Skip to content

King of Gods 896

King Of Gods

บทที่ 896 ไปและย้อนกลับมา

“…ถ้าหากว่าเจ้าสามารถมอบวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนให้ข้าอีกส่วน ผู้เฒ่ายังพอจะมีหวังเจ็ดส่วนเป็นอย่างน้อยที่จะไปถึงขอบเขตเทวาเร้นลับ”

เฒ่าประหลาดสวีเอ่ยอย่างรีบร้อน

เขาไม่สังเกตเห็นความบึ้งตึงที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ผิดหวังของจ้าวเฟิง

เฒ่าประหลาดสวีลอบคิดคำนวณในใจ

อย่างไรเสียวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนนั้นในคราวก่อนเขาก็ใช้จนหมดไปแล้ว ถ้าหากว่าทะลวงขอบเขตล้มเหลว เขาก็ไม่มีคุณสมบัติจะเจรจาอะไรกับจ้าวเฟิงทั้งสิ้น

แต่ที่ค่อนข้างแปลกประหลาดก็คือ

ครึ่งก้าวของเขาได้ก้าวเข้าไปในขอบเขตเทวาเร้นลับ ส่วนระดับขั้นชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปจนถึงปฐมเซียน

พลังรบของปฐมเซียน เมื่ออยู่ที่เขตดินแดนเกาะเทียนเฟิงก็แทบจะดำรงอยู่อย่างไร้เทียมทาน

“สหายน้อยจ้าว ข้อตกลงในยามก่อนยังคงมีผลอยู่ ขอแค่มอบวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนอีกส่วนหนึ่งให้ข้าอีก เมื่อเลื่อนระดับเป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับแล้ว วันหน้าก็ถือว่าข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าหนึ่งครั้ง จะตอบแทนคืนสิบครั้ง เป็นอย่างไร?”

เฒ่าประหลาดสวีเอ่ยคำสัญญาอีกครั้ง

ใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้ม เชื่อมั่นว่าจ้าวเฟิงผู้นี้ลงทุนกับตัวเขาไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่น่าจะวางมืออีก

“เหอะ!”

จ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เคร่งขรึมลงไป หัวเราะเสียงเย็นแล้วเอ่ย “ตาแก่หนังเหนียว! เปลืองวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนหนึ่งของข้าไปไม่พอ ยังได้คืบจะเอาศอกอย่างไร้ยางอายอีก”

เฒ่าประหลาดสวีหายใจติดขัด

เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะมาแตกคอกันที่นี่ แล้วยังกล้าด่าตนเองอีก

ขณะนี้ ในดวงตาทั้งสองข้างจ้าวเฟิงมีแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นประกายวูบวาบ ในชั้นวิญญาณมีเสียงเปรี้ยงปร้างของอัสนีดังขึ้น

เฒ่าประหลาดสวีรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่หนาวเหน็บสายหนึ่ง ชั้นวิญญาณถึงขั้นเกิดความรู้สึกกดดันขึ้น

แต่เขากลับไม่ใยดี ด้วยตนเองในตอนนี้มีพลังรบของขั้นปฐมเซียน ไม่ต้องกลัวจ้าวเฟิงแม้แต่น้อย

“เจ้าหนุ่ม ใจเย็นๆ เถิด ผู้เฒ่าทะลวงขอบเขตล้มเหลว นั่นก็เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้”

บนใบหน้าของเฒ่าประหลาดสวีปรากฏรอยยิ้มขึ้น

ถึงแม้เขาไม่หวาดกลัวจ้าวเฟิง แต่ก็ไม่อยากจะวิวาทกับอีกฝ่าย

อย่างไรเสียในมือของจ้าวเฟิงก็มี ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ เขาไม่มีหวังจะแย่งชิงมา

“ท่านแน่ใจหรือว่าข้ายังมี ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ เหลืออยู่อีก?”

