บทที่ 141 ใครก็ตามที่รังแกเจ้า พี่จะฆ่ามันเอง! (ต้น)
ลานกว้างเงียบกริบ!
สายตาทุกคู่จับอยู่ที่เยี่ยฉวน ผู้ฝึกกระบี่ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาทุกคนในขณะนี้กำลังบ้าดีเดือด ไล่สังหาร
ราวกับบ้าคลั่ง
แต่นี่คือสถานศึกษาฉางมู่!
ในตอนนั้นเอง บรรดาฝูงชนที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างพากันมองไปที่กลุ่มศิษย์ฉางมู่เป็นตาเดียว
“ต้นเหตุแห่งความขุ่นเคืองในครั้งนี้เกิดจากสถานศึกษาฉางหลาน แล้วเช่นนี้สถานศึกษาฉางมู่จะทำ
หน้าอย่างไร?”
สีหน้าของทั้งหลีซิ่วและศิษย์ของเขานั้นต่างก็บึ้งตึงบิดเบี้ยวอย่างไม่อาจเปรียบเปรย โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งกับหลีซิ่ว เรื่องทั้งหมดนี้เป็นสิ่งเหนือความคาดหมายของตนอย่างยิ่ง เมื่อผู้ที่มอบความตายให้แก่เฟินเจี๋ย
กลายเป็นเยี่ยฉวน!
“เฟินเจี๋ย!”
“เขาจัดเป็นสุดยอดในบรรดายอดคนแห่งสถานศึกษาฉางมู่!”
“เหตุใดจึงต้องมาตายเช่นนี้?”
“เขาผู้นี้เปรียบเสมือนงานชั้นเอกแห่งสถานศึกษาฉางมู่!”
หากสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือความกล้าแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดไปจากเมื่อแรกเริ่มของเยี่ยฉวน โดยเฉพาะพลังปะทะแห่งกระบี่ที่เป็นพลังที่ต้องยอมรับเลยว่าตนเองยังรู้สึกกริ่งเกรงไม่น้อย
“มันพัฒนาได้เร็วยิ่ง!”
สายตาของหลีซิ่วที่มองตรงมาที่เยี่ยฉวน แววตาไม่ปิดบังซ่อนเร้นความมุ่งหมายเอาชีวิตแม้แต่น้อย!
ขณะนั้นเองที่เยี่ยฉวนเดินไปที่เสาซึ่งเยี่ยหลิงถูกมัดแขวนไว้ เขาตวัดกระบี่ตัดเชือกที่มัดนางออก ฉับ
พลันนั้นร่างของเด็กสาวได้หล่นลงสู่อ้อมแขนที่รอรับอยู่
เยี่ยหลิงกอดเยี่ยฉวนไว้จนแน่น “ท่านพี่……”
เยี่ยฉวนอุ้มร่างของน้องสาวเดินตรงไปยังสตรีบนรถเข็น เขาค้อมตัวแสดงความเคารพหญิงสาวชุดดำ
“รบกวนท่านช่วยดูแลนางสักครู่!”
หญิงสาวนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนพยักหน้าน้อยๆ “ข้าจะช่วยดูแลนางให้!”
จากนั้นเยี่ยฉวนหันหลังกลับ เขาเดินตรงไปทางกลุ่มศิษย์แห่งฉางมู่ซึ่งยืนห่างออกไป เสียงสั่นเครือของผู้เป็นน้องดังมาจากด้านหลัง “ท่านพี่……”
ชายหนุ่มหยุดชะงักและหันมาพูดกับนางว่า “เจ้าเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของพี่ ใครก็ตามที่รังแกเจ้าพี่จะฆ่ามัน!!”
คนเป็นพี่หันหลังให้ เขาถือกระบี่ไว้ในมือขณะสาวเท้าตรงเข้าหาศิษย์แห่งฉางมู่ มุมปากปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยัน “ว่าไง ศิษย์ฉางมู่ พวกเจ้ามีแต่คนขี้ขลาดตาขาวพวกนี้เท่านั้นหรือ? หาได้มีคนกล้าหาญออกมาสู้
กับข้าเลยหรือ? พวกเจ้าอยากให้ข้ามาไม่ใช่หรือไง? ข้าก็มาแล้วนี่ไง ทำไมพวกเจ้าถึงเอาแต่นิ่งเงียบกัน!”
