บทที่ 206 : เคล็ดควบคุมจิตใจ
จ้าวเฟิงโคจรพลังแห่งสายเลือดของเขา ใช้ผ้าคลุมเงาหยินเป็นกำบัง หลอมรวมเข้ากับความมืดมิดยามราตรี
ในเวลานี้ เขาได้หลอมรวมสำนึกรู้ที่ได้รับจากมรดกอัสนีเข้าไปยังกระบวนท่าเคลื่อนไหวของเขา ความเร็วของเขาจึงเหนือกว่านภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ
ความเร็ว การล่องหน และการควบคุมภูมิประเทศได้โดยสมบูรณ์ด้วยดวงตาซ้าย ยามเมื่อทั้งสามรวมเข้าด้วยกัน จ้าวเฟิงมีความมั่นใจว่าเขาจะสามารถสลัดเอาผู้ฝึกตนในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณที่บาดเจ็บออกไปได้
ทว่าเด็กหนุ่มกลับพบว่าไม่ว่าเขาจะพยายามหลบซ่อนเพียงใด ร่างในชุดคลุมเบื้องหลังเขากลับสามารถติดตามทันมาได้โดยตลอด เขารู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ ‘เกาะ’ อยู่กับเขา
โครงกระดูกนั่นได้ใช้เคล็ดชั่วร้ายบางอย่างกับเขาซึ่งเด็กหนุ่มรู้สึกอับจนนัก จ้าวเฟิงไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านของพลังจิตมากนัก ทั้งมันยังชัดเจนว่าเขาไม่อาจทำลายวิชาของศัตรูได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“ดูเหมือนว่าการหนีจะเป็นไปไม่ได้…”
จ้าวเฟิงไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็นและรีบวิเคราะห์สถานการณ์ เมื่อครุ่นคิดแล้ว เด็กหนุ่มพลันตระหนักขึ้นได้ว่าเขามีความสามารถเพียงพอในการจัดการร่างในชุดคลุม
อย่างแรก ร่างในชุดคลุมนั้นได้รับบาดเจ็บจากผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก่อนหน้า อย่างที่สอง จ้าวเฟิงมีพลังป้องกันการโจมตีพลังจิตที่แข็งแกร่ง อย่างที่สาม ร่างในชุดคลุมดูไม่เหมือนว่าจะเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดแต่อย่างใด
มีเพียงจ้าวเฟิงที่จะสามารถวิเคราะห์ได้ในสถานการณ์เข้าตาจนเช่นนั้นและได้ตัดสินใจในเวลาเดียวกัน หากเป็นผู้อื่นที่เผชิญหน้ากับร่างในชุดคลุมที่อยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ พวกเขาอาจไม่แม้กระทั่งมีความคิดที่จะต่อต้าน
ไม่ช้า
จ้าวเฟิงมีแผนหนึ่ง เด็กหนุ่มจงใจวิ่งให้เชื่องช้าลง ราวกับเริ่มเหนื่อยอ่อน
จะอย่างไรพลังฝึกตนของเขาเพียงอยู่ในนภาที่สี่ และเขาไม่อาจเคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างต่อเนื่อง
ยามเมื่อร่างในชุดคลุมอยู่ในระยะสิบหลา ผ้าคลุมเบื้องหลังจ้าวเฟิงพลันวูบไหว พร้อมกับที่ร่างหลายร่างได้ปรากฏขึ้น
เปรี้ยะ!
สายฟ้าราวกับพุ่งวาบผ่านอากาศยามที่ความเร็วของเด็กหนุ่มพลันระเบิดออก มุ่งตรงไปยังร่างในชุดคลุมที่มุ่งหน้ามา
อีกฝ่ายได้ไล่ล่าเขามา และเมื่อทั้งสองพุ่งเข้าหากัน ความเร็วของระยะทางที่หดสั้นลงนั้นกระทั่งเหนือกว่าผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ด
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ได้สร้างความประหลาดใจแก่ร่างในชุดคลุม เขามิคิดว่าคู่ต่อสู้จะกระทั่งกล้าตอบโต้ในสถานการณ์เช่นนี้
ครืนนน
จ้าวเฟิงเคลื่อนไหวเข้าใกล้ศัตรูพร้อมกับที่พลังสายเลือดและปราณแท้ของเขาได้ควบรวมกันจนถึงขีดสุด ปรากฏเสียงของสายฟ้าครืนคราง
มันคือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเด็กหนุ่ม กระทั่งผู้ที่อยู่ในนภาที่หกแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณก็อาจได้รับบาดเจ็บหรือตายตกจากมัน
ทว่าร่างในชุดคลุมกลับไม่มีวี่แววของความลนลานใดๆ ในทางกลับกัน ความเยาะเย้ยได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่ดวงตาสีฟ้าของเขาได้กระจายคลื่นพลังจิตออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า การโจมตีทางกายภาพอาจรวดเร็ว ทว่ามันรวดเร็วกว่าพลังจิตหรือ?”
