บทที่ 285 : กำยานหลอนเทวา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตากราดเกรี้ยวของของทุกคน จ้าวเฟิงกลับไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันแต่อย่างใด สิ่งที่แปลกประหลาดนั้นคือ ความแข็งของแผ่นหินนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเกิดความเสียหายได้
รอยฝ่ามือตื้นๆ บนรอยแตกของแผ่นหินนั้นมีความลับอันใดกัน?
จ้าวเฟิงยืนยันได้ว่าก่อนที่เขาจะยื่นมือไป รอยฝ่ามือนั้นได้มีอยู่ก่อนหน้าแล้ว หากไม่เข้าไปตรวจดูใกล้ก็ยากที่จะสังเกตเห็น
หลังจากนั้นผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและปี้เฉี่ยวยู่ก็ได้ตรวจสอบแผ่นหินนั้นอย่างระมัดระวังด้วยกัน นำมือไปวางบนรอยมือบนแผ่นหิน รับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดบางประการ เพียงแต่ไม่ได้เกิดการสั่นสะเทือนเช่นก่อนหน้า
“แผ่นหินนี่น่าจะเป็นกุญแจเปิดปิดที่เก็บสมบัติ ทั้งอาจนำมาซึ่งอันตรายที่ไม่อาจคาดการณ์ได้”
หลังจากเอ่ยจบ ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวก็ได้ส่งสายตาเยือกเย็นและดุดันไปยังจ้าวเฟิงอย่างตักเตือน
ผู้ฝึกตนเฒ่านี้มีความเชี่ยวชาญในกลไกประตูมาก วิธีการไม่ธรรมดาทั่วไป กระทั่งฝ่ายโจรสลัดเองยังมีความเกรงกลัวอยู่หลายส่วน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ผ่านไป ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและปี้เฉี่ยวยู่ยังคงเดินนำหน้าเพื่อนำทางให้คนของฝ่ายตัวเอง
ปี้เฉี่ยวยู่เป็นอัจฉริยะด้านกลไกค่ายกล ระหว่างทางได้แก้ไขกับดักไปไม่น้อย
ทว่า ประสบการณ์ของนางยังมีไม่มากพอ บางครั้งก็ยังเชื่อไม่ได้มากนัก
ในยามนี้ นางไม่ได้ปรึกษาผู้อาวุโสจากป้อมเหิงฉุ่ย แต่กลับปรึกษาจ้าวเฟิง เอ่ยถามคำถามต่อเด็กหนุ่ม
จ้าวเฟิงพอมีความเข้าใจในค่ายกลอยู่แล้ว เมื่อรวมกับพลังดวงตาเทพเจ้าของเขาที่สามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ได้จึงทำให้เขาพอให้คำปรึกษากับปี้เฉี่ยวยู่ได้บ้าง
ผู้อาวุโสจากป้อมเหิงฉุ่ยมีความไม่พอใจอยู่บ้าง ทว่าก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกไปตรงๆ จะอย่างไร การแก้ไขค่ายกลวังน้ำวนก่อนหน้าก็เป็นฝีมือของเด็กหนุ่มผู้นี้มิใช่น้อย
เมื่อเดินมาจนจุดสูงสุดของขั้นบันไดสีเขียวดำ ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวก็ได้หยุดเดินสายตาส่องประกาย ส่งเสียงไปยังเหล่าโจรสลัดอย่างลับๆ
ปี้เฉี่ยวยู่เองก็ได้ส่งเสียงตรงไปยังคนจากป้อมเหิงฉุ่ยเช่นกัน “ทุกคนระวังตัวด้วยข้างหน้ามีกับดักซ่อนอยู่”
กับดักค่ายกลในถ้ำลับแห่งนี้บางจุดสารมารถหลบเลี่ยงได้ บางจุดยากที่จะแก้ไขทำได้เพียงแต่ทะลวงฝ่าไป
สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตัว เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
เพียงถึงบันไดขั้นบนสุด ผนังหินที่ที่ขนาบสองข้างก็ได้ปรากฏเสียง ครึกครึก ขึ้นก่อนจะปรากฏเป็นกระบอกโลหะสีเงินเย็นเยียบออกมา
บนกระบอกโลหะนั้นมีรูเล็กๆ มากมายจำนวนนับไม่ มันถ้วนหมุนอย่างรวดเร็วก่อนพ่นเข็มสีเงินเล็กบางเท่าเส้นขนของวัวออกมา
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ—-
เข็มเหล่านั้นมีความรุนแรงที่น่าตกใจ มันสามารถทะลุผ่านปราณแท้ของขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังส่องประกายสีเขียวยามสะท้อน ที่แท้มันคือเข็มอาบยาพิษ!
