บทที่ 264 : แลกเปลี่ยน
“รายงานท่านเจ้าเมือง พวกเราได้ยืนยันแล้วว่าจ้าวเฟิงได้เข้าไปในภูเขาเถี่ยกานแล้ว”
ร่างเงามืดหม่นร่างหนึ่งค้อมคำนับก่อนเอ่ย
เจ้าเมืองหงหูผงกศีรษะเล็กๆ เรื่องราวไม่ได้ต่างจากที่เขาคาดการณ์นัก จ้าวเฟิงได้เข้าไปในภูเขาเถี่ยกานเพื่อไปหาอาจารย์ช่างจริงๆ
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ”
เงาร่างนั้นยังคงไม่จากไป
“จ้าวเฟิงได้ไปยังภูเขาเถี่ยกานนั้นราวกับมีเจตนาในการสร้างความวุ่นวายขึ้น”
น้ำเสียงของเงานั้นปรากฏความลังเลอยู่บ้าง
สร้างความวุ่นวาย?
หน้าผากของเจ้าเมืองหงหูกระตุก สบตากับบุตรสาว หลิวฉินซิน ครั้งหนึ่ง
การตอบสนองอย่างแรกของทั้งสองคือ: จ้าวเฟิงช่างกล้าหาญยิ่ง
อาจารย์เถี่ยกานนั้นคือผู้ใดกัน มิต้องเอ่ยถึงพลังฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง เพียงแค่ความรู้ในด้านการสร้างสิ่งของนั้น ในอาณาเขตเมืองหงหูอาจเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง
เมื่อกวาดตามองไปทั่วทั้งอาณาจักรนภา ความรอบรู้ในด้านการสร้างสิ่งของอาจเรียกได้ว่าติดหนึ่งในสิบ
ก่อนหน้า เจ้าเมืองหงหูและอาจารย์เถี่ยกานเคยได้มีเรื่องกันมาคราหนึ่ง จะไม่รู้จักถึงอีกฝ่ายได้อย่างไร
“หากจ้าวเฟิงจงใจสร้างความวุ่นวาย บางทีมันอาจเป็นปัญหา…”
สีหน้าของเจ้าเมืองหงหูย่ำแย่ลง
สถานะของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้นพิเศษ ในเขตเมืองหงหูนั้นไม่เพียงเป็นตัวของตนเอง ทว่าเป็นตัวแทนของเมืองหงหูด้วยอีกครึ่งหนึ่ง
เหตุผลนั้นเป็นเพราะตัวเขา
จ้าวเฟิงคือบุตรเขยที่เจ้าเมืองหงหูเลือกด้วยตนเอง
ความสัมพันธ์ของเจ้าเมืองหงหูและอาจารย์เถี่ยกานนั้นต่างออกไป หากจ้าวเฟิงไปสร้างความวุ่นวายขึ้นเช่นนี้ ในสายตาของผู้อื่นอาจเห็นเป็นการกระทำของตัวเขาเสียครึ่งหนึ่ง
“ท่านพ่อ พลังฝึกตนของอาจารย์เถี่ยกานนั้นยังไม่ถึงขั้นผู้วิเศษแท้ ยังไม่ใช่ปรมาจารย์ช่างสร้าง เราจำเป็นต้องหวาดเกรงเขาหรือ?”
