บทที่ 129 : กวาดล้างว่าที่ศิษย์สายนอก (3)
กายทองสัมฤทธิ์
มันคือท่าไม้ตายของโฮวหยวน และเมื่อใช้ออก พลังและพลังป้องกันของเขาจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ จ้าวเฟิงได้ถูกผลักถอยก่อนหน้า และเกือบที่จะบาดเจ็บ
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงได้เปิดดวงตาซ้ายของเขาเพื่อสังเกตช่องว่างกระบวนท่านั้น
ในสภาวะสุดยอดการมองเห็นของเขา แสงสีแดงอมทองปรากฏขึ้นภายในร่างของอีกฝ่าย
“การหลอมรวมอย่างสมบูรณ์ระหว่างวิชาเสริมกายาและพลังภายใน อีกครึ่งก้าวจะเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดปราณด้วยร่างกาย”
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก
ไม่แปลกใจเลยที่มีข่าวลือว่ายอดฝีมือของว่าที่ศิษย์สายในนั้นมีความสามารถเพียงพอใจการท้าทายเหล่าผู้ฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดปราณ วิชาเสริมกายานั้นเป็นการฝึกตนที่เรียบง่ายที่สุดและมันเป็นการเอาชนะเหนืออีกฝ่ายด้วยกำลัง ดังนั้นแล้ว ช่องว่างจองวิชาเสริมกายานั้นจึงค่อนข้างเล็กน้อย
จ้าวเฟิงเปิดดวงตาซ้ายออก ทว่ากลับไม่อาจหาช่องว่างที่ชัดเจนได้
เขาเห็นแก่นแท้ของกายทองสัมฤทธิ์ ทว่าเพราะลักษณะของวิชาเสริมกายาทั้งสองนั้นแตกต่างกัน เขาจึงไม่อาจปรับใช้กับตนเองได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“ไอ้เด็กเหลือขอ! ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าจะทนได้นานเท่าใดกัน!”
น้ำเสียงของโฮวหยวนดังก้องพร้อมกับที่การโจมตีของเขาลดลง ชายหนุ่มพยายามที่จะหาร่างของจ้าวเฟิงให้พบและไม่โจมตีอย่างเร่งร้อน
หลังจากวิชาเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงได้หลอมรวมเข้ากับภาพมัจฉามายา มันก็มีภาพมายาอยู่ทุกที่ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ดังนั้นแล้วเมื่อคู่ต่อสู้เคลื่อนไหวมาก พวกเขาก็จะถูกหลอกได้ง่ายขึ้น
บุคคลที่เยือกเย็นและมีสติจะลดการเคลื่อนไหวของพวกเขาลง ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพของภาพมัจฉามายาลดลง ในเวลาสั้นๆ โฮวหยวนไม่ได้ขยับกาย เขาพยายามที่จะหาร่างจริงของจ้าวเฟิงและไม่อยากที่จะเสียพลังไปโดยเปล่าประโยชน์
หากศัตรูๆ ไม่เคลื่อนไหว เช่นนั้นข้าก็จะทำเอง
ดรรชนีดารา!
จ้าวเฟิงหัวเราะเย็นเยียบและส่งดรรชนีดาราขั้นหลอมรวมของเขาไปยังร่างของโฮวหยวน
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ประกายไฟปรากฏขึ้นจากบริเวณที่การโจมตีปะทะเข้ากับร่างของชายหนุ่ม กระบวนท่าที่แหลมคมนี้ไม่อาจแม้แต่จะทะลวงผ่านพลังป้องกันของเขาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คือการโจมตีของเจ้าหรือ?”
พลังป้องกันน่าสะพรึงอันใดเช่นนี้!
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก พลังป้องกันของกายทองสัมฤทธิ์นั้นกระทั่งเหนือกว่าม่านป้องกันวายุเงินของเขา
หมัดโลหะทองเล็ก!
โฮวหยวนตวาดลั่นพร้อมกับที่เขาส่งหมัดของเขามุ่งตรงไปยังร่างของจ้าวเฟิง
เพียงแค่แรงลมจากหมัดนั้นก็สามารถทำลายผู้ฝึกตนขั้นแปดและเก้าในขอบเขตแห่งการรวบรวมได้แล้ว
ม่านป้องกันวายุเงิน!
จ้าวเฟิงโคจรพลังภายในจนถึงขีดสุดและใช้ทักษะป้องกันของวิชากำแพงเงิน แสงสีเงินบางปรากฏขึ้นบนผิวหนังของเขา
ตูมมม!
