Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 94

Lord of the Mysteries 94

ตอนที่ 94 : ปราชญ์เร้นลับ

“พระผู้สร้างเสื่อมทราม…เสื่อมทราม…”

อัลเจอร์ทวนคำพูดเดอะฟูลด้วยสีหน้าครุ่นคิด แต่สิ่งที่มันประหลาดใจมากที่สุดคือ ท่าทีไม่แยแสกึ่งเหยียดหยันซึ่งเดอะฟูลมีต่อพระผู้สร้างแท้จริง

ราวกับ…เป็นตัวตนที่เท่าเทียม

หากไม่ใช่เพราะพิธีกรรมเรียกหาเดอะฟูลได้ผล อัลเจอร์คงแอบเคลือบแคลงอยู่หลายส่วน ว่าเดอะฟูลเป็นเพียงบุคคลธรรมดาที่พยายามต้มตุ๋นพวกมันด้วยของวิเศษบางชนิด จุดประสงค์เพื่อหลอกถามข้อมูลสำคัญจากตนและจัสติส

แต่ความคิดดังกล่าวไม่หลงเหลืออีกแล้ว ในสายตาอัลเจอร์ ตัวตนเดอะฟูลมีระดับเทียบเท่าหรือต่ำกว่าพระผู้สร้างแท้จริงไม่มาก

ถึงจะอันตราย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสล้ำค่า อัลเจอร์พึมพำก่อนเอ่ยปากชื่นชม

“มิสเตอร์ฟูล คำอธิบายของคุณตรงกับความเป็นจริงมาก มีหลักฐานบ่งชี้ไม่น้อยว่า กลุ่มผู้ศรัทธาในตัวพระผู้สร้างแท้จริง ไม่สิ…พระผู้สร้างเสื่อมทราม มีโอกาสคลุ้มคลั่งในปริมาณที่สูงหากเทียบกับผู้วิเศษทั่วไป หรือต่อให้รอดมาได้ แต่พวกมันเกือบทุกคนจะกลายเป็นคนวิปริต”

ข้อมูลของอัลเจอร์ตรงตามที่เอกสารเหยี่ยวราตรีระบุไว้…

โดยเฉพาะวลี ‘คนวิปริต’ พวกมันไม่มีทางหายกลับเป็นปรกติ จิตใจและความศรัทธาถูกบิดเบือนอย่างสุดโต่ง

ไคลน์รักษามาดสุขุมโดยไม่อธิบายสิ่งใดต่อ ในหัวมัวแต่คิดเรื่องเกี่ยวกับ จะไต่ถามข้อมูลลัทธิเร้นลับและสูตรโอสถตัวตลกอย่างไรไม่ให้เสียภาพพจน์

ชุมนุมไพ่ทาโรต์แตกต่างจากโลกออนไลน์หนึ่งเรื่อง และเป็นประเด็นที่น่าอึดอัดใจมาก สิ่งนั้นคือ ตนไม่สามารถสร้าง ‘ไอดีเด็ก’ มาตีหน้าซื่อหลอกถามอย่างไร้เดียงสา

ไคลน์สาบานกับตัวเอง หากตนพัฒนาลำดับและมีพลังสร้างร่างปลอมหรืออะไรทำนองนั้น มันจะสร้าง ‘ไอดีเด็ก’ อีกคนขึ้นมาในชุมนุมไพ่ทาโรต์ และใช้ตัวตนดังกล่าวเก็บข้อมูลที่ต้องการทราบโดยละเอียด

ยังมีปริศนาอีกหนึ่งเรื่อง ภายในโถงมีเก้าอี้ทั้งหมดยี่สิบสองตัว สิ่งนี้หมายถึง ไพ่ยี่สิบสองใบในสำรับหลักของไพ่ทาโรต์งั้นหรือ?

แต่ในตอนแรกที่มันจินตนาการสร้างโถงศักดิ์สิทธิ์ ไคลน์ไม่ได้นึกถึงจำนวนเก้าอี้แต่อย่างใด ไม่ได้จินตนาการถึงไพ่ทาโรต์ด้วยซ้ำ

หรือยี่สิบสองเก้าอี้จะหมายถึง…

ยี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษ?

ในตอนที่ตนนึกอยากได้โถงศักดิ์สิทธิ์ โถงก็ปรากฏฉับพลัน แล้วถ้าตนอยากได้ไอดีเด็ก มันจะปรากฏทันทีหรือไม่?

