บทที่ 25 : ศิษย์สายนอกอันดับแรก (2)
“พลังภายใน!”
เฮือก!
เสียงลมหายใจเย็นเยียบดังขึ้นจากทั่วทั้งลานฝึกซ้อม ทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
ผู้ตัดสินที่มีเคราสีขาวลุกขึ้นพร้อมพึมพำ
“อายุ 14 แต่กลับสำนึกรู้ในพลังภายในแล้ว สามารถกล่าวได้เลยว่าเขาคงสามารถกลายเป็นผู้ฝึกตนได้อย่างง่ายดาย พรสวรรค์ของเขานับว่าเทียบเท่าได้กับจ้าวหลินหลง!”
ความสนใจของผู้คนกลับไปรวมกันที่จ้าวเฟิงอีกครั้ง เขาคือราชาคนใหม่ของศิษย์สายนอก
เด็กหนุ่มมองไปยังหมัดของตนด้วยสายตาเหลือเชื่อ เขาเห็นว่าแขนของจ้าวยี่จางหัก รวมทั้งดาบที่หักเป็นสองส่วนนั่น…
เขากระทั่งยั้งมือไว้ หากไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายคงไม่เป็นเพียงแค่แขนหัก อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของแขนข้างนั้นย่อมพิการไป และคู่ต่อสู้เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นสามธรรมดา หมัดนี้ก็คงปลิดชีวิตอีกฝ่ายไปแล้ว
“นี่คือพลังของพลังภายใน”ร่างกายของเด็กหนุ่มสั่นสะท้านอย่างตื่นเต้น
เหล่าศิษย์ด้านล่างจ้องมองจ้าวเฟิงด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้พวกเขาเข้าใจความแตกต่างระหว่างผู้เรียนรู้การฝึกตนและผู้ฝึกตนที่แท้จริงแล้ว
“จ้าวเฟิงชนะ!” ผู้ตัดสินมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยสายตาลึกล้ำ แม้ว่าเขาจะเข้าข้างจ้าวยี่จาง จ้าวเฟิงก็ยังคงชนะอยู่ดี
มันไม่ใช่เพียงแค่ชนะ แต่เป็นการชนะด้วยพลังที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง!
“เจี้ยนเอ๋อร์!” จ้าวเทียนเจี้ยนร้องออกมาก่อนปรากฏตัวขึ้นข้างกายของบุตรชาย ความเร็วของเขานั้นมากเสียจนผู้คนรอบข้างเห็นเพียงภาพเลือนราง
“ความเร็วอันใดกัน!” จ้าวเฟิงคาดว่าบิดาของจ้าวยี่จางอาจเป็นผู้ฝึกตนขั้นหกแล้ว
ขั้นหกแห่งหนทางของผู้ฝึกตนนั้นนับเป็นขั้นสุดยอดของผู้ฝึกตน เมื่อทะลวงขึ้นไปสูงกว่านั้นจะกลายเป็นจอมยุทธ์
“ข้าแพ้… ข้าไม่เชื่อ…”จ้าวยี่จางไม่อาจรู้สึกถึงแขนข้างซ้ายของตนได้
“เรียกหมอมา!” จ้าวเทียนเจี้ยนสังเกตเห็นแขนของบุตรชายที่มีโอกาสจะพิการก่อนร้องตะโกนขึ้น
“เจ้าเด็กเหลือขอ! นี่หมายความว่าอันใดกัน?” นัยน์ตาของจ้าวเทียนเจี้ยนปรากฎความมาดร้ายขึ้นในขณะที่มองไปยังจ้าวเฟิง
กลิ่นอายของผู้ฝึกตนขั้นหกนั้นสร้างความกดดันให้กับจ้าวเฟิงเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับอากาศนั้นเย็นเยียบ ทุกคำพูดของเขาต้องใช้พลังงานอย่างมาก แต่เขายังโชคดีที่มีพลังภายในไว้ต่อต้านรังสีอำมหิตของอีกฝ่าย
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
แสงสีเขียวซีดที่อยู่ภายในดวงตาซ้ายของเขาที่เคยมีขนาดเพียง 3.9 ฟุต เริ่มขยายออกไปเป็น 4 ฟุต…
ภายใต้ความกดดันนั้น พลังการฝึกตนของเด็กหนุ่มก็เพิ่มมากขึ้น
“เยี่ยม! บัดนี้ข้าก็มีคุณสมบัติในการทะลวงเข้าขั้นสี่แล้ว!” จ้าวเฟิงหัวเราะ
หลังจากที่ผ่านการประลองรุนแรงเมื่อครู่ และตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของจ้าวเทียนเจี้ยน ทั้งสองล้วนช่วยเพิ่มพลังการฝึกตนของเขา
ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ของเด็กหนุ่มไม่สามารถเล็ดรอดสายตาของชายวัยกลางคนไปได้
จะปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ไม่ได้!