จ้าวเฟิงเผยสีหน้าอำมหิต

ยามนี้จ้าวเฟิงดูไม่ค่อยพออกพอใจแล้ว

เฒ่าประหลาดสวีทะลวงขอบเขตล้มเหลว เขาผิดหวังมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าตนเองโชคไม่ดี

จะโทษก็ต้องโทษจ้าวเฟิงที่ในตอนแรกพิจารณาไม่ถี่ถ้วน ลงทุนกับคนผิดคน

ในตอนแรกสุด จ้าวเฟิงมอบวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนหนึ่งให้แก่เฒ่าประหลาดสวีด้วยเพราะเล็งเห็นในสองปัจจัย

อย่างแรก ความสัมพันธ์กับสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น จ้าวเฟิงรู้สึกติดค้างหนี้บุญคุณส่วนหนึ่งกับสำนักศักดิ์สิทธิ์นี้

อย่างที่สอง อายุขัยของเฒ่าประหลาดสวีกำลังจะถึงขีดสุดท้าย จ้าวเฟิงเห็นใจอยู่บ้าง อีกฝ่ายเป็นจักรพรรดิชั้นยอดเสียด้วย

แต่ต่อจากนั้น

จ้าวเฟิงถึงจะค่อยๆ ล่วงรู้ถึงกฎเกณฑ์ในการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ

การทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ทันทีที่ล้มเหลว การข้ามผ่านในครั้งต่อๆ มา สัดส่วนความสำเร็จจะยิ่งลดลงไปเรื่อยๆ เพราะการทะลวงทุกครั้งจะสูญเสียแหล่งกำเนิดพลังบางส่วนของดวงวิญญาณและชีวิต แหล่งกำเนิดพลังที่สูญเสียไปแล้วพวกนี้แทบจะไม่สามารถเพิ่มเติมฟื้นฟูได้

เฒ่าประหลาดสวีทะลวงขอบเขตล้มเหลว ย่อมไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว

อีกทั้งก่อนที่เขาจะทะลวงขอบเขต ทั้งชีวิตและอายุขัยก็เกือบจะถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว โอกาสสำเร็จยิ่งลดลงไปอีกขั้นหนึ่ง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้

ความล้มเหลวในการทะลวงขอบเขตของเฒ่าประหลาดสวีก็อยู่ในหลักเหตุผลที่เข้าใจได้ สามารถไปถึงขั้นปฐมเซียนยังนับได้ว่าค่อนข้างจะโชคดี

ลงทุนผิดพลาด จ้าวเฟิงผิดหวังและยอมรับว่าตนเองซวย

แต่การ ‘ใช้ความแก่มาข่ม’ และท่าทาง ‘หน้าหนาไร้ยางอาย’ ของเฒ่าประหลาดสวีทำให้เขาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก อยากจะโผเข้าไปถีบแทบทนไม่ไหว

เฒ่าประหลาดสวีสิ้นเปลืองวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนหนึ่ง ไม่เพียงไม่รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ แต่ยังเอ่ยปากคุยกับจ้าวเฟิงอย่างไร้ความหวาดกลัวว่าต้องการวารีศักดิ์สิทธิ์ส่วนที่สอง

“ฮิๆ จากข่าวคราวต่างๆ วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนที่สหายน้อยจ้าวได้มาจากในคฤหาสน์เสียหยางมีจำนวนมากที่สุด”

เฒ่าประหลาดสวีมีท่าทีอย่าง ‘เจ้าก็รู้ว่าหมายถึงอะไร’

ใจของจ้าวเฟิงตึงเครียด แววตาเป็นประกายวาววับ และเข้าใจเหตุผลอย่างรวดเร็ว

ในตอนแรก ขณะที่ได้ ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ มาจากคฤหาสน์เสียหยาง ยังมีพวกคนหัวกะทิสองกลุ่มอย่างตระกูลตวนมู่และหอกระบี่ฟ้าอยู่ด้วย

ตอนแบ่งวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนกัน คนเหล่านี้ก็อยู่ในที่นั้น

ถึงแม้ว่ากองกำลังทั้งสองฝั่งจะเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู แต่ข่าวคราวบางส่วนเกี่ยวกับเขาจะปกปิดอย่างไรก็ไม่มิด ขอเพียงแค่คนสนใจจะสืบหาข้อมูลก็ล่วงรู้ได้ไม่ยาก

ดูไปแล้ว เบื้องหลังของเฒ่าประหลาดสวีผู้นี้มีกองกำลังแฝงตัวอยู่ เส้นสนกลในของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็ไม่สามารถจะมองข้ามไปได้

เมื่อเห็นจ้าวเฟิงไม่ปฏิเสธ ใบหน้าของเฒ่าประหลาดสวีก็ปรากฏรอยยิ้มสดใส “สหายน้อยจ้าวแข็งแกร่งจริงๆ แม้กระทั่งจักรพรรดิชั้นยอดหลายคนของวังเก้านิรยยังทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ว่ากันว่าเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับของสำนักนั้นจะลงมือด้วยตนเอง…”

ใบหน้าของเขาชื่นชมจ้าวเฟิง แต่ในใจกลับลอบยินดี

ภายใต้การคุกคามของเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ เฒ่าประหลาดสวีไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงจะไม่ต้องการเขาที่เป็นปฐมเซียน และไม่ยอมมอบวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนที่สองให้

วารีส่วนที่สองไม่มีความหวังในการเพิ่มระดับร้อยส่วน กระทั่งบีบให้จ้าวเฟิงมอบส่วนที่สามให้ได้

“เหอะๆ เอาเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับมาข่มขู่ข้า? นี่เป็นที่พึ่งพิงของเจ้างั้นเรอะ?”

