บทที่ 448 ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ
ในห้องใต้หลังคาของเรือน
องค์หญิงจิงกลับจากการหวนคิดสั้นๆ นัยน์ตากลับมากระจ่างใสเช่นเดิม
ทว่าสิ่งที่เฝ้ารอนางอยู่ก็คือสายตางุนงงสงสัยจากผู้คนทั่วทุกทิศ
“น้องเก้า เจ้ารู้จักจ้าวเฟิงผู้นี้ได้อย่างไรหรือ?”
องค์ชายสามเอ่ยถามด้วยท่าทีอดรนทนไม่ได้
สองปีก่อน จ้าวเฟิงผู้ครองตำแหน่งอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสิบสามแคว้นได้หลบหนีออกไป ทั้งยังถูกตั้งค่าหัวตามไล่ล่า
หากจะพูดตามตรง
ระหว่างจ้าวเฟิงและองค์หญิงจิงไม่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใดๆ ระหว่างกัน
หากรู้จักกันจริง แล้วเหตุใดองค์หญิงจิงจึงเอ่ยว่า: ข้ารู้จักเขา แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้จักข้าหรือไม่
“จ้าวเฟิงผู้นี้แม้จะยังอายุไม่มากนัก ทว่าพลังฝึกตนกลับสูงถึงชั้นผู้วิเศษแท้ ยากที่จะจินตนาการนักว่าอัจฉริยะเช่นนี้จะมาจากแคว้นเมฆา แม้จะกวาดตามองทั่วทั้งทวีป เขายังนับเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ยากจะหาผู้ใดเทียบเคียง”
ผู้เฒ่าเจียงอดที่จะเอ่ยอย่างสะเทือนใจไม่ได้
นัยน์ตาขององค์หญิงจิงส่องประกายวูบ ทว่าไม่ได้เอ่ยตอบในทันที
หากให้คนทั่วไปรู้ว่าจ้าวเฟิงคือผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ชั้นแนวหน้าในงานชุมนุมเซียนมังกรจะสร้างความตื่นตะลึงและแรงสั่นสะเทือนให้แคว้นเมฆาแบบใดกัน?
คนจากยุทธภพเข้าใจอย่างชัดเจนว่าแคว้นเมฆา เมื่อเทียบกับทั้งทวีปแล้วนับเป็นเพียงสถานที่ห่างไกล
ในอดีต แคว้นเมฆาสามารถส่งคนไปเช้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกรได้หลายคน นั่นนับว่าเป็นอดีตอันรุ่งโรจน์ยากที่จะข้ามผ่านแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอย่างระมัดระวังรอบคอบแล้ว องค์หญิงจิงจึงตัดสินใจ
“ข้าเคยเห็นจ้าวเฟิงในงานชุมนุมเซียนมังกร ความสามารถของเขานับว่าน่าตื่นตะลึงจริงๆ อาจเรียกได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะในงานชุมนุมเซียนมังกร”
องค์หญิงจิงแย้มยิ้มบาง
นางปกปิดความสำเร็จอันน่าตื่นตะลึงสุดท้ายในงานชุมนุมเซียนมังกรของ
จ้าวเฟิงเอาไว้ เหตุผลที่นางปิดบังเป็นเพราะพิจารณาถึงความปลอดภัยของอีกฝ่าย
จ้าวเฟิงมีพลังน่าครั้นคราม แข็งแกร่งเหนือผู้ใด แต่จะอย่างไรก็เป็นเพียงอัจฉริยะรุ่นใหม่
หากให้ ‘พันธมิตรมังกรโลหะ’ ล่วงรู้ว่ามีศัตรูเป็นถึง ‘ผู้ถูกเลือก’ ดวงดาวอันรุ่งโรจน์ไร้ผู้ใดเทียบเคียงก็กลัวแต่ว่าจะสร้างความหวาดหวั่น ทำให้พวกมันทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะบดขยี้เด็กหนุ่มผู้นั้น
ความคิดขององค์หญิงจิงนับว่าถูกต้อง แต่นางไม่รู้ว่าหลังจากที่จ้าวเฟิงเช้าไปในมรดกต่างแดนแล้วได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพียงใด
