Skip to content

King of Gods 113

King Of Gods

บทที่ 113 : ท้าประลองว่าที่ศิษย์สายใน

งานทั้งหมดได้ถูกมอบหมายแล้ว บางคนมีความสุขกับงานที่ตนได้รับ ขณะที่ที่เหลือนั้นรู้สึกเศร้า

มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับงานที่ดี แต่ที่เหลือนั้นไร้ซึ่งทางเลือกเพราะพวกเขาเป็นเพียงศิษย์สายนอกและเด็กใหม่ อยู่ในจุดต่ำสุดของสำนัก

ผู้ที่โชคร้ายที่สุดคือหยางชิงชั่นและหนานกงฟั่นซึ่งได้รับงานที่ไม่ดี และมีจำนวนมาก ดังนั้นแล้วพวกเขาย่อมมีเวลาในการฝึกตนไม่มาก

หลังจากเอ่ยประกาศหน้าที่แล้ว รองผู้คุมกฎก็ปิดสมุดในมือก่อนทำท่าจะจากไป

เอ๋?

จ้าวเฟิงนิ่งอึ้ง เหตุใดทุกคนจึงมีหน้าที่ยกเว้นเขา?

เซี่ยวซุน อวิ๋นเมิงเซียง หยางชิงชั่น และหนานกงฟั่นต่างมีหน้าที่ แม้ว่าจะดีบ้างแย่บ้าง แต่รองผู้คุมกฎกลับไม่ได้เอ่ยถึงเด็กหนุ่ม

“ช้าก่อน ท่านรองผู้คุมกฎ!” จ้าวเฟิงเอ่ยเรียก

“อันใดกัน? ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ประกาศหน้าที่ งานของพวกเจ้านั้นถูกส่งมาโดยผู้อื่น”

ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรองผู้คุมกฎขณะที่เขามองไปยังจ้าวเฟิง

สายลมพลันหยุดพัด แรงกดดันอันไม่อาจทานทนได้ปรากฏขึ้นพร้อมกับที่ลมหายใจของเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่ถี่กระชั้นขึ้น พวกเขาตระหนักขึ้นในที่สุดว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาในตอนนี้คือรองผู้คุมกฎ

มีคนจำนวนมากมองไปยังจ้าวเฟิงด้วยความพึงพอใจ หลิวเยว่เอ๋อร์คือหนึ่งในนั้น ทว่านางก็ยังคงเหงื่อตกให้อีกฝ่ายอยู่ดี

“ข้าบังอาจถามท่านรองผู้คุมกฎหวังได้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงไม่มีหน้าที่?”

ท่าทางของเด็กหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความเคารพและความระมัดระวัง เขารู้อย่างชัดเจนว่าบุรุษเบื้องหน้าเขาผู้นี้แข็งแกร่งกว่าเจ้าเมืองกว่านจวินหลายเท่าตัวนัก

ในฐานะของรองผู้คุมกฎ พลังฝึกตนของเขานั้นย่อมอยู่ที่อย่างน้อยนภาที่ห้าแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ กระทั่งศิษย์สายในยังไม่กล้าสร้างความขุ่นข้องกับอีกฝ่าย

คำกล่าวของจ้าวเฟิงทำให้เด็กหนุ่มสาวผู้อื่นรู้สึกเคลือบแคลง เหตุใดทุกคนยกเว้นจ้าวเฟิงจึงได้รับหน้าที่กัน?

“เจ้าชื่ออะไร?” สีหน้าของรองผู้คุมกฎหวังไร้อารมณ์

“จ้าวเฟิงขอรับ”

เด็กหนุ่มนั้นอ่อนน้อมและมั่นใจ เขานั้นเพียงเพิ่งเขาร่วมสำนักและไม่มีปัญหาใดๆ ดังนั้นแล้วรองผู้คุมกฎย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้

“เจ้าคือจ้าวเฟิง?”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรองผู้คุมกฎขณะที่เขามองไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาใหม่

ความกดดันก่อนหน้าพลันสลายหายไป ผู้ที่สามารถทำความเข้าใจได้ดีตระหนักว่าสีหน้าของรองผู้คุมกฎนั้นเป็นมิตรขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเด็กหนุ่มนั้นสำคัญ

“ขอรับ”

จ้าวเฟิงเอ่ยตอบ เด็กหนุ่มไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักเขา

“แค่ก แค่ก เป็นเพราะเหตุผลพิเศษบางอย่าง ทำให้หน้าที่ของเจ้ายังไม่ถูกตัดสิน”

รองผู้คุมกฎหวังฝืนยิ้มออกมา

อันใดกัน!?

