Skip to content

พลิกปฐพี 972

ตอนที่ 972

ตอนพิเศษ 13

ความลับประเทศ แยกจาก

เขี้ยวมังกร

ชายชราได้ยินคำตอบนี้ชัดเจน

ในความดำมืด เงียบสงัดลงอีกครั้ง แต่ว่า เสียงเล็กๆ น้อยๆ กลับหนีไม่พ้นหูของมู่ชิงเกอ การเคลื่อนไหวของชายชราก็ปิดบังดวงตานางไม่ได้เช่นกัน

ชายชราวางปืนที่ล้วงออกมาจากใต้หมอนกลับไปอีกครั้ง ลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ตอนที่ชายชราลุกขึ้นยืนมู่ชิงเกอก็ถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวอย่างคล่องแคล่ว เว้นช่องว่างให้ชายชรา

“ตามฉันมา” ในความมืด ชายชรากล่าวกับมู่ชิงเกอหนึ่งประโยค

มู่ชิงเกอพยักหน้าเงียบๆ เดินตามชายชราออกจากห้อง ในโถงทางเดิน ก็มืดสลัวเช่นเดียวกัน สำหรับชายชรา เขาเคยชินกับการจัดแต่งห้องที่นี่อยู่นานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเดิน ในตอนกลางคืนของเขา ส่วนมู่ชิงเกอ คืนที่มืดมิดแบบนี้ก็ไม่อาจส่งผลกระทบใดๆ ต่อนางได้เข่นกัน

สุดปลายโถงทางเดิน คือห้องหนังสือของชายชรา

ผลักประตูเข้าไป ห้องๆ นี้นำความรู้สึกคุ้นเคยชนิดหนึ่งมาให้มู่ชิงเกอ

ชายชราเดินตรงไปข้างๆ โต๊ะหนังสือ เปิดโคมไฟบนโต๊ะ แสงไฟสีส้มขับไล่ความมืดภายในห้อง และในที่สุดก็ทำให้ชายชราได้เห็นคนที่ยืน อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน

เขาเงยหน้าขึ้น มองมู่ชิงเกอ

เพียงแต่ ตอนที่เขาเห็นหน้าใบนั้นของมู่ชิงเกอ ดวงตาทั้งคู่ก็หดลงอย่างรวดเร็ว ข้างในมีความตกตะลึงปรากฎออกมา “เธอ…เธอคือใคร เธอไม่ใช่เขี้ยวมังกร”

ใบหน้าที่แปลกหน้า แม้ว่าจะงดงามกว่าใบหน้าที่เขาคุ้นเคย แต่ว่า กลับไม่ใช่คนผู้นั้นที่เขารู้จัก

มู่ชิงเกอยิ้มเจื่อนในใจ

นางยกมือขึ้น ลูบแก้มของตนเอง กล่าวกับชายชรา “ท่านหัวหน้า เป็นฉันจริงๆ ค่ะ เพียงแต่ ตอนนี้ฉันเป็นคนอีกคนหนึ่ง”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เสียงชายชราเคร่งขรึม ความตื่นตัวในแววตายังไม่จางหายไป

ตัดรูปลักษณ์ภายนอกออกไป ความรู้สึกที่คนตรงหน้ามอบให้เขา ก็คือเขี้ยวมังกรก่อนหน้านี้คือคนผู้นั้นที่เขาคุ้นเคย แต่ว่า…คนคนหนึ่ง ถูกยืนยันว่าเป็นคนที่เสียชีวิตแล้ว หนึ่งปีให้หลังปรากฎตัวอีกครั้ง จะเปลี่ยนเป็นคนอีกคนได้จริงๆ หรือ

“ฉันมั่นใจมากว่า การแถลงข่าวการตายของเธอ ไม่มีปัจจัยอื่นใด แม้ว่าหมาป่าหาญจะตายไปแล้ว แต่กองทัพก็ยังถอดยศทหารของเขาทิ้ง ลงโทษตามที่ควรจะได้รับ” ชายชราจ้องมองมู่ชิงเกอแล้วกล่าว

ที่เขาบอกว่าไม่มีปัจจัยอื่น หมายถึง ‘มู่เกอ’ ไม่ได้รับหน้าที่ที่ต้องสร้างตัวตนใหม่ใดๆ อีก ในระเบียนลับที่สุดของประเทศต่างก็เป็นคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง

