Skip to content

ระหว่างตาย 1

วันที่เริ่มเขียน 9 กันยายน 2567

ระหว่างตาย

Chapter 1 ตาย!

“อย่าาาาาา…” เสียงกรีดร้องดังลั่น

ผั๊วะ! เพล้ง! ขวดเบียร์กระทบศีรษะแล้วแตกออกทำให้เสียงกรีดร้องของมธุรินหยุดลง ร่างเธอกระตุกดั่งปลาถูกทุบหัว เลือดไหลอาบลงมาตามขมับ อาบย้อยลงไปเรื่อยๆ จนเปื้อนคอเสื้อ ชาติชายมองเธอด้วยสายตาโกรธเคือง “หึ!”

เขาโยนขวดเบียร์ที่แตกทิ้งลงพื้น ตุบ!

ขวดเบียร์กลิ้งไปเล็กน้อยแล้วหยุดลง เงาบนขวดเบียร์นั้นสะท้อนให้เห็นร่างของมธุรินที่กำลังกระตุกๆ แล้วค่อยๆ แน่นิ่งไป เลือดไหลนองพื้นหย่อมหนึ่ง ดวงตาของมธุรินเบิกกว้างค้างอยู่เฉกเช่น ‘คนตายตาไม่หลับ’

ใช่! เธอตายตาไม่หลับ ในใจมีความแค้นมากล้น แค้นเสียจนไม่อาจไปสู่สุคติได้ วิญญาณเธอหลุดออกจากร่างจ้องมองดูร่างตัวเองที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น แล้วหันไปมองสามีที่เป็นคนฆ่าเธอจนตาย “ไอ้ชาติชั่ว!”

เธอด่าออกมา แต่เสียงด่าของเธอชาติชายไม่ได้ยินแม้แต่น้อย เขามองดูภรรยาที่แน่นิ่งไปแล้ว เขาก้มลงไปยื่นนิ้วไปอังที่จมูก พบว่าไม่มีลมหายใจแล้วเขาจึงยืดตัวขึ้น จากนั้นก็ร้องเรียกลูกน้อง “ไอ้ศักดิ์!”

“ครับ” เกรียงศักดิ์ขานรับ จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไป เขาชะงักไปครู่หนึ่ง “นาย!”

“มัวยืนทื่ออะไรวะ มึงมาช่วยกูหามมันไปทิ้งหน้าผาซิ” ชาติชายด่าพลางสั่ง เกรียงศักดิ์พยักหน้ารับหงึกๆ “ครับๆ”

เขารีบก้าวไปช่วยหามศพภรรยาเจ้านาย ชาติชายก็หามทางศีรษะ ทั้งสองคนช่วยกันหามร่างของมธุรินออกไปจากบ้านหลังนั้น จนกระทั่งไปถึงหน้าผาที่อยู่ด้านข้างบ้าน พวกเขาก็โยนร่างของมธุรินลงไป ฟิ้ว!

ร่างของมธุรินลอยละลิ่วลงไป กระแทกต้นไม้ที่อยู่เบื้องล่างเสียงดังแสกสากแล้วเงียบหายไป ชาติชายปัดๆ มือแล้วมองเกรียงศักดิ์ สั่งว่า “มึงไปล้างคราบเลือดให้เรียบร้อยเร็วๆ กูไม่อยากอยู่นี่แล้ว”

“ครับนาย” เกรียงศักดิ์รับคำสั่ง แล้วรีบเดินเข้าไปในบ้าน จัดการเช็ดเลือดที่เปื้อนพื้น กวาดเศษขวดเบียร์ที่แตกกระจายใส่ถุงแล้วเอาไปทิ้ง จากนั้นก็รีบเดินไปรายงานเจ้านาย “นายครับ เรียบร้อยแล้วครับ”

“อืม ไป” ชาติชายพยักหน้าแล้วเดินไปที่รถทันที เกรียงศักดิ์รีบวิ่งนำไปเปิดประตูรถให้ ชาติชายก้าวเข้าไปนั่งในรถ เกรียงศักดิ์ปิดประตูรถแล้วรีบไปนั่งประจำที่คนขับ จากนั้นก็ขับรถออกจากบ้าน

