Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 928

ตอนที่ 928

เจ้าตามข้ามา!

บุรุษหนุ่มที่ผลักฟางซีไปทางด้านหลัง สวมใส่ชุดยาวสีดำที่ถูกตกแต่งด้วยภาพของดวงจันทร์ ดูเหมือนจะมีบรรยากาศที่โหดเหี้ยมและน่ากลัวโดยเฉพาะสำหรับพวกมัน เกิดเป็นความเย็นชาราวน้ำแข็ง ทำให้ใครก็ตามที่มองมา ต้องรู้สึกราวกับว่าพวกมันกำลังจ้องมองไปยังอสรพิษ

ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีพื้นฐานฝึกตนของเซียนขั้นสามอยู่อีกด้วย กระจายระลอกคลื่นอันไร้ตัวตนออกมา ทำให้ดูเหมือนกับเป็นเซียนผู้ยิ่งใหญ่

ทันทีที่สมาชิกของตระกูลที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมองเห็นว่าบุรุษหนุ่มทั้งสองนี้คือใคร สีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไป และจิตใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกมันค่อยๆ ถอยไปทางด้านหลังอย่างช้าๆ

“พวกมันคือผู้คุ้มกันจันทราดำ!”

“มีผู้ถูกเลือกจากสำนักต่างๆ อยู่มากมายในที่แห่งนี้ เพื่อมาดูตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) ผู้คุ้มกันจันทราดำจึงถูกมอบหมายให้มาดูแลความเรียบร้อย!”

“ตระกูลฟางมีผู้คุ้มกันอยู่เก้ากลุ่ม สี่กลุ่มเฝ้ารักษาอยู่ที่ด้านนอกของดวงดาว และห้ากลุ่มเฝ้าดูแลอยู่บนดาวตงเซิ่งนี้ ในกลุ่มทั้งห้าเหล่านั้น ผู้คุ้มกันจันทราดำและผู้คุ้มกันตะวันม่วง มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับคฤหาสน์โบราณ!”

กลุ่มผู้คุ้มกันทั้งเก้าของตระกูลฟาง มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วในเรื่องของการต่อสู้ จนทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าต้องสั่นสะเทือน สำหรับผู้คุ้มกันจันทราดำ พวกมันเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความชั่วร้ายและน่ากลัวราวกับเป็นอสรพิษ

นั่นคือชื่อเสียงของพวกมันในท่ามกลางกลุ่มคนภายนอกและภายในตระกูลฟางด้วยกันเอง คนทั้งหมดหวาดกลัวต่อผู้คุ้มกันจันทราดำเป็นอย่างยิ่ง

ฟางซีมองไปยังสองบุรุษหนุ่ม และสีหน้าก็เปลี่ยนไป คำพูดใดๆ ที่มันคิดจะกล่าวออกมา ได้ติดอยู่ในลำคอ มันอาจจะมาจากกลุ่มสายโลหิตหลัก แต่คนทั้งหมดในตระกูลต่างก็รู้ว่าสายโลหิตหลักได้ตกต่ำลงไปแล้ว มัน…ไม่สามารถจะไปมีเรื่องกับผู้คุ้มกันจันทราดำได้

“ฟางซี” หนึ่งในสองบุรุษหนุ่มกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ด้วยการทำเสียงดังและสร้างความวุ่นวายให้กับชายหาดของทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า ด้วยการส่งเสียงรบกวนในที่สาธารณะ และทำให้ตระกูลต้องเสียหน้าต่อแขกที่มาจากสำนักต่างๆ เจ้าต้องออกไปจากบริเวณนี้ภายในรัศมีหนึ่งร้อยจ้าง!” บุรุษหนุ่มผู้นั้นกล่าวขึ้นอย่างไร้มารยาท

“ถ้าเจ้าบังอาจก้าวเท้าเข้ามาภายในรัศมีหนึ่งร้อยจ้างของผู้คุ้มกันจันทราดำใดๆ” บุรุษหนุ่มอีกคนกล่าวขึ้น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความดูแคลน “ก็จะถือว่าเป็นการกระทำที่ต้องการก่อกบฎ! ฟางซี ยังไม่ไสหัวไปอีก!” ด้วยเช่นนั้น มันก็โบกสะบัดมือ ทำให้สายลมอันน่าตกใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง ม้วนกวาดเอาฟางซีขึ้นไป บังคับให้มันต้องลอยออกไปทางด้านหลัง