หมาป่าหาญ ก็คือคนผู้นั้นที่วางแผนใส่มู่เกอตอนแรก ท้ายที่สุดก็ถูกนางลากลงนรกไปด้วยกัน

เขาเองก็เป็นมีดแหลมคมที่ยอดเยี่ยมของประเทศ รองจากเขี้ยวมังกร

บางที อาจเป็นเพราะเหตุนี้ เกียรติยศของเขี้ยวมังกรทำให้เขารู้สึกกดดัน รู้สึกว่าเกียรติของตนถูกปิดบัง ด้านมืดค่อยๆ เปิดเผยจึงเกิดเรื่องนั้นในภายหลังขึ้น

ชายชราเอ่ยถึงหมาป่าหาญ สายตามู่ชิงเกอก็กะพริบวาบหนึ่งครา

จู่ๆ นางก็นึกถึงคำถามที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน…ถ้าหากว่า หลังจากระเบิดครั้งนั้นแล้ว นางทะลุมิติมาต่างภพ แบบนั้นหมาป่าหาญเล่า เขาก็ตายในระเบิดครั้งนั้นเหมือนกัน จะมีโอกาสเข้าไปในต่างภพแบบ เดียวกันหรือไม่

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก เก็บความคิดที่ลอยไปไกล นางมองชายชรา ตอบคำถามของผู้มากวัย “ท่านหัวหน้า ฉันตายไปแล้วจริงๆ แต่ ว่า…” นางหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าว “ฉันยืมร่างคืนชีพอีกครั้ง”

“อะไรนะ” ชายชราเบิกตาโตด้วยความตกใจ

ยืมร่างคืนชีพ คำศัพท์นี้เขาเข้าใจ แต่ว่า…นี่คือโลกที่เป็นอเทวนิยม ผีสางเทวดาล้วนเป็นเพียงความคิดล้าสมัยที่กุขึ้นมาเอง

สีหน้าที่เปลี่ยนไม่หยุดของชายชรา ทำให้มู่ชิงเกอยิ้มเจื่อนอีก ครั้งกล่าวอธิบาย “อืม ถ้าหัวหน้าอยากได้คำอธิบายที่ดีกว่านี้ก็สามารถเข้าใจได้ว่าฉันคือมนุษย์ต่างดาว”

แบบนี้น่าจะเข้าใจง่ายกว่า

“….” ชายชรานิ่งเงียบใส่ นานอย่างยิ่ง เขาจึงกล่าว “ฉันจะเชื่อคำพูดเธอได้ยังไง”

เอ่อ…

มู่ชิงเกอยกมือลูบจมูก ทันใดนั้นก็เดินผ่านชั้นหนังสือหนึ่งแถว ด้านหลังห้องหนังสือ

การลูบจมูกแบบนี้ ทำให้ชายชราตะลึงงันไปทั้งร่าง การตอบสนองของชายชรา ถูกนางมองเห็น แต่กลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินไปข้างหน้าชั้นหนังสือ ยกมือหยิบพจนาสารานุกรมฉือไห่เล่นหนาๆ หนึ่งเล่มออกมาจากชั้นวางหนังสือแถวที่สาม

มองเห็นหนังสือที่นางถือไว้ในมือ ดวงตาชายชราก็หดลงอย่าง รวดเร็ว ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง เมื่อครู่ ท่าทางลูบจมูกที่ติดเป็นนิสัยนั้นของเขี้ยวมังกร รวมถึงหนังสือที่ดูเหมือนจะธรรมดาเล่มนั้นที่นอกจากเขา แล้วก็มีเพียงเขี้ยวมังกรที่รู้…

มู่ชิงเกอถือหนังสือไปวางลงหน้าโต๊ะ เปิดมันออก

ที่แท้แล้ว ข้างในหนังสือเล่มนี้ก็ถูกคว้านให้ว่าง บริเวณที่ถูกคว้าน วางขวดเหล้าขวดเล็กหนึ่งขวดไว้ในขวดเหล้า ยังมีเหล้าว๊อดก้าอยู่ครึ่งขวด

เห็นขวดเหล้าที่บรรจุเหล้าว๊อดก้าไว้ มู่ชิงเกอก็ยิ้มออกมา แววตาคิดถึงเล็กน้อย กล่าว “ท่านหัวหน้ายังชอบเหล้าว๊อดก้าแบบนี้ฉันจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันถามท่านหัวหน้าว่าทำไมถึงหลงรักเหล้าว๊อดก้าเพียงอย่างเดียวในบรรดาเหล้ามากมายแบบนั้น ท่านหัวหน้าบอกว่า ท่านเป็นคนหยาบๆ คนหยาบๆ กับเหล้าหยาบๆ เหมาะสมที่สุด”