หมัดนั้นโจมตีเข้าไปยังเป้าหมาย ม่านป้องกันสีเงินสั่นสะท้านและมีสีมืดหม่นลง จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับว่าภูเขาได้ถล่มลงมาให้เขา และภายใต้แรงกดดันนี้ เคล็ดลมหายใจหวนของเด็กหนุ่มก็ได้ก้าวข้ามขั้นหลอมรวม
แคร่กก!
ภายใต้กระบวนท่าที่สามารถกระทั่งผลักดันผู้ฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดปราณบางคนได้ ม่านป้องกันวายุเงินได้พังลงในที่สุด ทว่าจ้าวเฟิงได้ใช้พลังนั้นในการกระโดดถอยหลังไปนับสิบหลาและใช้ย่างก้าวหมอกผันแปรในการล่าถอย
ปึก! ปึก!
โฮวหยวนเองก็ผงะถอยไปจากแรงระเบิดของม่านป้องกันวายุเงิน สีหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นเคร่งเครียดเป็นครั้งแรก
ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งยามนี้ ความสามารถของจ้าวเฟิงในด้านความเร็ว การเคลื่อนไหว และพลังได้เหนือกว่าที่เขาคาดอีกครั้ง และอีกฝ่ายนั้นสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างเท่าเทียมในระยะเวลาสั้นๆ
ในด้านของการเคลื่อนไหวนั้น ชายหนุ่มต้องยอมรับว่าเขานั้นไม่อาจเทียบกับจ้าวเฟิงได้ จ้าวเฟิงได้ทำความเข้าใจภาพมัจฉามายาและมันดีเป็นพิเศษเมื่อใช้ร่วมกับวิชาเคลื่อนไหว ดังนั้นแล้วย่างก้าวหมอกผันแปรจึงได้ก้าวข้ามขั้นหลอมรวมไป
นอกจากนั้น เคล็ดลมหายใจหวนเองก็ได้ให้พลังภายในที่หนาแน่นและมีปริมาณมากกว่า
หากจ้าวเฟิงต้องการ เขาสามารถยื้อการต่อสู้นี้ออกไป
มันเป็นสิ่งที่โฮวหยวนไม่ต้องการที่จะเห็น ทว่าเป้าหมายของจ้าวเฟิงนั้นไม่ใช่การสู้ให้เสมอ
ดรรชนีดารา! กระบวนท่าวายุกรรโชก!
หมัดโลหะทองเล็ก!
กำแพงเงินเปิดภูผา!
ร่างทั้งสองเข้าปะทะและแยกจากกันครั้งแล้วครั้งเล่า
จ้าวเฟิงคือผู้ที่โจมตี ในขณะที่โฮวหยวนป้องกัน
เหล่าศิษย์สายนอกต่างตื่นตะลึง
“พลังของจ้าวเฟิงผู้นี้เทียบเท่าได้กับโฮวหยวน!”
“หึ! เขาก็แค่พึ่งวิชาเคลื่อนไหวในการตอบโต้โฮวหยวน หากต่อสู้กันตรงๆ จ้าวเฟิงย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโฮวหยวน”
“วิชาเคลื่อนไหวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง ในด้านของความเร็วนั้นเขาสามารถเอาชนะศิษย์สายนอกทุกคนได้”
ไม่ว่าพวกเขาจะเอ่ยอย่างไร ฝูงชนก็ยังคงนิ่งอึ้งไปกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจ้าวเฟิง สายตาของพวกเขาเพ่งมองไปยังสองร่างบนเวทีประลอง
วิชาเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงนั้นลึกล้ำ และทุกครั้ง เหล่าผู้ชมจะถูกหลอก
ในสิบการโจมตี โฮวหยวนสามารถโจมตีร่างที่แท้จริงของจ้าวเฟิงได้เพียงแค่สองสามครั้ง และเขาต้องพึ่งพาดวง
เมื่อทั้งสองปะทะกันไปกว่า 40-50 กระบวนท่า แต่ผลลัพธ์กลับยังไม่ปรากฏ
กระบวนท่าวายุกรรโชก! ฝ่ามือลมลี้ลับ!
จ้าวเฟิงพลันทะยานขึ้นสู่อากาศ รูปแบบการต่อสู้ของเขาพลันแปรเปลี่ยนไป แสงสีครามปรากฏขึ้นจากฝ่ามือของเขาและหมุนวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ มันได้ดึงดูดอากาศรอบด้านเข้าไป
กระบวนท่านั้นดูเชื่องช้า ทว่าความจริงกลับรวดเร็วนัก มันราวกับว่าได้ใช้พลังของธรรมชาติในการตัดผ่าทุกสิ่งในเส้นทางของมัน
“มันคือกระบวนท่านั้น!”