หลิวฉินซินสงสัย
ความแข็งแกร่งของผู้เป็นบิดานั้นนางพอรับรู้อยู่บ้าง ผู้ที่อยู่ในขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปมิอาจนับเป็นคู่ต่อสู้ หากเหนือกว่านั้นจึงจะพอท้าทายอยู่บ้าง
อาจกล่าวได้ว่าผู้ที่อยู่ในขั้นนายเหนือแท้นั้น เจ้าเมืองหงหูไม่จำเป็นต้องชายตาแล
คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ คงไม่จำเป็นต้องไว้หน้านายช่างผู้หนึ่ง
“อาจารย์เถี่ยกานผู้นี้ พื้นเพเบื้องหลังมิใช่ธรรมดา เขาและลัทธิโลหะเลือดมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก มีคำเล่าขานกันว่าเขาทำหน้าที่เป็นช่างสร้างของลัทธิโลหะเลือด”
เจ้าเมืองหงหูเมื่อเอ่ยถึงยามนี้ คิ้วก็ได้ขมวดแน่น
ลัทธิโลหะเลือด
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหลิวฉินซินก็แปรเปลี่ยนไป: จ้าวเฟิงนับว่าสร้างปัญหาแล้ว
ในอาณาจักรนภา หนึ่งราชา สามสำนัก สี่ตระกูล แปดขั้วอำนาจมีพลังที่จะควบคุมอาณาจักรนภา
และหัวหน้าของสามสำนักก็คือลัทธิโลหะเลือด อำนาจของมันนั้นเมื่อเทียบกับตระกูลหลักหลิวและสำนักฉินเจี้ยนเมิ่นแล้วยังนับว่าเหนือกว่า
ไม่ต้องเอ่ยถึงตระกูลหลิวแห่งหงหูเลย กระทั่งตระกูลหลิวหลักยังไม่กล้าที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้กับลัทธิโลหะเลือดง่ายๆ
สถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรนภานั้น ราชวงศ์และลัทธิโลหะเลือดมีอำนาจเท่าเทียมกัน เป็นเช่นสายน้ำและเปลวไฟ ได้รับความนับหน้าถือตา
ราชวงศ์นั้นคือผู้ปกครอง ทว่าลัทธิโลหะเลือดคือลัทธิแห่งอาณาจักร มีอำนาจที่น่าพรั่นพรึง
“ไม่ดีแล้ว ข้าต้องไปที่ภูเขาเถี่ยกานด้วยตนเอง”
สิ้นเสียงของเจ้าเมืองหงหู ร่างของเขาพลันหายไป ใจกลางความว่างเปล่าปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ข้าจะไปดู”
ดวงตาของหลิวฉินซินปรากฎความเย็นเยียบขึ้น กระทั่งปรากฏความยินดีในความโชคร้ายของคน: เหอะ จ้าวเฟิงผู้นี้กล้าที่จะใช้สถานะบุตรเขยของเจ้าเมืองข่มขู่ผู้อื่น ทว่าสุดท้ายกลับเจอตอเสียเอง
ตำหนักเถี่ยกาน
ในโถงหลัก การมาถึงของอาจารย์เถี่ยกานได้สร้างความเงียบงันขึ้น
“… อาจารย์เถี่ยกาน ข้าเป็นตัวแทนของ ‘มหาปรมาจารย์’ มาท้าประลองท่าน”
บนใบหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏรอยยิ้มเรียบง่ายขึ้น
ร่างของอาจารย์เถี่ยกานราวกับปรากฏเปลวเพลิงสูงนับหลาขึ้น ชัดเจนว่าโกรธเกรี้ยวอย่างมาก
ทว่าเพียงสิ้นเสียงของจ้าวเฟิง ความเย่อหยิ่งของอาจารย์เถี่ยกานพลันลดลงกว่าสามส่วน
มหาปรมาจารย์?
ร่างของอาจารย์เถี่ยกานแข็งเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าชะงักงันปรากฏความงุนงง
ระดับปรมาจารย์นั้นแน่นอนว่าหากเทียบกับระดับอาจารย์แล้วยังสูงกว่า
จ้าวเฟิงเอ่ยคำว่า ‘มหาปรมาจารย์’ ออกมา ทำให้จิตใจของอาจารย์เถี่ยกานสั่นสะท้าน
อาจารย์นั้นยอดเยี่ยมมากหรือ? อย่าบอกข้าเชียวว่าเจ้ากำลังพูดถึงคนที่มีระดับสูงกว่าปรมาจารย์?
