ตอนที่ 227 : นักประดิษฐ์เลพเพิร์ด
ไคลน์กำลังนั่งบนโต๊ะรับประทานอาหารในช่วงเช้าตรู่ ด้านนอกมีหมอกสีขาวหนาทึบบดบังทัศนวิสัย ชายหนุ่มหักขนมปังโฮลวีตจุ่มแก้วนมสดและยัดใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย มันพยายามพัฒนามื้ออาหารไม่ให้ซ้ำซากจำเจ
แม้จะไม่ได้อาศัยร่างเดิมบนโลกเก่า แต่ความปรารถนาในอาหารรสเลิศยังคงสลักลึกในดวงวิญญาณ ไคลน์จะไม่ทนกับวัฒนธรรมอาหารเช้าแสนจืดชืดและน่าเบื่อหน่ายของอาณาจักรโลเอ็นเด็ดขาด มันหาโอกาสทดลองดัดแปลงเรื่อยเปื่อย ไม่ปิดกั้นตัวเองให้กินเฉพาะขนมปังแผ่น ขนมปังแถว เบคอน ไส้กรอก และเนยสด พยายามขยายขอบเขตอาหารทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
ตัวอย่างเช่น ไคลน์เพิ่มสูตรอาหารของตัวเองโดยการทำ ‘ขนมปังยัดไส้หมู’ จากแนวคิดของอาหารแคว้นใต้ รวมถึงบะหมี่จากเฟเนพ็อต และขนมปังข้าวโพดปิ้ง
“คาเวียร์จากจักรวรรดิฟุซัคก็ไม่เลว แต่ราคาดันสูงลิบ กินได้ในโอกาสพิเศษเท่านั้น”
ไคลน์ยัดขนมปังโฮลวีตชิ้นเล็กเข้าปาก ขนมปังเหล่านี้ถูกทำให้นุ่มลงเพื่อง่ายต่อการกิน เพียงออกแรงเคี้ยวแผ่วเบา รสชาติผสมผสานระหว่างนมสดและธัญพืชก็ฟุ้งกระจายเต็มปากเต็มคำ ไม่เพียงเท่านั้น รสตกค้างของขนมปังยิ่งทวีความหวานมัน
ชายหนุ่มวางอุปกรณ์การกินลงหลังจากจัดการเมื้อเช้าเรียบร้อย แต่มันไม่รีบร้อนเก็บโต๊ะทำความสะอาด ไคลน์หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดอ่านอย่างตั้งใจ
‘อีกสักพักค่อยเริ่มทำนาย ถ้าวันนี้ไม่มีงานใหม่ คงต้องลองเดินทางไปเยี่ยมมิสเตอร์เลพเพิร์ดบนถนนซาร์จในเขตนักบุญจอร์จดูสักหน่อย เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าพาหนะเดินทางรุ่นใหม่น่าลงทุนหรือไม่ เบ็คลันด์กว้างฉิบ แต่ละเขตมีขนาดใหญ่เกือบเท่าทิงเก็นหนึ่งเมือง โดยเฉพาะเขตตะวันออก แถวนั้นกว้างขวางเป็นพิเศษ ใหญ่กว่าทิงเก็นราวสองเท่าเห็นจะได้’
รูปแบบการเดินทางสะดวกและประหยัดอันดับหนึ่งคงหนีไม่พ้นเดินเท้า ตามด้วยรถไฟใต้ดิน และกลับขึ้นมาเดินเท้าอีกครั้ง
‘แต่เสียเวลาเอาเรื่องเหมือนกัน’
สมองไคลน์เตร็ดเตร่ไร้จุดหมาย
ระบบรถม้าของเบ็คลันด์ค่อนข้างคล้ายเมืองทิงเก็น ราคาก็เกือบเท่ากัน แต่ปัญหาใหญ่คือ รถม้าแทบทุกชนิดจะวิ่งภายในเขตตัวเองเท่านั้น ไม่ข้ามไปมาระหว่างกัน หากต้องการเดินทางจากเขตเชอร์วู้ดไปยังเขตนักบุญจอร์จ จำเป็นต้องเปลี่ยนรถม้าบ่อยครั้ง และนั่นจะสิ้นเปลืองเงินทองอย่างมาก
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนจึงคาดหวังพาหนะเดินทางชนิดใหม่
ก๊อกๆ ๆ !