นางไม่ได้ติดหนึ่งในร้อยอันดับแรกของงานชุมนุมเซียนมังกร ไม่ได้เช้าไปในมรดกต่างแดน ดังนั้นจึงกลับมายังแคว้นเมฆาอย่างรวดเร็ว
“มิคาดว่าจ้าวเฟิงผู้นี้จะได้เช้าร่วมงานชุมนุมเซียนมังกรด้วย”
ผู้คนในห้องใต้หลังคารู้สึกตระหนักขึ้นได้
ไม่แปลกใจเลยที่องค์หญิงจิงจะรู้จักจ้าวเฟิง
ทว่าทุกคนยังคงมีจุดที่ติดใจอยู่ เหตุใดหลังจากที่องค์หญิงจิงรู้ว่าอีกฝ่ายคือจ้าวเฟิงจึงได้ตื่นเต้นดีใจเพียงนั้น ท่าทีผิดปกติยิ่งนัก
ผู้เฒ่าเจียงคาดเดาเล็กๆ ว่าความสามารถของจ้าวเฟิงในงานชุมนุมเซียนมังกรต้องเกินกว่าจินตนาการเป็นแน่ จะอย่างไรพลังฝึกตนของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาอยู่ในจุดนั้นได้
ชายชรามั่นใจว่าองค์หญิงจิงต้องปกปิดบางอย่างเอาไว้
ทว่าในเมื่อองค์หญิงจิงไม่เอ่ย พวกเขาเองก็ไม่ควรที่จะสอบถามต่อไป
ในเสี้ยวพริบตา เวลา 5-6 วันได้ผ่านพ้นไป
เวลาส่วนมากของจ้าวเฟิงอยู่ในห้วงการหลับลึก
องค์หญิงจิงอยู่ข้างกายของจ้าวเฟิงคอยดูแลอีกฝ่าย มักจะสร้างเสียงรบกวนด้วยการหัวเราะหยอกล้อกับแมวขโมยตัวน้อย
ในระหว่างนั้น
จ้าวเฟิงได้สติขึ้นมาหลายครั้ง ดวงตาซ้ายส่องประกายสีฟ้าราบเรียบ นัยน์ตาเย็นเยียบกัดกร่อนไปถึงหัวใจ
เมื่อเทียบกับในงานชุมนุมเซียนมังกร กลิ่นอายบรรยากาศของดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงได้ราวกับหลอมละลายลง ให้ความรู้สึกราวกับเป็นสายน้ำ
กลิ่นอายนี้ใกล้เคียงกับองค์หญิงจิงที่ฝึกฝนเสวียนอ้าวแห่งสายน้ำยิ่งนัก
สายตาของเด็กหนุ่มผมฟ้าผู้นั้นลึกล้ำยิ่งขึ้น ราวกับมหาสมุทรอันลึกล้ำ
ทุกครั้งที่องค์หญิงจิงมองเข้าไปในดวงตานั้น จิตใจจะร่วงหล่นลงสู่หุบเหวอันไร้ก้นบึ้ง ไม่อาจที่จะฉุดรั้งตนเองออกมาได้
เด็กหนุ่มที่เป็นราวเทพเซียนผู้นี้ สายเลือดดวงตาของเขาได้สร้างตำนานขึ้นในงานชุมนุมเซียนมังกร ตัวนางเองก็เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
ทว่า
สิ่งที่ทำให้องค์หญิงจิงผิดหวังคือ เวลาที่จ้าวเฟิงได้สติขึ้นมาค่อนข้างสั้น ไม่นานก็จะหลับลึกต่อไป และในช่วงที่ได้สติ สีหน้าของจ้าวเฟิงยังเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน ชัดเจนว่าไม่รู้จักองค์หญิงจิง สีหน้าจึงราบเรียบ ทำเช่นนางเป็นเพียงคนที่ผ่านไปมา
ใจขององค์หญิงจิงวูบโหวง ทว่าทั้งหมดเป็นเรื่องที่นางคาดเอาไว้แล้ว เป็นเรื่องที่มีเหตุผล นางเพียงแค่หวังมากเกินไปเท่านั้น
“จ้าวเฟิง ท่านอาจารย์ของข้าจะออกมาในอีกหลายวัน เขาคือผู้นำของ ‘พันธมิตรสังหารมังกร’ หวังว่าท่านจะสามารถไปเจอได้ในยามนั้น”
องค์หญิงจิงแย้มยิ้มน่ารัก ใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดในการบอกข่าวนี้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตาดำของจ้าวเฟิงก็หดเล็กลงเล็กๆ ผงกศีรษะ
เวลาส่วนมากของเขาอยู่ในห้วงการหลับลึก แต่เป้าหมายนี้ยังคงชัดเจน
การพบกับ ‘ผู้เฒ่าซู’ ผู้นำของพันธมิตรสังหารมังกรคือหนึ่งในเป้าหมายหลักของจ้าวเฟิงในดินแดนของสมบัตินภา
