บทที่ 83 : ความสามารถแฝงในอนาคต
ภายในห้องโถงนั้น เด็กหนุ่มสาวทั้งสิบต่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง
จ้าวเฟิงมุ่นคิ้วของเขา เด็กหนุ่มปฏิเสธที่จะเชื่อว่าไม่มีแม้สักคนที่จะเข้าสายตาของเจ้าเมืองกว่านจวิน
“เก้าขั้นแห่งหนทางผู้ฝึกตนนั้นเป็นเพียงพื้นฐาน ในสถานที่แห่งนี้ พลัง พลังฝึกตน และวิชาล้วนไม่สำคัญหาเจ้าไม่อาจเข้าสู่ขอบเขตถัดไปได้” เสียงของเจ้าเมืองกว่านจวินดังก้องทั่วห้องโถง
คำกล่าวเหล่านั้นสร้างความเข้าใจกึ่งหนึ่ง แปลกประหลาดกึ่งหนึ่งให้กับเหล่าเด็กหนุ่มสาว มีเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่สามารถเข้าใจถึงความหมายของคำกล่าวนั้น
“จากสิ่งที่เขากล่าว เก้าขั้นแห่งหนทางผู้ฝึกตนเป็นเพียงพื้นฐาน… ในขั้นนี้แม้ว่าพลังของพวกเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าผู้อื่น มันก็ไร้ประโยชน์หากไม่อาจเข้าสู่ขอบเขตถัดไปได้” จ้าวเฟิงเข้าใจบางอย่าง
เขาจดจำถึงสิ่งที่เขาพูดคุยกับจอมยุทธ์เย่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนได้
เย่หลินเหลียนได้กล่าวไว้ว่า ‘เก้าขั้นแห่งหนทางผู้ฝึกตนเป็นการฝึกฝนร่างกายและกระดูกเพื่อสร้างพื้นฐาน’
บัดนี้ เด็กหนุ่มได้จดจำมันอย่างล้ำลึกและตระหนักว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเก้าขั้นแห่งหนทางผู้ฝึกตนนั้นไม่ใช่เพื่อการฆ่าหรือวิชา
“ผู้เยาว์ขอบังอาจถาม หากพลังฝึกตนและพลังนั้นไม่สำคัญในเก้าขั้นแห่งผู้ฝึกตน เช่นนั้นสิ่งใดเล่าที่สำคัญ?” เฟิงฮันเยว่ยืนขึ้นเอ่ยถามอย่างนอบน้อม ขณะที่เขาทำเช่นนั้นแผ่นหลังของเขาก็ชื้นไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
สิบองครักษ์ฟ้าที่เหลือต่างเหงื่อตกและชื่นชมในความกล้าของอีกฝ่าย
เจ้าเมืองกว่านจวินคล้ายจะมีความประทับใจดีๆ ต่อเฟิงฮันเยว่
“ความแข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องรองเพราะอนาคตนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หนทางที่จะสามารถนำเจ้าไปได้ไกลกว่าเดิม!”
อนาคต
หนทางที่จะสามารถนำเจ้าไปได้ไกลกว่าเดิม!
