Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 433

Cover Renegade Immortal 1

433. บรรพชนลำดับสามคือนาง

ชั้นที่ห้ากว้างขวางกว่าชั้นที่สี่และไม่ใกล้เคียงกับคำว่าแห้งแล้ง มีตะไคร่เหมือนกับที่เห็นบนแคว้นซูเติบโตขึ้นที่นี่ มองจากด้านบนแล้วจะเห็นต้นไม้เขียวๆพวกนี้อยู่เป็นจำนวนมาก

ใบไม้ของต้นไม้เหล่านี้เคลื่อนไหวด้วยรูปแบบประหลาด หากมองพวมกันนานเกินไป ลำต้นจะเคลื่อนไหวเข้าหา

ในชั้นที่ห้าหวังหลินรับรู้ถึงต้นไม้แห่งการเกิดใหม่จำนวนสามต้น และบนยอดแต่ละต้นมีชาแมนแปดไม้อยู่หนึ่งตน ทั้งหมดต่างบาดเจ็บและอยู่บนขอบเหวแห่งความตาย

สายตาหวังหลินเยือกเย็นและเคลื่อนที่พริบตาเข้าหาหนึ่งในนั้นทันที

ทว่าขณะที่ปรากฎตัวถัดจากต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปและหายตัวห่างออกถึงหนึ่งพันฟุต

ต้นตะไคร่เริ่มเคลื่อนไหวขณะที่เขาปรากฎตัวและพุ่งชนกันเองในตำแหน่งที่หวังหลินเคยอยู่ก่อนหน้านี้

หลังจากนั้นไม่นานต้นตะไคร่น้ำทั้งหมดบนชั้นที่ห้ารวบรวมเข้าด้วยกันเกิดเป็นร่างมนุษย์

ร่างที่เกิดจากต้นตะไคร่พวกต่างปลดปล่อยกลิ่นอายประหลาด ขาสองข้างด้านช่างเชื่อมต่อกับต้นตะไคร่บนพื้นและเคลื่อนไหวด้วยความลึกลับเช่นกัน ในพริบตาร่างสิ่งมีชีวิตประหลาดนับไม่ถ้วนก็ปรากฎตัวล้อมรอบหวังหลิน

“คนต่างถิ่น ออกไปจากที่นี่ซะ!” น้ำเสียงหนึ่งออกมาจากปากต้นไม้เหล่านี้และดังก้องไปทั้งชั้น

ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างมนุษย์ทุกคนมีระดับบ่มเพาะของเซียนขั้นแปลงวิญญาณ เขาไม่มีเวลาพอจะต่อกรกับพวกมันดังนั้นจึงโบกแขนและธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงปรากฎในกำมือ

หวังหลินเอ่ยเสียงเบา “วิญญาณ กระจายตัว!”

เหล่าดวงวิญญาณพลันออกมาทีละตัวและล้อมรอบธงวิญญาณ มีดวงวิญญาณมากกว่าหกร้อยล้านดวงและวิญญาณหลักถึง 26 ดวงรวมถึงวิญญาณของตุ้นเทียนด้วยที่อยู่ในธงผืนนี้

เหล่าดวงวิญญาณพวกนี้เมื่อรวมเข้าด้วยกันไม่อาจสร้างเซียนขั้นเทวะระดับปลายหรือระดับกลางได้ แต่ทว่ามันยังสร้างเซียนขั้นเทวะระดับต้นได้อยู่

หวังหลินรู้ว่าเขาต้องลงมืออย่างรวดเร็วระหว่างการเดินทางครั้งนี้และไม่ต้องการเสียเวลาอันใด ดังนั้นจึงนำธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงออกมาทันที

หวังหลินตะโกน “รวมร่าง!”

วิญญาณห้าร้อยล้านดวงและวิญญาณหลักมากกว่าสิบดวงรวมเข้าด้วยกันสร้างเป็นดวงวิญญาณขั้นเทวะอันทรงพลัง

จังหวะที่ดวงวิญญาณปรากฎ ชั้นห้าทั้งชั้นสั่นเทา

วิญญาณที่เหลือและวิญญาณหลักต่างหมุนล้อมรอบหวังหลินเป็นวงกลมขณะที่พวกมันส่งเสียงครวญอย่างชั่วร้าย

หวังหลินรู้ได้ว่าวิญญาณขั้นเทวะนี้ไม่อาจคงอยู่ได้นานนักจึงตะโกนออกไป “สังหาร!”

