Skip to content

King of Gods 168

King Of Gods

บทที่ 168 : กระเด็นออกไปด้วยการเตะเพียงหนึ่งครั้ง

บนถนนสีทองดำ จ้าวเฟิงได้เผชิญหน้ากับศิษย์หลัก หลู่ฮู่

“ท่านกล้าโจมตีข้าหรือ?” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับเรือนผมที่พลิ้วไหวไปในอากาศ

ด้านข้าง สีหน้าของหลันเสี่ยวหยวนเองก็แปรเปลี่ยนไปเล็กๆ พร้อมกับที่นางเดินไปเคียงข้างเด็กหนุ่ม

ซุนหยวนเฮาไม่ได้ดูมีท่าทีผิดแปลก เด็กชายเริ่มที่จะลนลาน

บรรยากาศได้เคร่งเครียดขึ้น

สีหน้าของหลู่ฮู่พลันแปรเปลี่ยนไปเมื่อเขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีผู้อาวุโสหนึ่งหนุนหลังอยู่ นอกจากนั้น หลันเสี่ยวหยวนเองก็ได้ยืนอยู่ข้างจ้าวเฟิง

หญิงสาวนั้นเป็นศิษย์ของจ้าวสำนัก ทั้งนางยังแข็งแกร่งเทียบเท่าเป่ยโม่ย

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวเฟิงเมื่อเขารู้ว่าหลู่ฮู่นั้นต้องการส่วนแบ่ง ทว่าเขาไม่มีความกล้าที่จะจู่โจม

“ศิษย์พี่จ้าว ข้าจะช่วยท่าน”

รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเยาว์วัยของซุนหยวนเฮา

ในยามนี้ ทั้งหลันเสี่ยวหยวนและซุนหยวนเฮาต่างก็อยู่ฝั่งของจ้าวเฟิง

แม้ว่าฝั่งของเด็กหนุ่มผมครามจะไร้ซึ่งผู้หนุนหลังใดๆ ศิษย์หลักผู้นี้ก็ยังต้องครั้นคราม

“ส่งสร้อยข้อมือช่องว่างมา!”

ใบหน้าของหลู่ฮู่มืดหม่น ทว่าทันใดนั้นเขาก็กัดฟันและทะยานร่างไปยังจ้าวเฟิงและอีกสองคน

เขาจะทำอันใด!?

หัวใจของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวกระตุก เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังคงจู่โจมภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

ช้าก่อน! มีบางสิ่งผิดปกติ!

จ้าวเฟิงพลันจดจำได้ถึงบางอย่างและเหลือบตามองไปยังกระโจม ดวงตาของจิ้งจอกมายาในกรงนั้นได้กลับกลายเป็นสีม่วง รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน…

ดวงตาของหลู่ฮู่นั้นเต็มไปด้วยความโลภและสูญเสียสติของเขาไป เขานั้นกระหายอยากอยู่แต่แรกเริ่ม และเมื่อจิ้งจอกมายาได้ใช้ภาพลวงตากับเขา ความโลภในหัวใจของชายหนุ่มจึงมากขึ้นนับสิบเท่า

“ข้าลืมไอ้จิ้งจอกโง่นั่นไป”

สีหน้าของจ้าวเฟิงกลายเป็นเคร่งเครียดขณะที่เขาตัดสินใจที่จะป้องกันการโจมตีของหลู่ฮู่ก่อน อีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ฝึกตนในนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณและได้เข้าสู่ระดับสูงในด้านของการเสริมกายา

วายุอัสนีทำลายล้าง!

จ้าวเฟิงใช้วิชาเซียนวายุสวรรค์และวิชากำแพงเงินของเขาโดยไร้ซึ่งความลังเล และสามารถทำได้เพียงป้องกันการโจมตีอันบ้าคลั่งของอีกฝ่ายไว้

เคร้ง!

