บทที่ 297 ข้าอยากเด็ดหัวคน! (ปลาย)
ความเงียบงันกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจ เยี่ยฉวนกระแทกหมัดข้างนั้นออกไปตรงๆ! เมื่อส่งพลังผลักหมัดออกไป พลังหมัดพสุธาพินาศและจิตวิญญาณการต่อสู้อันทรงพลังระเบิดออกจากหมัดประหนึ่งแรงระเบิดจากปลายปล่องภูเขาไฟ
หนึ่งหมัดดับชีพ!
ตู้ม! ทันใดนั้นเสียงระเบิดสนั่นก้องไปทั่วบริเวณลาน พลันสิ่งที่ปรากฏร่างของชายชุดขาวลอยละลิ่วถอยออกไปกว่า 15 จั้ง เมื่อเขาหยุดชะงักนิ่งกับที่พื้นดิน ใต้ฝ่าเท้าปริแตกพลันแบะออกจากกันทันที ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่โดยรอบในรัศมีสี่จั้งรอบตัวคนมีรอยแตกร้าวโยงใยเป็นตาข่ายใยแมงมุมก็ปาน!
คนผู้นั้นยกหลังมือขึ้นปาดหยดโลหิตที่มุมปาก ดวงตายังเขม้นมองเยี่ยฉวนไม่กระพริบ “ที่จริงเจ้าเป็นผู้ฝึกทั้งกระบี่และวิทยายุทธ์ เจ้า……”
คนพูดชะงักค้างด้วยเพราะร่างของเยี่ยฉวนหายวับไปจากที่ คนสวมชุดขาวหรี่ตาลง ขณะผงะถอยหลังพลันผิวหน้าพื้นดินระเบิดออกกลายเป็นโพรงลึก! อีกทั้งยังมิทันหยุดนิ่ง เยี่ยฉวนปรากฏกายต่อหน้าคนเสียแล้ว พลันเยี่ยฉวนไม่รอช้าตวัดเท้าข้างขวาเตะกวาดใส่คนตรงๆ
ขณะที่เขาตวัดขาเตะออก กระแสลมกรรโชกถาโถมใส่คนรุนแรงกระทั่งเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายส่วนบนฉีกกระจุยออกจากร่างทันที สีหน้าคนชุดขาวแปรเปลี่ยนสิ้นเชิงเพราะสูญเสียโอกาสในการเป็นฝ่ายเริ่มออกปะทะ จนเขาไม่สามารถรวบรวมพลังเคลื่อนไหวได้เลย ในเวลานี้มีสิ่งเดียวที่พอจะทำได้เพียงยกแขนข้างขวาขึ้นป้องกัน
ตู้ม! ร่างคนกระเด็นไกลออกไปกว่า 17 จั้งก่อนร่วงหล่นลงกระแทกพื้น เพียงร่างนั้นตกถึงพื้น เยี่ยฉวนพุ่งวาบรวดเร็วปานเสือชีตาห์ออกไล่ล่าตะครุบเหยื่อ ว่องไวอย่างยิ่ง! เมื่อเยี่ยฉวนเข้าใกล้คนในระยะไม่เกินสิบชุ่น พลันเขาชะงักหยุด หันกลับพร้อมผลักออกหมัดลุ่นทันที
ตู้ม!