ดวงตาของเซียนขั้นเทวะระดับต้นเรืองแสงขึ้นและโบกแขน ต้นตะไคร่น้ำทั้งหมดบนชั้นห้าต่างสลายตัวทันที

หวังหลินไม่หยุดชะงัก เขาพุ่งเข้าหาต้นไม้แห่งการเกิดใหม่และชี้ไปที่มัน เหล่าดวงวิญญาณทั้งหมดที่ล้อมรอบตัวพลันกระโจนเข้ากลืนกินต้นไม้แห่งการเกิดใหม่

ต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ล่มสลายทันทีและชาแมนแปดใบไม้ที่อยู่ด้านบนกระอักโลหิตออกมาพร้อมกับตายลงไป

ขั้นตอนนี้ดำเนินต่อไปพร้อมกับหวังหลินนำดวงวิญญาณขั้นเทวะพร้อมกับธงวิญญาณไปกวาดล้างทั้งชั้นห้า วิญญาณชาแมนแปดใหม่ที่เหลืออีกสองตนซึ่งกำลังฟื้นตัวต่างถูกเขาสังหาร ร่างกายถูกหล่อหลอมและถูกเก็บกะโหลกเอาไว้

หวังหลินไม่มีความรู้สึกดีอันใดต่อเผ่าละทิ้งอมตะ เขาเหาะเหินเข้าหาชั้นหกอย่างรวดเร็วและเป็นดังมารร้ายสังหารเผ่าละทิ้งอมตะทุกคนที่เขาเห็นหน้า

เป้าหมายของเขาคือต้นไม้แห่งการเกิดใหม่

ในชั้นที่หกมีต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ถึงสามต้น ต้องขอบคุณพลังของเซียนขั้นเทวะระดับต้น คนที่กำลังฟื้นตัวในชั้นที่หกจำนวนสามคนก็ตายเช่นกัน

หวังหลินมุ่งหน้าไปชั้นที่เจ็ด ชั้นที่แปด…ตรงไปถึงชั้นที่สิบ!

ในชั้นที่สิบ วิญญาณขั้นเทวะแตกสลายกลายเป็นดวงวิญญาณอ่อนแอ พวกมันกลับเข้าสู่ธงวิญญาณและไม่อาจเรียกออกมาได้อีกครั้ง

ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงถูกหวังหลินเก็บกลับไป ระหว่างทางเขาจึงได้เรียนรู้ธงวิญญาณ แม้ว่าดวงวิญญาณขั้นเทวะจะแข็งแกร่งอย่างมาก ช่วงเวลาที่ใช้ได้น้อยเกินไปและด้านพลังยังมีความแตกต่างระหว่างเซียนขั้นเทวะของจริง

นอกจากนี้ดวงวิญญาณได้รับความเสียหายทุกครั้งที่ใช้งาน นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมตุ้นเทียนถึงเรียกมันขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนหวาดกลัวแทนที่จะใช้มันต่อสู้

ระหว่างทางรวมถึงคนที่เขาสังหารไปก่อนหน้านี้ หวังหลินสังหารมาแล้วทั้งสิ้นคือชาแมนแปดไม้สิบเก้าคน ทั้งหมดต่างบาดเจ็บหนักอยู่แล้วและตายโดยไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ ชั้นถัดมาหลังจากชั้นหกมีต้นไม้ลึกลับทำเสมือนเป็นผู้คุ้มครอง

หากหวังหลินไม่มีวิญญาณขั้นเทวะ เขาคงหยุดลงที่ชั้นหก

แม้แต่เผ่าละทิ้งอมตะก็คงไม่คาดคิดว่าจะมีเซียนขั้นเทวะมาสังหารพวกเขาในบ้านตัวเองหรอก

