Skip to content

King of Gods 24

King Of Gods

บทที่ 24 : ศิษย์สายนอกอันดับแรก (1)

เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดดูถูกของอีกฝ่าย จ้าวเฟิงก็ทำเพียงแย้มรอยยิ้มบาง แม้ว่าจ้าวยี่จางจะแข็งแกร่ง แต่เขากลับมีนิสัยหยิ่งยโสยิ่ง นั่นหมายความว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะพูดคุยกับอีกฝ่าย มีเพียงแค่การกระทำเท่านั้นที่จะเอ่ยคำพูดของเขาได้ดีที่สุด

แม้ว่าเด็กหนุ่มจะไม่ตอบอันใด แต่ท่าทางของเขากลับคล้ายเป็นเข็มที่ทิ่มแทงนัยน์ตาของจ้าวยี่จาง

ฝูงชนผงะไป จ้าวยี่จางนั้นว่าจองหองแล้ว แต่ ‘ความเงียบ’ ของจ้าวเฟิงนั้นกลับทำมากกว่าคำพูดเหล่านั้นเสียอีก

“ไอ้หนู หากเจ้าไม่พูดในตอนนี้ เจ้าคงจะไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว” จ้าวยี่จางเอ่ยเสียงหนัก

ชิ้ง!

ดาบของเขาเปล่งประกายต่อหน้าจ้าวเฟิง

จ้าวยี่จางเริ่มต้นด้วยวิชาคมดาบเหมันต์ แม้ว่าเขาจะยโส แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าพลังของอีกฝ่ายนั้นอยู่ในขั้นเสมือนผู้ฝึกตน ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงทุ่มสุดตัวตั้งแต่เริ่ม

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่มาจากดาบนั้น

ฟุ่บ!

คมดาบนั้นห่างจากไหล่ของจ้าวเฟิงเพียงแค่ครึ่งนิ้ว

“เป็นทักษะขั้นสูงอันใดเช่นนี้! ข้าเห็นเพียงแค่ภาพติดตาเท่านั้น!”

หากเขามีพลังเพียงแค่ขั้นเสมือนผู้ฝึกตน เขาย่อมไม่อาจรับวิชาระดับสูงเช่นนั้นได้แม้แต่ครั้ง

จ้าวเฟิงไม่คิดว่าพลังป้องกันของเขาจะมากกว่าจ้าวเยว่

ฟุ่บ!

จ้าวเฟิงถอยร่นออกจากอีกฝ่ายด้วยร่างกายที่เบาราวกับใบไม้

ในด้านของการโจมตีนั้นเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย นอกเสียจากว่าเขาจะเรียนรู้วิชาเสริมร่างกายเช่นจ้าวเยว่

“จะหนีไปไหน!” จ้าวยี่จางกระโดดเข้าหาก่อนใช้คมดาบเหมันต์จากกลางอากาศ

ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะพยายามหลบเท่าใด ความเย็นนั้นก็ยังคงไล่ตามเขาไป

“ไม่น่าแปลกเลยที่มันเข้าขั้นสูงของวิชาระดับสูง!” จ้าวเฟิงคิดอย่างเงียบงัน เขารู้ว่าแม้หมัดมังกรคลั่งของเขาจะเข้าขั้นสุดยอด แต่มันก็ไม่อาจเทียบได้กับคมดาบเหมันต์ของอีกฝ่าย

“ระเบิดหิมะ!”

การเคลื่อนไหวของจ้าวยี่จางแปรเปลี่ยนไปกะทันหัน คมดาบมุ่งเข้าหาจุดที่จ้าวเฟิงจะลงพื้น

ไม่ดีแล้ว!

จ้าวเฟิงนั้นอยู่กลางอากาศ และเมื่อเขาถึงพื้นย่อมไม่มีทางหลบการโจมตีของจ้าวยี่จางได้แน่นอน

“คมดาบเหมันต์อันใดกัน! เขาสามารถใช้การโจมตีล่วงหน้าได้ทั้งที่ยังไม่เข้าสู่ขั้นสี่แห่งหนทางผู้ฝึกตน!”