จ้าวเฟิงพลันเข้าใจขึ้นในทันที เมื่อคนผู้หนึ่งเข้าสู่ระดับของเจ้าเมืองกว่านจวิน พวกเขาย่อมมีมุมมองที่แตกต่าง
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ฝึกตนอาจแข็งแกร่งในขั้นเดียวกัน ทว่าหากเขาไม่มีความสามารถและไม่อาจทะลวงเข้าสู่ขั้นเจ็ดเพื่อเป็นจอมยุทธ์ได้ เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ในการเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในขั้นหก และดังนั้นแล้วพวกเขาย่อมไม่เติบโตขึ้น
นั่นยังหมายถึงการกวาดตามองของเจ้าเมืองกว่านจวินนั้นได้มองเห็นความสามารถซ่อนเร้นของสิบองครักษ์ฟ้า และไม่ได้มองถึงความแข็งแกร่งในบัดนี้ของพวกเขา
แน่นอนว่าผู้ที่มีความสามารถแฝงมากกว่าย่อมมีพลังฝึกตนสูงกว่า ซึ่งเป็นเหตุให้เจ้าเมืองกว่านจวินเลือกศิษย์จากสิบองครักษ์ฟ้า
“แม้ว่าข้าจะกล่าวเช่นนั้น พวกเจ้าก็ยังต้องรับการทดสอบ” ขณะที่เจ้าเมืองกว่านจวินกล่าวเช่นนั้น เขาก็ได้หยิบเอาผลึกกลมโปร่งใสขนาดเท่ากำปั้นออกมา
ผลึกนั้นสร้างจากวัตถุดิบที่แปลกประหลาด ภายใต้การส่งสัญญาณของเขา เป่ยโม่ยได้นำผลึกกลมไปส่งให้กับสิบองครักษ์ฟ้า
“มันคือไอ้นั่น!” หนานกงฟั่นรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากระตุก
ปีนั้นที่เขามาพร้อมกับเป่ยโม่ยที่หอจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เจ้าเมืองกว่านจวินก็ได้นำสิ่งนี้ออกมาเช่นกัน
เจ้าเมืองกว่านจวินเอ่ย
“นี่เป็นอุปกรณ์พิเศษที่สามารถคำนวณความสามารถในอนาคตของคนผู้หนึ่งได้ มันสามารถประมาณความสามารถในอนาคตของพวกเจ้าได้ราวเก้าสิบเก้าส่วนจากหนึ่งร้อยส่วน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กหนุ่มสาวทั้งสิบก็รู้สึกกังวลขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“อุปกรณ์ที่สามารถกระทั่งคำนวณความสามารถแฝงของคนผู้หนึ่งได้!” จ้าวเฟิงรู้สึกสนใจ
ในตอนนี้ เป่ยโม่ยได้ยื่นผลึกกลมให้กับเฟิงฮันเยว่
“ปิดตาของเจ้าและเพ่งความสนใจและพลังภายในไปที่มัน” เจ้าเมืองกว่านจวินเอ่ย
“ขอรับ ท่าน”
เฟิงฮันเยว่สูดลมหายใจลึกและทำใจให้สงบลง จากนั้นจึงส่งพลังงานเข้าสู่ผลึกทรงกลมในมือ
วิ้ง
วงแสงสีขาวปรากฏขึ้นภายในผลึกนั้น
หนึ่งวง สองวง สามวง… ห้าวง!
วงแสงที่ห้านั้นได้กลายเป็นสีเขียวไม่เหมือนสี่วงก่อนหน้าที่เป็นสีขาว
“เจ้าได้ข้ามผ่านวงแสงที่สี่ ซึ่งความหมายความว่าความสามารถแฝงของเจ้าเหนือกว่ากายมนุษย์ แม้ว่ามันจะใช้ได้ ทว่ายังไม่ดีพอที่จะมาเป็นศิษย์หลักของข้า” เจ้าเมืองกว่านจวินเอ่ย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเฟิงฮันเยว่ก็หม่นแสงลง เขามีพลังฝึกตนสูงที่สุดในบรรดาสิบองครักษ์ฟ้า ทว่าในสายตาของเจ้าเมืองกว่านจวินนั้นเขาเพียงแค่งั้นๆ
เมื่อเห็นความสามารถของเฟิงฮันเยว่ อัจฉริยะผู้อื่นต่างก็รู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีก
ไม่ช้าก็เป็นตาของเหล่ยเฮา เหล่ยเฮานำผลึกบอลไปด้วยมือที่สั่นสะท้านและเพ่งความสนใจไปที่มันในที่สุด
วงแสงสีขาวปรากฏขึ้นภายในผลึก
หนึ่งวง สองวง สามวง สี่วง!
วงแสงสีขาวหยุดลงที่สี่และวงที่ห้าไม่ได้ปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย
“ความสามารถของเจ้าถึงขีดจำกัดของกายมนุษย์ ทว่ายังห่างไกลจากเป้าหมายของข้านัก” เจ้าเมืองกว่านจวินสั่นศีรษะ
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?
