ไม่มีใครเคยทำได้จากการพยายามในครั้งแรกมาก่อน แม้แต่ท่านผู้เฒ่าโอสถก็ยังไม่อาจจะทำได้ ท่านต้องใช้ความพยายามถึงสี่ครั้ง”

“ต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานอันลึกล้ำ และประสบการณ์ในการทาบกิ่งต้นสมุนไพรที่โดดเด่นเท่านั้น ถึงจะสามารถผ่านชั้นที่เจ็ดนี้ไปได้ในครั้งเดียว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!