หลังจากรับการโจมตีไปตรงๆ ร่างของเด็กหนุ่มผมครามก็ได้ล่าถอยไปสองสามก้าว การที่ไม่ได้ใช้ดวงตาซ้ายและพลังของสายเลือด เด็กหนุ่มจึงไม่ได้ได้เปรียบ

“ศิษย์พี่จ้าว ส่งสร้อยข้อมือช่องว่างมา!”

น้ำเสียงเย็นเยียบของเด็กผู้หนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง

อันใดกัน!?

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงคลื่นอากาศที่มาจากด้านหลังของเขา สีหน้าของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง คนผู้นั้นคือซุนหยวนเฮา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

หลู่ฮู่หัวเราะอย่างเสียสติในขณะที่เขาโจมตีด้วยความรุนแรงยิ่งขึ้น

บัดนี้ จ้าวเฟิงได้เผชิญหน้ากับการโจมตีทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง

“หยุด!”

หลันเสี่ยวหยวนตวาดขณะที่กลายเป็นเงาพร่าเลือน หยุดยั้งซุนหยวนเฮาไว้

เปรี้ยง!

ซุนหยวนเฮาถูกกดดันให้ล่าถอยโดยหญิงสาวในกระบวนท่าเดียว

จ้าวเฟิงเหงื่อแตกพลั่กอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกโชคดีที่หลันเสี่ยวหยวนไม่ได้รับผลจากจิ้งจอกมายา ทุกคนควรจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของนางนั้นเทียบเท่าได้กับเป่ยโม่ย และหากเขาต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของทั้งสาม เขาก็ทำได้เพียงหนีแม้เขาจะใช้พลังจากสายเลือดของเขาแล้วก็ตาม

ที่ภาพลวงตาของจิ้งจอกมายาสามารถส่งผลต่อซุนหยวนเฮาและหลู่ฮู่ได้นั้นเป็นเพราะทั้งสองล้วนแล้วแต่มีความโลภอยู่ในใจ และมีจิตที่อ่อนแอ ในขณะที่หลันเสี่ยวหยวนนั้นไม่ได้มีความกระหายอยากอันใด

หญิงสาวได้กดดันซุนหยวนเฮาเอาไว้ ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ทว่าจ้าวเฟิงได้เผชิญหน้ากับศิษย์หลักในนภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ และมันนับว่าเป้นความสำเร็จที่มากพอควรกับการที่เด็กหนุ่มยังไม่พ่าย

“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางเดียว…” จ้าวเฟิงคิด

ฟุ่บ!

ร่างของเด็กหนุ่มกลายเป็นเงาเลือนรางและทิ้งภาพติดตาจำนวนมากไว้เบื้องหลัง

ร่างกายของเขานั้นราวกับมัจฉา คล่องแคล่วรวดเร็วขณะที่เขาล่าถอยภายใต้การโจมตีของหลู่ฮู่

ในด้านของพลังฝึกตนและการเสริมกายานั้น ศิษย์หลักผู้นี้เหนือกว่าเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว ทว่าจ้าวเฟิงนั้นเหนือกว่าในด้านของการเคลื่อนไหว

หลู่ฮู่นั้นถูกครอบงำด้วยความกระหายอยากและไม่ได้ตระหนักว่าจ้าวเฟิงนั้นล่าถอยไปทางซุนหยวนเฮาและหลันเสี่ยวหยวน

“ข้าจะจัดการเจ้าก่อน!”

ความเร็วของจ้าวเฟิงพลันเพิ่มสูงขึ้นและหายไปจากระยะโจมตีของหลู่ฮู่

เขาปรากฏขึ้นข้างกายของซุนหยวนเฮาในวินาทีต่อมา เด็กชายนั้นได้ถูกกดดันโดยหลันเสี่ยวหยวนอยู่ก่อนหน้าและไม่อาจตอบโต้การลอบจู่โจมของเด็กหนุ่มได้

ฝ่ามือวายุอัสนี!

จ้าวเฟิงผลักฝ่ามือของเขาออกพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าและเสียงคำรามของสายลม

พรวด!

ซุนหยวนเฮาป้องกันฝ่ามือนั้นได้ ทว่ากลับถูกบังคับให้ล่าถอยไปที่ขอบถนนพร้อมกับกระอักโลหิตคำโต

“ลงไป!”