ร่างของจ้าวเฟิงแข็งค้าง ห่างจากร่างในชุดคลุมเพียงหนึ่งหลา
เด็กหนุ่มรู้สึกได้ถึงพลังจิตที่ได้กัดกร่อนความนึกคิดของเขา ยามเมื่อสติของคนผู้หนึ่งวุ่นวาย พวกเขาจะสามารถควบคุมร่างกายได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวขบฟันแน่นและกระตุ้นดวงตาซ้ายของเขาอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านมัน
“หมอนี่มีพลังจิตจำนวนมากในร่างกาย ทั้งยังสามารถต่อต้านพลังจิตโจมตีส่วนมากจากผู้ที่มีระดับขอบเขตต่ำกว่าจิตวิญญาณที่แท้จริงได้”
ร่างในชุดคลุมกระทั่งประหลาดใจมากขึ้น มีเพียงเขาที่รู้ว่าพลังจิตของเขาน่าพรั่นพรึงเพียงใด กระทั่งผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณก็ไม่อาจต่อต้านมันได้
ในการต่อสู้ก่อนหน้า เขากระทั่งสามารถขัดขวางและก่อกวนผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้
“ฮึ่ม! ไอ้เด็กเหลือขอนี่ก็เป็นเพียงใครบางคนที่ได้รับคำอำนวยพรจากสวรรค์ หากมันเดินไปตามเส้นทางแห่งพลังจิต กระทั่งข้า ผู้ที่มีสายเลือดพิเศษ ก็พ่ายแพ้แก่มันได้โดยง่าย”
ความอิจฉาได้ปรากฏขึ้นในหัวใจของร่างในชุดคลุมขณะที่จิตสังหารของเขากลายเป็นเข้มข้นขึ้น อัจฉริยะในด้านพลังจิตเช่นนี้ต้องถูกกำจัด!
ชัดเจนว่าร่างในชุดคลุมได้ตื่นตะลึงไปกับพรสวรรค์ของจ้าวเฟิง พลังจิตที่บริสุทธิ์และมากมายเพียงนั้นหมายความว่าเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวแทบจะมีพลังต่อต้านภาพมายาและพลังจิตทั้งหมด
ไม่ว่าผู้ใดที่ฝึกฝนในเส้นทางของพลังจิตย่อมริษยาและต้องการฆ่าเขา
คนเหล่านี้คือศัตรูคู่แค้นของพวกเขา!
พลังจิตที่มาจากร่างของร่างในชุดคลุมรุนแรงขึ้น
จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับว่าสติความนึกคิดของเขากำลังจะแตกสลายลง ในยามนี้ เขาได้ใช้พลังของดวงตาซ้ายของเขาอย่างดุดันและหลบซ่อนจิตใจของเขาไว้ภายในมิติในดวงตาซ้าย
พลังจิตที่ไหลบ่าจากการโจมตีของร่างในชุดคลุมก็ได้เข้าไปภายในมิติในดวงตาซ้ายเช่นกัน
วิ้งงง!
ประกายแสงสีครามหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่แรงดูดที่ไม่อาจอธิบายได้จะปรากฏขึ้น
“อ๊า! ไม่ดีแล้ว! นั่น…”
ร่างในชุดคลุมหวาดกลัว เขารู้สึกว่าสติรวมทั้งพลังจิตของเขากำลังถูกดึงไป
พลังจิตของเขาเหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว กระทั่งวิญญาณก็เกือบจะถูกดูดออกไป
อ๊ากกกก
ร่างในชุดคลุมพยายามที่จะต่อต้าน ทว่าไม่อาจทำอันใดได้
ในที่สุด เขาก็กัดฟันกรอดและเผชิญหน้าต่อความเป็นไปได้ที่จะถูกพลังสะท้อนกลับ เขาสะบั้นพลังจิตของเขาออกเพื่อที่จะทำลายพลังดูดนั้น
เพียงในยามนั้นที่บางสิ่งที่คาดไม่ถึงได้เกิดขึ้น
ฉึก!
ร่างในชุดคลุมกรีดร้องออกมาเมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ลำคอพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นออก ร่างของเขาร่วงหล่นลงบนพื้นด้วยเสียง ‘ตุบ’ สิ้นชีพ
คอของเขาถูกแทงทะลุ ปรากฏรูเลือดเล็กๆ อยู่ที่นั่น
เมี้ยว เมี้ยว!