“รีบไป!”
ฝ่ายโจรสลัดรวมพลังกันสร้างม่านป้องกันปราณแท้ รีบมุ่งไปเบื้องหน้า
ป้อมเหิงฉุ่ยเองรีบเรียกให้ทุกคนตั้งแนวสร้างม่านป้องกันเพื่อผ่านถนนอันตรายนี้ไป
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
ทุกคนต่างใช้ทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นเข็มอาบยาพิษที่พุ่งออกมาจากทั้งสองฝั่ง คนที่พลังสูงถึงขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ใช้ปราณแท้กวาดคล้ายสายลม พัดพาเข็มพิษเหล่านั้นออกไป
คนที่มีความปราดเปรียวสามารถหลบเข็มอาบยาพิษได้ไปกว่าครึ่ง ยอมรับเข็มส่วนที่ไม่มีพิษไป
เปรี้ยะ เปรี้ยะ
ทั่วทั้งร่างของจ้าวเฟิงถูกโอบล้อมไปด้วยม่านสายฟ้าสีคราม ความแม่นยำนั้นยากจะเทียบเคียง เข็มอาบยาพิษล้วนตกลงพื้นไปพร้อมกับรอยไหม้เกรียม
เข็มพิษเหล่านั้น แม้จะมีจำนวนมาก ทว่ามีระยะโจมตีเพียงสิบหลา คนส่วนมากจึงสามารถผ่านไปได้สำเร็จ
เมื่อมองกลับไปตรงจุดลาดชันได้ปรากฏศพที่เต็มไปด้วยรูเข็มและมีของเหลวสีม่วงดำไหลออกมา เป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
เพียงเพิ่งผ่านทางลาดชันมาได้ พื้นที่เบื้องหน้าก็ได้ปรากฏพื้นสีดำขาวสลับกันไปมา
กับดักนี้มีความซับซ้อนนัก ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและปี้เฉี่ยวยู่ไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น
ครึ่ก ครึ่ก
พื้นใต้ฝ่าเท้าของยอดฝีมือป้อมเหิงฉุ่ยผู้หนึ่งพังลงโดยไร้ซึ่งสัญญาณเตือน
ไม่ดีแล้ว!
ยอดฝีมือจากป้อมเหิงฉุ่ยผู้นั้นเพิ่งจะใช้ปราณแท้กระโดดขึ้นมาจากหลุ่มอันดำมืดนั้น ทว่ากลับปรากฏกรงเล็บโลหะดึงตัวเขาลงไปทั้งอย่างนั้น
อ๊ากกกกก
เสียงร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัวดังขึ้นจากภายในหลุม ก่อนที่แผ่นพื้นสีขาวดำจะเคลื่อนปิดตัวลง ทำให้เสียงนั้นเงียบลงในทันที
ในบริเวณนี้ พื้นของถ้ำจะปรากฏกรงเล็บโลหะมาฉุดกระชากร่างของผู้คนลงไปยังฝันร้ายอันไร้ที่สิ้นสุดครั้งแล้วครั้งเล่า
กรงเล็บโลหะนั่นแปลกประหลาดนัก มันจะจับตัวของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ตัวมันมากที่สุดโดยอัตโนมัติ
มีโจรสลัดที่อวดฉลาดผู้หนึ่งลอยอยู่กลางอากาศขาไม่ติดกับพื้น ท้ายที่สุดกรงเล็บโลหะนั่นได้ดึงขาเขาขาดไปข้างหนึ่งทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
ในถ้ำนั้น พื้นที่ด้านบนมีขีดจำกัด ไม่อาจบินได้สูงนัก ดังนั้นกรงเล็บโลหะจึงสามารถจับได้โดยที่ไม่มีเรื่องของความสูงมาเป็นข้อจำกัด
ในการเดินบนพื้นสีขาวดำนี้เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวนัก
ความเร็วของการคว้าจับของกรงเล็กเหล็กนั้นมากนัก กระทั่งผู้ที่มีพลังขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงจากป้อมเหิงฉุ่ยยังเกือบจะถูกจับไป โชคดีที่นายท่านปี้ช่วยเหลือไว้ได้ทัน
จ้าวเฟิงเดินอย่างระมัดระวัง ดวงตาเทพเจ้าของเขาสามารถมองผ่านพื้นสีขาวดำนี้ไปได้อย่างลางๆ สามารถเห็นกลไกซับซ้อนด้านในได้
การออกแบบกลไกค่ายกลนั้นย่อมพิจารณาถึงประสาทสัมผัสจิตวิญญาณเอาไว้ ดังนั้นประสาทสัมผัสหลายอย่างจึงถูกจำกัดเอาไว้
“ระวัง!”
