Skip to content

King of Gods 128

King Of Gods

บทที่ 128 : กวาดล้างว่าที่ศิษย์สายใน (2)

จ้าวเฟิงรู้สึกมีปัญหาในการเผชิญหน้ากับหงซานเล็กๆ และแม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าหงซื่อและเซี่ยวซุน มันก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก

มันเป็นเพราะท่าทางของอีกฝ่าย

อย่างแรก เขายอมรับว่าเขาไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าจ้าวเฟิง!

นั่นหมายความว่าเขาจะไม่ดูแคลนคู่ต่อสู้ และในทางกลับกัน เขาจะใช้พลัง 200% ของเขาในการสู้กับจ้าวเฟิง

นอกจากนั้น เป้าหมายของชายหนุ่มยังไม่ใช่ชัยชนะ

เป้าหมายเพียงอย่างเดียวของเขาคือการทำให้จ้าวเฟิงใช้พลังออก

เพียงจากสองจุดนี้ หงซานก็แทบจะไร้ช่องว่างแล้ว

แม้ว่าวิชาเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงจะล้ำลึก หงซานกลับไม่ได้จู่โจมอย่างผลีผลาม เขากลับพยายามหาว่าร่างจริงของเด็กหนุ่มอยู่ที่ใดแทน

“ข้าสามารถเอาชนะได้ในหลายสิบกระบวนท่า… แต่ว่า…”

ร่างของจ้าวเฟิงพุ่งวาบไปปรากฏตัวอยู่เบื้อหน้าหงซานอีกครั้ง

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เยือกเย็น เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนวิธีการของเขา แทนที่จะใช้วิชา เขาจะใช้พลังที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิงในการเอาชนะอีกฝ่าย

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจเข้าเล็กๆ ก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของเขาออกมา ในเสี้ยววินาทีนั้น กลิ่นอายของเด็กหนุ่มก็ได้เพิ่มขึ้นอีกครึ่งระดับ สีหน้าของหงซานพลันแปรเปลี่ยนไป

รูม่านตาของโฮวหยวนหดเล็กลงขณะที่มองไปจากเบื้องล่าง คนจำนวนมากนิ่งอึ้ง พวกเขาไม่คิดว่าจ้าวเฟิงจะยังออมมืออยู่

นั่นหมายความว่ายามที่สู้กับเซี่ยวซุนและหงซื่อ เด็กหนุ่มไม่ได้ใช้พลังมากมายอันใดแม้แต่น้อย

“เป็นไปไม่ได้! ปริมาณพลังเขาเขากระทั่งมากกว่าข้า…”

เซี่ยวซุนจ้องไปยังจ้าวเฟิงที่แข็งแกร่งขึ้นทุกๆ วินาทีด้วยใบหน้าซีดขาว

ดรรชนีชี้ดารา!

จ้าวเฟิงใช้ดรรชนีดาราขั้นหลอมรวมออก และแม้ว่าเขาจะไม่ได้หลอมรวมกระบวนท่าวายุทั้งสี่เข้าไปในครานี้ พลังของมันก็ยังคงสร้างความตื่นตะลึงให้ฝูงชนอยู่ดี

ตูม! ตูม! ตูม!

ริ้วแสงสีครามจำนวนมากพุ่งไปยังร่างของหงซานราวกับฝูงปักษา

ใบหน้าของหงซานซีดขาวขณะที่โคจรพลังภายในขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณและปลดปล่อยม่านพลังป้องกันออกมา

เทือกเขาไร้จุดจบ!

ชายหนุ่มอ้าแขนทั้งสองออก กลิ่นอายของเขากลายเป็นมั่นคงและลึกล้ำราวกับภูเขาขณะที่มันปะทะเข้ากับการโจมตีของจ้าวเฟิง

เปรี้ยง!

เสียงระเบิดดังก้องขึ้นพร้อมกับที่เศษหินและฝุ่นผงจะกระเด็นออก

จากภาพนั้น มันเป็นการต่อสู้ของพลังภายใน ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วินาที หงซานก็ส่งเสียงคำรามสั้นๆ ออกมาพร้อมกับถอยหลัง

ในขณะที่ชายหนุ่มใช้พลังอย่างเต็มที่ ช่องว่างได้ปรากฏขึ้นและจ้าวเฟิงได้ฉวยมันไว้

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของจ้าวเฟิง เขาไม่เชื่อว่าคู่ต่อสู้จะไร้ซึ่งช่องว่างในระหว่างทุ่มพลังสุดตัวเช่นนั้น

เมื่อเล่ห์กลไร้ผล พลังที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิงย่อมเป็นทางที่ดีที่สุด และเด็กหนุ่มได้บังคับให้คู่ต่อสู้เปิดช่องว่างขึ้น

ดรรชนีชี้ดารา! กระบวนท่าวายุกรรโชก!