จ้าวเฟิงคำนวณว่าตนเอง ‘พักผ่อน’ อีกสัก 2-3 ครั้งก็คงจะสามารถพบกับผู้เฒ่าซูได้
ไม่นาน
จ้าวเฟิงก็รู้สึกเหนื่อยล้า หลับใหลไปอีกครั้ง
องค์หญิงจิงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ออกจากห้องใต้หลังคา เบื้องหลังคือแมวขโมยตัวน้อยที่แยกเขี้ยวแสยะยิ้ม
นางเช้าใจว่าเมื่อมีแมวขโมยตัวน้อยคอยป้องกัน ความปลอดภัยของจ้าวเฟิงก็ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล
ดึกในยามค่ำคืน
หมู่บ้านที่ก้นหุบเหวนี้พลันปรากฏเสียงบางสิ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว
ฟู่ว
สายลมรุนแรงทะยานลงมาจากก้อนเมฆราวกับภูเขาสูงใหญ่ เหมือนกับคลื่นเชี่ยวกรากที่สาดซัดโขดหิน ท่ามกลางสายลมรุนแรงได้ปรากฏเงาร่างขึ้นตามด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแปลกประหลาด
“ศัตรูบุก”
ยามกะกลางคืนของหมู่บ้านร่างสั่นสะท้าน ลมหายใจติดขัด รวบรวมพลังทั่วทั้งร่างจึงเค้นคำสองคำออกมาได้ที่สุด
“ไม่ดีแล้ว ศัตรูบุก”
หมู่บ้านที่เงียบสงบท่ามกลางแสงจันทร์พร่าเลือนพลันปรากฏเสียงร้องขึ้น
หัวใจขององค์หญิงจิงกระตุกวูบ แหงนศีรษะขึ้นมอง ท่ามกลางท้องนภาที่พร่างพรายด้วยแสงจันทร์ได้ปรากฏตาข่ายสีเทาดำขนาดยักษ์ครอบเอาไว้
ตาข่ายสีเทาดำนั้นได้ปรากฏร่างที่สวมใส่หน้ากากโครงกระดูก 5-6 ร่างล้อมรอบบริเวณหนึ่งลี้ พลิ้วกายลงจากก้อนเมฆ สร้าง ‘ตาข่ายโลหะ’ สีดำหม่นขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหมู่บ้าน
“บัดซบ นี่คือตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะของพันธมิตรมังกรโลหะ มีพลังของชั้นนายเหนือแท้เป็นตัวตั้งต้น ใช้ในการโจมตียามค่ำคืนโดยเฉพาะ ยอดฝีมือที่อยู่ในบริเวณนั้นจะถูกฆ่าในยามหลับใหล”
ใบหน้างดงามขององค์หญิงจิงขาวซีด
‘ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ’ คือค่ายกลสังหาร โดยปกติแล้วใช้ผู้ฝึกตนชั้นมนุษย์แท้ 1-2 คนจัดการ และใช้ยอดฝีมือในนภาที่หกถึงเจ็ดคอยสนับสนุน
ลักษณะของค่ายกลสังหารนี้คือสามารถตั้งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ ทว่ามีลักษณะแข็งคล้ายโลหะ ทำให้คนที่ถูกกักขังไม่อาจที่จะหลบหนีออกไปได้แม้จะมีปีก
ในยามนี้
เมฆมืดครึ้มจาก ‘ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ’ ได้ปิดบังท้องฟ้าเหนือหมู่บ้าน ส่องประกายเย็นเยียบของโลหะออกมา
“ฮ่า… ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะถูกเหวี่ยงออกไปแล้ว ภายใต้ตาข่ายแห่งความตายนี้ พวกเจ้าก็เป็นเหมือนนกในกรง เจ้าพวกเศษเหลือของเจ็ดสำนักสมบัตินภาจงยอมแพ้แต่โดยดีเถอะ”
บุรุษหัวล้านร่างอ้วนท้วมในชุดสีดำแดงปรากฏขึ้นที่กำแพงริมหน้าผาห่างออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีอย่างยากจะเทียบ