จ้าวเฟิงไม่โกรธกลับหัวเราะ สายตามองเฒ่าประหลาดสวีที่วางแผนไว้ในใจอย่างเย็นชา

ความจริงก็คือ

จ้าวเฟิงมอบวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนแรกให้เฒ่าประหลาดสวี ย่อมมีแผนการสำหรับเรื่องทางฝั่งนี้

แต่ว่าจ้าวเฟิงไม่มีทางทำสิ่งใดโดยไม่เหลือทางสำรองเอาไว้ แล้วเอาความสนใจทั้งหมดไปฝากไว้ที่เฒ่าประหลาดสวีเพียงคนเดียว

“นี่ไม่ใช่การข่มขู่ เจ้าอาจไม่ต้องการข้าก็ได้”

เฒ่าประหลาดสวีเอ่ยเสียงเรียบ

ความกล้าที่จ้าวเฟิงมีทำให้เขาประหลาดใจ สำเนียงน้ำเสียงแข็งกระด้างเช่นนี้ หรือว่าเขาไม่กลัวเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับที่อาจจะมาถึง?

“เฒ่าประหลาดสวี ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ ที่สิ้นเปลืองไป ข้าจะไม่ถือสาหาความ ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ ‘สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น’ แต่ไม่นานต่อจากนี้ ท่านจะต้องกลับมาอ้อนวอนข้า”

จ้าวเฟิงกลับมาสงบนิ่งดังเดิม

ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ระหว่างเขาและสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นไม่มีอะไรติดค้างต่อกันอีกแล้ว

“เจ้าเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้?”

เฒ่าประหลาดสวีคิ้วกระตุก เมื่อนึกถึงเรื่องราวของเจ้าหนุ่มนี่ ในใจก็รู้สึกกระวนกระวาย

“อย่างแรก จักรพรรดิชั้นยอดหรือกระทั่งปฐมเซียนที่ต้องการ ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ ไม่ได้มีเจ้าเพียงคนเดียว ข้าสามารถหาคนที่มีศักยภาพและซื่อสัตย์กว่าคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น หนานเฟิงอ๋องที่เป็นปฐมเซียนเช่นเดียวกัน”

มุมปากจ้าวเฟิงยกรอยยิ้มน้อยๆ

เมื่อเฒ่าประหลาดสวีได้ยินเช่นนั้น หน้าก็เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย จ้าวเฟิงหาคนอื่นมาร่วมมือด้วยได้จริงๆ

เขาอดรู้สึกเสียใจภายหลังไม่ได้ ไม่ควรจะถือในความอาวุโสของตนเอง และหยิ่งผยองเพราะพลังของปฐมเซียน

“อย่างที่สอง ถึงแม้ขั้นชีวิตของท่านจะเปลี่ยนแปลงไปจนถึงปฐมเซียน ฝืนยืดอายุขัยไปได้ แต่ว่าอายุขัยที่แท้จริงเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขีดจำกัดของดวงวิญญาณ จากการคาดเดาด้วยสายตา ภายในสิบปีนี้หากท่านไม่สามารถเลื่อนเป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับได้ก็จะหมดอายุขัยลง”

แสงศักดิ์สิทธิ์ในดวงตาจ้าวเฟิงโชติช่วงมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาเน้นคำว่า ‘หมดอายุขัยลง’ เสียงดัง

“ที่แท้เจ้าก็รู้…”

ดวงวิญญาณของเฒ่าประหลาดสวีรู้สึกได้ถึงพลังกดดันในดวงตาด็กหนุ่มที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นเอง

ใจและร่างกายของเฒ่าประหลาดสวีเย็นวาบ คิดไม่ถึงว่าพลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งเช่นนี้

โชคไม่ดีที่ดวงวิญญาณของเขาใกล้ขีดจำกัดไปทุกที และในด้านนี้ก็ไม่ได้ไปถึงระดับปฐมเซียน กระทั่งไม่อาจเทียบจักรพรรดิไร้เทียมทานส่วนหนึ่งด้วยซ้ำ

เปรี้ยง เปรี้ยง โครม!