เด็กหนุ่มผมครามส่งร่างของซุนหยวนเฮาลงไปในนรกด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว

“อ๊ากกกก!”

ซุนหยวนเฮากรีดร้องขณะที่ร่างของเขาร่วงหล่นลงเบื้องล่าง

“ศิษย์น้องจ้าว เจ้าฆ่าเขา…”

ใบหน้าของหลันเสี่ยวหยวนขาวซีดและไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งใด

แผนของจ้าวเฟิงนั้นคือการจัดการซุนหยวนเฮาที่อ่อนแอกว่าก่อน จากนั้นพวกเขาจะสามารถร่วมมือกันสู้กับหลู่ฮู่ได้

“จิตของเขาอ่อนและถูกชักจูงโดยจิ้งจอกมายา ดังนั้นแล้วเราจึงต้องจัดการเขาก่อน”

เด็กหนุ่มไม่ได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ซุนหยวนเฮามีใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์อย่างเด็กๆ ทว่ากลับเจ้าเล่ห์ร้ายกาจนัก

ทางเข้าตำหนักยอดนภา

ผู้อาวุโสทั้งสี่และจ้าวสำนักได้นั่งขัดสมาธิอยู่

วิ้งงง!

ประตูสีเขียวได้พลันส่องสว่างขึ้นพร้อมกับร่างหนึ่งที่กลิ้งออกมา

“อีกคนออกมาแล้ว! เร็วนัก!”

หัวใจของผู้อาวุโสไฮ่หยุนกระตุก ทว่าได้ถอนหายใจออกเมื่อเขาเห็นว่าเป็นผู้ใด

“หยวนเฮา!” ผู้อาวุโสเสวี่ยอุทานขณะที่เขาจับจ้องไปยังใบหน้าขาวซีดของซุนหยวนเฮา

ผู้อาวุโสหนึ่งและคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าควรกระทำเช่นไรต่อไป

ผู้ที่ถูกเตะออกมานั้นคือศิษย์ของผู้อาวุโสเสวี่ย ซุนหยวนเฮาที่มีกายผันแปร

“หยวนเฮา เจ้าออกมารวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสเสวี่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ

“เป็นจ้าวเฟิง! เขาเอาสมบัติทั้งหมดไปคนเดียวและเตะข้าลงไปในนรก”

ใบหน้าของซุนหยวนเฮาแดงก่ำขณะที่เขาเอ่ยอย่างกราดเกรี้ยว เขายังคงได้รับผลกระทบจากจิ้งจอกมายาและยังไม่อาจทำใจให้เยือกเย็นลงได้

“เขากล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร? จ้าวเฟิงผู้นี้กระทั่งจู่โจมผู้อื่นจากสำนักเดียวกัน”

ผู้อาวุโสเสวี่ยฉุนเฉียว

การทดสอบยอดนภานั้นมีขึ้นทุกๆ ห้าปี และศิษย์ทุกคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

พรสวรรค์ของซุนหยวนเฮานั้นยอดเยี่ยม และกระทั่งเยาว์วัยกว่าจ้าวเฟิง หากเขาสำเร็จในการทดสอบนี้ พลังฝึกตนของเขาย่อมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ทว่าความหวังนี้ได้ถูกทำลายลงโดยคนผู้หนึ่งที่มีกายจิตวิญญาณระดับต่ำ

“มีความเข้าใจผิดอันใดหรือไม่?” ผู้อาวุโสหนึ่งเอ่ยอย่างลึกล้ำ

ชายชรารู้ว่าศิษย์ผู้นี้ของเขาอาจดูจองหอง ทว่าเด็กหนุ่มนั้นเยือกเย็นยิ่งนัก

“จ้าวเฟิงผู้นั้นฝึกฝนฝ่ามือวายุอัสนี ซึ่งหมายความว่าเขาไม่ปกติ”

รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสไฮ่หยุน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสเสวี่ย แม่เฒ่าหลิวเยว่ และจ้าวสำนักต่างก็ผงกศีรษะ