ฟางซีไร้พลังที่จะต่อต้านได้ ในชั่วพริบตามันก็ตกลงไปเกือบหนึ่งร้อยจ้าง สมาชิกของตระกูลที่อยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดเงียบกริบโดยสิ้นเชิง ขณะที่มองไปยังฟางซี

ในที่สุดมันก็ไปหยุดอยู่ที่เขตเก้าสิบเก้าจ้าง ใบหน้าซีดขาวและสั่นสะท้านไปทั้งร่าง โทสะแวบขึ้นมาบนใบหน้ามันขณะที่จ้องมองไปยังสองบุรุษหนุ่มด้วยความอาฆาต

ฟางซีไม่ใช่คนโง่ และรู้ว่าสองคนนี้ตั้งใจที่จะมาฉีกหน้ามัน ต่อหน้ากลุ่มคนในตระกูลอื่นๆ ทั้งหมด ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้จะถูกแพร่กระจายออกไปจากคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะก็คือว่า…วิธีการอันชั่วร้ายที่พวกมันมาทำให้ฟางซีต้องได้รับความอัปยศในครั้งนี้ ด้วยพื้นฐานฝึกตนของพวกมัน ก็สามารถที่จะผลักให้ฟางซีออกไปไกลหนึ่งร้อยจ้างได้อย่างง่ายดาย แต่พวกมันกลับผลักไปแค่เก้าสิบเก้าจ้างเท่านั้น ด้วยความมั่นใจว่าฟางซีจะไม่ถอยออกไปในก้าวสุดท้ายอย่างแน่นอน

ดวงตาฟางซีกลายเป็นสีแดงก่ำ หอบหายใจออกมาขณะที่จ้องมองไปยังสองบุรุษหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปเกือบร้อยจ้าง มันไม่ต้องการจะถอยไปทางด้านหลัง แต่ก็รู้ว่ากฎของตระกูลอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้คุ้มกันจันทราดำรับผิดชอบในการรักษาความสงบในบริเวณนี้ ถ้ามันต่อต้านคนเหล่านั้นอย่างเปิดเผย พวกมันก็จะมีข้ออ้างในการจัดการมัน ที่สำคัญมากไปกว่านั้นทั้งหมดก็คือว่าผู้คุ้มกันจันทราดำ…อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของครอบครัวสาขาฟางเว่ย

ฟางซีกำหมัดจนแน่น ขณะที่คนทั้งหมดมองมา มันได้แต่ก้มหน้าลงและเดินถอยไปทางด้านหลังหนึ่งจ้างสุดท้าย จนกระทั่งไปอยู่ในตำแหน่งหนึ่งร้อยจ้าง

การเคลื่อนที่ไปในก้าวสุดท้ายนี้ ได้บดขยี้ศักดิ์ศรีของฟางซี และสร้างความอัปยศให้กับสายโลหิตของมัน แต่ฟางซีก็ต้องยอมรับไว้ ไม่มีทางที่มันจะสามารถต่อสู้กลับไปได้

มันยืนตัวสั่นสะท้านอยู่ที่นั่น ขณะที่คนทั้งหมดเฝ้ามองมา ไม่มีใครพูดจาใดๆ ออกมา แต่มีอยู่หลายคนที่แอบถอนหายใจอยู่ภายใน

สำหรับสองผู้คุ้มกันจันทราดำ พวกมันหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา และไม่สนใจฟางซีอีก หมุนตัวจากไป

คนทั้งหมดที่กำลังมองดูอยู่ ต่างก็คิดว่าการขับไล่ฟางซีออกไปได้จบลงแล้วในตอนนี้ แม้แต่ฟางซีที่กำลังก้มหน้าลง ก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องพบเจอกับความยุ่งยากลำบากใจใดๆ อีก…

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่สองผู้คุ้มกันจันทราดำ จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านข้างฟางซี ทันใดนั้น พวกมันก็โบกสะบัดมือ ทำให้พื้นฐานฝึกตนพุ่งเป็นพลังออกไป สายลมอันรุนแรงก่อตัวขึ้น ห้อมล้อมไปรอบๆ ร่างฟางซี และพามันพุ่งออกไปอีกครั้ง

ครั้งนี้ มันถูกส่งให้ไปอยู่ที่เขตเก้าสิบเก้าจ้างอีกครั้ง

“ผู้คุ้มกันจันทราดำได้เตือนเจ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง” หนึ่งในสองกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าต้องอยู่ห่างจากตำแหน่งที่พวกข้าอยู่หนึ่งร้อยจ้าง! ตอนนี้พวกข้ากำลังยืนอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมเจ้ายังไม่ไสหัวไปอีก!”