จ้าวเฟิงยื่นมืออกไปคว้ามือของปี้เฉี่ยวยู่และดึงไปอีกฝั่งหนึ่ง
แคร่ก!
พื้นสีขาวดำเบื้องหน้าปี้เฉี่ยวยู่ร่วงหล่นลงอย่างกะทันหัน กรงเล็บโลหะได้พุ่งออกมาสุดตัว หลังจากที่พลาดเป้าก็ได้เปลี่ยนทิศทางมาจับจ้าวเฟิงแทน
จ้าวเฟิงเบี่ยงร่างไปครึ่งนิ้ว หลบเลี่ยงกรงเล็บโลหะที่พุ่งออกไปกระแทกพื้นจนเกิดประกายไฟ
เด็กหนุ่มแย้มยิ้มบาง เท้าข้างหนึ่งเหยียบกรงเล็บไว้บนพื้น
แต่กรงเล็บโลหะมีพลังแข็งแกร่ง สุดท้ายได้กระชากตนเองกลับไปยังหลุมดำสนิทนั้นอีกครั้ง
“ขอบคุณ กลไกนี้ซับซ้อนนัก กระทั่งข้าก็ไม่อาจแน่ใจได้”
ปี้เฉี่ยวยู่ไอและแลบลิ้นออกมา
นายท่านปี้ที่อยู่ใกล้ๆ ผงกศีรษะอย่างเงียบๆ
ความช่วยเหลือและความสามารถของจ้าวเฟิงนั้นไม่อาจดูแคลนได้ หรือมิเช่นนั้นปี้เฉี่ยวยู่ที่มีพลังฝึกตนน้อย ประสบการณ์ไม่เพียงพอ มีหรือจะสามารถเทียบเคียงผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวได้
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวฝ่ายโจรสลัด กวาดสายตาเย็นชามืดทะมึนไปยังใบหน้าของจ้าวเฟิง
“ไอ้เด็กผมฟ้านี่…”
สายตาของฉานเซว่ตูอิงปรากฏความอำมหิตออกมา ความเย็นแพร่กระจายไปในอากาศวูบหนึ่ง
หากไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิง ฝ่ายป้อมเหิงฉุ่ยย่อมมีคนได้รับบาดเจ็บมากกว่าฝ่ายโจรสลัด ทว่าการคงอยู่ของเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ทำให้คนทั้งสองฝ่ายเสมอกันอีกครั้ง
ในถ้ำลับ กลไกในแต่ล่ะส่วนเริ่มยากเย็นขึ้นเรื่อยๆ แทบจะเอาชีวิตไม่รอด
ทุกช่วงที่เดินผ่านไปจะต้องทิ้งร่างของคนไว้หนึ่งถึงสองร่าง
จ้าวเฟิงไม่ได้เรียนรู้เรื่องกลไกมา ทว่าด้วยความสามารถในการมองของดวงตาเทพเจ้าจึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างจริงจัง
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม
กำลังคนของทั้งสองฝ่าย ผู้ที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่านภาที่เจ็ดล้วนสิ้นชีพไปจนหมดสิ้น เว้นเสียแต่ปี้เฉี่ยวยู่ที่ได้รับการปกป้องจึงไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
ในยามนี้
เบื้องหน้าปรากฏศาลาหยกแกะสลักอันงดงามอยู่ ศาลานั้นมีรูปลักษณ์เก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต ส่งกลิ่นหอมออกมา ทั้งยังไม่มีร่องรอยของกลไกใดๆ
“ถ้ำลับนี้ออกแบบมาเพื่อเป็นสุสาน หากผ่านที่แห่งนี้ไปได้ก็จะสามารถเข้าไปยังใจกลางที่ไว้เก็บสมบัติได้”
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวแย้มยิ้มออกมา
ที่ผ่านมาเขาได้แก้กับดักกลไกไปไม่น้อย สำหรับฝั่งโจรสลัดแล้วผลงานของเขานั้นไม่อาจนับว่าน้อยได้
นายท่านปี้แย้มยิ้มกว้าง เอ่ยชมปี้เฉี่ยวยู่อยู่หลายประโยค และยังแสดงความขอบคุณจ้าวเฟิงที่ช่วยเหลือในครั้งนี้
ต่อมา ศาลาเก่าแก่ที่ส่งกลิ่นหอมบางประการออกมานี้ เมื่อมองไปไม่มีกับดักกลไกใดๆ อยู่
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกวาดสำรวจไปครั้งหนึ่ง ทว่าไม่พบกับดักใด
“บางทีอาจจะพ้นจากอันตรายแล้ว”
ผู้นำตระกูลปี้ปรากฏสีหน้ายินดีขึ้น
ผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวและปี้เฉี่ยวยู่ใช้มือเคาะไปยังไม้ที่ใช้สร้างศาลาขึ้นอย่างระมัดระวัง
มันเป็นศาลาที่เก่าแก่นัก โดยเฉพาะไม้ที่ใช้เป็นวัสดุในการสร้างที่ได้ส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมา ทำให้ผู้คนตกอยู่ในห้วงความสุขที่ยากจะถอนตัวขึ้นมาได้
จ้าวเฟิงมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กๆ รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
ถ้ำลับที่ใช้เก็บสมบัตินี้มีประวัติความเป็นมาเกือบร้อยปี เหตุใดจึงปรากฏกลิ่นหอมสดชื่นเช่นนี้ขึ้นได้?