ใบหน้าของเหล่ยเฮามืดทะมึนราวถ่าน ท่าทางราวกับสูญเสียวิญญาณไปแล้ว
การคำนวณที่เขาได้นั้นแย่กว่าของเฟิงฮันเยว่นัก เด็กหนุ่มผมเงินยังได้รับการพิจารณาในขั้นมาตรฐาน
จากนั้นจึงเป็นตาของลู่เซียวเหลียน
“ตาข้าแล้ว”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมขณะที่เพ่งความสนใจไปยังคริสตัล ภายในคริสตัลนั้น วงแสงสีขาวปรากฏขึ้นสามวง จากนั้นจึงเพิ่มขึ้นอีกครึ่ง สามและครึ่งวงแสง นับว่าแย่กว่าเหล่ยเฮาเล็กน้อย
“อัจฉริยะในโลกมนุษย์ ทว่าไม่เพียงพอในโลกแห่งความเป็นจริง” เจ้าเมืองกว่านจวินส่ายศีรษะ
นอกจากเฟิงฮันเยว่ อีกสองคนนั้นไม่แม้แต่จะถึงขั้นที่อีกฝ่ายต้องการ
“ความสามารถของลู่เซียวเหลียนและเหล่ยเฮานับเป็นชั้นแนวหน้าในเมืองประกายอรุณ ทว่าพวกเขายังไร้ค่าที่นี่” หัวใจของจ้าวเฟิงบีบรัด
เขายังคิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายได้เอ่ยถึงโลกแห่งความเป็นจริง หลังจากลู่เซียวเหลียนก็เป็นตาของจ้าวหยูเฟ่ย
เด็กสาวปิดเปลือกตาและถือคริสตัลไว้บนมือที่ราวกับหยกของนาง
วิ้ง
วงแสงปรากฏขึ้นภายในคริสตัลทรงกลม ทว่าปรากฏขึ้นเพียงสาม จากนั้นจึงปรากฏเป็นห้า และเป็นสี่ มันทั้งไม่แน่นอนและสีนั้นก็ไม่ใช่ทั้งสีขาวหรือสีเขียว
“หืม?”
เจ้าเมืองกว่านจวินจมลึกในห้วงภวังค์ สถานการณ์ของจ้าวหยูเฟ่ยนั้นแปลกแยกจากผู้อื่น
“เป็นไปได้หรือไม่ที่ความสามารถแฝงของพี่หยูเฟ่ยจะแตกต่างจากผู้อื่น?” จ้าวเฟิงคิด
เจ้าเมืองกว่านจวินเปิดปากออกหลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่ง
“ความสามารถของเจ้านั้นพิเศษ ทว่ามันไม่อาจเหนือกว่าเฟิงฮันเยว่ได้”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น จ้าวหยูเฟ่ยจึงพ่นลมหายใจออก
หลังจากที่จบตาของนาง ถัดไปจึงเป็นตาของอันดับห้า จากนั้นจึงอันดับหก อันดับเจ็ด…
เด็กหนุ่มสาวคนแล้วคนเล่าไม่อาจเข้าไปถึงขั้นพื้นฐานที่เจ้าเมืองกว่านจวินกำหนดไว้ได้
“ตาข้าแล้ว” ฮวงชี่หยิบคริสตัลจากมือของเป่ยโม่ยด้วยมือที่สั่นสะท้าน
ไม่ช้า วงแสงสีขาวสามวงและอีกครึ่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ความสามารถแฝงของเขานั้นเทียบเท่าได้กับลู่เซียวเหลียนและเป็นแนวหน้าในสิบองครักษ์ฟ้า ทว่าไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเพียงพอของเจ้าเมืองกว่านจวิน
ล้มเหลว!
ฮวงชี่รู้สึกหดหู่ เขานั้นเป็นยอดอัจฉริยะแห่งเมืองพฤกษามุกและต้องการที่จะแสดงความสามารถของเขาในนครหลวง ทว่าเขานั้นไม่แม้แต่จะเข้าถึงความต้องการพื้นฐานของเจ้าเมืองกว่านจวิน
จากนั้นเป็นตาของลีจีเวินถัดจากฮวงชี่
ลีจีเวินเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ในกลุ่มของลู่เซียวเหลียนระหว่างภารกิจ
“ข้า…”
ลีจีเวินนั้นกังวลอย่างมากและไม่อาจทำใจให้เย็นลงได้
ป้าบ!