พูดจบ นางก็เหลือบตามองชายชราที่ตกตะลึง

ความเงียบสงัดในห้อง แผ่ขยายออกไปไม่ขาดสาย คำพูดของมู่ชิงเกอ ทำให้ชายชราตกอยู่ในสภาพไร้หนทางจะไตร่ตรองพักหนึ่ง

นานอย่างยิ่ง เขาจึงกล่าวถามเสียงแหบแห้ง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

มู่ชิงเกอถอนหายใจอย่างผ่อนคลายเงียบๆ นางเข้าใจท่านหัวหน้า เขาถามคำถามแบบนี้ออกมา ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาเตรียมใจจะยอมรับเรื่องราวที่เหลวไหลอย่างยิ่งได้แล้ว

ตอนที่คนผู้หนึ่งยินดียอมรับ ต่อให้จะเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อ เขาก็สามารถรับฟังได้อย่างสงบจิตสงบใจ ตอนที่คนผู้หนึ่งไม่ยินดียอมรับ ต่อให้จะพูดเรื่องที่มีเหตุผลอย่างไร เขาก็จะแค่นเสียงขึ้นจมูกอยู่ดี

ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม มู่ชิงเกอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ท่านหัวหน้าที่ตนเคารพฟังอย่างรวบรัดหนึ่งรอบ

หลังจากที่ท่านหัวหน้าฟังจบเงียบๆ นางก็ใคร่ครวญว่าจะบอกเจตนาในการมาของตน “ท่านหัวหน้า กลับมาคราวนี้อาจจะเป็นเพราะว่าโชคชะตาของฉันกับโลกใบนี้ยังไม่จบสิ้น หรือเป็นเพราะว่าจากไปโดยเร็วภายใต้ระเบิดครั้งนั้น ทำให้ฉันไม่ทันได้กล่าวลากับคนหลายคน แต่ว่า อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเหตุไม่คาดคิด อีกไม่กี่วัน ฉันก็ต้องไปแล้ว ไปครั้งนี้ ไม่กำหนดวันกลับ คืนนี้ ฉันบุ่มบ่ามมาที่นี่ ก็เพราะว่าคนของกระทรวงความมั่นคง เหมือนจะสังเกตได้ว่าฉันกลับมา อีกทั้งยังส่งผลถึงเพื่อนของฉัน ฉัน หวังว่าท่านหัวหน้าจะสามารถออกหน้าแก้ไขเรื่องนี้ทำให้ทุกอย่างกลับมาสงบเหมือนเดิมได้”

ท่านหัวหน้าเงยหน้าช้าๆ มองมู่ชิงเกอ ทันใดนั้น เขาก็ยิ้ม กล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ตอนนี้เธอมีพลังที่แข็งแกร่งแล้ว สามารถเลือกใช้วิธีอื่นมาแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่ว่า เธอกลับเลือกวิธีที่ดันตรายที่สุด และยุ่งยากที่สุด แสดงให้เห็นว่า เธอยังเป็นเด็กดี เธอเชื่อมั่นในตัวคนแก่อย่างฉัน แล้วยังเชื่อมั่นในประเทศอีกด้วย’’

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก ยืดอกตรง นางกล่าวเสียงตํ่า “แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยหมดหวังกับประเทศของฉันมาก่อน ฉันเองก็รักทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยอุทิศตนให้ ยิ่งไม่เคยลืมว่าฉันเป็นทหารคนหนึ่ง และยังอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านหัวหน้าอีกด้วย”

“เธอยังเป็นหลานที่ดีของฉัน” ท่านหัวหน้าพูดต่อจากมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอใจสั่น มองชายชรา ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาในต่างภพ อุปสรรคที่ฟันฝ่ามาร้อยปี ทำให้บางครั้ง นางก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนดาวโลก กลับกลายเป็นความฝัน

แต่ว่า การพบเจอกับหลี่ซิวหยวน บทสนทนากับท่านหัวหน้า กลับทำให้ความทรงจำอันเลือนรางเหล่านั้นของนาง ถูกปลุกขึ้นมาในกระดูกอีกครั้ง กลายเป็นความชัดเจน