ขณะเดียวกัน ภายในห้องๆ หนึ่ง คนๆ หนึ่งที่นอนอยู่บนเตียงก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา “ริน…”

เขาหอบหายใจสะท้อนขึ้นลง เหงื่อโซมเต็มหน้า เขายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง นึกถึงภาพฝันเมื่อครู่ที่ฝันเห็นพี่สาวฝาแฝดมีใบหน้าอาบเลือด ดวงตาถลึงมองอย่างโกรธแค้น ทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดี จิตใจกระสับกระส่ายชอบกล เขาจึงหยิบโทรศัพท์มาแล้วเปิดแชทส่งข้อความหาพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง

เช้าวันต่อมา ชาติชายก็โทรหาพ่อตาอย่างร้อนใจ “คุณพ่อครับ รินอยู่ที่นั่นรึเปล่าครับ?”

“หือ ไม่นะ” ไผ่ตง(เป็นตัวละครที่มีบทอยู่ในเรื่อง Battle Sun ค่ะ) ตอบลูกเขยไป คิ้วเขาขมวด “มีอะไรเหรอลูก?”

“คือรินไม่กลับบ้านนะครับ ผมโทรหาก็ไม่ติด” ชาติชายบอกพลางบ่น “เอ…ไปไหนนะ?”

“อืม…อยู่บ้านเพื่อนรึเปล่านะ?” ไผ่ตงเดาๆ ชาติชายจึงบอก “งั้นเดี๋ยวผมลองโทรหาเพื่อนๆ เขาก่อนนะครับ”

“อืมๆ” ไผ่ตงพยักหน้า ชาติชายจึงตัดสายไป จากนั้นก็โทรหาเพื่อนๆ ของภรรยา

มธุรดา(เป็นตัวละครที่มีบทอยู่ในเรื่อง Battle Sun ค่ะ) ซึ่งนั่งอยู่ข้างสามี เห็นสามีวางโทรศัพท์แล้วจึงถาม “ตาชาติโทรมาทำไมเหรอพี่ไผ่?”

“โทรมาตามเมียนะซิ เมียไม่กลับบ้านเมื่อคืน สงสัยยัยรินคงไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ จนเมากลับไม่ไหวละมั้ง” ไผ่ตงบอก มธุรดาส่ายๆ หน้า “ยัยรินนี่ชักจะทำตัวเหลวใหลใหญ่แล้ว โตจนป่านนี้แล้วยังจะทำตัวแบบนี้อีก เห็นทีเจอหน้าต้องอบรมกันหน่อยแล้วล่ะ”

ไผ่ตงไม่พูดอะไร เขาหันไปดูทีวีต่อ

ชาติชายก็โทรหาเพื่อนๆ ของภรรยาจนครบทุกคนที่เขารู้จัก ทำให้คนอื่นๆ รู้ว่ามธุรินไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืนนี้ จากนั้นเขาก็ไปโรงพักแจ้งความคนหาย หลังจากแจ้งความเสร็จแล้วเขาก็แอบยิ้มบางๆ แล้วตีหน้าเคร่งเครียดกลุ้มอกกลุ้มใจที่ภรรยาหายไปไหนไม่รู้ ติดต่อก็ไม่ได้ เขาโทรจนมือจะหงิกอยู่แล้วก็ยังติดต่อภรรยาสุดที่รักไม่ได้เลย

ตกกลางคืน อนาวิลนอนหลับ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อโซมเต็มหน้าอีกครั้ง เขาฝันเห็นพี่สาวฝาแฝดอีกแล้ว ในฝันเขาเห็นเธอมีเลือดอาบหน้า จ้องมองเขาอย่างโกรธแค้นอีกครั้งแล้ว ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายใจคอไม่ดีอย่างไรชอบกล เขาส่งข้อความหาเธอเป็นยี่สิบสามสิบครั้ง เธอก็ไม่ตอบเลย นี่ทำให้เขากังวลใจแล้ว เขาโทรหาก็ไม่ติด ทำให้เขารู้สึกร้อนใจขึ้นมาแล้ว เขาจึงโทรหาคุณแม่

ติ๊ง…ติ๊ง…ติ๊ง…เสียงโทรศัพท์ดังทำให้มธุรดาหยิบโทรศัพท์มาดู ครั้นเห็นว่าลูกชายโทรมาเธอจึงกดรับทันที “ฮาโหล”

“หวัดดีครับแม่” อนาวิลทักทายแล้วถามถึงพี่สาวทันที “เอ่อแม่…รินสบายดีไหมครับ?”