แน่นอนว่า ‘มหาปรมาจารย์’ ที่ว่านั่นจ้าวเฟิงเพียงเอ่ยขึ้นมาสุ่มๆ เพื่อกดดันอีกฝ่าย
“มหาปรมาจารย์? ในทวีปแห่งนี้ยังไม่มีกระทั่งปรมาจารย์สักคน”
“ปรมาจารย์ช่างคนล่าสุดของทวีปเหนือนั้นได้ตายไปเมื่อร้อยปีที่แล้ว…”
โถงหลักปรากฏเสียงพูดคุยขึ้น
ผู้มีฝีมือในการช่างในโลกใบนี้ยามนี้มีมาก ทว่าไม่เคยได้ยินถึงผู้ที่เป็นมหาปรมาจารย์มาก่อน อย่างน้อยในทวีปเหนือก็ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
“เด็กน้อย หากเจ้าจงใจมาที่ตำหนักเถี่ยกานเพื่อสร้างปัญหาขึ้น แม้ว่าเจ้าจะเป็นบุตรเขยของเจ้าเมืองหงหู ผู้เฒ่าก็จะไม่อภัยให้”
ใบหน้าของอาจารย์เถี่ยกานยังไม่ละความไม่พึงพอใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทว่าในยามนี้ เขาไม่ได้กระทำตนวู่วาม
เด็กหนุ่มผมเขียวครามผู้นี้ บนร่างปรากฏกลิ่นอายแปลกประหลาด นอกจากนั้นในโถงหลักนี้ เด็กหนุ่มยังเลือกเอ่ยถึงความไม่สมบูรณ์ของชิ้นงานขึ้นได้ ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของอาจารย์เถี่ยกานได้สำรวจก่อนหน้าแล้ว
จากการตัดสินของอาจารย์เถี่ยกาน ความรู้ในการสร้างสิ่งของของจ้าวเฟิงนั้นไม่เลวร้าย สายตาเฉียบแหลม ในด้านนี้อาจเรียกได้ว่าเทียบเท่าได้กับอาจารย์ช่างทั่วไป
ทว่าที่น่าชังนั้นคือ เด็กหนุ่มผู้นี้จงใจหาข้อบกพร่อง จะอย่างไรก็ตามในโลกใบนี้ย่อมไม่มีชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบ ความไม่สมบูรณ์ของแต่ล่ะชิ้นงานนั้น จ้าวเฟิงได้นำมาเอ่ยขยายให้มันดูร้ายแรงขึ้น
“ฮี่ฮี่ อาจารย์ของข้าเป็นปรมาจารย์ช่างคนใหม่ล่าสุดที่ทวีปกลาง การมาของข้าครานี้ได้นำของของท่านอาจารย์มาโดยเฉพาะ เพื่อท้าทายอาจารย์ช่างของทวีปเหนือ”
จ้าวเฟิงยังคงรักษาสีหน้าปกติเอาไว้
ระยะห่างระหว่างทวีปกลางและทวีปเหนือนั้นค่อนข้างมาก
นอกจากนั้น เท่าที่เด็กหนุ่มรู้ ทวีปกลางนั้นพัฒนาไปกว่าทวีปเหนือมากนัก
คนที่อยู่ที่นี่ยามนี้ย่อมไม่เคยไปยังทวีปกลาง ทว่าอาจารย์ที่จ้าวเฟิงเอ่ยถึงนั้นเป็นปรมาจารย์ช่างคนใหม่ของทวีปกลาง แน่นอนย่อมไม่อาจหาข้อผิดพลาดในคำพูดได้”
“งานของปรมาจารย์ช่าง?”
ดวงตาของอาจารย์เถี่ยกานพลันปรากฏประกายวูบ
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยกำลังอุ้มกระติกเหล้าองุ่นขนาดเทียบเท่าตัวมัน ล้มลงที่พื้น ทว่ายังคงดื่มของเหลวภายในเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม
“มันคือชิ้นงานของท่านอาจารย์ข้าเมื่อนานมาแล้ว”
จ้าวเฟิงยกมือขึ้นเอ่ย
ในโถงหลัก สายตาของผู้คนถูกดึงดูดไปโดยกระติกเหล้าองุ่นเบื้องหน้าแมวขโมยตัวน้อย
กระติกเหล่าองุ่นนี้ คุณภาพของวัสดุนับว่าไม่ธรรมดา
ในวินาทีที่ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของอาจารย์เถี่ยกานกวาดผ่าน สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยนไป เอ่ยถามขึ้นว่า
“กระติกนี่มีผลเช่นไร?”