หลังจากเห็นเดอะฟูลเงียบงันเป็นเวลานาน ออเดรย์เงยหน้าขึ้นพูดกับทั้งสองคน

“ฟังดูน่ากลัวจัง…มิสเตอร์แฮงแมน ดิฉันต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรลับทุกแห่งโดยละเอียด รวมถึงกิจกรรมที่พวกมันกระทำด้วย ชีวิตประจำวันของฉันไม่มีโอกาสศึกษาศาสตร์เร้นลับมากนัก ความรู้เกือบทั้งหมดได้จากพวกคุณสองคน ฉันยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อแลกกับข้อมูล หรือหากมีสิ่งอื่นที่ต้องการก็สามารถบอกได้”

ต้องอย่างนั้น…

ทำดีมากมิสจัสติส ช่วยสวมบทบาทแทนไอดีเด็กของฉันไปก่อน

หากเป็นเช่นนี้ แฮงแมนต้องเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลัทธิเร้นลับออกมาแน่ และตนจะได้ฟังฟรีโดยไม่เสียเงินสักเพนนีเดียว

ไคลน์พยายามเก็บอาการตื่นเต้น

อัลเจอร์ขบคิดเล็กน้อยก่อนตอบ

“ผมต้องการเงินหนึ่งพันปอนด์ จะดีมากถ้าเป็นธนบัตรที่ไม่มีหมายเลขระบุ หรือไม่ก็อัญมณีดิบที่ยังไม่ถูกเจียระไน มูลค่าสามารถอ้างอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนอัญมณีเบ็คลันด์ประจำเดือน”

พันปอนด์?

เป็นจำนวนค่อนข้างมาก สามารถซื้อบ้านเดี่ยวในทิงเก็นได้หนึ่งหลัง ไม่ใช่ทุกคนที่ถือครองเงินจำนวนเช่นนี้ไว้กับตัวตลอดเวลา

หัวหน้าดันน์อาจมีรายได้ต่อปีประมาณนี้ แต่ไม่ใช่กับเงินสดแน่ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือคดีเฮลี่ย์·วอล์คเกอร์ ความตายของเธอถูกชดเชยด้วยเงินจำนวนเพียงสามร้อยปอนด์

ถึงมิสจัสติสจะเป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง แต่เธอยังไม่ได้สืบทอดมรดก ยังไม่มีกิจการของตัวเอง รายได้ทางเดียวมาจากเงินค่าขนมที่พ่อแม่มอบให้…

หืม…คงเป็นสาเหตุที่แฮงแมนขอแลกเปลี่ยนด้วยอัญมณีดิบแทน

เมื่อเป็นเรื่องเงิน ไคลน์จะอ่อนไหวมากเป็นพิเศษ แต่อากัปกิริยาตื่นตระหนกของมันถูกหมอกหนาปกคลุมไว้

สำหรับมาดามหรือสุภาพสตรีสักคน เงินจำนวนสองพันปอนด์มากพอจะช่วยให้อยู่สบายไปชั่วชีวิตโดยไม่ต้องทำงาน

“หนึ่งพันปอนด์?”

ออเดรย์อุทานด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

“ได้ค่ะ ให้ส่งไปที่เดียวกับครั้งก่อนไหม?”

ประเมินจากน้ำเสียงของเธอ คล้ายกับว่าหนึ่งพันปอนด์นั้นแสนถูก ไคลน์แทบไม่อยากเชื่อหู

อัลเจอร์ผงะไปราวยี่สิบวินาที ก่อนจะมอบคำตอบ

“ใช่ครับ ส่งไปที่เดิม ผับนักรบท้องทะเล เขตกุหลาบขาว ท่าเรือพริสต์ บอกกับบอสของที่นั่น คุณวิลเลี่ยม ว่าเป็นสิ่งที่กัปตันต้องการ”

“ตกลงค่ะ”

ออเดรย์เอนหลังพิงพลางเข้าสู่ภาวะผู้ชมเพื่อตั้งใจฟังและบันทึกข้อมูลโดยไม่ตกหล่น

“มิสเตอร์แฮงแมน เชิญเริ่มได้เลยค่ะ”

อัลเจอร์ชำเลืองเดอะฟูลเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายเกริ่นนำ

“ขอเริ่มที่นิกายมอสส์ องค์กรลับเก่าแก่ที่สุดของโลก แน่นอน ใครหลายคนอาจคิดว่าองค์กรลับที่เก่าแก่ที่สุดคือโบสถ์รัตติกาล โบสถ์พระแม่ธรณี หรือไม่ก็โบสถ์แห่งการต่อสู้…”

“ผู้ที่กล่าวเช่นนั้นต้องเป็นสมาชิกโบสถ์วายุสลาตัน โบสถ์สุริยันเจิดจรัส หรือไม่ก็โบสถ์ความรู้และปัญญาแน่”

ออเดรย์พูดแทรกด้วยสำเนียงเย้ยหยัน

แต่ด้านไคลน์…โบสถ์รัตติกาลคือองค์กรลับที่เก่าแก่ที่สุดของโลกงั้นหรือ? มันไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน

เกิดอะไรขึ้นในยุคสมัยที่สามกับสี่กันแน่?