“หือ? วันนี้มาแปลกนะวิล ถามถึงยัยรินซะด้วย มีอะไรล่ะ? หรือว่ายัยรินจะโทรไปบ่นอะไรเราล่ะฮึ?” มธุรดาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ อนาวิลจึงบอก “คือผมไลน์หาแล้วก็ไม่ตอบ โทรหาก็ไม่ติด หรือว่ามือถือพังเหรอฮะ?”

“เอ…ไม่รู้ซิ งั้นเดี๋ยวแม่ลองโทรหาก่อนละกัน” มธุรดาบอกแล้วก็ตัดสายไป จากนั้นก็กดโทรหาลูกสาว ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ…

เธอตัดสายแล้วกดโทรหาอีกครั้ง ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ…

เธอจึงตัดสาย คิ้วขมวดแล้วลองโทรอีกครั้ง ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ…

คิ้วยิ่งขมวดใหญ่ เธอจึงโทรหาลูกเขย ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…

“ครับคุณแม่” เสียงชาติชายรับโทรศัพท์ มธุรดาจึงถาม “ฮาโหลตาชาติ รินล่ะ?”

“ยังไม่กลับเลยครับคุณแม่ นี่ผมก็ตามหาจนไม่รู้จะไปหาที่ไหนแล้วครับ?” ชาติชายบอกน้ำเสียงร้อนใจกระวนกระวาย มธุรดาฟังแล้วเริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว “นี่ยังไม่กลับอีกเหรอ? แม่ก็คิดว่ายัยรินกลับบ้านแล้วซะอีก”

“ยังครับคุณแม่ ผมโทรจนมือหงิกแล้วครับ ถามเพื่อนคนไหนก็ไม่รู้เลย ผมไปแจ้งความไว้แล้วก็ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย นี่ผมว่าจะไปดูตามโรงพยาบาลนะครับ ถ้ารินไปที่นั่นคุณแม่ก็บอกให้เขาโทรหาผมด้วยนะครับ” ชาติชายบอกน้ำเสียงตอนท้ายคล้ายจะโกรธงอนภรรยานิดๆ ที่หายไปไหนก็ไม่รู้(อยู่ตีนหน้าผานั่นไง)

“จ้ะๆ” มธุรดารับคำ ชาติชายก็ตัดสายไปทันที เขาโยนโทรศัพท์ไว้ข้างหมอนแล้วหันไปกอดจูบกับผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ อย่างเร่าร้อน ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบสนองอย่างดุเดือด “อื้อ…เสี่ยขา…”

มธุรดารีบลุกไปหาสามีทันที เธอรู้สึกร้อนใจจนเหมือนถูกไฟรุม “พี่ไผ่ๆ ยัยรินยังไม่กลับบ้านเลย”

“หือ?” ไผ่ตงเลิกคิ้วขึ้น มธุรดารีบบอก “ตาชาติบอกว่าโทรถามเพื่อนก็ไม่มีใครรู้ หรือว่าลูกจะเกิดอุบัติเหตุที่ไหนนะพี่ไผ่?”

เธอกดโทรศัพท์ในมืออย่างร้อนใจ ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ…

เธอตัดสายแล้วกดใหม่ ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความ…

เธอกดๆ ตัดๆ อยู่อย่างนั้นหลายสิบครั้ง สีหน้ากังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เธอกำลังจะกดโทรออกอีกครั้ง พลันก็มีสายเข้ามา เธอเห็นว่าเป็นลูกชายจึงรีบรับสาย “ฮาโหลตาวิล”

“ครับแม่” อนาวิลเรียกแล้วถาม “รินสบายดีไหมครับ?”