“เจ้า!!” ฟางซีกำลังสั่นสะท้าน และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงจ้า

สองผู้คุ้มกันจันทราดำหัวเราะในปฏิกิริยาของฟางซี และดวงตาพวกมันก็สาดประกายด้วยแสงอันเย็นชาขึ้น ราวกับว่าพวกมันกำลังรอคอยให้ฟางซีต่อสู้กลับมา ถึงแม้ว่าพวกมันจะหวาดกลัวต่อบิดาของฟางซี แต่พวกมันก็ได้รับคำสั่งจากเว่ยกงจื่อมา นอกจากนี้พวกมันต้องรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยในที่แห่งนี้ ดังนั้นถ้าฟางซีกระทำการด้วยความวู่วาม ผู้หนุนหลังของพวกมันก็จะคอยเป็นเกราะป้องกันให้จากเหตุการณ์ที่ตามมา

ฟางซีตกอยู่ในโทสะ มันต้องการจะกวาดทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง และต่อสู้กลับไป แต่เมื่อมันคิดไปว่าบิดามักจะถอนหายใจเกี่ยวกับการตกต่ำลงของกลุ่มสายโลหิตหลัก ฟางซีซึ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้มแข็งนัก และจริงๆ แล้วมันมักจะเป็นคนที่อ่อนโยน ไม่ต้องการที่จะทำให้บิดามีปัญหามากไปกว่านี้อีก มันจึงได้ก้าวเดินไปทางด้านหลังด้วยความขมขื่น

ขณะที่เดินไปทางด้านหลัง ความเศร้าเสียใจก็มองเห็นได้จากภายในแววตาของมัน

ในตอนนี้เองที่ผู้คุ้มกันจันทราดำอีกสิบกว่าคนจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น กลุ่มฝูงชนก้าวถอยไปทางด้านหลัง สร้างเป็นเส้นทางที่กว้างใหญ่ให้กับพวกมัน ผู้คุ้มกันจันทราดำจ้องมองไปยังฟางซีด้วยดวงตาที่เย็นชา

ฟางซีก้มหน้าลง และล่าถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง หนึ่งร้อยจ้าง ห้าร้อยจ้าง ในที่สุดมันก็แทบจะออกไปจากกลุ่มฝูงชนทั้งหมด อยู่ห่างจากทะเลสาบจันทร์เจิดจ้าหนึ่งพันจ้าง ผู้คุ้มกันจันทราดำจ้องมองไปยังฟางซีอย่างเหยียดหยัน ซึ่งตอนนี้เหมือนกับถูกบดขยี้จนมีบาดแผลไปทั่วร่าง

“ถอยไปอีกก้าว!” ผู้คุ้มกันจันทราดำที่เข้าไปใกล้ฟางซีกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา ในตอนนี้ คนทั้งสองอยู่ห่างกันเก้าสิบเก้าจ้าง

ไม่มีเสียงอะไรได้ยินมานอกจากความเงียบกริบ สมาชิกของตระกูลฟางมากมายแอบถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่พูดอะไร สายโลหิตหลักของตระกูลฟางอยู่ในช่วงตกต่ำ และสายโลหิตของฟางเว่ยก็ขึ้นมาแทนที่ นี่คือสถานการณ์ในตอนนี้

ฟางซีหัวเราะอย่างขมขื่น ขณะที่มันตระหนักว่าไม่อาจจะอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป มันกำลังจะหันหลังและจากไป แต่ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาจากทางด้านหลัง และตบลงไปที่แผ่นหลังมันเบาๆ ขัดขวางไม่ให้มันก้าวเดินไปเป็นก้าวสุดท้าย

ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงอันเยือกเย็นก็ได้ยินมาจากทางด้านหลังของมัน

“เกิดอะไรขึ้น ฟางซี?”

เมื่อฟางซีได้ยินเสียงนั้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง มันหันหลังกลับไป มองเห็นเมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่ด้านหลังของมัน โดยไม่รู้ว่าเขาได้มาปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เกาะอยู่บนไหล่ของเมิ่งฮ่าวเป็นนกแก้ว ซึ่งกำลังขยิบตาให้กับฟางซี

เมิ่งฮ่าวปรากฏกายขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียงแม้แต่น้อยนิด แม้แต่กลุ่มคนในตระกูลที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะสังเกตเห็นได้ สิ่งที่พวกมันเห็นทั้งหมดก็คือ จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ไปยืนอยู่ที่นั่น อยู่ที่ด้านหลังของฟางซี

ผู้คุ้มกันจันทราดำสิบกว่าคนมองมาด้วยประกายตาที่ดุร้าย พวกมันต่างก็ตกตะลึง เพราะว่าแม้แต่พวกมันก็ยังไม่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวได้มาปรากฏกายขึ้นที่นั่น เขาได้แสดงตัวขึ้นในชั่วพริบตาอย่างแท้จริง

ภาพที่เขาปรากฏกายขึ้นนี้ ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขึ้นมาในท่ามกลางกลุ่มคนตระกูลฟางในทันที

“มันคือฟางฮ่าว!”