เหล่าเด็กใหม่ต่างตื่นตะลึง เหตุใดรองผู้คุมกฎหวังจึงได้ดูเคารพอีกฝ่ายเช่นนั้น?

มันย่อมมีบางสิ่งเกิดขึ้นจนทำให้ทุกอย่างไม่อาจกระทำเช่นปกติได้อย่างแน่นอน

ดวงตาของจ้าวเฟิงส่องประกายระริก ทว่ารองผู้คุมกฎไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพิ่มก่อนจะจากไป

ในฐานะของรองผู้คุมกฎนั้น เขามีตำแหน่งสูงและถูกสั่งให้ประกาศเพียงแค่หน้าที่ ไม่ใช่รายละเอียด

เซี่ยวซุนและองค์หญิงอวิ๋นเมิงเซียวต่างสำรวจจ้าวเฟิงด้วยสายตาใหม่

ความสามารถของจ้าวเฟิงในบททดสอบที่สองนั้นทำให้พวกเขาประหลาดใจ แต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเมื่อพรสวรรค์ของเขานั้นเพียงแค่งั้นงั้น บัดนี้มีเพียงจ้าวเฟิงที่ไม่ได้รับหน้าที่

หลิวเยว่เอ๋อร์นั้นรู้สึกเคืองเล็กๆ คราแรกนางนั้นต้องการเห็นเด็กหนุ่มเสียหน้า แต่ว่าอีกฝ่ายกลับได้รับการปฏิบัติด้วยเป็นพิเศษแทน

กระทั่งหนานกงฟั่นและหยางชิงชั่นก็รู้สึกสงสัย

จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

ศิษย์ทั้งยี่สิบเอ็ดคนนอกจากจ้าวเฟิงต่างมีหน้าที่ของตน ในวันเดียวกัน หยางชิงชั่นและหนานกงฟั่นได้ออกไปทำหน้าที่ของพวกเขา

“บัดซบ! ข้าอยู่ที่เดียวกับไอ้เวรเฉินเฟิงนั่น หน้าที่ของมันง่ายกว่าข้ามาก…” สีหน้าของหนานกงฟั่นเขียวคล้ำ

“ที่ที่ข้าอยู่อยู่ใต้การควบคุมของอี้เฟิงอวิ๋น และงานของข้าคืองานที่ยากที่สุด”

สีหน้าของหยางชิงชั่นก็น่าเกลียดเช่นกัร

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของจ้าวเฟิงก็แปรเปลี่ยนไป

เฉินเฟิง อี้เฟิงอวิ๋น นั่นหมายความว่ายังเหลือโฮวหยวน! ทั้งสามนั้นอยู่ฝั่งของกวานเฉิน

ในวันเดียวกันนั้น หนานกงฟั่นและหยางชิงชั่นต่างไปยังสถานที่ที่หน้าที่ถูกได้รับมอบหมายมาเพื่อทำงาน

จากสายตาของผู้อื่น มันเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมสำนัก แต่ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าศิษย์สายนอกนั้นเป็นเพียงจุดต่ำสุดของจุดต่ำสุด พวกเขานั้นไม่แม้แต่จะได้รับทรัพยากรจำนวนมาก สิ่งที่พวกเขาทำมีเพียงการช่วยเหลืองานในสำนัก

จ้าวเฟิงพลันจำถึงสิ่งที่เจ้าเมืองกว่านจวินได้เอ่ยไว้ขึ้น

“หลังจากเข้าร่วมสำนัก เป้าหมายแรกของเจ้าคือการกลายเป็นศิษย์สายใน เพราะศิษย์สายนอกนั้นไม่แม้แต่จะมีความสำคัญ หากศิษย์สายนอกหนึ่งหรือสองคนตาย สำนักนั้นไม่แม้แต่จะใส่ใจ”

“มีเพียงศิษย์สายในที่จะถูกปกป้องและเลี้ยงดูโดยสำนัก ในตอนนั้น ไฮ่หยุนจะทำอันตรายเจ้าได้ยากขึ้น”

ศิษย์สายนอกนั้นคล้ายเพียงมดปลวก หากบางส่วนตายไป เหล่าระดับสูงของสำนักย่อมไม่ใส่ใจ มีเพียงการเข้าเป็นศิษย์สายในเท่านั้นที่คนผู้นั้นจะนับได้ว่าเข้าสู่สำนักอย่างแท้จริง

