388. เก็บธงวิญญาณกิเลน
เจ้ากิเลนตัวนี้ดูคล้ายกันอย่างมากกับที่หลิงเทียนโฮวมี ซึ่งแตกต่างกันเพียงแค่สีของมัน
ถึงกระนั้นกลิ่นอายของมันยังอ่อนแอกว่าตัวที่เป็นของเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว
“เสี้ยววิญญาณกิเลน!”
หวังหลินจ้องอสูรและยื่นมืออกไป ควันสีดำออกมาจากทุกทิศทุกทางและแปรเปลี่ยนกลายเป็นหอกสีดำ
กิเลนทองร้องคำรามจากนั้นบอลแสงสีทองปรากฎเบื้องหน้าของมันและกระแทกเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมกับแทงด้วยหอก
ปัง!
หลังเกิดเสียงดังสนั่นจนทำให้สายแร่วิญญาณรอบๆร้าวขึ้น หวังหลินถอยกลับหนึ่งก้าวและบอลแสงพลันกระจายหายไป
“น่าสนใจ แม้ว่ากิเลนของหลิงเทียนโฮวยังมีชีวิตอยู่มันก็ไม่สามารถร่ายมนต์ได้เพราะมันสูญเสียมรดกตกทอดของมันเอง แม้ว่าวิญญาณดวงนี้จะอ่อนแอมากทว่ามันยังสามารถร่ายมนต์คาถาได้ มันยังมีความทรงจำตกทอดมาด้วยแน่นอน”
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขาตบกระเป๋าและกระดิ่งสองชิ้นปรากฎ เขาโยนกระดิ่งทั้งสองและพวกมันเข้าใกล้เจ้ากิเลน
เจ้ากิเลนยกเท้าหน้าขึ้นและตะปบลงไป คลื่นกระแทกทำให้ส่ายแร่วิญญาณรอบข้างกระจัดกระจายและตกลงใส่กระดิ่งสองชิ้น
หวังหลินพ่นลมหายใจ เขาเคลื่อนไหวทันทีและแทงไปข้างหน้า ตัวหอกลอยผ่านกลางอากาศและแทงทะลุเจ้ากิเลนทันที
เจ้ากิเลนร้องคำราม ควันสีดำเล็ดรอดออกมาจากตำแหน่งที่ถูกแทงและกลายเป็นเศษเสี้ยวดวงวิญญาณ
หวังหลินตบกระเป๋าโดยไม่เอ่ยคำใดและนำธงวิญญาณออกมา เพียงสะบัดหนึ่งคราเหล่าดวงวิญญาณทั้งหมดนั้นลอยเข้าหาธงวิญญาณของเขา
เจ้ากิเลนร้องคำรามและสูดวิญญาณเหล่านั้นกลับเข้าร่างกายของมัน
หวังหลินขยับฝ่ามือขวาและวังวนวิญญาณปรากฎ เขาเริ่มต่อสู้กับเจ้ากิเลนผ่านเหล่าดวงวิญญาณพวกนี้
การที่หวังหลินก่อกวนเจ้ากิเลน กระดิ่งทั้งสองพลันขยายขนาดขึ้นและเข้าใกล้บนตัวกิเลน มันพ่นลมหายใจนำเอาควันสีดำสองเส้นออกมาจากนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นกิเลนตัวเล็กสองตัว ทั้งสองตัวต่างกระโจนเข้าใส่กระดิ่งแต่ละชิ้น
หวังหลินเคลื่อนไหวฝ่ามือและส่งคลื่นกฎเกณฑ์ออกไปเพื่อผนึกกิเลนทั้งสองตัวนั้น ซึ่งหลังจากนั้นทั้งสองตัวถูกขังเอาไว้และถูกหวังหลินเก็บไป
สายตาหวังหลินเป็นประกายเมื่อมองดวงวิญญาณลอยออกมาจากเจ้ากิเลน เขาพ่นลมหายใจและร้องตะโกน “เจ้าสัตว์บัดซบ หากเจ้ามีพลังของบรรพบุรุษเจ้า ข้าคงไม่อาจเปรียบได้ ทว่าเจ้าเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่ควบแน่นเป็นร่างมายาแท้ๆ การทำลายเจ้านับว่าไม่ยากนัก!”