“ช่างเป็นการมาถึงที่แปลกอะไรเช่นนี้! มันไม่ได้สร้างระลอกคลื่นใดๆ ขึ้นมาแม้แต่น้อย!” ผู้คนมากมายรู้สึกว่าจิตใจพวกมันกำลังเริ่มเต้นรัว เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า และทำให้ระฆังของตระกูลฟางดังก้องขึ้น ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวคือคนที่สมาชิกของตระกูลมากมายต่างก็ครุ่นคิดอยู่ลึกๆ ในใจ

“เกอ…(พี่ชาย)” ฟางซีกล่าวขึ้น มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ เป็นท่าทางที่ปรากฏขึ้นเมื่อญาติสนิทได้ปรากฏตัวออกมา ในขณะที่ตนเองกำลังถูกรังแก

เมิ่งฮ่าวยิ้มน้อยๆ ออกมา จากนั้นก็ตบไปที่ไหล่ของฟางซี แต่ภายในจิตใจของเมิ่งฮ่าว ความเย็นเยียบราวน้ำแข็งได้พุ่งสูงขึ้นมาอย่างเหลือล้น ก่อนหน้านี้เขาได้อยู่ในที่ห่างไกล มองดูฟางซีกำลังถูกผลักให้ถอยหลังออกไป โดยผู้คุ้มกันจันทราดำที่ชั่วร้ายเหล่านี้

“ฟางซี ตามข้ามา มาดูกันว่าใครจะมาขวางทางข้า” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าไปอยู่ที่ด้านหน้าฟางซี และเริ่มเดินตรงไป ฟางซีสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เริ่มเดินตามเมิ่งฮ่าวไป

ผู้คุ้มกันจันทราดำสิบกว่าคน มองมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินตรงไป เมื่อเขาเดินไปห่างจากพวกมันประมาณสิบจ้าง สองผู้คุ้มกันจันทราดำก็แค่นเสียงขึ้น และจากนั้นก็เข้ามาใกล้เขา

“เจ้าเข้ามาได้” หนึ่งในสองกล่าวขึ้น “แต่ฟางซีได้รบกวนความสงบในที่แห่งนี้ ถ้ามันกล้าก้าวเท้าเข้าไปภายในรัศมีหนึ่งร้อยจ้างของพวกข้า มันก็จะถูกลงโทษ!” ในชั่วพริบตา สองผู้คุ้มกันจันทราดำก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

คำพูดของพวกมันยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ ขณะที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้น และผลักออกไปที่เบื้องหน้า เสียงกระหึ่มได้ยินมา ขณะที่สายลมอันรุนแรงได้ก่อตัวขึ้น มังกรปีกวารีที่ไร้ตัวตนปรากฏขึ้นมาในทันที ส่งเสียงคำรามที่ไร้เสียงออกมา ขณะที่พุ่งตรงไปยังสองผู้คุ้มกันจันทราดำ ในชั่วพริบตามังกรปีกวารีที่ไร้ตัวตนก็ไปอยู่ที่ด้านบนของพวกมัน สีหน้าของคนทั้งสองเปลี่ยนไป และต่อสู้กลับมาด้วยพลังทั้งหมดที่พวกมันสามารถจะรวบรวมขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม โลหิตได้พ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน ขณะที่ร่างลอยละลิ่วปลิวออกไปที่ด้านข้าง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ ส่งผลให้กลุ่มฝูงชนตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย สามารถกล่าวได้ว่า ถึงแม้คุ้มกันจันทราดำจะมีเป้าหมายอยู่ที่ฟางซี แต่พวกมันก็แค่ทำให้ฟางซีต้องอยู่ห่างออกไปเท่านั้น พวกมันไม่ได้โจมตีหรือทำให้ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับกัน เมิ่งฮ่าวโจมตีด้วยพลังที่รุนแรง ทำให้สองผู้คุ้มกันจันทราดำได้รับบาดเจ็บในทันที

ฟางซีเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นในทันที แต่สีหน้าเมิ่งฮ่าวยังคงเย็นชาเหมือนเช่นเคย ขณะที่ก้าวเดินไป ผู้คุ้มกันจันทราดำที่เหลืออยู่สิบกว่าคน เริ่มมุ่งหน้าตรงมาที่เขา

“เจ้ามารบกวนความสงบ และยังกล้ามาทำร้ายผู้คน! ฟางฮ่าว ไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาหนุนหลังอยู่หรือไม่ เจ้าจะต้องพบกับการลงโทษของตระกูลในวันนี้!”