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังโครมคราม ดังประหนึ่งใครบางคนใช้ค้อนทุบใส่
‘ใครกัน…ไม่รู้จักวิธีดึงกริ่งหรือไง’
ไคลน์พึมพำพร้อมกับจัดระเบียบปกเสื้อตามด้วยการเดินไปเปิดประตูบ้าน
อีกฝ่ายมีใบหน้าคุ้นตา มันคือชาวเขาผู้เคยไล่ล่าเอียนบนรถไฟใต้ดิน ผิวหนังสีคล้ำ เบ้าตาจมลึกกว่าปกติ ร่างกายค่อนไปทางผอม แต่มีมัดกล้ามเนื้อบึกบึน
จากผลของพิธีกรรมสื่อวิญญาณ ไคลน์ได้ทราบว่ามันชื่อ ‘เมอซอล’ และมีตำแหน่งเป็น ‘เพชฌฆาต’ ประจำกลุ่มซีมังเกอ อำนาจใกล้เคียงระดับหัวหน้าใหญ่
“ขอประทานโทษครับ กำลังมองหาอะไรอยู่หรือ มีคดีให้ผมสืบใช่ไหม”
ไคลน์จงใจแสร้งฉงน
เมอซอลสวมโค้ทดำ หมวกใบใหญ่หรูหรา แต่กิริยามารยาทและบุคลิกไม่เหมือนกับสุภาพบุรุษแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองไคลน์อย่างเย็นชา ตามด้วยการซักถามเป็นภาษาโลเอ็นสำเนียงชาวเขาเข้มข้น
“นักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ใช่ไหม”
“ใช่ครับ” ไคลน์ตอบนอบน้อม
เมอซอลพยักหน้ารับ
“ต้องการจ้างให้สืบหาใครบางคน”
“เข้าไปคุยกันข้างในกันดีกว่าครับ”
ไคลน์รีบตัดบทมันไม่ต้องการทำตัวมีพิรุธหน้าประตูบ้านตัวเอง
เมอซอลส่ายศีรษะเย็นชา
“ไม่จำเป็น” เมื่อกล่าวจบดวงตาของมันหรี่ลงจนคมกริบ
“เป้าหมายชื่อเอียน ชื่อเต็มคือเอียน·ไรท์ ดวงตาสีแดงสว่าง อายุราวสิบห้าสิบหก ชอบสวมโค้ทเก่าสีน้ำตาลและหมวกทรงกลมสีเดียวกัน ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้จักมัน”
ไคลน์อมยิ้ม
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร”
เมอซอลเมินเฉยคำปฏิเสธของไคลน์
“มันเป็นหัวขโมย ช่วงชิงสิ่งของสำคัญไปจากข้า! หากเจ้าหาตัวมันพบข้าจะตอบแทนให้อย่างน้อยสิบปอนด์”
“ข้อมูลไม่เพียงพอ” ไคลน์หาข้ออ้าง
“สามสิบปอนด์” เมอซอลเพิ่มข้อเสนอ
ไคลน์จ้องมองอีกฝ่ายพลางอธิบาย
“คงไม่ได้ครับ ผมมีจรรยาบรรณของนักสืบ ไม่สามารถขายข้อมูลลูกค้าได้”
“ห้าสิบปอนด์” เมอซอลตอบเสียงแข็ง
“…ขอโทษนะครับ ผมไม่รับ”
ไคลน์สะดุ้งราวสองวินาทีหลังจากได้ยินคำว่าห้าสิบปอนด์ แต่ตัดสินใจตอบปฏิเสธในตอนสุดท้าย
เมอซอลสำรวจไคลน์อย่างเชื่องช้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ทันใดนั้นดวงตาของมันพลันดุร้ายประหนึ่งสัตว์ป่า