ผมสีม่วงของจ้าวเฟิงโบกสะบัด เปิดสายเลือดดวงตาซ้าย อัสนีศาสตร์วิญญาณสีม่วงที่โปร่งแสงและแวววาวทะลุเข้าไปในชั้นวิญญาณของเฒ่าประหลาดสวี

วิ้ง!

วินาทีนั้น ในทะเลวิญญาณสีม่วงของจ้าวเฟิง ตราประทับอัสนีเทวะจำนวนหนึ่งพันหลายร้อยสายเรืองแสงขึ้นมาพร้อมกัน

“อ๊าก!”

เฒ่าประหลาดสวีร้องโหยหวน สีหน้าซีดเผือด ชั้นวิญญาณโดนโจมตีจากหมื่นอัสนีเทวะ อาการบาดเจ็บเหล่านี้เหมือนจะไม่มีวันดับสลายไป ยากที่จะต้านทานได้

“ยั้งมือก่อน! เจ้า…”

ร่างเฒ่าประหลาดสวีโงนเงน สั่นผวาอย่างหวาดกลัวตามความเจ็บปวดของดวงวิญญาณ

เขามีสีหน้าหวาดกลัวลนลาน ถึงขั้นร้องขอชีวิตไม่หยุด

ไม่ว่าอย่างไรเฒ่าประหลาดสวีก็คาดไม่ถึงว่าระดับความลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณของจ้าวเฟิงจะไปถึงขั้นที่คุกคามเซียนได้แล้ว

และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่จ้าวเฟิงใช้แรงทั้งหมดโคจรตราอัสนีเทวะมากกว่าหนึ่งพันเส้นสาย การโจมตีศาสตร์วิญญาณที่ระเบิดออกมามากพอจะคุกคามเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับได้

บึ้ม!

โจมตีนานราวสองสามช่วงลมหายใจเต็มๆ เฒ่าประหลาดสวีที่ร้องโหยหวนขอชีวิตไม่ขาดปากก็ทนไม่ได้ในที่สุด คุกเข่าลงไปกับพื้น

“ตอนนี้อายุขัยของท่านยังเหลือสามสี่ปี ถือว่าเป็นการสั่งสอนก็แล้วกัน”

สีหน้าจ้าวเฟิงผ่อนคลายขึ้น

“เจ้า…”

เฒ่าประหลาดสวีชันกายลุกขึ้นจากพื้น ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโกรธแค้น

การได้คืบจะเอาศอกของเขาหรือกระทั่งวิธีการบีบคั้น ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

จ้าวเฟิงไม่ถือสาหาความเรื่องวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน แต่เขาไม่ติดค้างอะไรกับอีกฝ่าย จึงลงมือสั่งสอนอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“ผู้อาวุโสสูงสุด!”

เสียงร้องของเฒ่าประหลาดสวีก่อนหน้านี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนระดับสูงในสำนัก อย่างเช่นจักรพรรดิหลิงฉง

ขวับ!

เมื่อพวกเขามาถึง บนที่ดังกล่าวก็เหลือเพียงแค่เงาสีเงินที่ค่อยๆโปร่งแสงและจางหายไปอย่างรวดเร็ว

“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านเป็นอะไรไป?”

“เงาคนเมื่อครู่เหมือนจะคล้ายคลึงจ้าวเฟิงอยู่เล็กน้อย…”

จักรพรรดิหลิงฉงและคนอื่นที่เพิ่งมาถึงพยุงเฒ่าประหลาดสวีที่วิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง

เฒ่าประหลาดสวีเจ็บปวดทรมานไปทั่วร่าง เกือบจะสลบไสลไป

“ต้องโทษที่ข้าหน้าหนาไร้ยางอาย ละโมบโลภมาก ทำให้จ้าวเฟิงไม่พอใจ…รอให้เวลาผ่านไปสักหน่อยข้าค่อยไปเยี่ยมเขาอีกที”

เฒ่าประหลาดสวียิ้มอย่างขมขื่น

เขารีบร้อนอยากจะร่วมมือกับจ้าวเฟิง แต่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมมอบวารีศักดิ์สิทธิ์ส่วนที่สองให้ ถึงใช้วิธีไม่ถูกต้องที่ไร้ยางอายเช่นนั้น

“จ้าวเฟิงผู้นี้เห็นสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นของข้าเป็นอะไรกัน คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป”