“ดูเหมือนว่าการประลองจะถูกตัดสินแล้ว!” เหล่าผู้อาวุโสที่ชมการประลองอยู่เอ่ยชื่นชม

“ลงมา!” เพลงดาบระเบิดหิมะของจ้าวยี่จางส่งคลื่นพลังวุ่นวายไปยังส่วนล่างของร่างกายคู่ต่อสู้

“เหยียบนภา!” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกในขณะที่ควบรวมโลหิต กระโดดอีกครั้งกลางอากาศ

ปึก!

ร่างกายของเขาหลุดออกจากแรงโน้มถ่วงในขณะที่กระโดดข้ามการโจมตีของจ้าวยี่จาง

มัน… เป็นไปได้อย่างไร?

จ้าวยี่จางจ้องมองตรงไปด้วยสายตาว่างเปล่าเมื่อเห็นอีกฝ่าย ‘กระโดด’ ข้ามการโจมตีของเขาไป

“อันใดกัน! จ้าวเฟิงฝึกฝนวิชานภาลอยล่องถึงเพียงนี้แล้วรึ!” ผู้ตัดสินหลักเอ่ยชมขณะลูบเคราของเขา

“เหยียบนภา! มันเป็นกระบวนท่าสุดท้ายของท่าเท้านภาลอยล่อง เขาทำได้อย่างไร?” ผู้ฝึกตนที่เคยฝึกฝนวิชาเดียวกันอุทานออกมาในขณะที่กระเด้งตัวลุกขึ้นด้วยความตะลึง

บนลานประลอง

จ้าวเฟิงวิ่งหนี ในขณะที่จ้าวยี่จางพยายามไล่ตาม ไม่นานเพลงดาบคมดาบเหมันต์ของเด็กหนุ่มก็เข้าใกล้ขั้นสูง พลังโจมตีและความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จ้าวเฟิงเองก็ไม่ได้ย่ำแย่เช่นกัน วิชานภาลอยล่องนั้นทำให้ร่างของเขาเบาราวกับขนนก และแม้ว่าเขาจะดูเหมือนแทบจะไม่สามารถหลบคมดาบเหล่านั้นได้ แต่ดาบเหล่านั้นเองก็ไม่สามารถสัมผัสเขาได้แม้กระทั่งชายเสื้อ

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ในขณะที่จ้าวเฟิงวิ่งอยู่นั้น เขาก็พยายามหาจุดอ่อนของวิชาอีกฝ่ายเพื่อที่เขาจะสามารถตอบโต้ได้

ทว่าเขาก็สำนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่แม้กระทั่งจะเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ หรือไม่เช่นนั้นเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของอีกฝ่าย หมัดมังกรคลั่งของเขาไม่สามารถแม้กระทั่งรับคมดาบของอีกฝ่ายได้

หากเขาลองรับสักครั้ง เขาย่อมบาดเจ็บ

“หรือว่าข้าต้องใช้…” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกขณะที่พลังภายในเริ่มไหลเวียน แต่ไม่ช้าก็หายไป

เขาปกปิดพลังภายในของเขาด้วยวิชาซ่อนลมหายใจ

ในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ เด็กหนุ่มก็ส่งพลังเข้าไปยังดวงตาซ้ายของเขา

เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

ทันทีที่ดวงตาซ้ายของเขาทำงาน สายตาของเด็กหนุ่มก็เข้าสู่ขั้นสุดยอดการมองเห็นในทันที

แม้ว่าดาบของจ้าวยี่จางจะเร็ว ทว่ามันกลับช้าในสายตาของเขา

เขาเห็นแม้กระทั่งว่าพลังถูกรวบรวมไปที่ส่วนใดของร่างกายอีกฝ่าย และด้วยการนั้นเขาจึงสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้

ฟุ่บ! ฟุ่บ

จ้าวเฟิงหลบการโจมตีทั้งหมดอย่างง่ายดาย

“หมัดมังกรคลั่ง!” เมื่อถึงจุดหนึ่ง จ้าวเฟิงก็โจมตีกลับ

“ลมเหมันต์!” จ้าวยี่จางไม่ทั้งหลบหรือป้องกัน แต่กลับส่งคมดาบไปยังลำคอของคู่ต่อสู้