เมอซอลไม่เสนอราคาเพิ่ม ไม่แม้แต่กล่าวคำอำลา มันหันหลังกลับทันทีทันใดและเดินตรงไปสุดถนน
‘กลุ่มอันธพาลมีข่าวกรองดีขนาดนี้เชียวหรือ ทราบแม้กระทั่งเรื่องเอียนเคยมาหาเรา’
ไคลน์ถอนหายใจเงียบงัน อารมณ์หลากหลายกำลังถาโถม แต่ปราศจากความกังวลหรือหวาดกลัว
‘เราเคยเผชิญหน้าบุตรเทพนอกรีตมาแล้ว ถึงจะถูกกั้นด้วยครรภ์ของเด็กสาวก็เถอะ…’
ขณะใช้ความคิด ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างมากเป็นพิเศษ มันล้วงหยิบเหรียญทองแดงและโยนขึ้นฟ้าพลางตั้งคำถามว่า วันนี้เหมาะแก่การเดินทางออกนอกบ้านหรือไม่
คำตอบออกมาเป็นเชิงบวก
………
เขตนักบุญจอร์จ ถนนซาร์จ
การเดินทางค่อนข้างหลายต่อ เริ่มด้วยการขึ้นรถม้าแบบรางไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน และนั่งรถม้าแบบไร้รางจากรถไฟใต้ดินไปยังจุดหมาย ไคลน์หมดเงินไปกับการเดินทางทั้งสิ้นสิบเอ็ดเพนนี
เมื่อลงจากรถม้า มันพบว่าสายฝนเริ่มโปรยอย่างแผ่วเบา แน่นอน ไคลน์ไม่ได้พกร่มติดตัวมาด้วย
จากคำอธิบายตามหน้าหนังสือพิมพ์ ปรากฏการณ์เช่นนี้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเมืองเบ็คลันด์ไปแล้ว และยังเป็นสาเหตุให้วัฒนธรรมการสวมหมวกแพร่หลายในกลุ่มสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี พวกมันจะได้ไม่ต้องพกร่มให้พะรุงพะรัง
ไคลน์รีบกดหมวกติดศีรษะพร้อมกับออกวิ่งเขย่งเข้าไปในบ้านหมายเลขเก้ามันอาศัยชายคาเป็นกำบังหลบฝน
ชายหนุ่มพยายามปัดหยดน้ำสีใสออกจากเครื่องแต่งกาย จากนั้นก็กระตุกเชือกกริ่งของบ้านอย่างแผ่วเบา แต่คราวนี้กลับไม่ได้ยินเสียงนกกาเหว่าหรือเสียงระฆังตามปกติ
‘กริ่งพัง? ’
ขณะไคลน์เตรียมง้างมือเคาะประตู มัน ‘มองเห็น’ ใครบางคนสับเท้าวิ่งมาหาจากระยะทางค่อนข้างไกล
แน่นอนนิมิตตัวตลกทำงานอีกครั้ง ภาพบุรุษผู้หนึ่งผุดขึ้นในสมอง อีกฝ่ายรูปร่างสูงโปร่ง แต่ค่อนข้างผอม ผมสีดำ ตาสีฟ้า อายุราวสามสิบตอนกลาง สวมชุดคนงานสีฟ้าอมเทาราคาถูก บรรยากาศรอบตัวสุภาพอ่อนโยน
แอ้ด~
ประตูถูกเปิดจากด้านใน สุภาพบุรุษใช้มือจับหน้าผากพลางส่งเสียงถาม
“กำลังมองหาใครหรือครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
ไคลน์ถอดหมวกและโค้งให้ตามมารยาท
“ผมมาหามิสเตอร์เลพเพิร์ด สนใจลงทุนกับพาหนะเดินทางชนิดใหม่”
ดวงตาสุภาพบุรุษพลันลุกวาว
“ผมคือเลพเพิร์ด! เชิญเข้ามาด้านในก่อนครับ!”