“กล้าดีนัก!”
ฉับพลันก็ได้ปรากฏร่างของศิษย์ฉางมู่คนหนึ่ง เขามีท่าทางดูกราดเกรี้ยว ก่อนจะกระโดดจากกลุ่มออกมายืนอยู่ไม่ไกลออกไป “ไอ้เยี่ยฉวน ที่นี่เป็นที่ของสถานศึกษาฉางมู่ เจ้ากล้า……”
ทันใดนั้น เยี่ยฉวนพลันหายวับไปจากจุดที่อยู่
ควับ!
แสงแห่งกระบี่สะบัดซัดออกไปกลางลาน!
สีหน้าของศิษย์ฉางมู่ผู้นั้นแปรเปลี่ยน ด้วยอีกฝ่ายไม่กล้าเผชิญกับพลังปะทะแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวน
โดยตรง ดังนั้นจึงรีบล่าถอยออกทันควัน ทว่าในตอนนั้นเอง กระบี่พลันเหวี่ยงสะบัดออกจากอุ้งมือของเยี่ยฉวน
ไม่ทันไร กระบี่หลิงซิ่วก็ได้พุ่งเข้าหาร่างของศิษย์ผู้นั้นเสียแล้ว
ทันใดนั้นเอง พลังแห่งกระบี่หลิงซิ่วก็ได้ตีปะทะเข้ากับร่างศิษย์แห่งฉางมู่
ตู้ม!
กระบี่หลิงซิ่วที่เหวี่ยงสะบัดออกจากมือของเยี่ยได้ปะทะเข้ากับพลังต้านทานกลางอากาศ
ทุกคนในที่นั้นต่างหันไปทางคนผู้หนึ่งซึ่งยืนไม่ไกลออกไป ด้วยผู้ที่ออกพลังต้านทานนั่นคือหลีซิ่วเอง!
เมื่อเห็นว่าหลีซิ่วออกหน้าเช่นนี้ บรรดาคนที่มามุงดูจึงพากันมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อน
จะพากันคิดไปวุ่นวาย
เยี่ยฉวนยื่นมือรับกระบี่ที่หวนกลับคืน สายตาจ้องเขม็งไปที่หลีซิ่ว ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะเอ่ยปากพูด
กลับเป็นเยี่ยฉวนเสียก่อนที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “เลิกพล่ามเสียที วันนี้ข้าต้องการเอาชีวิตคน!”
ขาดคำ เขาพลันถีบตัวกระโดดขึ้นสูง ก่อนที่ร่างนั้นจะพุ่งทะยานเข้าหาหลีซิ่ว!
กระบี่ปรากฏ!
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
เมื่อกระบี่ปรากฏ มันก็ได้บังเกิดเสียงระเบิดกึกก้องไปทั่วลาน
เป้าหมายการจู่โจมของเยี่ยฉวนครานี้เปลี่ยนเป็นหลีซิ่ว เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ทุกคน
พากันตกตะลึง
“เยี่ยฉวนเสียสติไปเสียแล้วหรือ?”
“คนผู้นั้นคือรองอาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางมู่! ทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสันโดษ!”
ขณะเดียวกัน ท่าทางของหลีซิ่วเองก็ดุร้ายมุ่งหมายชีวิต เขาผลักฝ่ามือข้างขวาออกไป ก่อนจะตีขึ้นด้านบน ฉับพลันก็ได้บังเกิดพลังรุนแรงชนิดหนึ่งพุ่งวาบออกจากกลางฝ่ามือที่สั่นระริก
ตู้ม!
ร่างของเยี่ยฉวนพร้อมกระบี่ พลันถดถอยซวดเซไปเล็กน้อย เช่นเดียวกับร่างขอหลีซิ่วที่ถอยกรูดไป
หลายจั้งเช่นเดียวกัน!
สีหน้าของคนอื่นยามนี้ตกตะลึงราวกับเห็นผี!
“เยี่ยฉวนสามารถปะทะกับหลีซิ่วได้อย่างสูสี!”
อย่าว่ากระนั้นเลย แม้แต่หลีซิ่วเองยังมีสีหน้าประหลาด ชายหนุ่มมีขั้นพลังต่ำชั้นกว่าถึงสองขั้น ฉะนั้นตนเองจึงไม่คิดฝันว่าพลังปะทะแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวนจะสามารถต้านพลังของตน และบีบให้เขาต้องล่าถอยได้
เช่นนี้!