จ้าวเฟิงรู้สึกจนใจ เพราแม้เขาจะหาจุดอ่อนในการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ แต่เขากลับไม่สามารถโจมตีได้เมื่อเขาจะไม่สามารถหลบการโจมตีที่ตามมาได้

“คมดาบเหมันต์นั้นเด่นในด้านของความคมและพลังโจมตี มันไม่มีการป้องกันแม้แต่น้อย ทว่าการที่เขาสามารถฝึกมันจนเข้าขั้นสูงนั่นหมายความว่าจุดอ่อนของกระบวนท่านั้นย่อมมีน้อยลง และข้ามีโอกาสชนะเพียงครึ่งเท่านั้น” จ้าวเฟิงครุ่นคิดและคาดเดาในใจ

ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเขากับจ้าวยี่จางคือระดับวิชา

ในการที่จะเอาชนะอีกฝ่ายนั้น เขามีเพียงสองทางเลือก

ทางแรกคือการหลบ หลบจนกว่าอีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายเหนื่อย จ้าวเฟิงมั่นใจว่าด้วยดวงตาซ้ายและพลังภายในของเขา เขาสามารถทนได้นานกว่าอีกฝ่าย

ทางที่สองคือใช้พลังภายในและเอาชนะด้วยพลัง

เพียงแค่ในขณะที่จ้าวเฟิงกำลังคิดอยู่นั้น

“ผู้ตัดสิน ข้าคิดว่าทั้งสองล้วนเป็นอัจฉริยะทั้งคู่ และหากยังคงยื้อออกไปเช่นนี้ต้องมีคนใดคนหนึ่งบาดเจ็บหรือตายเป็นแน่ หากเป็นเช่นนั้นเราจะถูกพรรคลงโทษเอาได้”

โดยปกติแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะยื้อไปเช่นนี้ จ้าวยี่จางก็ยังคงมีโอกาสชนะถึง 50-60% แต่ว่าเขากลับรู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างว่าการที่ยื้อออกไปเช่นนี้นับเป็นความคิดที่ไม่ดี

“แต่… พวกเขายังไม่ได้ตัดสินกัน” ผู้ตัดสินหลักรู้สึกลังเลเล็กๆ เพราะระดับการฝึกตนของจ้าวเทียนเจี้ยนเข้าขั้นหกและสถานะของเขาในพรรคก็ไม่นับว่าด้อย

“แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ตัดสิน แต่ท่านก็น่าจะเห็นว่าผู้ใดเหนือกว่า!” จ้าวเทียนเจี้ยนส่งสายตา ‘รู้กัน’ ให้กับผู้ตัดสินหลัก ชัดเจนว่าหากผลออกมาดี เช่นนั้นรางวัลที่ตามมาย่อมไม่น้อย…

“ได้” ผู้ตัดสินหลักเอ่ย

“หมายเลข 188 เจ้าดูเหมือนด้อยกว่า ดังนั้นแล้วผู้ตัดสินมีสิทธิที่จะหยุดการประลอง”

เช่นนี้ก็ได้หรือ?

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความกราดเกรี้ยวที่ท่วมท้นอยู่ในใจของเขา ชัดเจนว่าผู้ตัดสินนั้นเอนเอียงไปทางจ้าวยี่จาง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจเอ่ยตรงๆ ได้ว่าจ้าวยี่จางชนะ แต่ทว่าในฐานะของผู้ตัดสินนั้น พวกเขามีสิทธิที่จะตัดสินการประลองหลังจากเวลาผ่านไป ตัวอย่างเช่นพวกเขาสามารถตัดสินผู้ชนะได้หากการประลองนั้นกินเวลายาวนานเกินไป

การตัดสินใจของผู้ตัดสินนั้นสร้างความวุ่นวายเล็กๆ

“แม้ว่าจ้าวเฟิงจะดูเสียเปรียบ แต่เขาก็ยังไม่แพ้นี่”

“ฮึ่ม! เขาก็ทำได้เพียงวิ่งหนี! เขากำลังทำให้เราเสียเวลา!”

