บทที่ 205 : ภายใน
ดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นกวาดมองบริเวณที่จ้าวเฟิงอยู่ เส้นสายพลังจิตได้แผ่ขยายออกราวกับใยแมงมุม
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าพื้นดินเบื้องล่างของเขาพลันสั่นสะท้านและแตกระแหง กลับกลายเป็นนรก ใจกลางอากาศปรากฏลูกบอลไฟหลายลูกที่มีน้ำหนักหลายตันพุ่งเข้าใส่ พลังทำลายล้างของพวกมันกระทั่งสามารถคุกคามชีวิตของผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้
ต่อหน้าความเป็นตาย แสงสีเขียวครามก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่ม ประแสงในมิตินั้นหมุนวนรวดเร็วขึ้น
เฮือก!
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกก่อนที่ภาพลวงตาเบื้องหน้าจะแตกสลายลง แผ่นหลังชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
ภาพลวงตาของร่างในชุดคลุมนั้นแทบจะทำให้เขาเผลอไผลไป
ทุกคนควรรู้ว่ากระทั่งจิ้งจอกมายาที่มีความโดดเด่นในด้านภาพมายา ก็มิอาจกระทำอันใดต่อจ้าวเฟิงได้
“ไม่! นี่มิใช่เพียงภาพลวงตาธรรมดา มันมีพลังจิตโจมตีอยู่ด้วย หากดวงตาซ้ายของข้าไม่สลายการโจมตีนั่น ข้าคงได้รับบาดเจ็บทางจิตใจไปแล้ว นั่นกระทั่งเลวร้ายกว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกาย…”
จ้าวเฟิงเริ่มที่จะวิเคราะห์การโจมตีของร่างในชุดคลุมก่อนหน้า
คู่ต่อสู้ของเขาใช้พลังจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นยังเกือบจะเทียบเทียมความจริงได้
ในยามนั้น จ้าวเฟิงได้ประเมินความแข็งแกร่งของร่างในชุดคลุมได้อย่างชัดเจน อีกฝ่ายนั้นอยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณเป็นอย่างน้อย ทั้งพลังจิตยังเทียบเท่าได้กับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง
“หรือมีเพียงข้า?”
ร่างในชุดคลุมมีประกายสงสัยอยู่บนใบหน้า เขามั่นใจในสัญชาตญาณของเขาอย่างมาก มันคือความสามารถที่ผู้ฝึกฝนพลังจิตมี
เขาได้ส่งภาพลวงตาไปยังพื้นที่ตรงนั้นก่อนหน้า ทว่ากลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ
กระทั่งผู้ที่อยู่ในนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณยังได้รับบาดเจ็บหากเผชิญหน้ากับการโจมตีของเขา
“ร่างในชุดคลุมนั่นไม่อาจมองเห็นข้าได้” จ้าวเฟิงพ่นลมหายใจออก
ผ้าคลุมเงาหยินนั้นเป็นสมบัติระดับมรดกโดยมิต้องสงสัย ในยามค่ำคืน ความสามารถในการหายตัวของมันมากขึ้นสองเท่า ทั้งยังทำให้ร่างของเขาสามารถหลอมรวมเข้ากับความมืดมิดได้โดยสมบูรณ์
นอกจากนั้น เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวยังเพียงเพิ่งใช้พลังแห่งสายเลือดของเขาก่อนหน้า และได้ใช้ความสามารถในการหายตัวจนถึงขีดสุด
เมี้ยว เมี้ยว!
ในช่วงเวลาสำคัญนั้น แมวสีเทาตัวจ้อยก็ได้กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้
อันใดกัน!?
หัวใจของจ้าวเฟิงหยุดเต้นไปชั่วครู่ก่อนจะสบถสาปแช่งอยู่ในใจ เจ้าแมวขโมยตัวจ้อยนั่น เหตุใดมันจึงต้องออกมาในยามนี้?
แมวขโมยตัวน้อยแสยะยิ้มก่อนจะหันไปหาร่างในชุดคลุม
“หืมมม? แมวที่รู้จักการหายตัว? มันเป็นพันธุ์ใดกัน?” ร่างในชุดคลุมสงสัย
ฟุ่บ!
แมวขโมยตัวน้อยหลอมรวมเข้ากับความมืดและหายไป
บัดซบอันใด?
ไอ้แมวนั่นสามารถหายตัวได้เช่นกัน?
จ้าวเฟิงอึ้งงัน ทว่าเมื่อครุ่นคิดแล้ว แมวนั้นคือสัตว์กลางคืน ทั้งความเป็นมาของแมวขโมยตัวจ้อยยังลึกลับ
เมี้ยว เมี้ยว!