ผู้คุ้มกันจันทราดำสิบกว่าคนพุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าว เมื่อพวกมันอยู่ห่างออกไปเพียงแค่สิบกว่าจ้างเท่านั้น ลำแสงอันเจิดจ้าจู่ๆ ก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเมิ่งฮ่าว และเขาก็กล่าวขึ้น

“ไสหัวไป!”

คำพูดนี้ดังก้องออกไปราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่า ดังกระหึ่มไปทั่วในบริเวณนั้น แม้แต่ผู้ถูกเลือกที่อยู่ในศาลารุ่งบูรพาต่างก็ได้ยินและจ้องมองมา

ผู้คุ้มกันจันทราดำที่อยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว รู้สึกราวกับว่ามีภูเขาขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น กำลังบดขยี้ลงมายังร่างพวกมัน โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และเสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในหู ทันใดนั้นพวกมันรู้สึกราวกับว่าพื้นฐานฝึกตนเริ่มไม่คงที่ ไม่สำคัญว่าพวกมันจะอยู่ในอาณาจักรเซียนหรือไม่ พวกมันเริ่มสั่นสะท้านขณะที่สายลมอันน่ากลัวม้วนกวาดไปยังพวกมัน ส่งร่างที่กำลังสั่นสะท้านของพวกมันให้ลอยออกไปทางด้านหลัง คำพูดเพียงประโยคเดียวของเมิ่งฮ่าว ทำให้จิตใจพวกมันหมุนคว้าง และทำให้ร่างพวกมันต้องลอยปลิวออกไป

สมาชิกตระกูลฟางที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

ฟางซีมองไปด้วยสีหน้างุนงง ขณะที่เมิ่งฮ่าวก้าวเดินตรงไปอย่างเยือกเย็น กลุ่มฝูงชนเริ่มแยกออกในทันที สร้างเป็นเส้นทางให้เขาก้าวเดินไปจนถึงทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า!

บนเกาะที่อยู่ตรงกลางของทะเลสาบ ภายในศาลารุ่งบูรพา ฟางเว่ยและคนอื่นๆ รอบๆ ตัวมัน ต่างก็มองเห็นฝูงชนแยกออก ราวกับว่าเทพเซียนบางท่านได้มาปรากฏตัวขึ้น

เมิ่งฮ่าวก้าวเดินไป ด้วยแผ่นหลังที่ตั้งตรง เส้นผมที่ยาวแผ่สยายไปทั่วทั้งหัวไหล่ราวกับเป็นผ้าคลุม สีหน้าเคร่งเครียดและเย็นชา ราวกับว่าชื่อเสียงที่โด่งดังได้ทำให้เขามีกลิ่นอายที่เจิดจ้า จนไม่มีใครสามารถจะเมินเฉยได้

เมื่อผู้ถูกเลือกในศาลามองเห็นว่าเมิ่งฮ่าว กำลังเดินตรงมายังพวกมัน ก็เกิดเป็นสีหน้าที่แตกต่างกันขึ้นอย่างหลากหลาย

ใบหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์แวบขึ้นด้วยความเกลียดชัง ขณะที่นางจ้องมองไปที่เขา

ดวงตาซุนไห่เบิกกว้าง สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และผงะถอยไปทางด้านหลังโดยไม่รู้สึกตัวในทันที

ซ่งหลัวตานและไท่หยางจื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าวในเวลาเดียวกัน และดวงตาพวกมันก็สาดประกายด้วยแสงอันคมกริบขึ้น

จากนั้นก็เป็นฝานตงเอ๋อร์ ซึ่งสายตาได้เปลี่ยนเป็นคมกริบราวกับคมมีด ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะแข็งแกร่งมากไปกว่าความตั้งใจที่นางต้องการจะตัดเฉือนเมิ่งฮ่าวออกเป็นชิ้นๆ ได้อีกแล้ว นางเริ่มหอบหายใจออกมา และทันใดนั้นก็เริ่มไม่อาจจะควบคุมสีหน้าได้เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

“เมิ่งฮ่าว…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!