“ยัยรินหายไปไหนก็ไม่รู้ลูก บ้านช่องไม่กลับ ตาชาติเที่ยวตามหาไปทั่วแล้วเนี่ย” มธุรดาบอกอย่างร้อนใจเป็นกังวล อนาวิลฟังแล้วยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ เขาจึงบอกว่า “ผมฝันไม่ค่อยดีเลยแม่ เห็นรินเลือดอาบไปทั้งหน้า เอ่อ…น่าจะเป็นแค่ฝันมั้งครับ แม่อย่าคิดมากนะครับ”

เขาหลุดปากบอกแล้วก็รีบปลอบใจแม่ทันที กลัวว่าแม่จะกังวลจนความดันขึ้น มธุรดาฟังแล้วรู้สึกยิ่งกังวลใจมากขึ้นไปอีก “หรือว่ายัยรินจะเกิดเรื่องจริงๆ ไม่ได้การล่ะแม่จะไปดูตามโรงพยาบาลก่อน”

เธอพูดแล้วก็คว้ามือสามีออกไปตามหาลูกสาวทันที “ไปพี่ไผ่”

“จ้าๆ เดี๋ยวๆ กุญแจรถ” ไผ่ตงรีบเดินไปหยิบกุญแจรถมา จากนั้นก็ออกไปตระเวนตามหาลูกสาวอย่างร้อนใจ

หลายวันต่อมา มีข่าวว่าเศรษฐีนี ‘มธุริน’ หายตัวไป ชาติชายก็ประกาศให้รางวัลกับคนที่พบเห็นภรรยาสุดที่รักของเขาเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท มธุรดาหาลูกสาวไม่พบสักทีก็กังวลใจจนความดันขึ้นจนต้องเข้าโรงพยาบาล ไผ่ตงก็เฝ้าภรรยาอย่างเป็นห่วง ขณะเดียวกันก็ให้ลูกน้องช่วยตามหาลูกสาวที่จู่ๆ ก็หายตัวไป

ทางด้านอนาวิล ทุกครั้งที่เขานอนหลับก็จะฝันเห็นพี่สาวในสภาพใบหน้าอาบเลือดทุกครั้งไป ทำให้เขาสะดุ้งตื่นจนนอนไม่หลับ จิตใจกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งยังไม่พบพี่สาวของเขาทำให้เขาไม่อาจสงบใจทำงานดีๆ ได้เลย เขาจึงลางานแล้วบินกลับเมืองไทยทันที ส่วนเรื่องงานก็มอบให้หุ้นส่วนช่วยดูแลไปก่อน เมื่อกลับมาถึงเมืองไทยเขาก็รีบไปหาแม่ที่โรงพยาบาลทันที ขณะที่พ่อแม่ลูกพบหน้ากันนั้น ไผ่ตงก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้อง

“คุณไผ่ครับ เจอรถคุณรินแล้วครับ” เสียงชวินซึ่งลูกน้องบอกมา ไผ่ตงรีบถามทันที “เจอแล้ว อยู่ไหน?”

“ที่บ้านเขาใหญ่ครับ” ชวินบอก ไผ่ตงรีบบอก “งั้นเดี๋ยวผมจะไปดูเดี๋ยวนี้เลย”

“ครับๆ” นักสืบรับคำ ไผ่ตงตัดสายแล้วบอกภรรยากับลูกชายว่า “เจอรถยัยรินแล้ว อยู่ที่บ้านเขาใหญ่”

“ไปๆ ไปดูกัน” มธุรดาบอกอย่างร้อนใจ รีบลุกขึ้นทันที พลัน! รู้สึกวิงเวียนตาลายขึ้นมาทันใด “โอย…”

“ฮื่อ! อย่าลุกเร็วๆ ซิแม่” ไผ่ตงรีบประคองภรรยาเอาไว้ “ใจเย็นๆ”