แมวขโมยตัวจ้อยวิ่งลงไปยังศพของร่างในชุดคลุมและเผยสีหน้าภูมิใจใส่จ้าวเฟิง
เด็กหนุ่มปาดเหงื่อเย็นเยียบที่ไหลริน เขาไม่คาดว่าแมวตัวน้อยจะโจมตีร่างในชุดคลุมในช่วงเวลาสำคัญเช่นนั้น
แมวขโมยตัวน้อยนั้นคล่องแคล่วและฉลาดกว่าที่เขาคิด
“หืมมม? มันทำอันใด?”
จ้าวเฟิงตระหนักได้ว่าแมวกำลังกวาดของจากร่างนั้นอยู่
ภายใต้หมวกที่ปกคลุมใบหน้านั้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งขาวซีด ไร้ร่องรอยโลหิตใดๆ ทว่ายังคงปรากฏร่องรอยของความไม่เต็มใจและหวาดกลัว
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ แมวขโมยตัวน้อยก็ได้กวาดของมีค่าทั้งหมดออกจากร่างนั้น กระทั่งกางเกงก็เกือบจะถูกถอดออกมา
จ้าวเฟิงยืนอ้าปากค้าง
ผลึกเริ่มต้นจำนวนมากได้ถูกนำไปโดยแมวขโมยและถูกกลืนกินเข้าไปทั้งหมดในครั้งเดียว
จ้าวเฟิงและแมวตัวน้อยได้ทำสัญญากันไว้แล้ว อีกฝ่ายจะไม่กินของในกำไลมิติของเขา ทว่าบัดนี้อีกฝ่ากำลังกินของที่แย่งชิงมาได้ ดังนั้นแล้วเด็กหนุ่มจึงรู้สึกจนใจ
แมวขโมยตัวน้อยเหวี่ยงอุ้งมือทั้งสองของมัน
“ได้ ได้! ห้าสิบ-ห้าสิบ” จ้าวเฟิงเข้าใจในความหมายของมัน
แมวนั่นกระทั่งเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าจิ้งจอกและคนโลภเสียอีก
ไม่ช้า ทั้งสองก็แบ่งของรางวัลกัน มันมีตำราสีเงินเก่าแก่เล่มหนึ่งและวิชาจำนวนมาก
“เคล็ดคุมใจ วิชาพลังจิตแห่งวิหารโบราณ ใช้ในการควบคุมคน ยามเมื่อฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นสูง สามารถควบคุมสิ่งชีวิตบนโลกได้อย่างไร้ขีดจำกัด…”
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าข้อมูลจำนวนมหาศาลได้ไหลเข้าสู่สมองของเขา
เด็กหนุ่มกวาดตาจดจำข้อมูลเหล่านั้นลงในดวงตาซ้ายของเขาโดยไร้ซึ่งความลังเล ทว่าวิชาอื่นๆ นั้นไม่ได้ลึกล้ำเช่นเคล็ดคุมใจ
จ้าวเฟิงยินดีอย่างมาก ในที่สุดเขาก็พบบางอย่างที่เขาสามารถใช้กับพลังจิตของเขาได้
ในเวลานั้น จ้าวเฟิงดูราวกับรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างพุ่งออกจากวิหารโบราณ
ฟุ่บ!
ผ้าคลุมบนแผ่นหลังของเขาทำงาน ร่างของเด็กหนุ่มหลอมรวมเข้ากับค่ำคืนโดยไร้ซึ่งความลังเล
ไม่ช้า
ผู้คุ้มกันศพโลหิต รวมทั้งลูกน้องจำนวนหนึ่งของมันได้มาถึง
“นำศพกลับไป ทิ้งเจ้าเด็กเหลือขอนั่นไว้ให้ข้า”
ผู้คุ้มกันศพโลหิตวิ่งตรงไปยังทิศทางที่จ้าวเฟิงมุ่งตรงไป ทว่าเพราะเขานั้นบาดเจ็บหนัก ทั้งยังไม่คุ้นเคยกับ ‘ตราผี’ นัก เขาจึงคลาดจากร่องรอยของจ้าวเฟิงในเวลาไม่นาน
ภายในห้องโถง
“ท่านจ้าวตำหนัก ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเด็กเหลือขอนั่น เขาคือศิษย์ของสำนักจันทร์สลาย และดูเหมือนจะมีสายเลือดโบราณที่บริสุทธิ์อย่างมาก” ผู้คุ้มกันศพโลหิตเอ่ยอย่างเคารพ
“ไม่เพียงมีสายเลือดโบราณ พรสวรรค์ในพลังจิตนั้นยังเหนือกว่าของอู๋โยวนับสิบเท่า” โครงกระดูกเอ่ยอย่างอ่อนแรง
“มันเป็นไปได้อย่างไร?” ผู้คุ้มกันศพโลหิตอุทานออกไปอย่างไม่เชื่อถือ
อู๋โยวคืออัจฉริยะในรอบร้อยปี
“หาก ‘ตำหนักมืด’ ของเรามีอัจฉริยะเช่นเขา ลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของเราจักไม่รุ่งโรจน์ได้อย่างไร? โชคดีที่ ‘ตราผี’ จะไม่จางหายไปเป็นเวลาอีกสามปี” น้ำเสียงของโครงกระดูกปรากฏความคาดหวังและตื่นเต้น
“ท่านจ้าวตำหนัก เด็กนั่นอาจไม่เข้าร่วมลัทธิอันศักดิ์สิทธิ์ของเราอย่างง่ายดาย ข้าได้เอ่ยเชื้อเชิญเขาเมื่อคราที่แล้ว ทว่ากลับถูกหลอกโดยเขา”
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นคราวที่แล้ว ผู้คุ้มกันศพโลหิตก็รู้สึกโกรธเคือง
“ยามใดที่มีผลประโยชน์เพียงพอ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้”
ประกายแสงสีแดงในเบ้าตาของโครงกระดูกได้ดับมอดลงในที่สุด
“ออกจากที่นี่ในทันทีและมุ่งไปยังแคว้นมังกรโลหะเพื่อพบกับอีกสองตำหนัก สิบสามแคว้นนี้มิใช่สำคัญ”
สามวันต่อมา
ภายในรังนกในป่าเมฆาคล้อย
เมี้ยว เมี้ยว!