“ข้าจะรอหลังจากการทดสอบนี้แล้วสอบสวนเขา ผู้อาวุโสหนึ่ง ข้าจะนำเรื่องนี้ไปยังตำหนักกฎเกณฑ์เพื่อให้มันยุติธรรม”

“ผู้อาวุโสเสวี่ยสูดลมหายใจลึกขณะที่เขากดเปลวเพลิงแห่งความกราดเกรี้ยวในหัวใจของเขาลง หากไม่เป็นเพราะอาจารย์ของอีกฝ่ายนั้นคือผู้อาวุโสหนึ่ง เขาย่อมระเบิดออกมาแล้ว

วิ้งงงง กลุกกก!

บานประตูสีเขียวได้ส่องประกายขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างๆ หนึ่งที่กลิ้งออกมา

เร็วยิ่ง!

ผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งห้าล้วนนิ่งอึ้ง

มันนานเท่าใดกันที่คนก่อนหน้าถูกเตะออกมา?

ผู้อาวุโสเพ่งความสนใจไปยังร่างนั้น ก่อนจะพบว่าเขาคือศิษย์หลัก ‘หลู่ฮู่’

“เกิดอันใดขึ้นในการทดสอบ กระทั่งศิษย์ยังถูกเตะออกมา?”

สีหน้าของจ้าวสำนักและคนอื่นๆ ต่างเคร่งเครียด

“หลู่ฮู่ เหตุใดจึงได้ออกมาเร็วนัก?” จ้าวสำนักจันทร์สลายเอ่ยถาม

พวกเขาต่างคุ้นเคยกับศิษย์ผู้นี้ เมื่อเขานั้นเป็นศิษย์หลักและศิษย์ของผู้คุมกฎอาวุโส

ในสำนัก ผู้คุมกฎอาวุโสนั้นมีอำนาจในระดับเดียวกับจ้าวสำนักและผู้อาวุโสหนึ่ง เพราะคนผู้นี้มีพลังที่จะฆ่าหรือลงโทษ

“เป็นจ้าวเฟิง! เขาต้องการที่จะเก็บสมบัติทั้งหมดไว้คนเดียวและเตะข้าลงไปยังนรก” หลู่ฮู่เอ่ยลอดผ่านฟันที่กัดแน่นของเขา

เขานั้นเหมือนกับซุนหยวนเฮา และยังคงตกอยู่ภายใต้อำนาจของจิ้งจอกมายา

จ้าวเฟิงอีกแล้ว!

ผู้อาวุโสทั้งสี่และจ้าวสำนักล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและโกรธเกรี้ยว

การทดสอบยอดนภานั้นไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของศิษย์ที่ได้เข้าร่วม มันยังได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของสำนัก

และบัดนี้เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวผู้นั้นกลับได้ส่งศิษย์หลักผู้หนึ่งและศิษย์อีกคนที่มีกายผันแปรออกมาในเวลาเพียงครึ่งกาน้ำเดือด

นอกจากนั้นเขายังได้ใช้วิธีการเดียวกัน เตะพวกเขาลงไปในนรก

“จ้าวเฟิงผู้นี้เลวร้ายนัก!”

ผู้อาวุโสคนอื่นต่างมองหน้ากันด้วยความกราดเกรี้ยวในแววตา

“เจ้าถูกจัดการโดยจ้าวเฟิงได้เยี่ยงไร?”

ผู้อาวุโสหนึ่งจับสิ่งน่าเคลือบแคลงบางอย่างได้

“นี่เป็นเพราะ… ศิษย์น้องหลัน!” หลู่ฮู่เอ่ยอย่างโกรธเคือง

“มีอันใดเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหยวน?”

คิ้วของผู้เป็นจ้าวสำนักเลิกสูง ในสายตาของนาง หลันเสี่ยวหยวนนั้นเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย

“ศิษย์น้องหลันช่วยเหลือไอ้เวรจ้าวเฟิงนั่น หรือมิเช่นนั้นศิษย์คงมิพ่าย” หลู่ฮู่กรีดร้องออกมาพร้อมกับหมัดทั้งสองที่กำแน่น

เป็นไปได้เยี่ยงไร!?

สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสี่และจ้าวสำนักแปรเปลี่ยนไป

เป็นความจริงที่ความแข็งแกร่งของหลันเสี่ยวหยวนนั้นเทียบเคียงได้กับเป่ยโม่ย แบะนางนั้นสามารถประมือกับผู้ฝึกตนในนภาที่สี่ได้ หากนางร่วมมือกับจ้าวเฟิง มันย่อมมีโอกาสที่จะจัดการหลู่ฮู่ได้

แต่เหตุใดหลันเสี่ยวหยวนจึงได้ร่วมมือกับจ้าวเฟิง?

“หรือเป็นว่า…?”

จ้าวสำนักพลันจดจำถึงยามที่จ้าวเฟิงยอมแพ้ต่อหญิงสาวตระกูลหลันในการแข่งขันยอดนภาได้ จากนั้นจึงเชื่อมโยงกับสิ่งที่ศิษย์อีกคนของนางเคยเอ่ยไว้

สีหน้าของจ้าวสำนักจันทร์สลายได้ทำให้ผู้อื่นจดจำถึงสิ่งที่เกิดขึ้นยามที่ทั้งสองประลองกันได้

“จ้าวเฟิงผู้นี้กระทั่ง… กระทั่งทำให้ผู้ที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นเสี่ยวหยวน…”

ใบหน้างามล้ำของจ้าวสำนักเย็นเยียบด้วยความโกรธเกรี้ยว

ในครานี้ เหล่าผู้อาวุโสต่างไร้คำพูดไป

ในที่สุด พวกเขาก็ได้ตกลงกัน

“เราต้องลงโทษจ้าวเฟิงผู้นี้!”

บนถนนสีดำทอง

เปรี้ยง!

จ้าวเฟิงส่งร่างของหลู่ฮู่ลอยไปด้วยการเตะหนึ่งครั้งและปาดเหงื่อที่หน้าผากของเขา

“หลู่ฮู่ผู้นี้แข็งแกร่งกว่ามากโดยแท้ ต้องขอบคุณศิษย์พี่หลัน เราจึงสามารถจัดการเขาได้”

“พวกเขา… พวกเขาล้วน…”

ดวงตาของหลันเสี่ยวหยวนแดงก่ำขณะที่นางเริ่มสะอื้นไห้

นางต้องการที่จะช่วยเหลือจ้าวเฟิงก่อนหน้าเพราะอีกฝ่ายนั้นถูกกลั่นแกล้ง ทว่าบัดนี้หลู่ฮู่และซุนหยวนเฮาต่างถูกเตะลงนรก

เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวรู้สึกผิดต่อหลันเสี่ยวหยวนอยู่บ้าง เพราะมันเป็นความผิดของเขาที่หญิงสาวกลายเป็น ‘ผู้ช่วย’ ไป

“มันไม่เป็นอันใด มีมีค่ายกลแปลกประหลาดที่นี่ ดังนั้นเมื่อคนผู้หนึ่งร่วงหล่นลงสู่นรก พวกเขาจะไม่ตายและถูกส่งออกไป” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างมั่นใจ

ด้วยดวงตาซ้ายของเขา เขาสามารถควบคุมรอบข้างของเขาได้

ปึก!

ร่างของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวทะยานขึ้นในอากาศและกลับไปยังกระโจมอีกครั้ง

“เจ้าจะทำอันใด!?”

จิ้งจอกมายากรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวและโกรธเกรี้ยว

“ทำอันใด? ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า”

จ้าวเฟิงเมินเฉยต่อพลังจิตที่โจมตีเข้ามาและได้เตะเท้าของเขาไปเบื้องหน้า

ตูม!

หลังจากซุนหยวนเฮาและหลู่ฮู่ เด็กหนุ่มก็ได้ส่งสัตว์อสูรอีกตัวลงไปในนรก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!