เพียงสิ้นคำ
เมี้ยว เมี้ยว
ของเหลวที่เหลืออยู่ภายในกระติกถูกดื่มเข้าไปโดยแมวขโมยตัวน้อยจนหมด จากนั้นมันจึงเทน้ำลงไปส่วนหนึ่ง
เมื่อน้ำถูกเทลงไป มันก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป
ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของอาจารย์เถี่ยกานกวาดผ่าน พลันรับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาด ความตื่นตกใจพลุ่งพล่าน ยื่นมือออกไปคว้ากระติกนั้นก่อนจับจ้องอย่างหลงใหล
จ้าวเฟิงทำเพียงแย้มยิ้ม ไม่เอ่ยคำใด
ยามที่สืบมาก่อนหน้า อาจารย์เถี่ยกานมีอารมณ์หงุดหงิดรุนแรง ทว่าก็ติดสุรามากเช่นกัน
ทว่าในยามนี้ กระติกเหล้าองุ่นนั้นเพียงแค่เทน้ำเปล่าลงไป น้ำนั้นก็จะถูกหมักกลายเป็นเหล้า น่าอัศจรรย์นัก
จ้าวเฟิงได้อ่านตำราโบราณ โลกการช่างในยามนี้ยังไม่เคยปรากฏชิ้นงานลึกลับเช่นนี้ขึ้น
กระติกเหล้าองุ่นนี้ได้รับมาจาก ‘แดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ’ แม้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเข้าไปก็ยากที่จะกลับออกมา
เด็กหนุ่มกระแอมไอเล็กน้อย ทำลายสภาพมัวเมาของอาจารย์เถี่ยกานลง
แน่นอนว่าวิธีการสร้างกระติกเหล้าองุ่นนี้ รวมทั้งความสามารถพิเศษของมันได้ทำให้อาจารย์เถี่ยกานต้องตกตะลึง ในระยะเวลาอันสั้นไม่อาจวางมันลงได้
“น้องชาย เราเปลี่ยนสถานที่แล้วมาพูดคุยกันอย่างละเอียดเถอะ”
อาจารย์เถี่ยกานฝืนยิ้มขึ้นบนใบหน้า เรียกให้จ้าวเฟิงเข้าไปโดยตรง
ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนั้นอึ้งงัน
อาจารย์เถี่ยกานนั้นเลื่องชื่อในความอารมณ์ร้าย เมื่อครู่ยังเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา
ทว่าจ้าวเฟิง ผู้ที่กระทำการท้าทายเมื่อครู่ เพียงเอ่ยไม่กี่คำกลับทำให้อีกฝ่ายเชิญเข้าไปในฐานะแขก
“หลายเดือนก่อน ด้านนอกได้ปรากฏผู้ที่อยู่ในขั้นนายเหนือแท้ผู้หนึ่งมา ทว่ากลับไม่อาจกระทั่งได้พบเห็นท่านอาจารย์”
ในคำหนักเถี่ยกาน เหล่าอาจารย์ช่างและเหล่าผู้ช่วยต่างก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าว่างเปล่า
คนหลายคนกระทั่งคาดเดา: เป็นไปได้หรือไม่ว่าเด็กหนุ่มผมเขียวผู้นั้นจะเป็นศิษย์ของมหาปรมาจารย์ช่างจริงๆ?
ตำหนักเถี่ยกาน ห้องรับรอง
จ้าวเฟิงนั่งลง ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม อาจารย์เถี่ยกานมองไปยังกระติกเหล้าองุ่นในมืออย่างละเอียด สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปทุกชั่วขณะ คราแรกดูตื่นตะลึง จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นหลงใหล ก่อนจะทอดถอนใจในท้ายที่สุด
ชั่วครู่ต่อมา
อาจารย์เถี่ยกานเปิดปากเอ่ย
“อธิบายถึงเจตนาในการมาของเจ้า ปรมาจารย์ช่างในทวีปเหนือนั้นคืออาจารย์ของข้า ทวีปกลางนั้นค่อนข้างโด่งดังในด้านของอาจารย์ช่าง ผู้เฒ่าอาจจะรู้อยู่บ้าง”
ทว่าจ้าวเฟิงทำเพียงแย้มรอยยิ้ม ดูเหมือนว่า ‘มหาปรมาจารย์ช่าง’ นั้นจะเป็นที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักกันในบรรดาผู้ที่ทำอาชีพนี้
ทว่าเป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว ในยามนี้สามารถเอ่ยพูดกับอาจารย์เถี่ยกานได้โดยตรง
“การมาของข้าในครานี้ อยากให้ท่านอาจารย์ช่วยซ่อมของให้สักหนึ่งถึงสองอย่าง”
จ้าวเฟิงนำคันศรและลูกธนูหลัวซุยออกมาก่อน
อาจารย์เถี่ยกานรับคันศรและลูกธนูหลัวซุยมา ดวงตาส่องประกายแวววาวเล็กๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “งดงาม”