แมวขโมยตัวน้อยกระโดดไปรอบๆ พุ่มไม้อย่างมีความสุขขณะที่มันเล่นกับเหรียญเก่าแก่เหรียญหนึ่ง
จ้าวเฟิงเปิดเปลือกตาของเขาออก พลังจิตปรากฏขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไป
หากคนผู้หนึ่งสังเกตมากพอ พวกเขาจะตระหนักได้ว่ากลิ่นอายของเด็กหนุ่มนั้นกระทั่งแปลกประหลาดกว่าเดิม ในเวลาสองสามวันที่ผ่านมา จ้าวเฟิงได้ทำความเข้าใจจากบันทึกและวิชาที่นำมาจากร่างในชุดคลุม
บัดนี้เขานั้นรู้เกี่ยวกับพลังจิตมากขึ้น และมีเพียงบัดนี้ที่เขารู้ว่าแหล่งพลังจิตในดวงตาซ้ายของเขานั้นทรงพลังเพียงใด
ทว่าแม้ว่าแหล่งพลังนั้นจะใหญ่ จ้าวเฟิงกลับสามารถใช้ได้เพียงเล็กน้อยเมื่อส่วนมากถูกผนึกเอาไว้ ในเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสำคัญที่มันจะถูกกระตุ้นขึ้น ทว่าแม้กระนั้น พรสวรรค์ในพลังจิตของเด็กหนุ่มก็ยอดเยี่ยมนัก
ฟุ่บ!
ในยามนั้น ร่างร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง
มันเป็นเวลาเดียวกับที่เหรียญได้หล่นลงในอุ้งเท้าของแมวสีเทาตัวจ้อย
“หืมม?”
จ้าวเฟิงเพ่งสายตา ก่อนจะพบว่าร่างนั้นคือผู้เฒ่าเคราขาว!
หึ!
เด็กหนุ่มพลิ้วกายไปบนต้นไม้เบื้องหน้าชายชรา
“อ๊า! เป็นเจ้า…” ผู้เฒ่าเคราขาวลนลาน
คุกเข่า!
จ้าวเฟิงส่งคำหนึ่งออกไปด้วยพลังจิตของเขา
ในเสี้ยววินาที สายลมใกล้เคียงราวกับแข็งค้าง มีเพียงเรือนผมและผ้าคลุมของเด็กหนุ่มที่พลิ้วไหว
ผู้เฒ่าเคราขาวรู้สึกได้ถึงพลังจิตปริมาณมหาศาลที่ฟาดลงมายังสมองของเขา และพลันสิ้นสติไป
ทุกสิ่งที่ชายชราทำหลังจากนั้นล้วนเป็นไปตามสัญชาตญาณ
“จากนั้น ข้าถาม เจ้าตอบ” จ้าวเฟิงเหลือบตามองและเอ่ยราวกับว่าเขาคือราชันแห่งสรวงสวรรค์
“ขอรับ”
ผู้เฒ่าเคราขาวนั้นเต็มไปด้วยความเคารพนอบน้อมราวกับว่ากำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดิผู้หนึ่ง ในยามนี้ ความรู้สึกนึกคิดของเขาได้ถูกควบคุมโดยจ้าวเฟิง แม้ว่าเขาจะถูกสั่งให้ฆ่าตัวตาย ชายชราย่อมกระทำตามโดยมิบิดพลิ้ว