Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 300

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 300 บอกมา อยากได้ตำแหน่งอะไร!

C

……

ทำเนียบแห่งยอดคน……

……

คนที่ปรากฏตัว นางคือสหายของลู่ป้านจวง! ความจริงสตรีผู้นี้เดินทางมาถึงเมืองชายแดนก่อนหน้า แต่เยี่ยฉวนออกความคิดให้นางยังไม่ต้องออกมาเปิดเผยตัว ซึ่งนั่นก็ได้ผลด้วยสร้างความประหลาดใจแก่ฉางหลานและดินแดนอันธการจนตั้งตัวไม่ทัน!……

..

หลีมู่หลินมองหน้าสตรีสวมเสื้อเขียวผ่านสายตาเย็นเยือก พลันคนก็หายวับไปจากที่ทันที หากผู้มาใหม่เมื่อเห็นเช่นนั้นนางจึงเหยียดมุมปากออกเล็กน้อยจากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ไปเบื้องหน้า

……เพียงปลายนิ้วชี้ไปที่ส่วนยอดของลำทวนเท่านั้น

ตู้ม! ทวนยาวในมือของเขาสั่นสะท้านรุนแรง พร้อมกับร่างของหลีมู่หลินกระถดลิ่วไปไกลกว่า 15 จั้ง และทวนในมืออาวุธคู่กาย! หลีมู่หลินยกทวนซึ่งยังคงสั่นสะท้านขึ้นมองดู พลางนิ่วหน้าด้วยไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นพลันแววตาของคนแปรเปลี่ยนแข็งกร้าวทันที

จากนั้นเขาตั้งท่าจะออกปะทะอีกรอบ พลันชายชราสวมผ้าคลุมสีขาวคนหนึ่งปรากฏกายขวางหน้าสตรีเสื้อเขียว คนผู้นี้คือศิษย์อาวุโสของสถานศึกษาฉางมู่แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์! ชายชราสวมผ้าสีขาวเขม็นมองหญิงเสื้อเขียว “เจ้าสนใจมาช่วยฉางมู่หรือไม่? หากสนใจต่อไปสถานศึกษาฉางมู่จะตอบแทนรางวัลให้อย่างงามทีเดียว!”

สตรีเสื้อเขียวจ้องกลับคนชราพลางกล่าวยิ้มๆ “เจ้าจะช่วยข้าไหมล่ะ?” ชายชราได้ฟังก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “ไม่ให้ความร่วมมือดีๆ สินะ!” ฝ่ายหญิงเบ้ปากท่าทีไม่ยี่หระ “หึ คิดจะข่มขู่ข้าหรือไง?” ว่าแล้วก็ชี้หน้าชายชราอย่างไม่เกรงกลัว “ถ้าใจกล้า ก็ลุยเข้ามา! มาเลย!”

ชายชราเมื่อได้ฟังเสียงท้าทาย เขากัดฟันกรอดมือขวาค่อยกำเข้าหากัน ตัวเองย่อมปรารถนาต่อสู้ให้รู้ดีรู้ชั่ว หากฉุกคิดได้ว่าสตรีเสื้อเขียวเป็นผู้หนึ่งในทำเนียบแห่งยอดคน จึงได้แต่เข่นเขี้ยวหากยังไม่กล้าขยับเคลื่อน!

ไม่น่าแปลกเพราะการเป็นทำเนียบยอดคนนั้นมิใช่เรื่องง่าย คนธรรมดาไม่มีทางจะได้ขึ้นทำเนียบดังกล่าว ใครก็ตามที่มีชื่อแสดงว่าผู้นั้นมีกองกำลังหนุนหลังอย่างมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่เก้าในสิบคนอยู่ในข่ายนี้!

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีข้อห้ามผู้ที่มีอาวุโสห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องความขัดแย้งของคนหนุ่มสาวรุ่นอ่อนอาวุโส อย่างน้อยห้ามกระทำการอย่างโจ่งแจ้ง! มิเช่นนั้นกฎข้อห้ามจะถูกละเมิด!

ถ้าคนสวมผ้าขาวออกจู่โจม อาจจะกลายเป็นคนสร้างศัตรูให้กับสถานศึกษาฉางมู่เพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นศัตรูที่มีกองกำลังมหาอำนาจอีกด้วย! ยามนี้ใบหน้าของคนบิดเบี้ยวเหยเก เขาไม่คิดเลยว่าเยี่ยฉวนจะมีมิตรสหายที่เป็นยอดฝีมือแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายหลายคน ทั้งคนเหล่านี้ยอมพลีชีพไปพร้อมกับเจ้าหนุ่มนั่น! อย่างว่ากระนั้นเลย ทั้งสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการต่างก็คาดไม่ถึงเช่นกัน!

จังหวะนั้นเอง ชายชราสวมผ้าขาวเบนหน้าไปในที่ไกลออกไป ขณะนั้น พื้นที่บริเวณเบื้องหน้าเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของคนสวมชุดดำเกลื่อนกล่นกว่ายี่สิบศพ โลหิตแดงฉานไหลนอง เศษเสี้ยวกระจัดกระจาย! ใครก็ไม่อาจต้านทานคมกระบี่ของเยี่ยฉวน!