อี้เฟิงอวิ๋นที่มองอยู่ด้านล่างกลั้นหายใจ
กระบวนท่าของจ้าวเฟิงคือกระบวนท่าฝ่ามือลมลี้ลับที่ได้เอาชนะอี้เฟิงอวิ๋นในวันนั้น และบัดนี้กระบวนท่าของเด็กหนุ่มได้แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนราว 1-2 เท่า
เสาโลหะทองนภา!
โฮวหยวนใช้วิชาโจมตีและป้องกันอย่างเคร่งขรึม มือทั้งสองข้างยกขึ้นราวกับจะดันสวรรค์
ท่าไม้ตายทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงใจกลางอากาศ ส่งเสียง ‘เคร้งเคร้ง’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ร่างหนึ่งนั้นอยู่ใจกลางอากาศ ส่วนอีกหนึ่งอยู่บนพื้น ขณะที่กระบวนท่าทั้งสองปะทะกัน พลังงานกราดเกรี้ยวก็ได้ระเบิดพื้นที่ใกล้ๆ และพัดเอาฝุ่นให้ฟุ้งขึ้นครอบคลุมเวทีประลอง
ในหลายลมหายใจต่อมา ร่างทั้งสองก็ได้แยกออกพร้อมด้วยเสียง ‘เปรี้ยง’
ปึก! ปึก! ปึก!
ร่างสีทองร่างหนึ่งส่งเสียง ‘ฮึ่ม’ ขึ้นขณะผงะถอย ขณะที่อีกร่างนั้นพลิกตัวกลางอากาศและพลิ้วกายลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา
ฝุ่นได้ร่วงหล่นลง ร่างทั้งสองปรากฏขึ้นให้เห็น
จ้าวเฟิงนั้นดูปกติเช่นเคย สิ่งที่แตกต่างมีเพียงเสื้อผ้าที่ฉีกขาด
ส่วนโฮวหยวนนั้น บนร่างปรากฏรอยเลือดนับสิบ แต่จากรอยบาดแผลนั้น เขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัส
แต่กระนั้น เหล่าผู้ชมก็ได้สูดลมหายใจเย็นเยียบ
ผู้ใดเล่าจะคิดว่าโฮวหยวนจะยับเยินเพียงนี้?
“บางทีเขาอาจกลายเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งในเร็วๆ นี้” น้ำเสียงใสกระจ่างดังขึ้นจากใกล้ๆ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ร่างของคนหลายคนก็แข็งเกร็ง โดนเฉพาะเหล่าว่าที่ศิษย์สายในเช่นอี้เฟิงอวิ๋นและพี่น้องหงที่มองไปยังบุรุษผู้เอ่ยคำพูดนั้น
ในฝูงชน ปรากฏทางแยกสายหนึ่งขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา
ใบหน้าของคนผู้นี้ธรรมดาและมีสีหน้าเยือกเย็น ทว่าใบหน้านั้นกลับทำให้ศิษย์ผู้อื่นต้องแสดงความเคารพยำเกรง
“หลินฟ่าน อันดับ 1!”
“กระทั่งเขาก็อยู่ที่นี่? ข้าได้ยินมาว่าเขาได้เอาชนะศิษย์สายในในขอบเขตก่อกำเนิดปราณครั้งหนึ่ง”
การปรากฏตัวของหินฟ่านสร้างระลอกความตื่นตะลึง
อันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์สายนอก?
เซี่ยวซุน อวิ๋นเมิงเซียง หยางชิงชั่นและคนอื่นๆ ต่างหันไปมองยังร่างในข่าวลือ
ตั้งแต่ที่พวกเขากลายเป็นศิษย์ของสำนัก พวกเขาได้ยินผู้คนเอ่ยถึงบุรุษนามหลินฟ่านมากกว่าหนึ่งครั้ง
แน่นอนว่าพรสวรรค์ของบุรุษหนุ่มนั้นธรรมดามาก เพียงแค่กายครึ่งจิตวิญญาณ และเขาเข้าร่วมสำนักมาได้อย่างฉิวเฉียด ทว่าคนเช่นเขากลับสามารถนั่งบนบัลลังก์ของศิษย์สายนอกได้ด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก
“หลินฟ่าน เจ้าหมายถึงจ้าวเฟิงหรือ? เขาจะกลายเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่ง?”
“กระทั่งเจ้ายังคิดว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรือ?”