เช่นนั้นฝ่ามือหวังหลินขยับรวดเร็วและกฎเกณฑ์มายาปรากฎขึ้นทีละวง กฎเกณฑ์มายาล้อมรอบเจ้ากิเลนและค่อยๆลดต่ำลงมาราวกับตาข่าย
เจ้ากิเลนร้องคำรามและเริ่มดิ้นรนทำให้กฎเกณฑ์แตกละเอียด ทว่าฝ่ามือหวังหลินไม่หยุดชะงัก กฎเกณฑ์ปรากฎอย่างบ้าคลั่งและร่อนลงบนร่างเจ้ากิเลนอย่างต่อเนื่อง
เม็ดเหงื่อค่อยๆเริ่มปรากฎบนหน้าผากหวังหลินขณะที่เขาส่งกฎเกณฑ์ออกไปจำนวนมากในเวลาเพียงไม่กี่วินาที เจ้ากิเลนเริ่มร้องเสียงดังขึ้นแต่ทว่าร่างของมันลดลงอย่างช้าๆราวกับกำลังจมลงไปในน้ำ
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ เขาสัมผัสกระเป๋าเพื่อนำธงผืนเล็กอีกผืนออกมา
ธงผืนนี้คือธงกฎเกณฑ์ เพียงโบกสะบัดหนึ่งครั้ง หอกสีดำนับไม่ถ้วนถูกสร้างขึ้นเบื้องหน้าเขา ภายใต้คำสั่งของหวังหลินทำให้หอกทั้งหมดนี้พุ่งเข้าใส่เจ้ากิเลน
ในเวลาเดียวกันที่ฝ่ามือหวังหลินไม่หยุดชะงักนี้ เขาสร้างวังวนวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ฝ่ามือราวกับภูติพราย สร้างวังวนวิญญาณทีละจุดต่อไปเรื่อยๆ
หอกสีดำนับไม่ถ้วนแทงเข้าใส่ดวงตาเจ้ากิเลนที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว มันส่ายร่างกายและบอลแสงสีทองมากกว่าสิบลูกปรากฎรอบตัวมัน
ปัง! ปัง!
เสียงดังกึกก้องหลายครั้งขณะเหล่าหอกและบอลแสงหลายดวงปะทะกัน แม้ว่าหอกจำนวนมากจะถูกหยุดไว้แต่มันยังมีบางส่วนที่ผ่านไปปะทะกับเจ้ากิเลน ดวงวิญญาณหลายดวงไหลออกจากร่างของมันและถูกวังวนหวังหลินที่สร้างขึ้นไว้ดูดซับไป
เจ้ากิเลนคำรามดังและเริ่มดิ้นรนหนักกว่าเดิมทำให้กฎเกณฑ์บนร่างของมันแตกสลายทีละจุด
หวังหลินขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าร่างมายาที่สร้างจากเศษเสี้ยววิญญาณของกิเลนตัวเดียวจะแข็งแกร่งพึงเพียงนี้ เจ้ากิเลนแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายเลยทีเดียว หากมันมีเวลาเติบโตมากกว่านี้มันคงบรรลุระดับพลังของเซียนขั้นแปลงวิญญาณในไม่ช้า
สายตาหวังหลินมืดมน เขายกมือขวาขึ้นและกับดักอสูรลอยออกมาร่อนลงด้านข้างและเปลี่ยนไปเป็นราชรถสังหารเทพ
อสูรข้างในอ่อนแออย่างมากหลังการสู้รบกับผีเสื้อสีชาด ทว่าจังหวะที่มันเห็นเจ้ากิเลน ร่างของมันสั่นเทาและสายตาเต็มไปด้วยความโลภ
จังหวะที่เจ้ากิเลนเห็นอสูรวิญญาณ มันร้องคำรามราวกับพบเจอศัตรูตามธรรมชาติ มันหยุดดิ้นรนต่อต้านกฎเกณฑ์และเผยเจตนาที่จะต่อสู้