“เย็นไม่ไหวล่ะพี่ไผ่ โอย ตาวิลไปเอารถเข็นมาเร็ว” มธุรดาบอก เธอร้อนใจจะตายแล้วจะให้เธอนอนอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว อนาวิลรู้ว่าห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่เขาจึงไปเอารถเข็นมาให้คุณแม่พลางบอกน้าปิ่นโต(เป็นตัวละครที่มีบทอยู่ในเรื่อง Battle Sun ค่ะ)ให้จัดแจงทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้แม่เร็วๆ ปิ่นโตรับคำแล้วรีบเดินไปบอกพยาบาลทันที

ต่อมาครอบครัวของไผ่ตงก็รีบขับรถไปบ้านที่เขาใหญ่ทันที อนาวิลเป็นคนขับ ไผ่ตงกับมธุรดานั่งอยู่เบาะกลาง ส่วนปิ่นโตก็นั่งอยู่เบาะหลังสุด อนาวิลแทบจะซิ่งไปเลยทีเดียว เขาขับรถค่อนข้างเร็วปาดซ้ายปาดขวาอย่างร้อนใจจนไผ่ตงต้องออกปากเตือน “เฮ้ๆ ช้าหน่อยลูก เดี๋ยวไปชน…เฮ้ย…จะชน!”

เอี๊ยด! เสียงเบรกดังลั่น รถหยุดจ่อท้ายคันหน้าไม่ถึง 1 ฟุต ปิ่นโตร้องลั่น “อ้า…พระช่วย!”

“อ๊าย ตาวิล!” มธุรดาก็ร้องออกมาเช่นกัน เธอเบิกตากว้าง รู้สึกความดันพุ่งปรี๊ดจนเวียนหัวตาลาย “โอย…”

“เฮ้อ…” อนาวิลถอนหายใจโล่งอก พอคันหน้าเคลื่อนไป เขาก็เหยียบคันเร่งขับตาม ไม่ได้ขับเร็วเหมือนเมื่อกี้อีก ไผ่ตงบอก “ตาวิลช้าๆ หน่อยลูก”

“ครับพ่อ” อนาวิลรับคำ ไม่ได้ขับเร็วอีก แต่ก็ไม่ช้านัก มธุรดาก็ดมยาดมไปพลางๆ

ขณะที่รถกำลังอยู่ระหว่างทางไปเขาใหญ่ เสียงโทรศัพท์ของไผ่ตงก็ดังขึ้น “ติ๊ง…ติ๊ง…ติ๊ง…

เขาหยิบมาดูแล้วกดรับสายทันที ชวินบอกน้ำเสียงเครียดมาก “คุณไผ่ครับ เจอศพผู้หญิงที่ใต้หน้าผาครับ”

“หา!” ไผ่ตงตกใจ มธุรดาถามทันที “มีอะไรเหรอพี่ไผ่?”

“เอ่อ…ไม่มีจ้ะๆ” ไผ่ตงรีบบอก เขาไม่กล้าบอกกับภรรยาเพราะกลัวเธอจะตกใจจนเป็นลมไปซะก่อน ถ้าหากว่าศพนั้นเป็นคนอื่นก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นลูกสาวเขาขึ้นมา เขาเดาได้เลยว่าภรรยาจะต้องเสียใจจนเป็นลมแน่นอน เขาจึงตัดสายแล้วเปิดไลน์แอบแชทกับลูกน้องแทน มธุรดาก็ไม่ได้ดูว่าสามีแชทกับใคร เธอเวียนหัวจนมองตัวหนังสือก็ตาลายไปหมดแล้ว

ไผ่ตง : แจ้งตำรวจรึยัง?

ชวิน : แจ้งแล้วครับ ตำรวจกำลังมาครับ

ไผ่ตงไม่แชทต่อ เขาได้แต่ภาวนาในใจว่าศพที่พบขอให้เป็นคนอื่นเถอะ อย่าเป็นลูกสาวเขาเลย

จนกระทั่งอนาวิลขับรถไปถึงบ้านพักที่เขาใหญ่ เขาเห็นรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน เขาจึงเพ่งมองอย่างสงสัย ค่อยๆ ขับเข้าไปจอดในบ้าน ชวินก็รีบเดินมาที่รถทันที ไผ่ตงรีบเปิดประตูรถลงไปแล้วดึงลูกน้องไปคุยกัน ชวินก็แอบกระซิบว่า “ตำรวจกำลังจะย้ายศพขึ้นมาครับ”

“อืม” ไผ่ตงพยักหน้ารับ ส่วนมธุรดาก็ลุกขึ้นมามอง เห็นรถตำรวจจอดอยู่หลายคันก็สงสัย “เอ๊ะ มีอะไรเหรอ?”