“ไม่ถูกต้องแล้ว!”
สีหน้าของผู้ฝึกตนเฒ่าชุดเขียวแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ศาลาแห่งนี้มีส่วนผสมของกำยาน!”
“เราไม่ควรสัมผัสสิ่งก่อสร้างพวกนี้…”
ร่างบอบบางของปี้เฉี่ยวยู่อ่อนระทวย ใบหน้าแดงก่ำ ไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคง
กองกำลังของทั้งสองฝ่ายรับรู้เพียงว่าโลหิตในร่างไหลอย่างรวดเร็ว ไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าภายในร่างราวกับปรากฏกองเพลิงกองหนึ่งขึ้น บัดนี้เรือนร่างอ้อนแอ้นของปี้เฉี่ยวยู่ได้สร้างแรงราคะขึ้น ร่างกายเกิดความกำหนัดขึ้นตามสัญชาตญาณ
“ไม่ดีแล้ว! นี่อาจจะเป็น ‘กำยานหลอนเทวา’ ที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ใช้ยามที่สร้างความวุ่นวายไปทั่วแผ่นดิน กลิ่นหอมนี้จะทำให้ร่างกายของคนสูดดมอ่อนแอ ไม่อาจควบคุมแรงราคะของตน กระทั่งทำให้เกิดภาพลวงตา และฤทธิ์ของมันยังใช้ได้ผลกับสตรีมากกว่าบุรุษหนึ่งเท่า”
ใบหน้าของนายท่านปี้ขาวซีด เอ่ยพูดออกมา
กำยานหลอนเทวา!
ความคิดของผู้คนพร่าเลือน แรงราคะในร่างของเหล่าบุรุษราวกับภูเขาไฟปะทุที่กำลังจะระบิดออกมา ไม่อาจที่จะปิดกั้น
ทั้งในสมองของพวกเขายังปรากฏภาพลวงตา ผลักดันให้จมลงสู่เปลวเพลิงแห่งราคะยิ่งไปอีก
ฝั่งโจรสลัด มีโจรสลัดสตรีผู้หนึ่ง ดวงตาเลื่อนลอย เริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าของตนเอง
ฮ่าห์! ฮ่าห์!
เหล่าโจรสลัดส่งเสียงคำรามและพุ่งไปยังร่างของโจรสลัดสตรีผู้นั้น ไม่นานก็ดึงทึ้งเสื้อผ้านางจนหมดสิ้น เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวนวล ทำให้ลมหายใจพวกเขารุนแรงขึ้น
โจรสลัดบางคนที่ยังมองไปยังปี้เฉี่ยวยู่ที่อยู่ข้างจ้าวเฟิง
ปี้เฉี่ยวยู่ใบหน้าแดงก่ำ ผิวทั่วทั้งร่างแดงก่ำราวกับหยก สายตาปรากฏความกระหายอยาก เรือนร่างอ้อนแอ้นสั่นสะท้านเล็กๆ ทิ้งร่างลงไปยังจ้าวเฟิงอย่างกะทันหัน
“ปึก!”
“หยุด!”