เมื่อหวังหลินเห็นเช่นนี้เขาประหลาดใจ สายตาสว่างขึ้นและไม่ลังเลที่จะส่งผนึกเข้าใส่ราชรถสังหารเทพ เป็นครั้งแรกที่เจ้าอสูรร่ำร้องอย่างยินดีและเป็นครั้งแรกที่ไม่รอให้ราชรถเปิดขึ้นมาก่อนหรือพยายามกลืนกินหวังหลิน มันพุ่งเข้าใส่เจ้ากิเลนพร้อมกับโซ่ตรวนที่เชื่อมต่อกับมันไปด้วย
เจ้ากิเลนร้องคำราม บอลแสงนับไม่ถ้วนปรากฎเบื้องหน้าเพื่อขัดขวางการโจมตีของอสูรวิญญาณ
อสูรวิญญาณกู่ร้องและกระแทกผ่านบอลแสงสีทองทั้งหมดไป อสูรวิญญาณและเจ้ากิเลนปะทะใส่กันเกิดเสียงดังปัง
ทั้งสองตัวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด อสูรวิญญาณได้พุ่งเข้าใส่รวดเร็วเกินไปดังนั้นโซ่ตรวนบนร่างของมันจึงถูกดึงให้ถึงขีดสุด ความเจ็บปวดจากโซ่ตรวนบังคับเจ้าอสูรวิญญาณให้ถอยกลับมา มันหันกลับมาและพยายามกัดโซ่ตรวนแต่ไม่ว่ามันจะทำเช่นไรก็ไม่สามารถทำลายโซ่ได้ จากนั้นหันกลับมาหาหวังหลินและเริ่มคำราม เจตนาของมันชัดเจนแล้ว
เจ้ากิเลนไม่ใช่คู่ปรับกับอสูรวิญญาณ กฎเกณฑ์ทั้งหมดบนร่างของมันแตกกระจายและถูกส่งลอยออกไปพร้อมกับเสี้ยววิญญาณจำนวนมากหนีออกจากร่างมัน
ขณะที่เสี้ยววิญญาณเหล่านี้ปรากฎขึ้น พวกมันถูกวังวนวิญญาณรอบๆดูดซับไปซึ่งในพริบตาเดียวทั้งหมดก็ถูกดูดเข้าไป
ร่างเจ้ากิเลนสีทองไม่ได้เป็นรูปร่างเหมือนก่อนหน้านี้และแปรเปลี่ยนเป็นภาพมายายิ่งกว่าเดิม มันมองดูอสูรวิญญาณด้วยสายตาขุ่นมัวขณะคำรามเสียงต่ำและไม่กล้าขยับไปข้างหน้า
มันเป็นเพียงเสี้ยววิญญาณเท่านั้น เมื่อมันถึงจุดสูงสุดมันจะแข็งแกร่งกว่าอสูรวิญญาณ ทว่าตอนนี้มันไม่อาจเป็นคู่ปรับได้
หลังจากเจ้ากิเลนถูกผลักออกไป ธงวิญญาณทองจึงไร้การป้องกัน หวังหลินรีบปรากฎตัวเบื้องหน้าธงวิญญาณทองและกำลังจะคว้าเอาไว้
ทว่าเจ้ากิเลนทองร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและกระโจนใส่หวังหลิน หวังหลินเยาะเย้ยขณะแขนขวายื่นออกไปและโซ่ตรวนบนราชรถสังหารเทพหายวับทันที
เมื่อไม่มีโซ่ตรวนรั้งมันเอาไว้ อสูรวิญญาณคำรามอย่างยินดีพร้อมกับอ้าปากและโจมตีเจ้ากิเลน
เจ้ากิเลนรู้สึกหมดหนทาง มันยกเลิกการโจมตีหวังหลินและพยายามหลบหนี
อสูรวิญญาณเริ่มไล่ล่าตามหลังเจ้ากิเลน ดวงวิญญาณจำนวนมากลอยออกมาจากเจ้ากิเลนและถูกวังวนวิญญาณดูดซับ
หวังหลินคว้าธงวิญญาณทอง หลังจากเขาสัมผัสมันได้ รัศมีเยือกเย็นแทรกเข้าสู่ร่างกายและไหลผ่านไม่กี่ครั้งก่อนจะหายไป หวังหลินเผยใบหน้ายินดีพร้อมกับพ่นโลหิตวิญญาณบางส่วนให้ธงวิญญาณดูดซับ
“จงตื่นขึ้น!” หวังหลินตะโกนและดึงผืนธงขึ้นมา
ควันสีดำขนาดเท่าแขนหนึ่งข้างพึ่งออกมาจากจุดที่ธงสีทองอยู่และพุ่งออกไปผ่านทั้งภูเขาหลอมวิญญาณ