“ท่านหัวหน้า…” มู่ชิงเกอเสียงสั่นเครือเล็กน้อย

ท่านหัวหน้าเดินไปข้างหน้านาง ยกมือตบบ่าของนางเล็กน้อย เหมือนเมื่อวันวาน ทุกครั้งที่นางนำเกียรติยศกลับมา หรือว่าเสี่ยงอันตราย จากไป ชายชราก็จะให้กำลังใจแก่นาง

“เด็กดี เธอทำเพื่อประเทศมามากพอแล้ว” ท่านหัวหน้ากล่าวอย่างซาบซึ้ง

มู่ชิงเกอเม้มปาก

“วางใจเถอะ เรื่องนี้ส่งให้ฉันจัดการ คนเหล่านั้นของกระทรวงความมั่นคงตื่นตระหนกง่ายเกินไป ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา พวกเขาจะไม่ตรวจสอบเรื่องของเธออีก และจะไม่ไปรบกวนเพื่อนของเธอด้วย” ท่านหัวหน้ารับปาก

สำหรับการรับปากนี้มู่ชิงเกอไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว

นางรู้ดีว่า ท่านหัวหน้ามีความสามารถทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ มิแบบนั้นนางก็คงไม่มา

“แต่ว่า มีเรื่องบางเรื่องที่เธอต้องรับปาก” ท่านหัวหน้าคิดครู่หนึ่ง เอ่ยขออย่างหนึ่งกับมู่ชิงเกอ

“ตกลงค่ะ” มู่ชิงเกอพยักหน้ารับปากอย่างไม่คิดเลยแม้แต่น้อย

นางรับปากแบบนี้ กลับทำให้ท่านหัวหน้าตกตะลึง ชั่วขณะก็ยิ้ม ก่นด่า “เด็กคนนี้นี่ พยักหน้ารับง่ายขนาดนี้ ไม่กลัวฉันเอาเธอไปขายหรือไง”

มู่ชิงเกอยิ้มออกมา ในดวงตาปรากฎความเชื่อใจที่มีให้แค่เพียงชายชรา

วันที่สามหลังจากมา มู่ชิงเกอก็ได้รับคำเชิญจากหัวหน้า

คราวนี้หัวหน้านั่งรถมารับนางด้วยตัวเอง ออกไปพร้อมกัน บอกว่าจะไปยังสถานที่ลับที่สุดแห่งหนึ่ง

ในคฤหาสน์หัวหน้าเห็นซือมั่วพ่อลูกแล้ว

เขามอบปืนเก่าแก่ที่พกติดตัวเขามาหลายปีให้ซือมู่น้อยในฐานะ ปู่ทวด ความหมายที่พิเศษของของขวัญชิ้นนี้ มู่ชิงเกอรู้ดีในใจ และซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับซือมู่น้อยที่ได้ปืน…ไม่ต้องพูดว่าปืนไม่มีกระสุน ต่อให้จะมีกระสุน สำหรับเด็กเล็กคนอื่นๆ ถือเป็นของอันตราย แต่สำหรับซือมู่น้อยแล้ว เป็นเพียงของเล่นสุดรักชิ้นหนึ่งเท่านั้น

ซือมู่น้อยที่ถูกปืนเก่าแก่หนึ่งกระบอกซื้อตัว พบหน้ากันเพียงสิบกว่านาทีสั้นๆ ‘คุณทวด’ คำเรียกนี้ ก็เรียกไม่รู้กี่รอบ ทำให้มู่ชิงเกอนึกถึงภาพที่ซือมั่วใช้เมล็ดบัวเพลิงมาหลอกล่อให้หยวนหยวนเรียกเขาว่า ท่านพ่อ ในตอนนั้น

และสำหรับซือมั่ว หลังจากที่หัวหน้าตั้งใจมองประเมินเขาหนึ่งรอบแล้ว ก็พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนไป ก็กล่าวหนึ่งประโยคด้วยความหมายลึกซึ้ง “เขี้ยวมังกรของเรา เกรงว่าคงมีเพียงคุณที่เอาเธอให้อยู่ หมัดได้ ดูแลเธอดีๆ เธอมีค่ามาก”

บนรถ มู่ชิงเกอมองหัวหน้าที่อยู่ข้างๆ อย่างขบขำ

ชายชราฮัมเพลงราวกับเด็กๆ เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของมู่ชิงเกอ เขาจึงละสายตาเข้ามาถาม “เด็กน้อย มองอะไร”