ที่พื้นเบื้องหน้าเยี่ยฉวนลูกศรสีเงินอันหนึ่งแตกกระจาย และตัวคนเองผงะถอยหลังไปหลายจั้ง ยิ่งกว่านั้น สันหมัดเกิดรอยปริแตก! ชายหนุ่มเงยหน้ามองตรงที่ไกลออกไป ท่ามกลางความมืดมิด คนผู้หนึ่งซึ่งใช้คันธนูพร้อมลูกศรและมุ่งหมายต่อชีวิตเยี่ยฉวน
คนที่อยู่ด้านหลังผงะถอยหลังไกลกว่า 15 จั้ง สายตาที่จ้องเขม็งตรงมายังเยี่ยฉวนฉายแววหวาดหวั่นล้ำลึก! ในขณะนั้น เยี่ยฉวนยื่นมือออกไปข้างหน้า พลันกระบี่หลิงซิ่วสลัดออกจากที่ปักบนพื้นดินและทะยานเข้าสู้อุ้งมือคน
เมื่อสายตาเห็น สีหน้าคนชุดขาวทางเบื้องหลังของเยี่ยฉวนแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง เขาตัดสินใจและทำท่าจะหลีกเร้นไปจากที่ ทันใดนั้นเอง เยี่ยฉวนถลันพรวดออกขวางหน้าคนรวดเร็ว
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
พลันคนชุดขาวเมื่อเห็นกระบี่แววตาแห่งความสิ้นหวังฉายแว่บ เขายังปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ เมื่อตกอยู่ในสภาวะคับขัน กระแสแห่งพลังชี่ภายในกวัดแกว่งไม่หยุดนิ่ง ชั่วพริบตานั้นจึงดึงฝ่ามือข้างขวาเข้าหาตัวก่อนผลักออกข้างหน้ากระแทกอย่างหนักหน่วง
ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพี! ในขณะที่ผลักฝ่ามือ พื้นดินในบริเวณเริ่มเกิดการปริแตกแยกออกทีละน้อยๆ อาจกล่าวได้ว่าแม้แต่คนยอดยุทธ์ผสานเทพยังยากที่จะต้านทานพลังรุนแรงจากฝ่ามือ อย่างไรก็ตามเมื่อปะทะกับกระบี่ของเยี่ยฉวน.
ฉึก! เสียงกระบี่หลิงซิ่วแทงทะลุผ่านเข้าสู่มือข้างขวาของคนชุดขาว ขณะที่สัญชาตญาณสั่งให้ถอยหนี พลันเยี่ยฉวนตวัดกระบี่ในแนวนอน
ฉับ! ฉับพลันศรีษะของคนปลิวหลุดจากบ่าในทันที พร้อมกับโลหิตสาดกระเซ็นเป็นสาย ฉาบพื้นที่ในบริเวณจนแดงฉาน! ทันทีที่ศีรษะของคนตกต้องพื้นดิน เยี่ยฉวนหันขวับพร้อมกับเปลือกตาเปิดพรึ่บอย่างรวดเร็ว
ฉับ! ฉับ! รังสีกระบี่สองลำแสงพุ่งวาบ ฉับพลันที่เบื้องหน้าลำแสงปะทะกับลูกศรสีเงินจนฝ่ายหลังแตกกระจายไปทันที!
เยี่ยฉวนสะบัดมือขวาพลันวงแหวนสัมภาระของคนเบื้องหน้ากระเด็นมาตกลงบนฝ่ามือของเขาซึ่งยื่นออกไปรับไว้พอดี
ภายในบรรจุสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณสามชิ้นและสุดยอดศิลาจิตวิญญาณอีกราวหมื่นชิ้น! นอกนั้นก็มีเหรียญทองคำอีกกว่าเจ็ดล้านเหรียญ! แค่ทรัพย์สินเล็กน้อยเท่านั้น!
หลังจากเก็บวงแหวนสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เยี่ยฉวนหันไปยังทิศทางมุมมืดซึ่งไม่ไกลนัก เขารู้สึกถึงบางสิ่งแฝงตัวในความมืดสนิท ใครสักคนกำลังง้างคันธนูเล็งมาที่เขา!