จ้าวเฟิงยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องขณะที่เขายังได้เปรียบ และหลังจากหลอมรวมกระบวนท่าวายุกรรโชกเข้าไป พลังโจมตีของดรรชนีจึงเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

ฟิ้ว! ฟิ้ว ! ฟิ้ว!

ริ้วแสงเหล่านั้นราวกับดาวตกที่ร่วงหล่นลงมา พลังของมันเหนือกว่าขีดจำกัดของขอบเขตแห่งการรวบรวม

เหล่าศิษย์สายนอกที่มองอยู่ต่างจ้องมองด้วยอาการอ้าปากค้าง

ในตอนนี้ พวกเขาต้องยอมรับว่าจ้าวเฟิงนั้นสามารถติดหนึ่งในห้าได้ และมีสิทธิที่จะท้าประลองอันดับสาม

“พรวด!”

หงซานป้องกันได้เพียงไม่กี่กระบวนท่าก่อนจะกระอักเลือดออกคำโต แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างที่สุดที่จะให้จ้าวเฟิงใช้พลังออกมามากๆ เขาก็ยังพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

จากแผนเดิมของเขา เขาต้องถ่วงเวลาและทำให้อีกฝ่ายเสียพลัง ทว่าเขาไม่คาดว่าคู่ต่อสู้นั้นจะใช้หนึ่งในสุดยอดกระบวนท่าและเอาชนะเขาในชั่วระยะเวลาสั้นๆ

“ข้าพยายามที่สุดแล้ว”

หงซานมองไปยังโฮวหยวนด้วยความจนใจ

สีหน้าของโฮวหยวนยังคงสงบนิ่ง

“เจ้าได้บังคับให้หมอนั่นเอาจริงแล้ว ดังนั้นมันก็ควรจะใช้พลังไปบ้างแล้ว”

เหล่าผู้ชมได้บ้าคลั่งไปเมื่อจ้าวเฟิงชนะการประลองที่สาม

วันก่อนหน้านั้น ไม่มีพวกเขาคนใดเลยที่คิดว่าจ้าวเฟิงจะสามารถรับมือคู่ต่อสู้ทั้งสามได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเช่นนี้

จากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะชนะการประลองทั้งสามไปอย่างง่ายดาย ไม่มีการต่อสู้ที่ยากลำบากเลยแม้แต่ครั้ง

หลังจากเอาชนะหงซาน จ้าวเฟิงก็ได้อันดับของเขาแทน

“การประลองที่สี่ จ้าวเฟิง อันดับ 8 vs โฮวหยวน อันดับ 3”

ความคาดหวังแล่นวาบในแววตาของผู้คุมกฎชิว

หลังจากชนะการประลองสามครั้งในรอบเดียว จ้าวเฟิงจะสามารถเอาชนะการประลองสุดท้ายได้อีกหรือไม่?

ทุกคนล้วนรู้ว่าโฮวหยวนคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงในวันนี้

ในฐานะของอันดับสามนั้น โฮวหยวนเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในบรรดาศิษย์สายนอก และเขากระทั่งเคยท้าประลองผู้ฝึกตนที่อยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดปราณมาแล้ว

จากมุมมองหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าขอบเขตแห่งการรวบรวม

“จ้าวเฟิง! เจ้าไม่มีโอกาสใดในการเผชิญหน้ากับข้า!”

ร่างกายใหญ่โตเต็มไปด้วยมัดกล้ามของโฮวหยวนได้สั่นสะท้านเวทีประลอง รอยแตกร้าวคล้ายใยแมงมุมปรากฏขึ้นบนแผ่นหินสีดำสนิท

เพียงแค่ขึ้นไปบนเวที โฮวหยวนก็ได้แสดงความแข็งแกร่งของตนแล้ว

ฟุ่บ!

ชายหนุ่มโยนเสื้อของตนทิ้งไปเผยให้เห็นร่างกายภายใน กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยมานั้นสามารถสร้างความหวาดกลัวให้แก่สัตว์ปีศาจระดับสุดยอดได้

เฮือกกก!