มู่ชิงเกอหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้า

หัวหน้าเองก็ไม่ได้ไล่ถาม เขาเพียงแค่เก็บรอยยิ้ม กล่าวกับมู่ชิงเกออย่างจริงจัง “ที่ๆ ฉันจะพาเธอไป เป็นสถานที่ลับที่สุดของประเทศ พวกเขาเองก็ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ รู้เพียงแค่เธอคือที่ปรึกษาพิเศษที่ฉันเชิญมา”

“ฉันต้องทำอะไรเหรอคะ” มู่ชิงเกอถามต่อ

แต่หัวหน้ากลับส่ายหน้า “ไม่ต้องทำอะไร เธอแค่ช่วยฉันดูภาพ ภาพหนึ่ง ยืนยันบางสิ่งบางอย่างก็พอ”

มู่ชิงเกอสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพยักหน้า

อยู่ต่อหน้าหัวหน้า นางไม่ได้ใช้ญาณเทวะใดๆ และไม่ได้ใช้ปัญญาเทวะเพื่อรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย ดังนั้น ตอนนี้นางจึงไม่รู้ว่าภาพที่หัวหน้าให้นางดู เป็นภาพแบบใด

ที่ที่รถของหัวหน้าขับผ่านเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ

ถนนเส้นสุดท้าย ใช้แม้กระทั่งเทคโนโลยีพิเศษ ปกคลุมตัวรถทั้งคัน ป้องกันกันสอดแนม

มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจ แล้วก็ไม่ได้ใช้ปัญญาเทวะสำรวจเส้นทาง ปล่อยให้รถพานางไป

ผ่านไปสามชั่วโมง รถก็หยุดลง

หัวหน้าลืมตาขึ้น กล่าวกับมู่ชิงเกอ “ถึงแล้ว ไปกันเถอะ”

มู่ชิงเกอพยักหน้า เดินลงจากรถพร้อมหัวหน้า

เมื่อออกมา แสงที่แยงตาข้างนอก ก็ปกคลุมร่างของนาง

นางเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทัศนวิสัยไม่ได้รับผลกระทบอย่างสิ้นเชิง ส่วนหัวหน้าก็หลับตาทั้งคู่พักผ่อนครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลืมตาช้าๆ

ในระหว่างการปรับตัวนี้ มู่ชิงเกอมองประเมินตำแหน่งทั้งหมดอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ

ที่นี่น่าจะเป็นสถานบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สักแห่งหนึ่ง พื้นที่สูงอย่างยิ่ง บนหลังคาโดมเต็มไปด้วยไฟสปอร์ตไลต์ ข้างในสว่างราวกับช่วงกลางวัน เจ้าหน้าที่วิจัยวิทยาศาสตร์ที่สวมชุดขาวกางเกงขาวจำนวนมาก ต่างก็เดินไปเดินมา ต่างคนต่างยุ่ง ไม่ได้สงสัยต่อการมาถึงของพวกเขาเลย เพียงแต่ว่า ยังมีคนไม่น้อย มองประเมินนางอยู่พักหนึ่ง

“ไปเถอะ ตามฉันมา” หัวหน้าเดินมาข้างๆ มู่ชิงเกอ กล่าวกับนาง

มู่ชิงเกอพยักหน้า เดินตามหลังหัวหน้าไปยังด้านหน้าอาคาร

ด้วยความเคารพที่มีต่อหัวหน้า มู่ชิงเกอไม่ได้ใช้ปัญญาเทวะไปดูทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างใน เก็บปราณของตนให้เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป

หัวหน้าพานางเดินผ่านจุดตรวจแต่ละชั้นๆ ผ่านห้องโถงใหญ่ที่ปิดสนิท ชั้นล่างสุดของอาคาร

แม้จะไม่ได้ใช้ปัญญาเทวะ แต่ด้วยประสบการณ์ในอดีตของนาง มู่ชิงเกอก็ยังคงสัมผัสได้ว่าการคุ้มกันของที่นี่เข้มงวด อีกทั้งยังมีกลไกอันตรายต่างๆ นานา