“ผู้อาวุโสหลัก ไม่คิดว่าเราไล่ตามร่องรอยของเด็กผมฟ้านั่นมาจะสามารถมาถึงฐานทัพหลักของ ‘พันธมิตรสังหารมังกร’ ได้ ครั้งนี้ตำหนักสิบแปดของพวกเราดูเหมือนจะมีโอกาสสร้างผลงานอันดีแล้ว”
“ภารกิจนี้ ตำหนักสิบแปดของพวกเราใช้กำลังเกือบทั้งหมดในการสร้างตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ ย่อมสามารถฆ่าคนทั้งหมดได้ยามหลับใหล แม้ว่าผู้เฒ่าซู่แห่งพันธมิตรสังหารมังกรนั่นจะแปลกประหลาด ทว่าก็คงยากจะมีชีวิตรอดไปได้”
บนกำแพงผาได้ปรากฏร่างหลายร่างขึ้น ทว่าความน่าเกลียดของพวกมันล้วนอยู่ในระดับเดียวกัน
กลิ่นอายของผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงมี 3-4 คน ชั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงหลายคน ไม่นับสองยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสองคนที่สร้าง ‘ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ’ ขึ้น
คนทั้งหมดนำมาโดย ‘บุรุษร่างอ้วนหัวล้าน’ ในชุดสีดำแดง
หมู่บ้านเบื้องล่าง หลังจากที่วุ่นวายกันอยู่สักพัก ยอดฝีมือของพันธมิตรสังหารมังกรก็ได้สร้างแนวป้องกันขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทว่า
คนส่วนมากในหมู่บ้านมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
พันธมิตรมังกรโลหะถึงชั้นใช้กำลังทั้งหมดในตำหนัก ทั้งยังจู่โจมยามกลางคืน ที่น่าหวาดกลัวไปกว่านั้นคือมันยังได้ใช้ ‘ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ’ ด้วย
“เมื่อตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะถูกสร้างขึ้นแล้ว ผู้ที่มีพลังฝึกตนต่ำกว่าชั้นผู้วิเศษแท้จะไม่อาจหลบหนีไปได้แม้จะมีปีก เหมือนกับปักษาที่ติดอยู่ในกรง”
ท่าทีของผู้เฒ่าเจียง องค์ชายสาม และคนอื่นๆ ราวกับตายมาแล้วหลายปี คนของพันธมิตรสังหารมังกรในหมู่บ้านสร้างค่ายกลป้องกันขึ้น
“ทุกคนอย่าได้ลนลาน พวกเราร่วมมือกันยังพอมีพลังต่อต้าน”
“ข้าเชื่อว่าผู้เฒ่าซูจะออกมาในไม่ช้า ในช่วงเวลาสำคัญต้องลงมือช่วยเราขับไล่ศัตรูที่ทรงพลังไปแน่”
น้ำเสียงอ่อนโยนไพเราะขององค์หญิงจิงดังก้องไปทั่วพื้นที่
เรื่องเร่งด่วนคือ
นางต้องสร้างขวัญกำลังใจให้กับกองกำลังก่อนจึงจะพอมีแรงต่อสู้
ทันทีที่ผู้คนได้ยินชื่อ ‘ผู้เฒ่าซู’ จิตใจก็มั่นคง นัยน์ตาปรากฏจิตต่อสู้และความหวังขึ้น
“ตำหนักสิบแปดของพันธมิตรมังกรโลหะใช้กำลังทั้งหมดที่มี ผู้อาวุโสหลักสิบแปดเองก็เป็นที่เลื่องลือในความเจ้าเล่ห์และแข็งแกร่งในการป้องกัน มักจะใช้วิธีต่อสู้ยืดเยื้อ”
องค์หญิงจิงมองไปยังศัตรู ในใจอดปรากฏความขมขื่นและสิ้นหวังไม่ได้
พันธมิตรมังกรโลหะมีผู้อาวุโสหลัก 36 คน ควบคุม 36 ตำหนัก
ผู้อาวุโสหลักคือหัวเรี่ยวหัวแรงของพันธมิตรมังกรโลหะ คนผู้หนึ่งสามารถต่อกรกองทัพได้ มักจะมีพลังฝึกตนชั้นผู้วิเศษแท้ขึ้นไป กระทั่งผู้ฝึกตนชั้นผู้วิเศษแท้บางคนยังไม่อาจเป็นผู้อาวุโสหลักของพันธมิตรมังกรโลหะได้