ว่าที่ศิษย์สายในบางคนเอ่ยถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“อยากแรก วิชาเคลื่อนไหวของเขานับว่ายอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาศิษย์สายนอก กระทั่งข้าก็ไม่อาจเทียบได้” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็หยุดไปชั่วครู่
ว่าที่ศิษย์สายในบางส่วนผงกศีรษะอย่างเห็นด้วย
“อย่างที่สอง พลังป้องกันของโฮวหยวนนับว่ายอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาศิษย์สายนอก และบัดนี้จ้าวเฟิงนั้นยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่โฮวหยวนนั้นบาดเจ็บแล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ตาม” หลินฟ่านเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นเมิงเซียงสำรวจศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งผู้นี้ ทว่าไม่ว่าจะมองเช่นไร เขาก็ดูธรรมดาไปเสียทุกอย่าง
หลินฟ่านเอ่ยสรุป
“นั่นหมายความว่าพลังโจมตี ป้องกัน และการเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงนั้นได้เข้าสู่จุดสูงสุด ดังนั้นแล้วพลังโดยรวมของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าโฮวหยวน พลังป้องกันของโฮวหยวนนั้นยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาศิษย์สายนอก หากจ้าวเฟิงเอาชนะเขาได้ เขาย่อมกลายเป็นศิษย์สายนอกอันดับหนึ่งคนใหม่”
ฝูงชนรู้สึกว่าคำพูดนั้นมีเหตุผล อย่างไรก็ตาม ว่าที่ศิษย์สายในอันดับสองนั้นสู้กับโฮวหยวนได้เพียงแค่เสมอเท่านั้น
ในตอนนั้นเองที่สถานการณ์ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
ดรรชนีชี้ดารา! กระบวนท่าเสี้ยววายุ!
จ้าวเฟิงพลันหลอมรวมกระบวนท่าที่สามของกระบวนท่าวายุทั้งสี่ลงไปในการโจมตีของเขา
ความเข้าใจของเขาในกระบวนท่าเสี้ยววายุนั้นเหนือกว่ากระบวนท่าวายุกรรโชก และบัดนี้ ทั้งร่างกายและพลังฝึกตนของจ้าวเฟิงก็มากกว่าแต่ก่อนเช่นกัน
ฟิ้ววว!
พลังภายในแหลมคมได้พุ่งวาบผ่านอากาศ นิ้วของจ้าวเฟิงนั้นราวกับคมดาบที่แทงทะลุเอวของคู่ต่อสู้!
“ได้อย่างไร!?”
ร่างของโฮวหยวนแข็งเกร็งขณะที่เขามองไปยังบาดแผลที่เอวของเขา เขาไม่อาจเชื่อได้ว่าการป้องกันของเขาจะถูกทะลายลงอย่างง่ายดายโดยคู่ต่อสู้เช่นนี้
ฟิ้ววว!
ดรรชนีบางเบาอีกหนึ่งได้พุ่งวาบมายังเบื้องหน้าเขา
ในเสี้ยววินาทีนั้น โฮวหยวนนั้นนิ่งงันไปพร้อมกับที่รอยเลือดได้ปรากฏขึ้นบนลำคอของเขา
ขนทั่วร่างของเขาลุกชัน เหงื่อเย็นเยียบไหลย้อยจากหน้าผาก มันราวกับว่าเขาเกือบจะได้เดินผ่านประตูแห่งความตายแล้ว
พลังของดรรชนีที่สองนั้นได้ถูกจำกัดไว้อย่างชัดเจน หรือมิเช่นนั้นคอของเขาคงหลุดไปแล้ว
“เช่นที่ข้าคิด”
ดวงตาของจ้าวเฟิงส่องประกายระริกขณะที่เขายืนอยู่เบื้องหน้าคู่ต่อสู้
โดยไม่ต้องสงสัย การโจมตีเป้าหมายเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงในบัดนี้คือดรรชนีชี้ดาราที่หลอมรวมกับกระบวนท่าเสี้ยววายุ กระบวนท่าตัดวายุเพลิงของเขานั้นถูกเข้าใจไปเพียงสองถึงสามในสิบส่วนเท่านั้น
เมื่อกระบวนท่าวายุกรรโชกได้หลอมรวมเข้ากับฝ่ามือลมลี้ลับ การโจมตีจะคงอยู่นานขึ้น ทว่ามันไม่ทรงประสิทธิภาพเท่ากระบวนท่าเสี้ยววายุเมื่อต่อกรกับโฮวหยวน
กระบวนท่าเสี้ยววายุนั้นให้ความสนใจในความแหลมคม และมันเป็นการตอบโต้ที่สมบูรณ์แบบสำหรับวิชาเสริมกายาเมื่อจุดแข็งของมันคือการแทงทะลุซึ่งเหมาะสมกับการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่ง
“ข้าแพ้!”
อีกอึดใจต่อมาชายหนุ่มจึงได้ตระหนักว่าเขาแพ้ ทว่าเขาต้องยอมรับความจริง การสู้ต่อไปนั้นไร้ประโยชน์เพราะดรรชนีชี้ดาราที่หลอมรวมเข้ากับกระบวนท่าเสี้ยววายุสามารถทำลายพลังป้องกันที่เขาภาคภูมิใจได้อย่างง่ายดาย