อัลเจอร์เพียงยิ้มชืด

“ไม่มีใครทราบความจริง ประวัติศาสตร์ถูกฝังไปพร้อมกับผู้คนในยุคสมัยนั้นแล้ว แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งที่แน่ชัด…ไม่เคยมีคำกล่าวอ้างที่ว่า โบสถ์วายุสลาตัน โบสถ์สุริยันเจิดจรัส และโบสถ์ความรู้และปัญญาเคยเป็นองค์กรลับมาก่อน…มาเข้าเรื่องกันดีกว่า จะได้ไม่สิ้นเปลืองเวลามากนัก นิกายมอสส์ถูกก่อตั้งโดยมนุษย์เพียงไม่กี่คนที่มีโอกาสได้ยลโฉมแผ่นศิลาเย้ยเทพ กล่าวกันว่า หลังจากทราบความจริงบางประการ พวกเขาตัดสินใจเคารพบูชาเทพนามธรรมที่ชื่อปราชญ์เร้นลับ ถึงตัวตนดังกล่าวจะถูกเรียกว่า ‘เทพ’ แต่ในความเป็นจริง ปราชญ์เร้นลับเป็นตัวตนเชิงปรัชญา เชิงกฎเกณฑ์มากกว่า หลักคำสอนของนิกายมอสส์มากมายจะอ้างอิงโดยใช้ตัวตนปราชญ์เร้นลับแทนสิ่งสำคัญ เช่นหลักคำสอน ‘ทุกวัตถุคือตัวเลข’ หมายถึง ปราชญ์เร้นลับจะแยกตัวออกเป็นเลขมงคล ศูนย์ ถึง เก้า เมื่อนับทุกตัวประกอบเข้าด้วยกันจะกลายเป็นปราชญ์เร้นลับดังเดิม อีกหนึ่งตัวอย่างคือ หลักคำสอนที่ว่า ‘ความรู้คือพลังไร้ขอบเขต’ หมายถึง ปราชญ์เร้นลับได้แบ่งตัวเองออกเป็นความรู้ทุกชนิดภายในห้วงจักรวาล เมื่อนำความรู้ทั้งหมดในโลกมารวมเป็นหนึ่ง จะได้ตัวตนที่สมบูรณ์ของปราชญ์เร้นลับ”

“เนื่องจากนับถือเทพนามธรรมที่ไม่มีความบาดหมางกับใคร นิกายมอสส์จึงถูกต้อนรับนับถือเป็นอย่างดีจากบรรดาโบสถ์หลัก สมาชิกนิกายมอสส์ส่วนมากไม่เกิดการคลุ้มคลั่ง พวกเขารักษาหลักคำสอนอย่างเคร่งครัด ไม่เปิดเผยตัวตน ไม่อวดโอ่ ไม่ก่อความเดือดร้อน สามารถควบคุมพลังโอสถได้ชะงักงัน และไม่เบียดเบียนศาสนาอื่น ความเชื่อหลักของนิกายคือ มนุษย์ทุกคนจะเวียนว่ายตายเกิดซ้ำไปมาไม่รู้จบสิ้น…ส่วนเส้นทางที่ครอบครอง โอสถลำดับเก้าจะมีชื่อว่า ‘ผู้ส่องความลับ’ อีกหนึ่งคำพูดติดปากของสมาชิกนิกายมอสส์คือ พ่อมด”

ขณะกำลังตั้งใจเก็บรายละเอียด ออเดรย์ยกมือถามแทรกแฮงแมน

“คุณกล่าวว่า นิกายมอสส์เคยเป็นองค์กรลับที่เคยได้รับความเคารพนับถือจากทุกฝ่าย หมายความว่าตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว?”