มันขยับหลบเพื่อเปิดทางให้ไคลน์เดิน
ค่อนข้างน่าเสียดาย โถงรับรองของบ้านไม่มีราวผ้า ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงพิงไม้ค้ำ แต่ไม่สามารถถอดโค้ทแขวนได้
ไคลน์ตามเลพเพิร์ดเข้าไปในห้องนั่งเล่น ไม่ผิดนักถ้าจะกล่าวว่า บ้านของสุภาพบุรุษคนนี้รกรุงรังเข้าขั้นวิกฤติ กระทั่งโต๊ะดื่มชากาแฟยังเต็มไปด้วยประแจ ตลับลูกปืน และไขควง
“ต้องการสนับสนุนเป็นเงินเท่าไรครับ อ้ะ! จริงสิ จะรับกาแฟหรือชาดำดีครับ ดะ…เดี๋ยวก่อน! ผมลืมไปว่าชาดำหมด!”
เลพเพิร์ดตะกุกตะกัก
‘เป็นคนตรงไปตรงมา แต่ดูเหมือนจะสนทนากับคนอื่นไม่เก่ง’
ไคลน์วิเคราะห์ตามนิสัย จากนั้นก็กล่าวออกไปโดยปรับเปลี่ยนคำพูดจากแผนเดิม มันไม่อ้อมค้อมตามธรรมเนียมชาวเบ็คลันด์ แต่เลือกเข้าประเด็นตรงไปตรงมาทันที
“ผมต้องการเห็นพาหนะเดินทางชนิดใหม่ก่อนตัดสินใจ คงให้สัญญาอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้เห็นมูลค่าแท้จริงของสิ่งประดิษฐ์”
ขณะเล่าสายตาเหลือบเห็นตราศักดิ์สิทธิ์ทรงสามเหลี่ยมติดอยู่กับกำแพงบ้านหลายจุด สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ประจำตัวเทพจักรกลไอน้ำ แผ่นสามเหลี่ยมแข็งสลักสัญลักษณ์ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไอน้ำ เฟือง หรือชะแลง
เลพเพิร์ดมิได้โกรธเคืองคำถามสุดเถรตรงจากไคลน์ มันรีบตอบกลับ
“ได้ครับ”
แต่เมื่อกล่าวจบมันใช้ฝ่ามือตบหน้าผากตัวเองหนึ่งฉาดใหญ่
“เกือบลืมไปแล้วเชียว! พวกเราต้องลงนามในสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูลสิ่งประดิษฐ์เสียก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ขโมยผลงานและแนวคิดของผมไปขายต่อ”
‘มิสเตอร์เลพเพิร์ด คุณเองก็ความจำไม่ค่อยดีหรอกหรือ’
ไคลน์ยิ้มมุมปาก
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากลงนามในสัญญาอย่างง่าย เลพเพิร์ดนำทางไคลน์ยังไปห้องแห่งหนึ่ง ลักษณะคล้ายกับห้องกิจกรรมของบ้าน เกิดจากการทุบกำแพงห้องนอนแขกรวมกับห้องใต้ดิน ส่งผลให้มีขนาดกว้างใหญ่เป็นพิเศษ
พื้นห้องมีสิ่งของวางเกลื่อนกลาด ใจกลางห้องกว้างเป็นเค้าโครงของวัตถุบางอย่าง สูงครึ่งหนึ่งของมนุษย์ ลักษณะคล้ายกับห้องโดยสารของรถม้า
สายกริ่งหน้าบ้านเชื่อมต่อเข้ามาภายในห้องนี้ ถูกวางกลไกไว้อย่างชาญฉลาด ถ้ามีใครดึงเชือกหน้าบ้าน ลูกตุ้มโลหะจะกลิ้งตกลงบนรางเหล็ก ตามด้วยการไหลไปกระทบเข้ากับระฆังกึ่งกลางเพดาน
เสียงเตือนดังในปริมาณพอเหมาะ อาจไม่ถึงขั้นหูดับตับไหม้ แต่ก็ช่วยปลุกให้เลพเพิร์ดตื่นจากภวังค์จดจ่อ
“นั่นคือพาหนะเดินทางชนิดใหม่หรือ”
ไคลน์ชี้นิ้วไปยังเค้าโครงโลหะใจกลางห้อง
“ใช่แล้ว ผมสร้างขึ้นจากจินตนาการของจักรพรรดิโรซายล์!”