“ในหมู่บ้าน ยอดฝีมือชั้นผู้วิเศษแท้ขึ้นไปมีสองคน ผู้เฒ่าซูกำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ พลังตกลงสู่ชั้นผู้วิเศษแท้ อีกคนอยู่ในห้วงหลับลึก…”
องค์หญิงจิงคำนวณพลังต่อสู้ของฝ่ายตนเองและศัตรู
อย่างแรก ในด้านพลังต่อสู้ พันธมิตรสังหารมังกรในหมู่บ้านไม่มีสิ่งใดที่เหนือกว่าเลยแม้แต่น้อย จากนั้น จำนวนยอดฝีมือชั้นมนุษย์แท้ในฝั่งพันธมิตรมังกรโลหะยังมีมากกว่าในหมู่บ้านหลายคน
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ
พันธมิตรมังกรโลหะใช้การจู่โจมยามค่ำคืน ชิงลงมือก่อนควบคุมสถานการณ์ สร้าง ‘ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ’ ปิดกั้นทางเช้าออกหมู่บ้าน ยิ่งเวลาผ่านไป กำลังเสริมของพันธมิตรมังกรโลหะจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสหลักสิบแปดผู้นี้คือผู้ที่เชี่ยวชาญในทำสงครามยืดเยื้อมากที่สุด
“พี่น้อง ปิดกั้นหมู่บ้าน แม้แต่แมลงตัวเดียวก็อย่าให้เล็ดรอด รอให้ยึดหมู่บ้านได้ องค์หญิงอะไรนั่นจะกลายเป็นของเล่นของพวกเจ้า”
ไขมันบนใบหน้าของบุรุษร่างอ้วนหัวล้านบนกำแพงผาสั่นสะเทือนเล็กๆ
สายตาที่แข็งแกร่งของเขากวาดมอง ‘องค์หญิงจิง’ ในหมู่บ้าน
สิ้นเสียง สมาชิกพันธมิตรมังกรโลหะต่างก็เตรียมตัวต่อสู้อย่างกระตือรือร้น อดที่จะเลียริมฝีปากไม่ได้
ทว่า
ผู้อาวุโสหลักสิบแปดไม่ได้เร่งรีบโจมตี ทำเพียงค่อยๆ จัดการกองทัพโอมล้อมหมู่บ้าน
“ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เราก็ยิ่งได้เปรียบ คนในหมู่บ้านแม้อยากจะหลบหนีออกไปก็ต้องฝ่าออก เราทำเพียงรอผลผลิตโดยไม่ต้องลงมือ”
บุรุษร่างอ้วนหัวล้านยืนสบายอยู่บนผนังผา ดูเหมือนกับเทพที่เหลวแหลก สีหน้าลึกล้ำเยือกเย็น
ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของเขากวาดไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
เด็กหนุ่มผมฟ้านาม ‘จ้าวเฟิง’ ที่ถูกรายงานมาว่ามีพลังในชั้นผู้วิเศษแท้นั้น เขาย่อมเตรียมการรับมือมาแล้ว
“ฆ่า”
ในหมู่บ้าน ผู้คนนำโดยองค์หญิงจิง ผู้เฒ่าเจียง และยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงคนอื่นๆ เริ่มการทะลวงฝ่าครั้งแรก
เปรี้ยง
ท้องฟ้าหม่นมัวเหมือนเช่นเมฆดำที่ไม่จางหายส่องประกายไฟออกมา
ผู้ที่แข็งแกร่งในชั้นผู้วิเศษแท้สามารถสร้างรอยแตกเล็กๆ ได้ แต่ว่าตาข่ายสีหม่นนั้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็วด้วยพลังของค่ายกล
ตุบ ตุบ
ในการทะลวงฝ่าครั้งแรก พันธมิตรสังหารมังกรต้องทิ้งศพไว้ 4-5 ศพ ทว่าพันธมิตรมังกรโลหะตายไปเพียงหนึ่งคน
‘ตาข่ายเมฆาเหล็กมรณะ’ เป็นเหมือนกับคูเมืองธรรมชาติ ไม่อาจเทียบกับเมืองที่ยังไม่ทันเจริญได้ หากต้องการฝ่าออกไปด้วยกำลังก็จำต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม
ใจขององค์หญิงจิง ผู้เฒ่าเจียง และยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงคนอื่นๆ ใจพลันหล่นวูบ