อัลเจอร์พยักหน้า

“ถูกต้อง พวกมันเสื่อมทรามและกลายเป็นหนึ่งในองค์กรชั่วร้าย”

“ได้ยังไง…พวกเขามีคำสอนที่ดีและน่ายกย่องมาก”

ออเดรย์ขมวดคิ้ว

ด้านไคลน์ก็ไม่ต่าง เอกสารลับของเหยี่ยวราตรีไม่ได้ระบุถึงสาเหตุที่นิกายมอสส์ถูกกวาดล้าง

อัลเจอร์ชำเลืองเดอะฟูลเล็กน้อย เผื่อว่าอีกฝ่ายต้องการเสริมสิ่งใด เมื่อเห็นว่านิ่งเงียบ มันจึงอธิบายต่อ

“ผมเองก็ไม่ทราบเหตุผล อาจเป็นเพราะประวัติศาสตร์ถูกลบเลือนโดยสมบูรณ์ แต่มีหนึ่งข้อสันนิษฐานที่น่าตกใจมาก กล่าวกันว่า เทพองค์ที่นิกายมอสส์เคารพบูชา ปราชญ์เร้นลับ ได้มีชีวิตและร่างเนื้อขึ้นมาในภายหลัง…หรือก็คือ…ปราชญ์เร้นลับกลายเป็นเทพนอกรีตที่ชั่วร้าย”

“มีชีวิต? ได้ยังไงกัน?”

ออเดรย์แสดงสีหน้าสับสนหนัก สมองของเธอไม่สามารถรับข้อมูลเชิงปรัชญาที่ซับซ้อนเช่นนี้ไหว เด็กสาวหลุดจากภาวะผู้ชมไม่รู้ตัว

เหมือนกับนิยายสยองขวัญ…ที่ผีกลายมาเป็นคนในภายหลัง แต่หนนี้ ผีในเนื้อเรื่องดันกลายเป็นตัวตนระดับเทพ

ไคลน์ตื่นตระหนกกับข้อมูลใหม่

“ขอแสดงความเสียใจด้วย ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบเรื่องนั้น”

อัลเจอร์เหลือบมองไคลน์พร้อมกับก้มศีรษะลง ภายในใจต้องการพูดออกไปว่า ‘หากเป็นมิสเตอร์ฟูลต้องทราบแน่’ แต่ท้ายที่สุดก็เลือกจะเงียบงัน

มันเคยลองภูมิเดอะฟูลมาแล้วหลายหน เกรงว่าหากเผลอล้ำเส้นเข้าสักวัน ชีวิตอาจจบลงไม่สวย

ในพระคัมภีร์วายุสลาตัน 5 : 7 ได้เขียนระบุไว้ชัดเจนว่า…

ห้ามลองดีกับเทพ!

ออเดรย์สงบสติลง เธอระงับความอยากรู้อยากเห็นและส่งสัญญาณให้แฮงแมนเล่าต่อ

ไคลน์แสร้งทำเป็นไม่แยแส ไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่ความจริงแล้วไม่พลาดแม้แต่ประโยคเดียว มันพยายามบันทึกรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ก่อนจะย่อยบทสรุปออกมาเป็นสี่หัวข้อใหญ่

ประการแรก นิกายแม่มดเคยมีชื่อเดิมเป็น ‘ตระกูลแม่มด’ ในช่วงยุคสมัยที่สี่ ย้อนกลับไปในตอนนั้น สมาชิกนิกายมีจำนวนน้อยมาก พลังของนิกายแม่มดจะถูกส่งผ่านสายเลือดเท่านั้น

และถ้าฝ่ายหญิงตั้งท้อง บุรุษที่เป็นพ่อของเด็กจะถูกฆ่าทิ้งทันที หากทารกออกมาเป็นเพศชายก็จะถูกทิ้งเช่นกัน ส่งผลให้สมาชิกตระกูลมีเพียงเพศหญิง แต่นั่นเป็นคำบอกเล่าจากปากอัลเจอร์ ไคลน์ยังไม่มีวิธีพิสูจน์ความจริงในปัจจุบัน

ประการที่สอง นิกายวิญญาณที่เคารพเทิดทูน ‘เทพมรณา’ รวมถึงโรงเรียนกุหลาบที่คลั่งไคล้การบูชายัญด้วยเลือดสด พวกมันมีต้นกำเนิดจากทวีปใต้ แต่หลังจากยุคสมัยล่าอาณานิคมเริ่มขึ้น สององค์กรดังกล่าวถูกกวาดล้างอย่างหนักโดยเจ็ดโบสถ์หลัก

แต่ปัจจุบัน ทั้งนิกายวิญญาณและโรงเรียนกุหลาบกลับมีสมาชิกแทรกซึมอยู่ทั่วทวีปเหนือ

ประการที่สาม สมาคมแปรจิต พวกมันมีความเชื่อคล้ายกับนิกายมอสส์ในยุคเริ่มแรก คือเคารพบูชาเทพนามธรรม หลักคำสอนระบุว่าดวงวิญญาณของมนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง

ประการที่สี่ ลัทธิเร้นลับ องค์กรที่ไคลน์ต้องการข้อมูลมากที่สุด แต่พวกมันกลับเผยตัวน้อยที่สุด เบาะแสจึงแทบไม่ปรากฏ ข่าวคราวแต่ละครั้งมิได้ข้องกับความชั่วร้าย หากแต่เป็นการไล่ล่าใครบางคน หรือไม่ก็การตามหาบางสิ่ง

พวกมันกำลังตามหาอะไร?