จ้าวเทียนเจี้ยนรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นอุปสรรคสำหรับเขา
“เจ้าเด็กเหลือขอ เป็นเพียงแค่ศิษย์ตระกูลสาขาต่ำต้อย เพื่อเป็นการลงโทษที่เจ้าทำร้ายแขนของบุตรข้า ข้าจะเอาพลังฝึกตนไปจากเจ้า”
ฟุ่บ!
ร่างของจ้าวเทียนเจี้ยนพุ่งเข้าหาจ้าวเฟิงในพริบตา
ไม่ดีแน่!
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงอันตรายที่แผ่มายังร่างของเขา
โชคดีที่เขาระวังตัวอยู่ตลอด พลังที่สองในร่าง(TL: คิดว่าเป็นพลังภายในนะคะ)ควบรวมกันภายในร่างกายของจ้าวเทียนเจี้ยนถูกเห็นโดยดวงตาซ้ายของเขา
ปึก!
จ้าวเฟิงใช้ท่าเท้านภาลอยล่องจนถึงขีดสุดโดยไม่ต้องคิด เขากระโดดขึ้นไปสูงกว่าสิบเมตรและเกือบจะหลบการโจมตีของอีกฝ่ายไม่พ้น ทว่าเขารู้ว่านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่เขาจำต้องหลบ
เมื่อโจมตีพลาด ชายวัยกลางคนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“ตาย!”
เขาใช้ท่าเท้าของตนในการไล่ล่าจ้าวเฟิง
“เหยียบนภา!” จ้าวเฟิงกระโดดสองครั้งในอากาศก่อนมุ่งหน้าไปหาเหล่าผู้ที่มีตำแหน่งสูงในพรรค
เขารู้ว่าจ้าวเทียนเจี้ยนนั้นครองเพียงตำแหน่งระดับกลางในพรรค และพวกระดับสูงของพรรคย่อมไม่ยอมให้การฝึกตนของจ้าวเฟิงถูกทำลายลงต่อหน้าเป็นแน่
ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงวิ่งเข้าไปหาเป้าหมายของเขาด้วยความเร็วสูงสุด
“กรอด! ไอ้เด็กนี่…” จ้าวเทียนเจี้ยนเข้าใจถึงความต้องการของเด็กหนุ่มในทันที
“จ้าวเทียนเจี้ยน! หยุด!” เสียงหนักแน่นที่ดังราวฟ้าผ่าดังขึ้น พร้อมกันนั้นกลิ่นอายทรงพลังก็รวมตัวเหนือศีรษะ เขาคือชายชราเคราสีขาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าจ้าวเทียนเจี้ยน
ไม่ดีแล้ว! ผู้ตัดสินหลัก!
จ้าวเทียนเจี้ยนรู้ว่าผู้ตัดสินหลักนั้นเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นเจ็ดหรือสูงกว่า ทว่าจ้าวเฟิงอยู่เบื้องหน้าเขา! เขาไม่ต้องการปล่อยมันไปเช่นนี้! จ้าวเทียนเจี้ยนกัดฟันกรอดในขณะที่เผชิญหน้ากับผู้อาวุโส
“นั่ง!”
มือที่มองไม่เห็นตะปบลง
เปรี้ยง!
จ้าวเทียนเจี้ยนรู้สึกได้ว่าพลังของเขาหายไปพร้อมกับที่กระอักโลหิตออกมา
โจมตีผ่านอากาศ! แข็งแกร่งอันใดเช่นนี้!