ฝูงชนโต้เถียงกันเงียบๆ

แม้ว่าผู้อาวุโสบางคนจะรู้สึกว่าเป็นการอยุติธรรม แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการสร้างความบาดหมางกับจ้าวเทียนเจี้ยนและบุตรชายของเขาเพียงเพื่อศิษย์สายนอกไร้ตัวตนผู้หนึ่ง

“ได้! เช่นนั้นข้าจะไม่วิ่ง!” จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่หยุดเท้าของเขาลง

“ไอ้หนู! รับดาบของข้าไปซะ!” จ้าวยี่จางมองไปยังบิดาของตนด้วยความยินดี

จ้าวเทียนเจี้ยนยืนพร้อมด้วยสองมือไพล่หลัง ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบาง ในตอนนั้นบางคนเช่นจ้าวคังมีสีหน้าปลาบปลื้ม

จ้าวซุ่ยมองร่างคุ้นเคยนั้นพร้อมถอนหายใจ ความรู้สึกของนางที่มีต่อเขานั้นซับซ้อนยิ่ง บางครั้งสงสาร บางครั้งเย็นชา

ฟึ่บ!

ในขณะที่เพลงดาบคมเหมันต์ของจ้าวยี่จางเข้าใกล้ร่างของเด็กหนุ่ม จ้าวเฟิงกลับไม่ขยับตัวหลบแม้แต่น้อย

“หมัดมังกรคลั่ง!” จ้าวเฟิงส่งความกราดเกรี้ยวทั้งหมดลงในหมัดหมัดนี้

จองหองนัก!

เหล่าผู้อาวุโสสั่นศีรษะ

“เฮ้อ” กระทั่งผู้ตัดสินหลักก็ทอดถอนใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไร้ประโยชน์ ตาย!” จ้าวยี่จางหัวเราะขณะที่วาดคมดาบเปล่งประกายไปยังร่างของจ้าวเฟิง

“เปิด!” จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังออกมา

ฟู่วว

แสงสีเขียวซีดปรากฏขึ้นบนแขนและหมัดของเด็กหนุ่ม ดูงดงามภายใต้แสงอาทิตย์

ก่อนที่หมัดนั้นจะไปถึง ลมจากหมัดนั้นก็กระแทกเข้าที่ร่างของจ้าวยี่จาง

เปรี้ยง!

ฝุ่นผงเริ่มลอยขึ้นจากพลังที่มองไม่เห็นโดยมีร่างของเด็กหนุ่มเป็นศูนย์กลาง

“อันใดกัน! นั่น…”

“มันคือ…” ผู้ตัดสินหลักยืนขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ไม่ดีแล้ว! สีหน้าของจ้าวเทียนเจี้ยนแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดไป

“เกิดอันใดขึ้น!” จ้าวยี่จางรู้สึกได้ถึงความกดดันไร้ที่มาที่ทาบทับทั่วร่างของเขา ทำให้กระทั่งหายใจยังลำบาก กระทั่งความเร็วของดาบเขาก็ถูกจำกัด ในสายตาของเขา หมัดของจ้าวเฟิงนั้นราวกับมังกรที่กำลังคำราม…

เปรี้ยง! แคร่กกก

จ้าวยี่จางพ่นโลหิตออกมาจากปาก

เคร้ง!

ดาบของเขาหักเป็นสองส่วนและร่วงลงบนพื้น

พลังที่ไม่สามารถมองเห็นได้ได้แล่นผ่านจากดาบเข้าสู่ร่างของเขา

“อ๊าก!”

จ้าวยี่จางร้องออกมาขณะที่ถูกกระแทกลอยไปกว่า 20 เมตร

ฮู่

จ้าวเฟิงลดหมัดลง พร้อมกันนั้นฝุ่นผงโดยรอบก็ค่อยๆ ร่วงหล่นลงตามเดิม

ไม่มีผู้ใดรู้ว่านานเท่าใด คนผู้หนึ่งก็ตะโกนขึ้น

“พลังภายในของผู้ฝึกตน!”

พลังภายใน!

แสงสีเขียวซีดที่เปล่งประกายบนร่างของเด็กหนุ่ม…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!