อนาวิลดับเครื่องรถแล้วเปิดประตูลงไปดู เขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย เขารีบเดินไปถามตำรวจคนหนึ่ง “พี่ๆ มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

“คุณคือ?” ตำรวจมองพลางขมวดคิ้ว อนาวิลจึงบอก “ผมเป็นน้องชายเจ้าของบ้านนี้น่ะครับ”

“อ่อ” ตำรวจพยักหน้าแล้วบอกว่า “พอดีได้รับแจ้งว่าเจอศพผู้หญิงข้างล่างนู้นน่ะ”

“ศพผู้หญิง?” อนาวิลทวนคำอย่างใจคอไม่ค่อยดี ด้านหน้าผามีราวกั้นก็จริง แต่ถ้าคนปีนออกไปก็อาจจะลื่นตกลงไปได้เหมือนกัน เขาได้แต่หวังว่าจะไม่ใช่พี่สาวของเขาหรอกนะ!

สายตาเขามองไปเห็นรถเบนซ์คันที่พี่สาวใช้ประจำจอดอยู่ด้านหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีมากยิ่งขึ้น เขาจึงเดินไปดูทางด้านหน้าผาข้างบ้านทันที ไผ่ตงเห็นลูกเดินไปจะเรียกก็เรียกไม่ทัน เขาจึงได้แต่เดินกลับไปที่รถประคองภรรยาลงจากรถ “ค่อยๆ นะแม่”

“พี่ไผ่ ตำรวจมาทำอะไรเหรอ?” มธุรดาถามพลางมองตำรวจที่เดินกันขวักไขว่อยู่แถวๆ หน้าผา ไผ่ตงกำลังคิดอยู่ว่าจะบอกภรรยายังไงดี พลัน! พวกตำรวจก็ตะโกนว่า “ค่อยๆ ระวังๆ เอ้า! ฮึ๊บ!”

“เอ้า! ฮึ๊บ!”

เสียงตะโกนดังจ๊อกแจ๊ก อนาวิลเบียดแทรกคนไปจนถึงราวกั้นริมหน้าผา มองลงไป เห็นหน่วยกู้ภัยกำลังช่วยกันดึงห่อผ้าขาวขึ้นมา เขาจ้องห่อผ้าห่อนั้นรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีชอบกล จนกระทั่งห่อผ้าห่อนั้นถูกดึงขึ้นมาแล้ววางไว้บนเปล ตำรวจก็ตะโกนเรียก “คุณชวิน! คุณชวิน!”

“ครับๆ” ชวินรีบวิ่งไปทันที ตำรวจจึงเปิดห่อผ้าให้ดู “ใช่คนที่คุณกำลังหารึเปล่า?”

กลิ่นเหม็นลอยโชยออกมาทันที ศพนั้นกำลังขึ้นอืดและเน่าแล้ว ชวินสูดกลิ่นเข้าไปเกือบจะอ๊วกออกมาแล้ว เขารีบปิดปากมองดูศพ เขามองๆ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าใช่คุณมธุรินไหม เพราะสภาพศพใบหน้าเละ ตามตัวก็เต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะกำลังเน่ามีหนอนไช อนาวิลมองศพนั้นแล้วเบียดแทรกเข้าไปดูใกล้ๆ เขาเห็นรอยสักรูปดอกกุหลาบที่แขนบนศพนั้นเขาตกตะลึงไป เพราะรอยสักนั้นมธุรินพี่สาวของเขาสักไว้ตอนอายุ 15 เขาอ้าปากเรียก “ริน…ไม่จริง…”