ก่อนหน้าเขาหมายใจจะให้หลีมู่หลินประมือกับเยี่ยฉวน ทว่าดูเหมือนแผนการคงล้มเหลวเสียแล้ว! จากนั้นชายชราสวมผ้าขาวแหงนมองบนขึ้นไปบนท้องฟ้า ยังมีเวลากว่าครึ่งชั่วโมงก่อนฟ้าสาง! สู้ต่อ! พลันเหลือบมองไปด้านขวาของตนเอง “บุก!”

ทันใดนั้นเอง ดาบยาวปริศนาเล่มหนึ่งทะยานฝ่าความมืดของยามราตรีพุ่งตรงมาที่เยี่ยฉวน สตรีสวมเสื้อเขียวจับตามองทิศทางของดาบที่พุ่งไปหากนางมิขยับเคลื่อน ด้วยในขณะนั้นสายตาของหลีมู่หลินกำลังจับจ้องคุมเชิง

ทางด้านเยี่ยฉวนหยุดชะงักกระทันหันและชั่วเสี้ยววินาทีนั้น เขาผลักกระบี่ออกไปทางขวา ตู้ม! สิ้นเสียงปะทะพลันดาบยาวชะงักกลางอากาศ แต่พลังเคลื่อนไหวจากดาบมิได้เลือนหายไป ยิ่งกว่านั้นกระบี่หลิงซิ่วในมือของเยี่ยฉวนเกิดการสั่นสะเทือนรุนแรง!

ตอนนั้นมือขวาที่กำกระบี่หมุนควงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันพลังเคลื่อนไหวและปณิธานกระบี่แผ่กระจายออกจากกระบี่หลิงซิ่วพร้อมกัน ในฉับพลันดาบเล่มหนาถูกพลังปะทะจนปลิวกระเด็นไป หากวินาทีต่อมากลับมีมือปริศนาเข้ามาคว้าด้ามดาบกำไว้ทันที ชั่วแว่บนั้นเองดาบใหญ่ก็ฟาดลงจากอากาศหมายกึ่งกลางศีรษะของเยี่ยฉวน!

ชายหนุ่มปฏิกิริยาตอบโต้ฉับพลัน เขาผลักกระบี่ขึ้นต้านทานคมดาบซึ่งฟันลงมาตรงๆ ตู้ม! สิ้นเสียงปะทะสนั่น ร่างของเยี่ยฉวนพร้อมกับกระบี่ในมือพลันถอยร่นออกไปราว 15 จั้ง! ทันทีที่เยี่ยฉวนหยุดนิ่งลง พลันอากาศเหนือศีรษะปรากฏมีดาบใหญ่ฟาดลงมาอย่างแรงอีกครั้ง แรงปะทะของดาบรุนแรงประหนึ่งจะถล่มภูผาแยกพสุธาก็ปาน!

ชายหนุ่มกระถดถอยไปก้าวหนึ่ง ขณะนั้นพื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้าพลันปริแตกพร้อมกันเขาผลักกระบี่พุ่งออกไปข้างหน้า กระหน่ำ! หนึ่งดาบและหนึ่งกระบี่ปะทะกันอีกครา!

ตู้ม! หนนี้ทั้งพื้นผิวดินที่บริเวณเยี่ยฉวนระเบิดกระจายทุกทิศทาง และร่างคนก็ถอยร่นราว 15 จั้งไกลออกไป! เมื่อชะงักหยุด เยี่ยฉวนเหลือบไปเห็นผู้ที่เปิดเผยตนออกมายืนอยู่ไม่ไกล เป็นชายผมยาวเงื้อดาบใหญ่ในมือกำลังดิ่งตรงมาทางนี้

ชายคนนี้มีเส้นผมยาวเกือบระดับเอว ที่แขนทั้งสองมีโซ่สีดำพันรอบ นัยน์ตาแข็งกร้าวเยียบเย็นจ้องเขม็งมายังเยี่ยฉวนไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่น้อย!

ตอนนั้นเอง ใครบางคนกำลังหมายจู่โจมไปที่หลิงฮั่นและคนอื่นอีกด้านหนึ่ง! เมื่อเห็นเช่นนั้นชายชราสวมผ้าขาวค่อยกำหมัดข้างขวาเข้าหากันช้าๆ “ดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อคิดดังนั้น พลันปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งออกขวางทางหลิงฮั่นและคนอื่น

คนผู้มีหน้าตาละม้ายหลิงฮั่นเกือบหากไม่เหมือนทั้งหมดทีเดียว กำลังจ้องเขม็งเหล่ามือสังหารที่ดาหน้าเข้ามา จากนั้นเขายกแขนขึ้นและชั่ววิบตาเดียวเปลวเพลิงประหลาดลุกโชนคลุมเต็มท่อนแขน! ขณะต่อมา ชายผู้มีท่อนแขนเปลวไฟก็กระแทกฝ่ามือลงที่พื้นดินอย่างแรง!