นอกจากนั้นแล้วมีเซียนขั้นเทวะอยู่สามคนบนดาวเท่านั้นหากไม่รวมหยุนเซว่จื่อที่เป็นคนของเผ่าแล้ว จะมีจูเซว่จื่อที่อยู่ภูเขาซูซาคุ ฉูหยุนเฟยซึ่งหนีออกจากดาวไปแล้วและเซียนขั้นเทวะของสำนักทะลายปฐพีซึ่งบาดเจ็บหนักและตอนนี้กำลังฟื้นตัวอยู่ในที่ลับ

หากไม่มีเซียนขั้นเทวะ เช่นนั้นด้วยการเตรียมการป้องกันของเผ่าละทิ้งอมตะคงไม่มีปัญหา

ตั้งแต่ชั้นหกถึงชั้นที่สิบ หวังหลินเก็บเกี่ยวได้อย่างมหาศาล เขาไม่รู้ว่าหัวกะโหลกไว้ใช้ทำอะไรแต่ไม่คาดคิดว่าเผ่าละทิ้งอมตะจะมีหินวิญญาณเก็บไว้มากมายขนาดนี้

ตามตรรกะเหตุผลแล้วหินวิญญาณพวกนี้ไร้ค่าต่อพวกเขา พลังของรอยสักมาจากอสูรปิศาจ ดังนั้นหินวิญญาณจึงไม่มีค่า

แม้ว่าหินวิญญาณจะไม่ได้ต้องตาต้องใจหวังหลินอีกแล้ว แต่หากเป็นสกุลเงินสำหรับแลกเปลี่ยนกับพวกเซียนถือว่าดียิ่ง ระหว่างทางหวังหลินจึงเก็บรวบรวมหินวิญญาณจำนวนมาก แม้จะเอาหินวิญญาณพวกนี้ไปใส่ในสำนักของแคว้นระดับสี่ พวกเขาคงพอมีพอใช้ไปอีกพันปี

แต่เมื่อเปรียบเทีบกับหินวิญญาณแล้ว กะโหลกของชาแมนแปดใบไม้นับว่าน่าสนใจต่อหวังหลินมากกว่า กะโหลกแต่ละหัวมีรอยสักอันเอกลักษณ์และกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาเทียบเท่ากับเซียนขั้นแปลงวิญญาณ

หวังหลินรู้สึกได้ว่ากะโหลกพวกนี้ไม่ธรรมดาและมีค่ามากกว่าหินวิญญาณนัก

ความรู้สึกของเขานับว่าแม่นยำ บนดาวเทียนหยุน แกนพลังของคนที่ใช้พลังที่แตกต่างจากเหล่าเซียนนับว่ามีค่าอย่างมาก แกนพลังของเผ่าละทิ้งอมตะที่อยู่ในกะโหลก หากใช้วิชาลับจะทำให้รอยสักหลุดออกมาจากกะโหลกและทำให้คนผู้นั้นได้รับพลังของมันได้

หากเป็นกะโหลกของชาแมนเก้าใบไม้หรือสูงขึ้นไป คุณค่าของมันยิ่งมากมายมหาศาล!

ท่ามกลางดวงดาว มีชนเผ่าดั้งเดิมบนดาวเคราะห์ที่มีพลังลึกลับเป็นของตัวเองที่แตกต่างจากเหล่าเซียน ชนเผ่าดั้งเดิมพวกนี้ได้รับความสนใจจากสมาพันธ์ฌซียน สมาเซียนไม่ได้กวาดล้างพวกเขาออกไปแต่จับตัวไปแทน พวกสมาพันธ์ทำให้ชนเผ่าแต่ละรุ่นเติบโตขึ้นจนสามารถเก็บเกี่ยวได้และสร้างทรัพยากรจากคนพวกนี้โดยไม่รู้จักจบสิ้น

เพื่อยกระดับเผ่าพันธ์อื่น พวกเขาต้องให้อาหารเป็นธรรมดา…

หวังหลินได้รับกะโหลกทั้งสิ้นสิบเก้าชิ้น หลังเก็บพวกมันไว้อย่างระมัดระวังจึงมองไปที่ทางเข้าชั้นสิบเอ็ดและเริ่มลังเล

เขาไม่รู้ว่าสุสานอมตะมีกี่ชั้นและหากเขาไม่มีวิญญาณบรรพชนก็คงไม่ทำให้เขามาได้ไกลขนาดนี้