“ที่นี่ ตอนที่สร้างขึ้นตอนแรก ได้เชิญอาจารย์ฮวงจุ้ยมาสำรวจ ทั้งยังเชิญอาจารย์โหราศาสตร์จำนวนมากมาด้วย ใช้ความสามารถของบรรพบุรุษเรา วางศาสตร์พยากรณ์ ควบคู่กับระบบป้องกันเทคโนโลยีขั้นสูง ฉันรับประกันได้ว่า ต่อให้เป็นเธอในตอนนั้นก็เข้ามาไม่ได้” หัวหน้ายิ้มกล่าว

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วเบาๆ

ดูท่าแล้ว แม้ว่าประเทศจะป่าวประกาศว่าต้องถือหลักวัตถุนิยม อย่าเชื่อเรื่องงมงายล้าสมัย แต่ว่า ของบางอย่างยังต้องยอมรับ เพียงแค่อย่าให้สิ่งเหล่านี้รบกวนถึงชีวิตของประชาชน

มู่ชิงเกอมองไปรอบๆ นางรู้สึกได้ถึงคลื่นของค่ายกล แต่ว่า ค่ายกลเหล่านี้ในสายตานาง ไม่สมบูรณ์อย่างยิ่ง แต่ว่า นางไม่ได้พูดอะไร สิ่งของที่ไม่อาจทำอะไรนางได้เหล่านี้ บนโลกนี้ก็ถือเป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วจริงๆ

แน่นอน ถ้าหากหัวหน้าเอ่ยปาก ให้นางปรับแก้ที่นี่ได้ ไม่ว่าจะเพื่อน ส่วนรวมหรือส่วนตน นางก็ไม่อาจปฏิเสธ แต่ชัดเจนว่า หัวหน้าไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ ดังนั้น นางจึงรักษาความเงียบไว้

ในที่สุดประตูใหญ่บานหนึ่งก็เปิดออก มู่ชิงเกอเดินตามหัวหน้าเข้าไปข้างใน

ตรงหน้า มีเจ้าหน้าที่วิจัยวิทยาศาสตร์ที่ดูแล้วน่าจะมีตำแหน่งพิเศษจำนวนหนึ่ง

คนเหล่านี้เป็นใคร มู่ชิงเกอไม่รู้ แต่ก็ดูออกว่าพวกเขาน่าจะเป็นบุคคลสำคัญของสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี้

“หัวหน้า”

“หัวหน้า”

คนหลายคนเห็นมู่ชิงเกอกับหัวหน้าเดินเข้ามาก็พากันลุกขึ้นยืน กล่าวกับหัวหน้าด้วยความเคารพ สำหรับมู่ชิงเกอคนแปลกหน้าผู้นี้ ถูกพวกเขาเมินเฉยไปโดยอัตโนมัติ

หัวหน้าโบกมือ กล่าวกับคนหนึ่งในนั้น “เอาแผนที่หมายเลข 101 ออกมา”

มู่ชิงเกอละสายตามองหัวหน้า

ส่วนคนที่เหลือ เมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้าใหญ่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก คนผู้นั้นที่ถูกเรียกชื่อ ขยับมือป้อนคำสั่ง เข้าไปในเครื่องปฎิบัติการตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก บนจอขนาดใหญ่ข้างหน้าก็ปรากฎแผนภาพหนึ่งแผ่น

ตอนที่แผนภาพนี้ค่อยๆ ปรากฎอยู่บนจอ ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอก็หดลงอย่างรวดเร็ว ในดวงตาปรากฎความตกใจ ‘แผนที่ดาว!’

หัวหน้าจ้องมองการเคลื่อนไหวของมู่ชิงเกอมาโดยตลอด หลังจากที่เขาเห็นความตกใจในดวงตานางแล้ว ความรู้สึกของตนก็ตื่นเต้นขึ้นมา เล็กน้อย

เขากล่าวกับคนอื่น “พวกเธอออกไปก่อน”

คนที่เหลือไม่ลังเล ต่างก็ถอยออกไปจากห้องเงียบๆ

หลังจากที่ในห้องเหลือเพียงมู่ชิงเกอกับหัวหน้า ชายชราก็ถามด้วย ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เธอเคยเห็นแผนภาพนี้แล้วใช่หรือไม่ โลกที่เธอรู้จักเป็นแบบนี้ใช่หรือเปล่า”