จักรพรรดิหลิงฉงและคนอื่น นอกเหนือจากความตกใจแล้ว ที่มากกว่านั้นคือเหนื่อยหน่าย

จ้าวเฟิงได้ทิ้งสัญลักษณ์มิติไว้ที่สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ใช้อาวุธเทพชั้นรองมนตราอากาศมาที่นี่ได้ตลอดเวลา

ส่วนอีกฟาก เงาร่างของจ้าวเฟิงปรากฏขึ้นที่จวนอ๋องโหว

ตำแหน่งที่เขาปรากฏกายขึ้นเป็นหอสวนดอกไม้ที่เคยพำนักเมื่อคราวก่อนพอดิบพอดี

“จ้าวเฟิง”

ในส่วนลึกของจวน หนานเฟิงอ๋องเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง จึงอดอุทานอย่างตกใจไม่ได้

“ท่านอ๋อง รบกวนแล้ว”

จ้าวเฟิงเอ่ยทักทายหนานเฟิงอ๋อง แล้วจึงเริ่มเข้าฌานฝึกตน

เขายังอยู่ที่จวนอ๋องโหวต่อเพราะมีเป้าหมายสองอย่าง

จ้าวเฟิงกำลังรอคน

คนที่เขารอไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว และก็ไม่แน่ว่าจะมาหรือไม่ด้วย

หากว่าไม่มา เขาก็สามารถสงบจิตใจฝึกตนต่อไป ฝึกไปจนถึงขั้นจักรพรรดิขอบเขตปราณเทวะ ถึงแม้ว่านี่จะไม่ได้เกิดขึ้นจริง

เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปถึงครึ่งเดือน

ในวันนี้ จ้าวเฟิงเข้าสู่การเข้าฌานแบบล้ำลึก ด้านบนของหอปรากฏกลุ่มวายุอัสนีที่ลึกล้ำ ส่องกลุ่มแสงสีฟ้าและเขียวออกมา

“ใกล้แล้ว…”

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่า ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ของตนเองไปถึงขีดสุดท้ายของขั้นที่เจ็ดแล้ว

ในก้าวต่อไปจะเป็นขั้นที่แปด คือวายุอัสนีธาตุไฟ

ความเร็วในการฝึกฝน ‘วายุอัสนีธาตุไม้’ ขั้นเจ็ดช่างรวดเร็วจนตื่นตะลึง

เหตุผลหลักก็คือ จ้าวเฟิงครอบครองทรัพยากรล้ำค่าในศาสตร์พฤกษาจำนวนมหาศาล เพียงวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนแค่อย่างเดียว ทรัพยากรตั้งต้นของมันอย่างน้อยๆ ก็มาจากละอองเกสรและดอกไม้ชั้นยอดหลายร้อยชนิด

กลางอากาศเหนือจวนอ๋อง

กลุ่มวายุอัสนีที่บิดเบี้ยวส่องประกาย ลำแสงเจิดจ้า กลิ่นอายไปแตะเส้นแบ่งสุดท้ายที่กำลังจะทะลวงผ่านไปอย่างชัดเจน

ขอแค่อยู่ในขอบเขตปราณเทวะ ก็มองระดับฝึกตนของจ้าวเฟิงออกได้ไม่ยากว่าอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ

ด้านนอกของหอสวนดอกไม้

“เหอะ ที่รอก็คือโอกาสตอนนี้แหละ!”

ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวเป็นคนรับใช้กลายเป็นแสงสีดำสนิท ทะลวงเข้าไปภายในหอสวนดอกไม้

ภายในห้องฝึกตน

จ้าวเฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิ กำลังจะทะลวง ‘วายุอัสนีธาตุไฟ’ อันเป็นวิชาวายุอัสนีขั้นที่แปด

สวบ!

เบื้องหลังของเขาปรากฏแสงสีเข้มขึ้นในทันใด และก่อตัวเป็นบุรุษมลึกลับที่อยู่ในเงามืด

“เทพราชาดวงตาซ้าย เจ้าอยู่ในรายชื่อเป้าหมายของมุมมืดทมิฬ อยู่ในสิบอันดับต้นซะด้วย สูงกว่าหนานเฟิงอ๋องมากนัก อย่าโทษที่ข้ากลับมาเลย…”

มือของเทพราตรีทมิฬกำกระบี่ระลอกเงาสีดำ แทงตรงไปที่จ้าวเฟิงอย่างไร้สุ้มเสียงพร้อมด้วยความหนาวเหน็บที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version