ทว่าเขากลับรู้สึกบางอย่างว่ามีสิ่งหนึ่งในชั้นสิบเอ็ดกำลังเรียกหาเขา หวังหลินเหยียดยิ้ม เขาไม่เร่งรีบลงไปแต่เริ่มตั้งค่ายกล

ค่ายกลนี้เป็นสิ่งที่ตุ้นเทียนสอนเขาในการตอบโต้พลังสายโลหิตของเผ่ามารยักษ์ มันเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดเล็ก

เขาวางค่ายกลอย่างง่ายๆและวางเสี้ยวหินหยกสวรรค์ลงไปหนึ่งก้อน หวังหลินมองไปทางชั้นสิบเอ็ด มันมืดมิดและมีหมอกควันสีดำลอยออกมา แตกต่างจากชั้นอื่นๆ

หวังหลินกุมกระบี่สวรรค์ไว้ในมือขวา รวบรวมพลังปราณสวรรค์และกระโดดเข้าไปในอุโมงค์

อุโมงค์นี้ไม่ได้ลึกมากดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานที่หวังหลินจะออกอุโมงค์และเข้าสู่ชั้นสิบเอ็ด

เมื่อเข้าไป ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ

ชั้นสิบเอ็ดไม่ได้กว้างมากนัก​มีอยู่ร่องหลายแห่งขุดออกจากพื้น ร่องเป็นรูปร่างรอยสักและมีของเหลวสีแดงกำลังลอยอยู่ข้างใน สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับหวังหลินก็คือรอยสักสีแดงได้เกิดไปตามร่องบนพื้น

ในเวลาเดียวกันก็มีกลิ่นอายเยือกเย็นออกมาจากพื้นดิน ชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้มีพลังหยินรุนแรง

ใจกลางรอยสักมีร่างหญิงเปลือยกายลอยอยู่ผู้หนึ่ง เส้นผมพริ้วไสวและปลดปล่อยกลิ่นอายชั่วร้าย

ร่างของนางยั่วยวนมีเสน่ห์อย่างมาก ไม่มีร่องรอยสักบนร่างนางนอกจากต้นไม้เก้าใบบนหน้าผาก

นางสวยงดงามมาก นอกจากร่างศพธิดาสวรรค์แล้วคนที่หวังหลินเห็นนั้นเทียบเคียงกับหลิวเหมยได้เลย เขาไม่เคยพบนางมาก่อนทว่านางกลับให้สัมผัสอันคุ้นเคยอย่างประหลาด

มีม้วนคัมภีร์เปิดอยู่ลอยเหนือร่างของนางและมีแสงสีทองเก้าเส้นบนม้วนคัมภีร์ก่อเกิดเป็นวงกลม

ควันสีดำหลายเส้นออกมาจากม้วนคัมภีร์และเข้าไปในหน้าผากของนาง

ในขณะที่เขาเห็นม้วนคัมภีร์ จิตใจจึงสั่นเทา ม้วนคัมภีร์ดูคุ้นเคยอย่างมาก มันดูเหมือนม้วนคัมภีร์ที่อยู่ในกระเป๋าเขาซึ่งหวังหลินไม่รู้วิธีใช้

ขณะนั้นรอยสักสีแดงโลหิตพลันเรืองแสงสีแดงเจิดจ้าและสตรีตรงกลางค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ

ดวงตานางสว่างไสว มีร่องรอยแสงชั่วร้ายในแววตาทำให้นางดูมีเสน่ห์ สายตาจ้องมองนั้นทำให้ใครต่อใครตกอยู่ในสภาวะงุนงงได้

หลังเห็นสายตาของนางผู้นี้ หวังหลินเริ่มสั่นเทาทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมนางถึงดูคุ้นเคยยิ่งนัก

กระบี่สวรรค์ในมือหวังหลินเริ่มส่งเสียงหึ่ง วิญญาณกระบี่ฉวี่ลี่กั๋วลอยออกมาและพึมพำ “นางฟ้าน้อย…”

“ขอบคุณที่ส่งดวงวิญญาณซึ่งเกิดจากเขตแดนของข้าตอนที่เกิดใหม่กลายเป็นเซียน…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version