มันกล่าวด้วยสายตากระตือรือร้น
“จิตนาการของจักรพรรดิโรซายล์?”
ไคลน์ถามประหลาดใจ
เลพเพิร์ดอธิบายอย่างเทิดทูน
“จักรพรรดิโรซายล์ทิ้งสิ่งประดิษฐ์ต้นแบบไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย! ท่านวาดขึ้นจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลราวกับมองเห็นอนาคต! ท่านคืออัจฉริยะ มะ…ไม่สิ! ท่านคือปรมาจารย์! หลายสิ่งจากผลงานต้นแบบของท่านได้กลายเป็นจริงในยุคสมัยนี้แล้ว! ส่วนต้นแบบของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ถูกเก็บรักษาอย่างดีในโบสถ์จักรกลไอน้ำ มีเพียงผู้ศรัทธาแรงกล้าเท่านั้น จึงจะได้รับสิทธิ์ให้หยิบยืมออกมา!”
‘รุ่นพี่…ไม่คิดจะเหลือช่องทางทำมาหากินไว้ให้รุ่นน้องเลยหรือ’
มุมปากไคลน์พลันกระตุกมันเกือบหลุดจากใบหน้ายิ้มแย้ม
“ผมขอฟังรายละเอียด”
ไคลน์เปลี่ยนหัวข้อ
เลพเพิร์ดนำทางไคลน์ เดินเข้าไปใกล้โครงร่างโลหะใจกลางห้องพร้อมกับเปิดประตูออก
“สิ่งนี้คือพาหนะเดินทางชนิดไม่พึ่งพาม้า! คนขับนั่งทางด้านหน้าฝั่งซ้าย คอยใช้ฝ่าเท้าย่ำใส่คันเหยียบตลอดเวลา แรงจะถูกส่งผ่านคานงัดและโซ่ เชื่อมต่อกับล้อทั้งสี่ข้าง ส่งผลให้ยานพาหนะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าทีละนิด สำหรับล้อทั้งสี่ ผมใช้ยางสูบลมช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น”
‘หมอนี่คิดจะสร้างรถพลังถีบหรือไง’
ไคลน์รำพันในใจอย่างผิดหวัง
หลังจากไตร่ตรองจนรอบคอบมันหันไปกล่าวกับเลพเพิร์ด
“ห้องโดยสารใหญ่ขนาดนี้ แถมมีผู้โดยสารถึงสี่คน ไม่มีทางขับเคลื่อนด้วยแรงมนุษย์หนึ่งคนไหว อย่างเก่งก็ไปได้ไม่ไกล”
“นั่นคือเป้าหมายถัดไป! ผมต้องหาทางลดน้ำหนักลงและเพิ่มแรงส่งจากคานงัดอีกสองสามเท่า แต่น่าเสียดาย เงินทุนดันหมดเสียก่อน ไม่สามารถซื้ออะไหล่สำหรับทดสอบได้มากกว่านี้”
เลพเพิร์ดจ้องมองไคลน์อย่างมีความหวัง
“แล้วทำไมถึงไม่คิดหาทางอื่น เช่นการใช้ไอน้ำเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก”
ไคลน์ก้มหน้าพลางพ่นแนวคิดใหม่ออกมาอย่างไม่รีบร้อน
เลพเพิร์ดส่ายศีรษะ
“มีคนประดิษฐ์ของแบบนั้นออกมาแล้ว แต่ขนาดของตัวถังใหญ่มากจนถนนหลายเส้นไม่กว้างพอให้ขับเข้าไป”
ไคลน์กำลังรอคำตอบนี้อยู่
“แล้วทำไมถึงไม่สร้างให้ง่ายกว่านั้น ตัวอย่างเช่น ลดขนาดลงเหลือสองล้อ นั่งได้แค่คนเดียว และไม่ต้องมีตัวถังห่อหุ้ม”
“คุณหมายถึงประเภทจักรยาน?”