เป่ยโม่ยฟาดมือลงที่หลังของอีกฝ่าย ลีจีเวินรู้สึกได้ว่าโลหิตของเขานั้นสงบนิ่งลง การทดสอบของลีจีเวินนั้นไร้ประโยชน์ เขามีเพียงสามวงแสงเท่านั้น
“ถัดไป” เจ้าเมืองกว่านจวินเอ่ยสีหน้าไร้อารมณ์
ถัดไป?
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุก ในที่สุดของถึงตาของเขา
คนสุดท้ายในสิบองครักษ์ฟ้าคือเขา
ในตอนนั้น สายตาของทุกคนที่อยู่ที่นั่นเบนมาที่เขา ณ ชั่วเวลานั้น จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความคาดหวังและความมั่นใจของจ้าวหยูเฟ่ยได้ เขารู้สึกได้ถึงรอยยิ้มขององครักษ์สามและเย่หลินเหลียนได้เช่นกัน
พวกเขาตั้งความหวังกับความสามารถแฝงของจ้าวเฟิงไว้มากเมื่อเด็กหนุ่มสามารถเข้าสู่ขั้นเจ็ดได้ ทั้งเขายังเป็นผู้ที่เด็กที่สุดในสิบองครักษ์ฟ้าอีกด้วย
ก่อนหน้านั้น จ้าวเฟิงได้รับอันดับหนึ่งในภารกิจกำจัดโจร และเขายังมีความจำที่กระทั่งเหนือกว่าเป่ยโม่ย
เป่ยโม่ยส่งคริสตัลทรงกลมให้จ้าวเฟิงด้วยแววตาสนใจ เขามีความประทับใจล้ำลึกกับอีกฝ่ายเมื่อจ้าวเฟิงนั้นเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถเอาชนะเขาในด้านของความจำได้
เขาค่อนข้างหดหู่หลังจากพ่ายแพ้อีกฝ่ายในวันนั้น บัดนี้เขากำลังจะเห็นว่าความแข็งแกร่งของพลังแฝงอีกฝ่ายนั้นมีมากเท่าใด
“อาจารย์ เด็กหนุ่มผู้นี้คือผู้ที่มีความสามารถในการจดจำเหนือกว่าเป่ยโม่ย และเป็นอันดับหนึ่งในภารกิจกวาดล้างโจร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเป็นผู้ที่เด็กที่สุดในสิบองครักษ์ฟ้า” องครักษ์สามเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“โฮ่?”
ความสงสัยและสนใจแล่นวาบผ่านแววตาของเจ้าเมืองกว่านจวิน
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมาของทุกคน จ้าวเฟิงรับคริสตัลไปและเพ่งความสนใจกับพลังภายในของเขาลงไปในนั้น
วิ้ง
วงแสงแรกปรากฏขึ้นในทันที
เกิดอันใดขึ้น!?
หัวใจของจ้าวเฟิงกระตุกเพราะเขาพบว่าหลังจากที่วงแสงแรกปรากฏขึ้น อันที่เหลือนั้นกลับปรากฏขึ้นอย่างเชื่องช้า แม้ว่าเขาจะเพ่งความสนใจลงไปที่มันอย่างเต็มที่ มันก็ปรากฏขึ้นเพียงแค่หนึ่งและอีกครึ่งหนึ่งเท่านั้น
หืม?
เหล่าผู้คนที่จ้องมองอยู่ร่างแข็งค้าง ความสามารถแฝงของจ้าวเฟิงนั้นไม่ควรอ่อนด้อยกว่าเฟิงฮันเยว่
เจ้าเมืองกว่านจวินรู้สึกผิดหวัง และขณะที่เขากำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมานั้นเอง
ตึก ตึก ตึก ตึก
จ้าวเฟิงพลันได้ยินเสียงเต้นตุบจากในส่วนลึกของดวงตาซ้ายที่ส่งความร้อนไปทั่วร่างของเขา
วิ้ง
วงแสงสีขาวที่หยุดเคลื่อนไหวพลันขยายออกอีกครั้งและเข้าสู่วงแสงที่สอง
หลังจากวงแสงที่สอง วงแสงสีขาวนั้นก็ยังคงขยายขึ้น สองวง… สามวง… สามวงและอีกครึ่งหนึ่ง