ชัดเจนว่าผู้ตัดสินหลักนั้นเชี่ยวชาญในพลังปราณ ซึ่งเป็นพลังภายในขั้นสูง
“ผู้อาวุโส! จ้าวเฟิงนั่นทั้งร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ยิ่ง! เขาหักแขนบุตรชายข้า! ท่านจะไม่ลงโทษเขาได้อย่างไร?” จ้าวเทียนเจี้ยนกึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว
“ฮึ่ม! ผู้ใดกันที่ร้ายกาจ? ตอนที่จ้าวเฟิงโจมตีนั้นเขาทำกระทั่งลดทอนพลังลง หรือไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บของบุตรเจ้าคงไม่ธรรมดาเช่นนั้น! แขนของเด็กนั่นคงพิการไป หรือไม่เช่นนั้นก็คงตาย!” ชายชราเอ่ย
จ้าวเทียนเจี้ยนเข้าใจในบัดนั้น
“เหตุใดจึงไม่ไปช่วยบุตรชายของเจ้ากันล่ะ” ผู้ตัดสินเคราขาวโบกมือก่อนออกจากลานประลองไป
จ้าวเฟิงคลายหมัดที่ชื้นเหงื่อออกพร้อมมองไปยังชายชราอย่างตื้นตัน อีกฝ่ายดูเหมือนจะรับรู้ถึงสายตานี้เขาจึงส่งยิ้มกลับพร้อมด้วยแววตาชื่นชม
ความวุ่นวายนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการประลองรอบต่อๆ ไป
“เขาเอาชนะจ้าวยี่จาง…” ใบหน้าของจ้าวซุ่ยแข็งค้าง นางรู้สึกราวกับร่วงหล่นจากสวรรค์ลงสู่นรก
ในสายตาของนางนั้น ร่างที่คุ้นเคยนั่นกลายเป็นราชาของศิษย์สายนอกไปแล้ว
บัดนี้จ้าวเฟิงกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของศิษย์สายนอกอย่างไม่ต้องสงสัย
70ครั้ง …71ครั้ง…
สถิติของเด็กหนุ่มยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คู่ต่อสู้ของเขาส่วนมากจะยอมแพ้ทันทีที่พบหน้า
กระทั่งเมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวเยว่ เด็กหนุ่มก็เพียงใช้พลังภายในในการเจาะการป้องกันของอีกฝ่ายในเสี้ยววินาที
พลังของจ้าวเฟิงนั้นไม่ได้อยู่ในขั้นเสมือนผู้ฝึกตนอีกต่อไปแล้ว มันอยู่ในขั้นครึ่งก้าวแห่งผู้ฝึกตน! ครึ่งก้าวแห่งผู้ฝึกตนนั้นคือเมื่อคนผู้หนึ่งสามารถโคจรพลังภายในและมีพลังขั้นเสมือนผู้ฝึกตนในเวลาเดียวกัน เมื่อถึงตอนนั้นก็ราวกับว่าเข้าขั้นสี่ไปแล้ว
ทว่ากลับมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง
จ้าวหยูเฟ่ยยังคงมีสถิติอันสมบูรณ์แบบ
การประลองที่ 80 ของนาง คู่ต่อสู้คือจ้าวเยว่
“ฝ่ามือผีเสื้อ!” จ้าวหยูเฟ่ยตวาดขณะที่ฝ่ามือราวทำจากหยกของนางส่งพลังรุนแรงออกมา
แคร่ก!
กายาเหล็กของจ้าวเยว่พังลงอีกครั้ง
“โอ้สวรรค์! พลังภายในอีกแล้ว!”