แมวขโมยตัวน้อยปรากฏตัวขึ้นบนต้นไม้ใหญ่ห่างออกไปจากร่างในชุดคลุมสิบหลา
“แมวนี่นับว่าน่าสนใจมิน้อย บางทีมันอาจมีสายเลือดพิเศษ…”
ร่างในชุดคลุมตัดสินใจที่จะจับแมวนั้น แมวขโมยตัวน้อยแสยะยิ้มก่อนจะคายเหรียญทองแดงออกมาหนึ่งเหรียญ
เหรียญนั้นถูกโยนไปในอากาศโดยมัน เหรียญนั้นหมุนวนก่อนที่จะร่วงหล่นกลับลงบนอุ้งเท้าของมัน
“มิใช่ว่านั่นคือสมบัติที่แมวนั่นกลืนกินไประหว่างการทดสอบหรือ?” จ้าวเฟิงจับจ้องไปยังเหรียญทองแดงนั้น
ร่างในชุดคลุมดูจะไม่เข้าใจในสิ่งที่แมวตัวน้อยกระทำ ทว่าเขาสามารถเห็นสีหน้าพึงพอใจของมันได้
“ไม่ดีแล้ว!”
เขาพลันอุทานออกมาก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับ
ผึง ฟุ่บ
ประกายแสงสีแดงพุ่งมาจากอีกด้านหนึ่งของวิหารโบราณ ในเสี้ยววินาทีนั้น กลิ่นอายของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงก็ได้ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
กลิ่นอายของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง!
บัดนี้ร่างในชุดคลุมมิอาจสนใจต่อแมวประหลาดได้อีกต่อไปเพราะกลิ่นอายนั้นไปมุ่งตรงมายังเขา
แมวขโมยตัวน้อยกลืนเหรียญนั้นเข้าไปในท้องของมันก่อนจะนั่งลงบนต้นไม้ เตรียมพร้อมรับชมปาหี่ฉากหนึ่ง
แสงสีแดงหยุดลงกลางอากาศในไม่ช้าก่อนจะสลายลง เผยให้เห็นร่างของผู้อาวุโสในชุดสีแดงและเด็กหนุ่มผมเพลิงที่อายุราวๆ 17-18 ขวบปี
“ท่านอาจารย์! มันอยู่ที่นี่! ศิษย์ ข้า ได้ถูกโจมตีแถวๆ นี้!” เด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงชี้ไปยังร่างในชุดคลุม
ร่างในชุดคลุมหัวเราะเย็นชาขณะที่ดวงตาสีฟ้าใสของเขากวาดมองร่างของทั้งสอง ส่งคลื่นโปร่งใสออกไป
คิ้วของผู้อาวุโสชุดแดงมุ่นเข้าหากัน รับมือการโจมตีนั้น ทว่าเด็กหนุ่มข้างกายเขาได้กรีดร้องออกมา
“ฮงเอ๋อร์!”
ผู้อาวุโสชุดแดงพลันปกป้องเด็กหนุ่มและส่งพายุทรายสีแดงก่ำไปยังร่างในชุดคลุม
ในเสี้ยววินาที พื้นดินได้ถูกแผดเผาไหม้เกรียม ร่างในชุดคลุมลนลานและล่าถอย ชัดเจนว่ามิอาจตอบโต้ผู้ฝึกตนในขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้
หากเขาปะทะเข้ากับการโจมตีนั่นตรงๆ เขาก็จะตาย แม้ว่าเขาจะอยู่ในขั้นสุดยอดของนภาที่เจ็ดแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณก็ตามที
พรวด!
ร่างในชุดคลุมกระอักโลหิตออกมาขณะที่ล่าถอยเข้าไปภายในค่ายกลลวงตา
“ฮึ่ม! เช่นนั้นคือเจ้ามาจาก ‘วิหารโบราณ’ ในฐานะของหนึ่งในศิษย์ของสำนักแห่งสิบสามแคว้นพันธมิตร เหตุใดจึงโจมตีฮงเอ๋อร์?”