ไคลน์พลันนึกถึงไดอารีแผ่นเมื่อครู่ที่ระบุว่า หัวหน้าลัทธิเร้นลับ มิสเตอร์ซาราธ ชักชวนให้จักรพรรดิโรซายล์ขโมยของวิเศษซึ่งเคยเป็นสมบัติตกทอดตระกูลอันทีโกนัส

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์เผชิญหน้าครั้งล่าสุดระหว่างไคลน์และสมาชิกลัทธิเร้นลับ ตัวตลกสวมสูท เกี่ยวพันกับสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส

มันเริ่มมองเห็นจุดประสงค์ของลัทธิเร้นลับอย่างเลือนราง

รวบรวมสมบัติของตระกูลอันทีโกนัส!

ไคลน์พยายามไตร่ตรองหาจุดบกพร่องในสมมติฐานของตัวเอง แล้วมันก็พบจุดบอด

บางที สิ่งที่ลัทธิเร้นลับต้องการอาจไม่ใช่สมบัติของตระกูลอันทีโกนัส แต่เป็นสมาชิกภายในตระกูลที่ยังหลงเหลือ

ถ้าอย่างนั้น หากต้องการทราบเบาะแสของโอสถตัวตลก ไม่มีทางอื่นนอกจากติดต่อกับลัทธิเร้นลับสินะ…

หลังจากอัลเจอร์อธิบายทุกองค์กรลับให้เด็กสาวฟังอย่างละเอียดเป็นเวลานาน ไคลน์ตัดสินใจยกเลิกการชุมนุมไว้เพียงเท่านี้

“สุดแล้วแต่ท่าน”

อัลเจอร์และออเดรย์ลุกขึ้นคำนับพร้อมกัน

เมื่อตัดการเชื่อมต่อ ภาพฉายของจัสติสและแฮงแมนแตกสลายไปต่อหน้า ไคลน์นวดคลึงขมับโดยยังคาใจเรื่องการสร้างไอดีเด็ก

ทันทีที่จินตนาการ ภาพของบุรุษสวมทักซิโดปรากฏบนเก้าอี้ตัวไกลสุด อีกฝ่ายสวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง ใบหน้าไร้อารมณ์คล้ายกับหุ่นกระบอก

กิริยาท่าทางเงอะงะจนผิดสังเกต ถึงจะใช้หมอกหนาปกปิดไว้ก็ไม่มิดชิด

แบบนี้หลอกคนอื่นไม่ได้แน่…ไคลน์หยุดพักความคิดที่จะสร้างไอดีเด็กไว้ชั่วคราว

มันทดสอบอีกหลายสิ่งที่สงสัยจนหายคลางแคลงใจ ไคลน์นั่งลงในตำแหน่งหัวโต๊ะอย่างเงียบงันพร้อมกับขบคิดเรื่อยเปื่อย

จนกระทั่งสะดุดเข้ากับเรื่องที่ออเดรย์เสนอ

เพิ่มสมาชิกชุมนุม

สายตามันกวาดมองไปยังดาวแดงปริศนาหลายสิบดวงที่ยังไม่ถูกเชื่อมต่อ ไคลน์พยายามส่งพลังวิญญาณเข้าไปเพื่อหวังรับข้อมูลของอีกฝ่าย แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นผล

ติดต่อได้เฉพาะผู้ที่เคยถูกอัญเชิญขึ้นมาบนมิติสายหมอกเท่านั้นสินะ…

มันแสดงสีหน้าผิดหวัง ไคลน์ไม่ต้องการดึงคนขึ้นมามั่วซั่วโดยที่อีกฝ่ายไม่สมัครใจ นั่นจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

ขณะชายหนุ่มกำลังจะกลับลงไป มันใช้มือสุ่มสัมผัสดาวแดงหนึ่งดวงตามนิสัยปรกติ

หือ?

ทันใดนั้น เสียงสวดภาวนาพลันดังแว่วออกจากดาวแดงดวงดังกล่าว

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!