ไม่มีใครคิดว่าจะมีผู้อื่นใดที่สามารถสำนึกรู้ในพลังภายในได้นอกจากจ้าวเฟิง
“น่าสนใจ!” ผู้ตัดสินหลักเผยรอยยิ้มบาง
ทว่าสีหน้าของจ้าวเฟิงกลับไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเห็นเด็กสาวใช้พลังภายใน
เขาเห็นพลังภายในที่หลบซ่อนอยู่ในร่างอีกฝ่ายตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว
วันนั้นที่ผู้แนะทางได้แนะทางให้พวกเขา ศิษย์สายนอกหลายคนได้สำนึกรู้บ้างไม่มากก็น้อย โดยมีจ้าวเฟิงได้รับมากที่สุด
นั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือจากนัยน์ตาซ้ายของเขา และการที่เขาฝึกวิชาลมหายใจผลักวายุจนถึงขั้นสุดยอดของระดับสาม
ดังนั้นแล้วเด็กหนุ่มจึงสามารถโคจรพลังภายในได้เป็นคนแรก
ในขณะเดียวกัน จ้าวหยูเฟ่ยสำเร็จหลังจากเขาครึ่งเดือน
“ดูเหมือนว่าอันดับหนึ่งจะยังไม่ถูกตัดสิน”
เหล่าฝูงชนต่างคาดหวังให้ทั้งสองปะทะกันเอง
ในที่สุด เมื่อทั้งสองชนะการประลองที่ 90 พวกเขาก็เผชิญหน้ากัน
“เริ่มได้”
แม้ว่าจ้าวหยูเฟ่ยจะมีพลังภายใน แต่จ้าวเฟิงก็ไม่ได้หวาดกลัว
“ข้ารู้ว่ามันยังคงมีความแตกต่างระหว่างข้ากับเจ้า… แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้” จ้าวหยูเฟ่ยเผยรอยยิ้มที่ราวกับดอกไม้ผลิบานออกมา
“หมัดมังกรคลั่ง!” จ้าวเฟิงเริ่มต้นด้วยวิชาระดับกลางขั้นสุดยอดของเขา
สาเหตุที่เขาสามารถเอาชนะจ้าวยี่จางได้อย่างเด็ดขาดนั้นไม่ใช่เพียงแค่พลังภายใน แต่รวมทั้งหมัดมังกรคลั่งของเขาที่เข้าขั้นสุดยอดแล้ว พลังของมันเหนือกว่าวิชาระดับสูงที่ถูกฝึกจนเข้าขั้นต่ำ
นอกจากนั้น หมัดมังกรคลั่งของเด็กหนุ่มเองก็ใกล้จะเข้าขั้นหลอมรวมแล้วเช่นกัน
หากหมัดมังกรคลั่งเข้าขั้นหลอมรวม มันย่อมง่ายที่จะเอาชนะเหนือคมดาบเหมันต์ที่ถูกฝึกจนเข้าขั้นสูง
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
ทั้งสองปะทะกัน
เช่นที่คาด จ้าวหยูเฟ่ยไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าจ้าวเฟิง
อย่างไรก็ตาม จ้าวเฟิงนั้นมีพื้นฐานพลังภายในที่แข็งแกร่งกว่าและความเร็วที่เหนือกว่า แม้ว่าจ้าวหยูเฟ่ยจะมีวิชาท่าเท้าระดับสูง แต่มันก็ไม่อาจเหนือไปกว่าความเร็วของนภาลอยล่องของเด็กหนุ่ม
การโจมตีของจ้าวเฟิงเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ร่างกายของจ้าวหยูเฟ่ยเริ่มแดงก่ำเมื่อนางรู้สึกได้ว่าพลังของนางกำลังจะหมดลง
โอกาสดี!
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองเห็นจุดอ่อนของอีกฝ่ายพร้อมกับที่หมัดของเขาปะทะเข้ากับหัวไหล่ของอีกฝ่าย
“ขอบคุณที่ออมมือ” ร่างของจ้าวหยูเฟ่ยสะท้านขึ้นก่อนที่นางจะพลิกตัวลอยขึ้นบนอากาศและกลับลงมายังพื้นดิน
หมัดของจ้าวเฟิงนั้นถูกจำกัดพลังไว้อย่างชัดเจน หรือไม่เช่นนั้นนางคงมีจุดจบที่ไม่ต่างจากจ้าวยี่จาง
“ไม่มีปัญหา” จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้ม เขาชอบนิสัยของอีกฝ่ายนัก
หลังจากที่เอาชนะจ้าวหยูเฟ่ย ก็ไม่เหลือผู้ใดที่พอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก คู่ต่อสู้ของเขาทุกคนยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
“ข้ายอมแพ้!”
“ข้ายอมแพ้!”
ครึ่งชั่วโมงถัดมา จ้าวเฟิงก็ประลองครั้งที่หนึ่งร้อยเสร็จสิ้น และเขาก็ได้รับอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์สายนอกไปอย่างง่ายดายด้วยแต้มของเขา