ผู้อาวุโสชุดแดงยื่นยาจิตวิญญาณให้เด็กหนุ่มกินหนึ่งเม็ด จากนั้นจึงเข้าไปภายในวิหารโบราณ จากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่ากองกำลังจากภายในวิหารโบราณนั้นจะมิเพียงจู่โจมผู้ที่มาจากสำนักจันทร์สลาย พวกเขากระทั่งกระทบกระทั่งกับสำนักใกล้เคียง
เด็กหนุ่มผมสีแดงอยู่ในนภาที่ห้าแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ และนับเป็นหนึ่งในห้าศิษย์แนวหน้าของสำนักจันทร์สลาย
ในความวุ่นวายนั้น จ้าวเฟิงได้ทะยานห่างออกไปที่ต้นไม้สูงร้อยหลา ยืนอยู่บนยอดไม้ เด็กหนุ่มสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในค่ายกลลวงตาได้
ผู้อาวุโสชุดแดงได้ถูกลอบโจมตีหลายครั้งครา ทว่าเพราะเขาอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง เขาจึงจัดการคนห้าหกคนไปในเสี้ยววินาที
เหล่าผู้ที่ถูกจัดการไปนั้นล้วนยู่ในนภาที่ห้าแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณเป็นอย่างน้อย ทว่ายังคงถูกฆ่าในกระบวนท่าเดียว
“นั่นคือพลังของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง!”
จ้าวเฟิงเดาะลิ้น
“ฮี่ฮี่ ผู้อาวุโสแห่งสำนักจันทร์เงินนับว่าทรงพลังโดยแท้ ทว่าท่านมิเห็น ‘เมล็ดคุมใจ’ ในตัวเด็กหนุ่มผู้นั้นหรือ?” ร่างในชุดคลุมหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“อันใดกัน!? เมล็ดคุมใจ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสชุดแดงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง
ฉึกก!
มีดสั้นได้แทงเข้าที่ทรวงอกของผู้อาวุโสชุดแดง เป็นเด็กหนุ่มผมแดงผู้นั้น
“ฮงเอ๋อร์ เจ้า…”
ผู้อาวุโสชุดแดงร้องออกมาก่อนจะส่งร่างของผู้ทำร้ายกระเด็นลอยออกไปด้วยกระแสปราณแท้ อีกฝ่ายพลันคำรามออกมา
“ตราบเท่าที่ข้าฆ่าผู้ใดก็ตามที่ใส่เมล็ดคุมใจไปในตัวฮงเอ๋อร์ เขาก็จะได้รับอิสระ”
บนยอดไม้ ความคิดของจ้าวเฟิงหมุนวน
ผู้อาวุโสชุดแดงคือคนของสำนักจันทร์เงิน หนึ่งในสำนักที่เข้าร่วมงานสามสำนัก ในขณะที่ร่างในชุดคลุมเป็นคนของวิหารโบราณ อีกกองกำลังหนึ่งในสิบสามแคว้น
ในยามนั้นเอง สถานการณ์ในวิหารโบราณได้เปลี่ยนแปลงไป
“คิคิคิ…”
ศพโลหิตลายเงินได้เดินออกมาจากวิหารโบราณ
ศพโลหิตลายเงินมีกลิ่นอายเย็นยะเยียบ ดวงตาเป็นสีแดงโลหิต ปลดปล่อยกลิ่นอายที่กระทั่งแข็งแกร่งกว่าร่างในชุดคลุมออกมา
“เป็นมัน! ผู้คุ้มครองศพโลหิต!”
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกเมื่อเห็นเช่นนั้น
ศพโลหิตลายเงินคือสิ่งเดียวกับที่เขาพบในถ้ำมารจันทราชาด ในยามนั้น ศพนั่นอ่อนแอยิ่งเมื่อมันเพียงเพิ่งตื่นขึ้น ทว่าแม้กระนั้น มันก็เกือบจะฆ่าจ้าวเฟิงและพวกได้
บัดนี้ ศพโลหิตลายเงินได้ฟื้นฟูพลังของมันกลับมายังครึ่งก้าวแห่งขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเป็นอย่างน้อย และร่างกายของมันก็ทรงพลังอย่างมาก
มันรับการโจมตีจากผู้อาวุโสชุดแดงไปตรงๆ ทว่ายังคงพุ่งตรงไปเบื้องหน้า ร่างของศพนั้นแข็งอย่างเหลือเชื่อ มันกระทั่งสามารถป้องกันการโจมตีของผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้
ร่างในชุดคลุมยืนอยู่ที่ไกลๆ ใช้พลังจิตในการก่อกวนและขัดขวาง
“ทว่าแม้กระนั้น มันก็ยังยากที่จะเอาชนะผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง” จ้าวเฟิงวิเคราะห์