เหล่าศิษย์สายนอกต่างสูดลมหายใจเย็นเยียบ ความตื่นตะลึงปรากฏในแววตา

“กลิ่นอายของเขาใกล้เคียงกับจ้าวสัตว์อสูรนัก”

หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก

เมื่อเทียบกับครึ่งเดือนก่อน ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มนั้นเพิ่มขึ้น ไม่แปลกใจที่เขาได้มาแทนที่อันดับสามคนก่อน

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสามารถเห็นได้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายนั้นเกือบจะเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณแล้ว

ทั้งเขาและโฮวหยวนต่างให้ความสนใจในการฝึกวิชาเสริมกายาเป็นหลัก และเป้าหมายก็ยังเหมือนกัน การเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณด้วยร่างกาย แต่เมื่อเทียบกันแล้ว โฮวหยวนนั้นใกล้เคียงกว่าจ้าวเฟิง

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มนั้นได้เข้าร่วมสำนักก่อนและได้ฝึกฝนมาอย่างยาวนาน

หากเขาสามารถก้าวไปได้อีกครึ่งก้าว เขาจะเป็นศิษย์สายนอกคนแรกที่เข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณด้วยเพียงร่างกายในร้อยปีที่ผ่านมา

ตึก! ตึก!

โฮวหยวนขยับกายเข้าใกล้ร่างของจ้าวเฟิงทีล่ะก้าว

หมัดโลหะทองเล็ก!

หมัดของชายหนุ่มนั้นราวกับขยายใหญ่ขึ้นเมื่อมันปรากฏชั้นทองครอบคลุมมันไว้

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหดลงเล็กน้อยพร้อมกับที่สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

ตูม!

ในวินาทีที่หมัดนั้นถูกชกออก ร่างของโฮวหยวนและหมัดได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม

พลังที่บีบอัดแล้วความเร็วของเขานั้นเหนือกว่าพี่น้องหงอย่างง่ายดาย

เหล่าศิษย์สายนอกที่เฝ้ามองอยู่จับจ้องด้วยความตื่นตะลึง

หมัดของโฮวหยวนนั้นสามารถฆ่าผู้ฝึกตนขั้นเก้าในขอบเขตแห่งการรวบรวมได้ในเสี้ยววินาที!

กำแพงเงินเปิดภูผา!

ในเวลาเสี้ยววินาทีนั้น พลังของจ้าวเฟิงก็ได้ระเบิดออกเช่นกัน

หมัดปะทะหมัด เต็มไปด้วยความดุดันรุนแรง ไม่มีเล่ห์กลหรือวิชาเข้าเกี่ยวก้อง

เหล่าศิษย์สายนอกได้ยินเสียง ‘เปรี้ยง’ ก่อนที่แก้วหูของพวกเขาจะสั่นสะท้านพร้อมกับที่เสียงรอบกายหายไป

ปึก ปึก ปึก

ร่างทั้งสองบนเวทีประลองต่างผงะถอยพร้อมกับทิ้งรอยแตกไว้บนพื้นเวที

จ้าวเฟิงถอยไปเก้าก้าวก่อนจะยืนได้อย่างมั่นคง ในขณะที่โฮวหยวนถอยไปเพียงแปดก้าว

“จ้าวเฟิงไม่ถูกขยี้โดยโฮวหยวน แม้ว่าพวกเขาจะสู้กันตรงๆ…?”

“ไอ้หมอนั่นเองก็มุ่งเน้นไปในการเสริมกายา และเขาสามารถตอบโต้โฮวหยวนได้!”

เสียงพูดคุยดังขึ้นใกล้ๆ

มันเป็นบางสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน

ผู้ที่ตะลึงมากที่สุดก็คือตัวโฮวหยวนเอง เขารู้อย่างชัดแจ้งว่ามันยากเพียงใดในการพัฒนาร่างกาย และมันยากที่จะจินตนาการว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขา ผู้ที่อายุเพียง 14-15 ปี จะสามารถเข้าสู่ระดับนี้ได้

ทุกคนควรจะรู้ว่าเขานั้นอายุ 24-25 ปี แก่กว่าอีกฝ่ายนับสิบปี

หากเขาไม่อาจเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้ก่อนอายุ 30 เขาจะถูกสำนักไล่ออก