เพราะว่าเขานั้นไม่มีหน้าที่ จ้าวเฟิงจึงตัดสินใจไปดูการทำงานของศิษย์พี่ทั้งสอง

หยางชิงชั่นทำหน้าที่รดน้ำ ใส่ปุ๋ย และลำเลียงอุจจาระผ่านพื้นที่เพาะปลูก เป็นงานที่ทั้งเหนื่อยล้าและสกปรก

ผู้ที่ได้รับหน้าที่เดียวกับเขามีงานที่ง่ายกว่ามาก

“ไอ้เด็กใหม่ เร็วกว่านี้ ถ้าเจ้าทำไม่เสร็จก่อนค่ำ ค่าตอบแทนจะถูกหัก” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นจากบ้านใกล้ๆ

จ้าวเฟิงเหลือบตาไปยังต้นเสียงก่อนจะพบว่าอี้เฟิงอวิ๋นกำลังผลักหยางชิงชั่นอยู่ หยางชิงชั่นนั้นรู้สึกโกรธเคืองแต่ทำได้เพียงอดทน

ตัวอย่างเช่น จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ต่างได้รับผลึกเริ่มต้นจำลองหนึ่งอันทุกๆ เดือน และจะได้รับยาที่แตกต่างกันออกไป

ผลึกเริ่มต้นนั้นถูกกล่าวว่าได้ถูกสรรค์สร้างขึ้นจากสวรรค์และผืนปฐพี พวกมันมีพลังที่ช่วยในการฝึกตนอย่างมาก

ผลึกเริ่มต้นที่แท้จริงนั้นสร้างโชคลาภและช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกตนของคนผู้หนึ่งอย่างมาก ผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณกระทั่งต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน

พวกมันถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ ต่ำ กลาง สูง และสุดยอด แต่ในฐานะของศิษย์สายนอก พวกเขาย่อมไม่มีสิทธิที่จะได้รับผลึกเริ่มต้นที่แท้จริงเหล่านี้ หรือไม่เช่นนั้นพวกเขาคงเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณแล้วหลังจากใช้พวกมัน

แต่แม้กระนั้น ผลึกเริ่มต้นจำลองนั้นเหนือกว่าทรัพยากรในโลกมนุษย์มาก ยาที่ให้โดยสำนักก็เทียบได้กับ ‘ยาเทพ’ ภายนอก ทรัพยากรที่ระดับต่ำที่สุดยังกระทั่งเหนือกว่า ‘ยาหลอมกระดูก’ ที่จ้าวเฟิงเคยใช้ก่อนหน้า

หยางชิงชั่นนั้นหงุดหงิดอย่างมาก แต่เขาไม่กล้าที่จะระเบิดออกไป

อย่างแรก อี้เฟิงอวิ๋นนั้นทำหน้าที่ดูแลที่นี่ หากเขาลั่นวาจาด่าอีกฝ่าย อี้เฟิงอวิ๋นสามารถลงโทษเขาได้ อย่างที่สอง มันสร้างความเจ็บปวดให้กับเด็กหนุ่มอย่างมากหากค่าตอบแทนของเขาถูกหัก

จนกระทั่งบัดนี้ หยางชิงชั่นไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงก็รู้สึกอยากช่วยเหลือ

“หยุดอยู่ตรงนั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถทำงานแทนเขาได้!”

อี้เฟิงอวิ๋นเดินไปด้วยท่าทางเข้มงวด

“มันไม่มีกฎเช่นนั้น! ความจริงแล้วหากพวกเขากำลังยุ่ง พวกเขากระทั่งสามารถขอกลับและให้ผู้อื่นทำแทนยังได้ ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์พี่อี้จะอยู่ที่นี่ทุกวันโดยไม่ฝึกตน”

จ้าวเฟิงมีท่าทีสงบเยือกเย็นขณะที่เอ่ยเหตุผล

“ไสหัวไป! ข้าทำหน้าที่ดูแลที่นี่ ไม่มีผู้ใดสามารถยุ่งเกี่ยวได้!” อี้เฟิงอวิ๋นเอ่ยอย่างหมดความอดทน

เขาไม่ฟังเหตุผลแม้แต่น้อย!

ความมีเหตุผล คนผู้หนึ่งต้องมีคุณสมบัติให้เขามีเหตุผลด้วย ในสายตาของเขา จ้าวเฟิงและเด็กใหม่ที่เหลือนั้นเป็นเพียงของเล่นในมือเขาเท่านั้น

“ข้าเข้าใจว่าเจ้าพยายามจะทำสิ่งใด แต่เจ้าควรไป”

หยางชิงชั่นพยายามบอกให้เด็กหนุ่มจากไป

“อี้เฟิงอวิ๋น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นหนึ่งในยี่สิบว่าที่ศิษย์สายใน”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของจ้าวเฟิง

“ถูกแล้ว เจ้าต้องการอันใด?”