เขาที่เป็นถึงขั้นสันโดษ!
“ยอดคนโดยแท้!”
ยามนี้สายตามุ่งร้ายของหลีซิ่วที่มองคนตรงหน้ามิได้ซ่อนเร้นอีกต่อไป “ถ้ายอดคนอย่างมันยังยืนหยัด
อยู่ต่อไป คงไม่น่าแปลกใจเลยถ้ามันจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของฉางมู่!”
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลีซิ่งพลันตั้งท่าเตรียมจู่โจมเต็มกำลัง ทว่าเสียงของหญิงสาวในชุดดำซึ่งนั่งบนรถเข็นกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อนว่า “อะไรกัน? สถานศึกษาฉางมู่หาศิษย์ที่จะออกมาสู้ไม่ได้ ทว่ากลับดีแต่ข่มเหง
รังแกผู้อื่นเสียแล้วหรือ?”
เวลานั้นก็ได้บังเกิดเสียงอื้ออึงของผู้คนวิพากษ์อย่างเซ็งแซ่
มิหนำซ้ำ สายตาของผู้คนโดยรอบยังพากันหันมองไปทางศิษย์แห่งฉางมู่ด้วยแววตาประหลาดใจล้น
เหลือ อีกทั้งบางแววตาที่มองมายังเจือไปด้วยความดูถูกดูแคลนอย่างไม่ปกปิด
เยี่ยฉวนออกตัวเพียงหนึ่งเดียว ขณะที่สถานศึกษาฉางมู่ส่งรองอาจารย์ใหญ่ออกหน้า เห็นได้ชัดว่าใน
สถานการณ์นี้กลับเป็นสถานศึกษาฉางมู่ที่ถูกข่มเหง
หลีซิ่วหันขวับไปทางคนพูด “เจ้าคือใคร?”
สตรีในชุดดำสั่นศีรษะน้อยๆ “ข้าเป็นเพียงคนดู”
ทันใดนั้นนางก็พลันหันหน้าไปทางขึ้นเขาฉางซาน “ตอนนี้ผู้คนมารวมตัวไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่น หรือท่านต้องการทำลายชื่อเสียงอันดีของสถานศึกษาฉางมู่ซึ่งอุตส่าห์สั่งสมมานานนับพันปี ท่านรองอาจารย์ใหญ่หลี?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นรองอาจารย์ใหญ่พลันชำเลืองมองนาง สีหน้าบูดบึ้งเหยเก
ชื่อเสียง!
แน่นอนสถานศึกษาฉางมู่ใส่ใจต่อภาพพจน์ชื่อเสียงยิ่งนัก หากเขาออกปะทะจู่โจม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า
เรื่องนี้จะต้องถูกแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งแคว้นเจียง หรือในบางทีมันก็อาจจะแพร่ออกไปยังแคว้นอื่นใกล้เคียง!
ถึงตอนนั้น สถานศึกษาฉางมู่จะกลายเป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไป!
ขณะนั้น ชายหนุ่มที่อยู่กลางลานในระยะห่างออกไป เขาพลันยกกระบี่ยาวชี้ตรงไปยังกลุ่มศิษย์ฉางมู่
ในสีหน้าแฝงความมั่นใจ พลางพูดว่า “สถานศึกษาฉางมู่ไร้ซึ่งคนกล้าหาญแล้วหรือ? ถ้ามีก็จงออกมา!”
คำพูดของเยี่ยฉวน ทำให้พวกศิษย์แห่งฉางมู่สีหน้าเปลี่ยนแปรจนน่ากลัว!
เมื่อใดหนอที่สถานศึกษาฉางมู่ต้องถูกวาจาดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้?
ทันใดนั้น ศิษย์ฉางมู่ผู้หนึ่งไม่สามารถอดทนอีกต่อไป เขาถลันเข้าหาเยี่ยฉวน ทว่ายังไม่ทันถึงตัว เยี่ย
ฉวนกลับตวัดกระบี่สะบั้นศีรษะศิษย์ผู้นั้น!
ฉับ!
โลหิตสาดกระเซ็น!
ศิษย์ฉางมู่ผู้นั้นสิ้นชีพด้วยกระบี่เดียว!
— จบตอน —