น้ำตาเขาไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาโผเข้าไปจับมือศพ “รินนนนนน—”

ไผ่ตงกับมธุรดาก็แหวกๆ คนเข้าไปดู ครั้นเห็นศพนั้นชัดๆ มธุรดาก็ตะลึงงันไป “ยัย…”

เธอเป็นลมไปทันที ไผ่ตงซึ่งประคองภรรยาไว้ในอ้อมแขนจึงได้แต่เรียกภรรยาอย่างตกใจ “แม่ๆ”

“พาออกไปก่อนๆ” ตำรวจบอกพลางต้อนไผ่ตงออกไป ไผ่ตงอุ้มภรรยาพาออกไป เขาพาเธอกลับไปวางในรถ ปิ่นโตรีบตามไปอย่างตื่นตกใจ “คุณรดาๆ”

ชวินเห็นอนาวิลร้องไห้ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าศพนั้นน่าจะใช่คุณมธุริน เขาจึงพยักหน้ากับตำรวจ “น่าจะใช่นะครับ”

“งั้นก็เดี๋ยวตามไปยืนยันที่โรงพยาบาลอีกทีนะครับ” ตำรวจบอกแล้วก็ให้ตำรวจอีกคนดึงผู้ชายที่นั่งร้องไห้จับมือศพออกไป ตำรวจก็ดึงอนาวิลออกแล้วย้ายศพขึ้นรถส่งไปตรวจชันสูตรที่โรงพยาบาลต่อไป ส่วนไผ่ตงก็รีบพาภรรยาไปส่งโรงพยาบาลเช่นกัน ชวินก็เป็นคนขับรถให้เจ้านาย อนาวิลนั่งร้องไห้อยู่อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ตำรวจก็คอยปลอบอยู่ข้างๆ

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล มธุรดาก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที ปิ่นโตกับไผ่ตงยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ มองดูหมอกับพยาบาลช่วยกันตรวจอยู่ ส่วนชวินก็ไปทำประวัติคนไข้ให้คุณมธุรดา

อนาวิลร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามธุรินจะจากไปแบบนี้ เขานั่งซึมอยู่ตรงนั้นเหมือนรูปปั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก “เฮ้ วิลๆ”

เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นพี่เขยยืนโบกๆ มืออยู่ตรงหน้า จึงเอ่ยเรียก “คุณชาติ”

“รินล่ะ? รินอยู่ไหน?” ชาติชายถาม ตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างแนบเนียนมาก อนาวิลตอบเสียงแผ่วยิ่งกว่าเสียงยุง “ตายแล้ว”

“อะไรนะ?” ชาติชายแกล้งถาม อนาวิลตอบเหมือนเดิม “ตายแล้ว”

เสียงเบายิ่งกว่าเดิมจนคนอื่นไม่ได้ยิน วิญญาณมธุรินยืนชี้หน้าด่าอย่างโมโห “ไอ้ชาติชั่ว! แกฆ่าฉัน! แกยังมีหน้ากลับมาอีกเรอะ!”

เธอโผไปเงื้อมือตบ แต่มือเธอทะลุร่างชาติชายไป เธอหันไปมองอย่างแค้นจัด พยายามเตะต่อยตบตีเขาให้ได้ “ไอ้ชาติชั่ว! ไอ้เลว!…”

เธอพยายามเตะต่อย แต่มือเท้าเธอก็ทะลุตัวชาติชายไปหมด ไม่อาจทำอะไรเขาได้เลย เธอจึงได้แต่ยืนมองอย่างโกรธแค้น แล้วเธอจึงก้าวไปหาน้องชายฝาแฝด “วิลๆ วิลเราอยู่นี่ วิล”

แต่อนาวิลยังคงนั่งเฉยเหมือนว่ามองไม่เห็นเธอเลย เธอจึงยื่นมือไปจับแขนน้องชายฝาแฝด อนาวิลจู่ๆ รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาทันที เขาเป็นลมไป ตัวล้มลงไปตุบ! ตำรวจที่อยู่ข้างๆ ตกใจ “เฮ้ย! คุณ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!