และเป็นเช่นนั้น ทั้งสองไม่ได้วางแผนที่จะเอาชนะ กลับกัน พวกเขาล่าถอยทีล่ะเล็กทีล่ะน้อย และไม่ช้าก็สามารถถอยไปยังวิหารโบราณได้
ผู้อาวุโสชุดแดงและเด็กหนุ่มพลันติดตามไป
สิ่งแปลกประหลาดได้เกิดขึ้น
เสี้ยววินาทีที่ทุกคนเหยียบย่างเข้าไปยังวิหารโบราณ ทุกสิ่งก็เงียบงันลง
มันราวกับว่าผู้อาวุโสชุดแดงและเด็กหนุ่มผู้นั้นถูกกลืนกินไปโดยสัตว์อสูร
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังจิตภายในวิหาร
ไม่ช้า
ผู้อาวุโสชุดแดงและเด็กหนุ่มก็เดินออกมาจากวิหารด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนจากไป
มันราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
“แปลกเกินไป” หัวใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน
เขาสูดลมหายใจลึกก่อนที่จะใช้ดวงตาซ้ายของเขาจนถึงขีดสุด จากนั้นจึงมองผ่านทางเข้าออกและมองเห็นสถานการณ์ภายใน
ภายในวิหาร
ทั้งร่างในชุดคลุมและศพโลหิตลายเงินได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะผู้คุ้มครองศพโลหิต กระดูกของมันแทบจะหักออก หากเป็นผู้อื่นทื่อยู่ในครึ่งขั้นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง พวกเขาอาจจะตายตกไปแล้ว
ใจกลางห้องโถงได้ปรากฏฟูกที่มีโครงกระดูกไร้ชีวิตนั่งอยู่ ทว่าเบ้าตาของกะโหลกนั้นกลับปรากฏเปลวไฟสีแดงอมดำขึ้น
จ้าวเฟิงพลันเบือนดวงตาซ้ายออกไปจากมันโดยสัญชาตญาณ
ฟู่ว!
แสงในดวงตาของโครงกระดูกกลับกลายเป็นดำมืดขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังอ่อนแอลง
“มิแปลกใจที่นายเหนือคือหนึ่งในผู้นำของสิบสองตำหนัก กระทั่งในสถานะอ่อนแอเพียงนี้ เขายังสามารถควบคุมผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้”
ภายในดวงตาของร่างในชุดคลุมปรากฏความเคารพล้ำลึก
เสียงปรากฏขึ้นจากภายในโครงกระดูก
“เป็นเพียงบางคนที่อยู่ในระดับแรกของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ‘ขั้นมนุษย์แท้’ ข้าได้กำจัดมดปลวกเช่นนี้มาจำนวนนับไม่ถ้วนในอดีต พวกเจ้าทั้งสองมีส่วนในการทำให้มันอ่อนแอลง ทำให้ข้าสามารถควบคุมมันได้ในที่สุด บัดนี้ ข้าต้องการเวลาครึ่งเดือนในการพักผ่อน”
แม้ว่าจ้าวเฟิงจะไม่อาจได้ยินว่าทั้งสามพูดคุยสิ่งใด เขาก็ยังคงรับรู้ได้ถึงความหนาวเหน็บ
“ท่านจ้าวตำหนัก จะอย่างไรสถานที่แห่งนี้ก็อาจไม่ปลอดภัย การแผ่ขยายที่รวดเร็วเกินไปของพวกเราอาจดึงดูดความสนใจของสิบสามสำนัก” ผู้คุ้มกันศพโลหิตเอ่ยอย่างกังวล
“นั่นถูกต้อง ทว่าก่อนหน้านั้น…”
ประกายแสงสีแดงพลันพุ่งออกจากเบ้าตาของโครงกระดูก
ไม่ดีแล้ว!
จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่บนยอดไม้รู้สึกว่าจิตใจของเขารุ่มร้อน ราวกับว่าบางสิ่งได้เกาะติดอยู่กับเขา
“อู๋โยว เจ้าออกไปและจับเด็กเหลือขอนั่นมา ข้าได้นำ ‘ตราผี’ ไว้ในร่างของมันแล้ว มีเพียงเจ้าที่สามารถรับรู้ถึงมันและมีพลังหลงเหลือพอที่จะฆ่ามัน” โครงกระดูกลึกลับเอ่ย
เมี้ยว เมี้ยว!
แมวขโมยตัวน้อยพลันกระโดดกลับเข้าไปในกำไลมิติ
“ภารกิจเสร็จสิ้น หนี!”
ผ้าคลุมสีเทาดำเบื้องหลังของจ้าวเฟิงพลิ้วไหว เด็กหนุ่มพุ่งตัวออกไปในความมืดมิดราวกับสายฟ้า
“ตัวโง่งม เจ้าไม่อาจหนีไปไหนได้”
ดวงตาสีฟ้าของร่างในชุดคลุมจับจ้องไปยังอีกฝ่าย