มองไกลๆแล้วจะเห็นควันสีดำพุ่งเข้าสู่ท้องฟ้าเหนือภูเขาหลอมววิญญาณและกำลังเริ่มกระจายออก
ขณะนี้เองศิษย์ทั้งหมดในภูเขาหลอมวิญญาณต่างก็จ้องท้องฟ้าด้วยความตื่นตะลึง พวกเขารับรู้เสียงคำรามจากใต้ดินแล้วแต่มันแข็งแกร่งเกินไปดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าออกไปตรวจสอบ
วงแหวนสีทองระหว่างภูเขาทั้งสามลูกเริ่มสั่นเบาๆและคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากแหวนวงที่แปด เส้นผมขาวโพลนและใบหน้ามืดมน ขณะที่เขากำลังจะออกไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพลันหยุดกึกราวกับได้ยินบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นหันกลับมาโค้งคำนับไปทางวงแหวนโลหิตสองวง “ตามคำสั่งท่านบรรพชน”
เช่นนั้นเขากลับเข้าสู่วงแหวนทองตามเดิม
หวังหลินกำธงวิญญาณสีทองแน่น เขาส่ายมันและเอ่ยขึ้น “ดวงวิญญาณหลัก กลับมา!”
ในพริบตาเดียวเจ้ากิเลนที่ถูกบังคับให้จนมุมโดยอสูรวิญญาณและเกือบถูกกลืนกินหลายครั้งพลันหายตัวเข้าไปในธงสีทอง
หวังหลินรู้สึกว่าธงวิญญาณในมือสั่นเทา เขารู้สึกมีความสุขมากพร้อมกับเก็บมันกลับไปอย่างรวดเร็ว
อสูรวิญญาณโกรธเกรี้ยวมาก มันเกลียดหวังหลินฝังลึกในใจและเพราะมันถูกขโมยเหยื่อมันจึงพุ่งเข้าหาหวังหลิน
แม้หวังหลินจะไม่สามารถควบคุมเจ้าอสูรวิญญาณตัวนี้ได้อย่างแท้จริง เขายังสามารถผนึกมันได้ หวังหลินชี้ไปที่ราชรถสังหารเทพและโซ่ตรวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นกักขังอสูรวิญญาณเอาไว้
อสูรวิญญาณร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น มันค่อยๆถูกข้างเข้าไปในราชรถและกลับคืนสู่กับดักอสูรตามเดิม
หวังหลินไม่ได้เก็บกับดักอสูรกลับไปแต่ผนึกมันไว้อย่างสมบูรณ์และจึงค่อยเก็บในกระเป๋า เขาหายตัวและปรากฎตัวอีกครั้งบนยอดภูเขาหลอมวิญญาณ
ในขณะนี้ควันสีดำเหนือภูเขากำลังหนาแน่น หวังหลินจ้องก้อนเมฆดำและเริ่มครุ่นคิด
“เสียงดังจากการประลองควรจะเป็นจุดสนใจของเซียนขั้นตัดวิญญาณขึ้นไปในสำนักหลอมวิญญาณทว่ายังไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้น่าสนใจ…” หวังหลินจดจ้องวงแหวนสีทองเก้าวงและมองออกไปยังวงแหวนโลหิตสองวงอีก แม้เขาจะไม่ได้ฟื้นฟูระดับฝึกตนได้ทั้งหมด เขาก็ไม่หวาดกลัว แม้จะมีเซียนขั้นแปลงวิญญาณสักคนเข้ามาเขายังสามารถเปิดมิติว่างและหนีออกไปโดยใช้เข็มทิศดวงดาวได้
เขาเห็นสายตาหนึ่งคู่ชำเลืองมาที่เขาด้วยความเป็นมิตรจากหนึ่งในวงแหวนโลหิต จากนั้นสายตาคู่นั้นหายวับไปทันที
“เอ๊ะ?” ดวงตาหวังหลินสว่างวาบขึ้น