หัวหน้าเองก็ไม่ปิดบัง กล่าวกับนาง “แผนภาพนี้ เป็นรูปถ่ายที่ดาวเทียมประเทศเราบังเอิญส่งกลับมา พวกเราไม่มั่นใจว่าเป็นจักรวาลนั้น แต่ว่า เธอน่าจะรู้ บนโลกใบนี้ บนดาวโลกดวงนี้ของพวกเรา หลังจาก สงครามอาวุธร้อนสิ้นสุดลง การแข่งขันระหว่างประเทศก็กลายเป็นแหล่งพลังงานและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี โดยเฉพาะการวิจัยอวกาศนอกโลก”

มู่ชิงเกอละสายตามองชายชรา

จุดนี้ มู่ชิงเกอย่อมเข้าใจดี

ตอนนั้น ตอนที่นางยังเป็นเขี้ยวมังกรก็เคยปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้รู้ดีว่าการแข่งขันระหว่างประเทศ ในจุดที่คนทั่วไปมองไม่เห็นเป็นเข่นไร

“ถ้าหาก โลกใบนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นเหมือนอย่างที่พวกเรารู้ในตอนนี้ แต่เป็นอย่างที่เธอว่า ฉันก็หวังว่าเธอจะคลายความสงสัยให้ฉันได้ บางที คำไม่กี่คำของเธอ อาจจะเปิดโลกทัศน์ของพวกเราได้ ทำให้ ประเทศของเราได้ชิงโอกาสพัฒนาประเทศเหนือว่าประเทศอื่นๆ ในขอบเขตการวิจัยอวกาศนอกโลก” หัวหน้าพูดจุดประสงค์ในครั้งนี้ออกมา

เขาเพียงต้องการให้มู่ชิงเกอช่วยเขาดูแผนภาพ พูดคำไม่กี่คำเท่านั้นจริงๆ

ความคิดของหัวหน้า มู่ชิงเกอเข้าใจดี ทั้งยังไม่ได้ไม่พอใจ นางละสายตามองแผนที่ดาว จัดการความคิดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าว “ฉันอยู่ ในโลกอีกใบ จักรวาลทั้งหมดที่รู้จัก มีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน เหมือนกับต้นไม้ต้นหนึ่ง ดาวโลกในตอนนี้ รวมถึงกลุ่มดาวและจักรวาลที่เป็นของดาวโลก ต่างก็เป็นส่วนประกอบของลำต้น และแผนที่ดาวแผ่นนี้ …” นางเดินไปข้างหน้าหลายก้าว หมุนตัวกล่าวกับหัวหน้า “ฉันรู้จักจริงๆ อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะผ่านไป”

“อะไรนะ!” หัวหน้าตกตะลึง

มู่ชิงเกอกล่าว “หัวหน้า จักรวาลนี้มีโลกมากมาย โลกทุกๆ ใบ ต่างก็มีความสามารถพิเศษที่เป็นของตัวเองก็เหมือนกับดาวโลก ที่มีก็คือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนโลกใบอื่นก็มีวิธีของพวกเขา ในการสำรวจจักรวาลทั้งหมด ฉันเคยผ่านมหาสมุทรดวงดาวแห่งนี้ สามารถยืนยันกับท่านได้ว่า มหาสมุทรดวงดาวแห่งนี้เป็นมหาสมุทรตาย ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่ หากดาวโลกอยากจะศึกษาดวงดาวในระบบสุริยะที่มีสิ่งมีชีวิต เกรงว่าคงจะต้องใช้เวลานานอย่างยิ่ง”

“พอแล้ว! พอแล้ว!” หัวหน้าพยักหน้าท่ามกลางความตกใจ “เพียงแค่พวกเรากุมโอกาสได้ก่อน รู้ทิศทาง รู้ว่าเป้าหมายของพวกเราคืออะไร แค่นั้นก็พอแล้ว”

มู่ชิงเกอนิ่งเงียบ นางอยากจะทิ้งบางอย่างไว้อย่างยิ่ง เพื่อส่งเสริมการพัฒนาในด้านนี้ของประเทศ แต่ว่า เหมือนอย่างที่นางพูด ความสามารถของโลกทุกๆ ใบไม่เหมือนกัน ของที่นางมอบให้ ดูเหมือนจะ ช่วยได้ แต่ในความจริงแล้วกลับเป็นการรบกวนการพัฒนาวิทยาศาสตร์บนดาวโลก

“เด็กน้อย เธอจะกลับไปเมื่อไหร่” จู่ๆ หัวหน้าก็กล่าวถาม

มู่ชิงเกอไม่ได้ปิดบัง กล่าวตอบ “อีกสี่วันค่ะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!