“ร่างกายของเขาได้พัฒนาเข้าสู่ระดับสูงกว่าข้าจริงๆ”

สีหน้าของจ้าวเฟิงยังคงเรียบนิ่งราวผืนน้ำพร้อมกับที่พลังของดวงตาซ้ายเปิดออก

วิชากำแพงเงินของเขานั้นได้มุ่งเน้นไปในการเพิ่มพลังและพลังป้องกัน

โฮวหยวนได้ฝึกฝนวิชาเสริมกายาที่ไม่ด้อยไปกว่าวิชากำแพงเงินของเขา และมันเข้าสู่ระดับที่สูงกว่า

“ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะมุ่งเน้นในการพัฒนาร่างกายและฝึกมันจนเข้าขั้นสูง ทว่าวันนี้ เจ้าก็ยังคงต้องแพ้อยู่ดี”

สีหน้าของโฮวหยวนเย็นเยียบขณะที่กล้ามเนื้อบนร่างบีบตัวแน่น

จ้าวเฟิงรับรู้ว่าพลังภายในและวิชาเสริมกายาของโฮวหยวนนั้นต่างหลอมรวมเข้ากับกระดูกของเขาอย่างสมบูรณ์แบบด้วยดวงตาซ้าย

แคร่ก! แคร่ก!

กระดูกของโฮวหยวนส่งเสียงออกมาพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว

หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก เขามีความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังสู้อยู่กับจ้าวสัตว์อสูร

มันยากที่จะจินตนาการว่าวิชาเสริมกายาของอีกฝ่ายนั้นเข้าสู่ระดับใดเพื่อที่จะสามารถหลอมรวมพลังภายในและร่างกายของเขาเข้าด้วยได้อย่างสมบูรณ์ได้

“กายทองสัมฤทธิ์!”

กลิ่นอายของชายหนุ่มพลันพุ่งสูงขึ้นอีกครึ่งระดับพร้อมกับที่ร่างกายของเขาปรากฏสีบรอนซ์ทองออกมา

หลังจากใช้วิชากายทองสัมฤทธิ์แล้ว โฮวหยวนก็มีความสามารถเพียงพอในการท้าทายผู้ฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ

หมัดโลหะทองเล็ก!

หมัดสีทองพุ่งผ่านอากาศตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิง

ความเร็วนั้นสูงนัก หากเป็นสถานการณ์ปกติ จ้าวเฟิงย่อมไม่อาจตอบโต้ได้ทันเวลา ทว่าในตอนนี้ ดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มได้เปิดออกจนถึงขีดสุดและเขาสามารถที่จะป้องกันการโจมตีที่รวดเร็วราวสายฟ้าของอีกฝ่ายได้

เปรี้ยง!

ร่างของจ้าวเฟิงถูกส่งลอยออกไปนับสิบหลา หากไม่เป็นเพราะวิชากำแพงเงินของเขานั้นมีจุดเด่นที่การป้องกัน หมัดนั้นคงทำให้เขากระอักเลือดแล้ว

“ล้มไปซะ…”

โฮวหยวนกดดันจ้าวเฟิงไปยังขอบเวทีประลอง หากเด็กหนุ่มตกจากเวที ก็หมายความว่าเขาแพ้

ฟุ่บ!

ร่างของจ้าวเฟิงถูกทำลายลงด้วยหมัด

โฮวหยวนพลาดในครานี้

กระบวนท่าวายุเคลื่อน! ย่างก้าวหมอกผันแปร!

จ้าวเฟิงหลอมรวมความเข้าใจจากกระบวนท่าวายุเคลื่อนไปยังวิชาเคลื่อนไหวขั้นหลอมรวมของเขา

ในเสี้ยววินาทีนั้น วิชาเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มได้เข้าสู่ขั้นสุดยอดของมัน ความเข้าใจที่ได้รับจากภาพมัจฉามายาได้หลอมรวมเข้ากับมันมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างของจ้าวเฟิงคล้ายคลึงกับมัจฉาในธาราแล้ว

วิชาเคลื่อนไหวนั้นเป็นสิ่งที่ด้อยที่สุดของโฮวหยวนเมื่อเทียบกับจ้าวเฟิง

หลายครั้งที่เขาถูกหลอกโดยอีกฝ่ายและการโจมตีพลาดพลั้ง

ในตอนนี้ ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงได้เปิดออกขณะที่เขาเริ่มสำรวจกายทองสัมฤทธิ์ของคู่ต่อสู้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!