หรือบางทีอาจมีมากกว่าหนึ่งก็เป็นได้! ดินแดนอันธกาลและสถานศึกษาฉางมู่ไม่ยอมรามือเป็นเด็ดขาด เพราะถ้าหลิงฮั่นและทุกคนบรรลุขั้นผสานเทพเมื่อไร ย่อมสร้างความไม่พอใจให้แก่ทั้งสองอย่างแน่นอน
เขารู้ในข้อนี้อย่างเต็มหัวใจ ทั้งยังรู้ด้วยว่าในอีกไม่ช้าทั้งดินแดนอันธกาล สถานศึกษาฉางมู่และแม้แต่อาณาจักรต้าอวิ๋น ต้องเปิดฉากจู่โจมอย่างแน่นอน! และเยี่ยฉวนไม่มีทางเลือกอื่น มีแต่ต้องอดทน!
หลังจากยึดวงแหวนสัมภาระมาแล้ว ชายหนุ่มสาวเท้าเดินตรงไปหาลู่ป้านจวง ซึ่งขณะนั้นยังคงยืนหลับตา หญิงสาวผู้นั้นกำลังหลับจริงจัง หาได้เสแสร้งแกล้งทำแต่อย่างใด!
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยฉวนถึงกับยืนนิ่งอึ้ง! นางประมาทเกินไป! ขณะนั้นเยี่ยฉวนเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้า บรรยากาศในบริเวณกลับมาสงบเงียบ มีเพียงเสียงหวีดหวิวจองสายลมที่พัดเฉื่อยฉิว
บัดนี้ หลิงฮั่นและคนอื่นกำลังเปล่งประกายเจิดจรัสยิ่งขึ้นทุกขณะ ทุกคนล้วนเป็นยอดยุทธ์ขั้นสุดยอดสันโดษกันมาก่อนแล้ว ซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับความเป็นยอดฝีมือและพื้นฐานของพวกเขา ภายหลังจากได้รับโอสถพลังผสานเทพ ไม่ช้าทุกคนจะสำเร็จขั้นผสานเทพได้อย่างแน่นอน
หากคำถามอยู่ที่ว่าพวกเขาจะอยู่รอดจนสำเร็จผสานเทพหรือไม่ต่างหาก.
เยี่ยฉวนจับตามองหลิงฮั่นและทุกคนด้านหลัง มือกำกระบี่หลิงซิ่วแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากพวกเขาไม่อึดจริงและต้องตาย เขาก็พร้อมที่จะตายก่อนเป็นคนแรก!
เวลาค่อยเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนเกือบรุ่งสางของวันใหม่! ความมืดสลัวก่อนรุ่งอรุณ! ความมืดที่ครอบงำบริเวณภายนอกกำแพงเมืองอยู่ ณ ขณะนี้ มืดมิดเสียจนกระทั่งแม้นิ้วมือตนเองยังเห็นเพียงสลัวเลือนราง เยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงยืนคุมเชิงอยู่ที่เบื้องหน้าหลิงฮั่นและพวก สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงออกถึงความผิดปกติ
ทันใดนั้น มีความเคลื่อนไหวในมุมมืดไกลออกไป เยี่ยฉวนเอื้อมมือไปกระตุกชายแขนเสื้อของหญิงสาวคนข้างเคียง “นี่พี่ใหญ่ ตื่นเถอะได้เวลาลุยกันอีกแล้ว”
ลู่ป้านจวงปัดมือของเขาออกทันที พลันมีเสียงพึมพำผ่านริมฝีปากออกมาเบาๆ “เอาขนมเปี๊ยะมาอีกสิบอัน……” เยี่ยฉวนถึงกับพูดไม่ออกได้แต่นิ่งขึงไปเลยทีเดียว “ให้ตายเถอะ ยังอุตส่าห์ละเมออีกหรือเนี่ย?”
พลันเขาทำท่าเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหันไปกระตุกชายแขนเสื้อคนละเมออย่างแรง “ขนมเปี๊ยะที่สั่งได้แล้ว เชิญกินตามสบาย” ทันใดนั้นเปลือกตาของลู่ป้านจวงกระพือเปิดฉับพลัน
เยี่ยฉวนหน้าเหวอ “……”