เลพเพิร์ดซักถาม มันแสดงสีหน้าครุ่นคิด
‘โรซายล์มีต้นแบบจักรยานด้วยหรือไง’
ไคลน์ผงกศีรษะหนักแน่น
“ถูกต้อง”
“ใครบางคนทดลองสร้างรถประเภทจักรยานออกมาแล้ว แต่การใช้งานค่อนข้างยุ่งยากและมีขนาดเทอะทะ… เรื่องจะให้ปรับแต่งตามคำอธิบายของคุณก็พอเป็นไปได้อยู่ อืม…ทำได้แน่ แต่มันจะขายได้จริงหรือ”
เลพเพิร์ดพึมพำกับตัวเองเสียงดัง
ไคลน์ไม่รีรอ มันรีบชักนำอีกฝ่าย
“บุรุษไปรษณีย์ คนงานชนชั้นกลาง นักธุรกิจผู้กำลังสร้างตัวโดยไม่แยแสสายตาคนรอบข้าง… คนเช่นนี้มีอยู่มากมายในเบ็คลันด์”
เลพเพิร์ดยังคงก้มหน้าไตร่ตรอง ก่อนจะผงกศีรษะเห็นด้วย
“จะให้ผมลองก็ได้ แต่ไม่มีเงินเหลือพอสำหรับซื้ออะไหล่มาทดสอบแล้ว”
“ผมจะลงทุน หนึ่งร้อยปอนด์ และเมื่อรวมกับค่าแนวคิดเมื่อครู่เข้าไปด้วย…”
ไคลน์ลังเลจะบอกตัวเลข มันยังไม่มั่นใจว่าตนควรได้ส่วนแบ่งการค้าเป็นจำนวนเท่าไร
ว่ากันตามตรงตัวเลขในฝันคือ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะเงินลงทุนหนึ่งร้อยปอนด์ ถือว่าไม่มากมายอะไรในเมืองเบ็คลันด์แห่งนี้
“ส่วนแบ่งของคุณคือ สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ แต่เฉพาะยอดขายจักรยานจากแนวคิดเมื่อครู่เท่านั้น”
เลพเพิร์ดรีบดักคอกังวลว่าไคลน์จะร้องขอส่วนแบ่งเกินรับไหว
“ตกลง!” ไคลน์ฉีกยิ้มกว้าง
“ก่อนอื่นพวกเราต้องลงนามในสัญญาเบื้องต้นก่อน ทำเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมชัดเจน และในภายหลัง ผมจะหานักกฎหมายมาช่วยร่างสัญญาอย่างเป็นทางการ เพิ่มเติมรายละเอียดปลีกย่อย ตัวอย่างเช่น หากมีใครต้องการลงทุนเพิ่มต้องได้รับการเห็นชอบจากผมก่อน”
“ไม่มีปัญหา”
เลพเพิร์ดรีบขานตอบมันต้องการเงินไปซื้ออะไหล่ใจจะขาดแล้วยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี
…….
ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมเนื่องจากสายฝนปรอย ไคลน์เดินทางกลับมาถึงถนนมินส์ในเขตเชอร์วู้ด หลังจากเข้าไปในบ้าน มันรีบสับเท้าตรงไปยังห้องน้ำชั้นหนึ่งทันที เพื่อปลดเปลื้องกระเพาะปัสสาวะให้เป็นอิสระ
ซ่า~
เมื่อเสร็จกิจ ไคลน์เปิดก๊อกน้ำพร้อมกับโน้มตัวลงไปใกล้อ่างเพื่อล้างมือ
ทันใดนั้นภาพนิมิตพลันผุดขึ้นในสมอง
เป็นฉากกระจกเหนืออ่างล้างหน้ากำลังสะท้อนภาพไคลน์ในท่าก้มศีรษะล้างมือตามปกติ เพียงแต่ด้านข้างลำตัวชายหนุ่มมีแสงจากดวงตาปรากฏหนึ่งคู่
ใช่แล้ว ดวงตาหนึ่งคู่
……………