สีหน้าของอี้เฟิงอวิ๋นนั้นเย่อหยิ่งจองหอง ในฐานะของว่าที่ศิษย์สายใน เขาได้รับการดูแลที่ดีกว่าศิษย์สายนอกทั้งหมด

จากมุมมองหนึ่ง พวกเขานั้นนับว่าเป็นศิษย์สายในแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงการเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณ เมื่อนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นศิษย์สายในในทันที

“ตามกฎของสำนัก ข้าสามารถท้าประลองเจ้าได้ หากข้าชนะ ข้าสามารถแทนที่เจ้าในฐานะของว่าที่ศิษย์สายใน”

ความต้องการต่อสู้แพร่กระจายออกจากร่างของจ้าวเฟิง

ท้าประลอง!

ท้าประลองว่าที่ศิษย์สายใน!

การโต้เถียงนี้ดึงดูดความสนใจจากศิษย์สายนอกบางคนใกล้ๆ ไว้

“ศิษย์น้องจ้าว อย่าได้เร่งร้อนนัก”

สีหน้าของหยางชิงชั่นแปรเปลี่ยนไป

ว่าที่ศิษย์สายในทั้งยี่สิบนั้นเป็นยอดฝีมือในบรรดาศิษย์สายนอก พลังฝึกตนของพวกเขานั้นได้เข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณทั้งหมด และในฐานะของลำดับที่สิบสาม อี้เฟิงอวิ๋นย่อมแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าองครักษ์หนึ่ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชื่นชมความกล้าของเจ้า! ตามกฎนั้น เจ้าต้องสมัครท้าประลองข้า สามวันหลังจากนั้นเจ้าจึงจะสามารถประลองกับข้าได้ ในเวลาสามวันนั้น ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้กับสหายของเจ้า แต่หากเจ้าล้มเหลว… เขาจะกลายเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่ง!”

อี้เฟิงอวิ๋นหัวเราะเสียงลั่นขณะที่ชี้ไปยังหยางชิงชั่น การกระทำของเขาแสดงให้เห็นว่าจ้าวเฟิงต้องรู้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นตามมาจากการท้าประลองนี้

“ได้! เจอกันในอีกสามวัน”

จ้าวเฟิงกลับไปยังตำหนักหญ้าไพรเพื่อดูว่าหนานกงฟั่นกำลังทำอะไร

หนานกงฟั่นนั้นรับผิดชอบในการขนย้ายขยะ และขยะของตำหนักหญ้าไพรนั้นกองสูงเป็นภูเขา

คนมักจะสร้างยาสิบกว่าเม็ดด้วยวัตถุดิบกองเท่าภูเขา ดังนั้นแล้วมันจึงมีขยะจำนวนมาก

การปรุงยานั้นหมายถึงการรวบรวมแก่นแท้ของสมุนไพรที่แตกต่างกัน และอีก 99% ที่เหลือนั้นคือขยะ

สถานการณ์ของหนานกงฟั่นนั้นไม่ได้ดีไปกว่าหยางชิงชั่น เพราะว่าเขานั้นอยู่กับเฉินเฟิง สิ่งที่เขาเคลื่อนย้ายจึงเป็นสิ่งที่ผู้อื่นไม่อยากทำ เมื่อเห็นจ้าวเฟิงเดินมา ท่าทีของเฉินเฟิงก็หม่นหมองลง ภาพที่เด็กหนุ่มเอาชนะเขาในวันนั้นยังคงประทับอยู่ในความทรงจำ

“เมื่อข้ากลายเป็นว่าที่ศิษย์สายใน พวกมันจะต้องระมัดระวังมากขึ้นหากต้องการที่จะกลั่นแกล้ง”

เมื่อคิดถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงได้เดินจากไปและไปสมัครท้าประลองกับอี้เฟิงอวิ๋นผู้ซึ่งครองอันดับสิบสาม เมื่อยามค่ำคืนร่วงโรยลงมา เหล่าเด็กใหม่ทั้งหมดต่างได้ยินข่าวนี้

การท้าประลองของจ้าวเฟิงได้รับการตอบรับแล้ว!

“ฮี่ฮี่ มันเป็นเวลานานมากแล้วตั้งแต่มีผู้ที่กล้าท้าประลองว่าที่ศิษย์สายใน พวกหน้าใหม่นี่นับว่ามีความกล้าโดยแท้”

หลายคนกำลังรอเฝ้าดูเรื่องตลกครั้งนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!