ในช่วงเวลาวิกฤต สองผู้มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ลงมือ
ทว่า ด้วยอำนาจของกำยานหลอนเทวานั้นแข็งแกร่งนัก มันได้แทรกซึมเข้าไปในร่าและจิตใจ คนส่วนมากการเคลื่อนไหวติดขัด ไม่อาจที่จะควบคุมจิตใจและความต้องการของตนเองได้
ฝั่งป้อมเหิงฉุ่ย ชายวัยกลางคนสองคนและชายชราคนหนึ่งส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่า พุ่งตรงไปยังปี้เฉี่ยวยู่
แคว่ก!
เสื้อผ้าปี้เฉี่ยวยู่ถูกฉีกออก เผยให้เห็นผิวสีแดงก่ำและหยกสีชมพูคู่หนึ่ง ราวกับแสงสว่างในความมืดมิด สร้างเสียงกลืนน้ำลายให้ดังเพิ่มขึ้น
ฤทธิ์ของกำยานหลอนเทวานั้นมีผลต่อทั้งสตรีและบุรุษ โดยเฉพาะกับสตรีที่ร่างกายจะอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเป็นพิเศษ
จ้าวเฟิงเพียงคิดว่าร่างอ้อนแอ้นของปี้เฉี่ยวยู่นั้นยังเติบโตไม่เต็มที่แม้ว่าจะมีเรือนร่างนุ่มนิ่มและกลิ่นหอม ริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้นได้จูบไปที่ลำคอของจ้าวเฟิง
โฮก! โฮก!
คนจากป้อมเหิงฉุ่ยและกลุ่มโจรสลัดราวห้าหกคนต่างมุ่งมาที่ปี้เฉี่ยวยู่ที่อยู่ในอ้อมอกของจ้าวเฟิง
สถานการณ์ในยามนี้
ผู้มีพลังในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้ฉุดรั้งสติของตนเองไว้อย่างยากลำบาก ทำลายจะหลุดการควบคุมได้ทุกขณะ
พลังของกำยานหลอนเทวานั้นกระทั่งส่งผลต่อพลังของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง
หากฉานเซว่ตูอิงและนายท่านปี้เป็นสตรีย่อมได้รับผลเป็นสองเท่า ต้องนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้น ไม่อาจขัดขืน
สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ในยามนี้คือเอ่ยตวาดและเค้นปราณจิตวิญญาณออกมาป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้
“เฉี่ยวยู่…”
ผู้นำตระกูลปี้คำรามออกมาอย่างตระหนก ทว่าเพียงแค่การป้องกันตนเองก็ยากลำบากเพียงพอแล้ว หากเขาไม่เค้นพลังออกมาปกป้องตัวเองไว้ เกรงว่าตนเองย่อมกลายเป็นเดรัจฉานเช่นคนเหล่านั้น
นายท่านปี้สกัดยอดฝีมือป้อมเหิงฉุ่ยสองคนเอาไว้
ทั้งสองได้แต่มองเหล่าสัตว์เดรัจฉานมุ่งตรงไปยังปี้เฉี่ยวยู่ที่เป็นราวกับลูกแกะน้อยอย่างหมดสิ้นหนทาง เด็กหญิงหลับตาลงตามสัญชาตญาณ
ในเวลาเดียวกัน สตรีโจรสลัดผู้นั้นทั้งร่างก็ท่วมไปด้วยน้ำลายจากคนเจ็ดแปดคน ร่างขาวสะอาดแทบจะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ จากเหล่าหมาป่าที่หิวโหย
เมื่อเห็นว่าปี้เฉี่ยวยู่กำลังจะตกอยู่ในฝันร้ายอันไร้ที่สิ้นสุดนั้น
โฮก! โฮก!
คนห้าหกคนน้ำลายไหลเอ่อด้วยความกระหายอยาก ทะยานร่างตรงไปยังเด็กหญิง ห่างเพียงเอื้อมมือ!
จ้าวเฟิงถอนหายใจก่อนดึงผ้าปิดตาสีเงินออก ดวงตาสีฟ้าอ่อนเย็นเยียบได้กวาดร่างของคนใกล้ๆ ทั้งหมดให้กระจายออกไปในเสี้ยววินาที
ในเสี้ยววินาทีนั้น พลังจิตเย็นเยียบที่ไม่อาจมองเห็นก็ได้แทรกซึมเข้าไปในอากาศ
เหล่าผู้คนที่ตกอยู่ในห้วงราคะ ทั่วทั้งร่างแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งราคะอ่อนแสงลง ราวกับถูกแช่แข็งไปด้วย