ทันใดนั้น มือของเขาก็ได้สัมผัสไปที่รอยสีน้ำเงินเย็นเยียบบนคันศรก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเล็กๆ อย่างช่วยไม่ได้
“คาดไม่ถึงโดยแท้ ตราวิญญาณ กลิ่นอายนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับน้ำลายของกิ้งก่ามังกรน้ำแข็งโบราณ หรือทายาทของมังกรน้ำแข็ง”
เมื่อสัมผัสได้ถึงรอยบัวหิมะนี้ อาจารย์เถี่ยกานก็ชื่นชมมันอย่างมาก
จ้าวเฟิงนึกย้อนไปอย่างช่วยไม่ได้ ในการทดสอบยอดนภา ‘เกาะพรมแดนนภา’ ที่ธารน้ำแข็งอสรพิษมังกรนั่น ทั่วทั้งธารน้ำแข็งเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก ผลึกหยาดน้ำตาลึกลับในบ่อน้ำเยือกแข็งคือสิ่งต้องห้าม กระทั่งผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงยังอาจถูกแช่แข็งในเสี้ยววินาที
“หากรอยนี้แข็งแกร่งกว่านี้ อาจจะเปลี่ยนอาวุธนี้ให้กลายเป็นอาวุธชั้นจิตวิญญาณได้ น่าเสียดาย…”
อาจารย์เถี่ยกานสั่นศีรษะในที่สุด
เมื่อจ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้นพลันปรากฏความยินดีขึ้นด้วยความคาดไม่ถึง เขามิคิดว่าคันศรหลัวซุยจะมีความสามารถมากเพียงนี้
เป้าหมายในการซ่อมจริงๆ ของเขานั้นคือผ้าคลุมเงาหยิน คันศรหลัวซุยเพียงใช้เป็นสิ่งเสริม มิคาดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
หลังจากที่ทั้งสองได้พูดคุยกันถึงข้อเสนอแล้ว จ้าวเฟิงและอาจารย์เถี่ยกานจึงได้ข้อสรุปในที่สุด
อาจารย์เถี่ยกานจะเพิ่มความสามารถให้กับคันศรหลัวซุย รวมทั้งซ่อมสิ่งของที่อยู่ในชั้นจิตวิญญาณให้อีกหนึ่งชิ้น (ไม่เกินชั้นจิตวิญญาณระดับสูง)
ทว่าวัสดุนั้นเป็นสิ่งที่จ้าวเฟิงต้องเตรียม
ในทางกลับกัน จ้าวเฟิงต้องให้ทิ้งกระติกเหล้าองุ่นนั้นไว้ที่ตำหนักเถี่ยกาน ให้อาจารย์เถี่ยกานศึกษามันสักพัก
ความจริงแล้ว
ความต้องการแต่แรกของอาจารย์เถี่ยกานนั้นคือการแลกเปลี่ยนกับกระติกเหล้าองุ่นด้วยวัสดุที่ใช้ในการเพิ่มความสามารถของคันศรหลัวซุย กระทั่งเพิ่มวัสดุที่ใช้ในการสร้างอีกจำนวนหนึ่งให้
ในที่สุดแล้ว ด้วยการต่อต้านอย่างรุนแรงของแมวขโมยตัวน้อย มันจึงล้มเหลว
หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว อาจารย์เถี่ยกานตั้งใจที่จะตรวจสอบถึงความสามารถในการสร้างสิ่งของของจ้าวเฟิง ในที่สุดจึงรับรู้ว่าในด้านนี้นั้น เด็กหนุ่มรู้เพียงในก้านของทฤษฎี
ความสามารถในการเรียนรู้ของจ้าวเฟิงนั้นแข็งแกร่ง ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ในด้านของการปรุงยา ค่ายกล และการสร้างสิ่งของในระดับหนึ่ง
ความรู้ทั้งหมด เมื่อเนตรจิตวิญญาณเทพเจ้ากวาดผ่าน ล้วนสลักลงในความทรงจำ
ดังนั้นแล้ว วัสดุแทบทั้งหมด รวมทั้งคุณสมบัติของพวกนั้น เด็กหนุ่มล้วนจดจำได้ทั้งสิ้น
“น้องชายนั้นแม้ดูธรรมดา ทว่าพรสวรรค์นั้นแตกต่างออกไป สนใจที่จะเรียนรู้ในด้านการสร้างสิ่งของกับผู้เฒ่าอย่างจริงจังหรือไม่?”
ดวงตาของอาจารย์เถี่ยกานปรากฏความเร่าร้อนขึ้น
ในยามนี้
ในชั้นเมฆเหนือภูเขาเถี่ยกาน กลิ่นอายในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้น ไอสวรรค์กระเพื่อมไหว สติของทุกคนสะท้านวูบ
“ข้าขอบังอาจเอ่ยถามท่านเจ้าเมืองหงหูได้หรือไม่ว่ามายังทีแห่งนี้มีสิ่งใดต้องการมาสั่งสอนข้า”
ยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่ทำหน้าที่คุ้มกันภูเขาเถี่ยกานสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ลมหายใจขาดช่วง
เจ้าเมืองหงหูเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าบุตรเขยไร้ความสามารถนั่นอยู่ที่นี่หรือไม่? หากเขาสร้างความรำคาญให้ก็ขอให้เหล่าผู้ฝึกตนแห่งภูเขาเถี่ยกานโปรดอดกลั้นด้วย”