ตู้ม! ในจังหวะนั้นพื้นดินระเบิดออกเป็นเวลาเดียวกับที่เปลวเพลิงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้คนสวมชุดดำสองคนซึ่งทะยานนำหน้าถูกเปลวเพลิงกลืนร่าง เป็นเหตุให้คนที่กำลังติดตามมาเบื้องหลังเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงพากันชะงักงันก่อนจะถอยกรูด

บุรุษปริศนาลุกขึ้นยืนจากนั้นจึงเบนสายตาไปทางหลิงฮั่นที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมามองเยี่ยฉวนซึ่งตอนนั้นชายถือดาบใหญ่ทะยานถึงตัวเยี่ยฉวนพอดี คนจึงตัดสินใจกระหน่ำดาบลงไปอีกครั้ง! ดาบของคนผมเผ้ายาวนั้นแม้เรียบง่ายไร้เล่ห์กล ทว่าพลังกระหน่ำบีบอัดเปี่ยมด้วยพลังเคลื่อนไหวปานทหารทั้งกองพัน

ทว่าเยี่ยฉวนมิได้หลบถอย กลับก้าวออกไปพร้อมกันก็ผลักออกกระบี่พุ่งตรง! หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!

พลังปะทะแห่งกระบี่เฉกเดียวกับพลังปะทะแห่งดาบใหญ่ของชายผมยาวซึ่งไร้เล่ห์อุบาย ทว่าทันทีที่กระบี่แสดงตน สตรีเสื้อเขียวซึ่งยืนไม่ไกลมากและบุรุษปริศนาด้านขวามือของหลิงฮั่นต่างเขม็นมองด้วยแววตาครุ่นคิด สีหน้าเคร่งขรึมทันที่เห็นภาพปรากฏเบื้องหน้า

หนึ่งกระบี่! หนึ่งดาบ! อาวุธร้ายแรงปะทะกัน หากครั้งนี้รุนแรงกว่าที่เคย!

ตู้ม! ร่างของเยี่ยฉวนผงะถอยไป 15 จั้ง และอีกฝ่ายชายผมยาวถอยกรูดไกลกว่า 15 จั้ง ถึงกระนั้นทันทีที่เขาหยุดชะงัก ภาพปรากฏดาบใหญ่ปริร้าวและต่อมาไม่นานก็สลายป่นเป็นผงธุลีร่วงกราวลงสู่พื้นดิน ซ้ำร้ายท่อนแขนของคนแตกร้าวรานไปทั่วดุจใยแมงมุม โลหิตแทรกซึมแดงฉานทั้งท่อนแขน!

ชายผมยาวค่อยเงยหน้ามองตรงมาที่เยี่ยฉวน ขณะนั้นเขาขยับกำมือข้างขวาช้าๆ คนทำท่าจะจู่โจม ขณะที่เหล่ามือสังหารซึ่งอยู่ทางด้านหลังพากันขยับถอยหลังเป็นระลอก

แสงสว่างขัดจังหวะ! เมื่อเห็นเช่นนั้นเจียงจิ่วและทหารที่สังเกตการณ์บนกำแพงต่างถอนใจด้วยความโล่งอก!

แสงสว่างมีผลให้ไปลดทอนพลังกล้าแกร่งของเหล่ามือสังหาร ในตอนนั้นเองเป็นโอกาสที่กองทหารชั้นเยี่ยมจะออกต้านทานฝ่ายตรงข้าม! แน่ละพวกเขาไม่อาจเอาชนะด้วยขนาดกองกำลัง! และยิ่งเป็นเวลากลางคืนด้วยแล้ว ยากที่จะต้านทานฝ่ายตรงข้ามเหล่านี้ ดีไม่ดีพวกทหารจะเป็นฝ่ายที่ถูกสังหารหมู่เสียเอง!

ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างถนัดชัดเจน บัดนี้เหลือเพียงคนสี่คนที่ยังเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวนคือชายชราสวมผ้าขาวหนึ่ง ชายผู้มีผมเผ้ายาวรุงรังหนึ่ง หลีมู่หลินและชายวัยกลางคนสวมผ้าคลุมดำคนที่ประมือกับลู่ป้านจวงอีกหนึ่ง

ชายชรามองเยี่ยฉวนด้วยสายตาเยือกเย็น “สู้ต่องั้นหรือ? ฉางมู่ของเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ประมือกันวันนี้ แล้วเราจะได้เห็นกันว่าใครจะอยู่ใครจะไป!” จากนั้นคนทั้งสี่หันหลังเดินจากไป

เยี่ยฉวนละสายตาก้มลงมองแขนข้างขวาซึ่งบัดนี้ชาจนแทบจะไม่รู้สึก การแลกพลังฝ่ามือกับชายผมยาวทำให้ได้ประจักษ์ว่าคู่ต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ความจริงนี่เป็นเรื่องปกติเพราะสถานศึกษาฉางมู่ทำการประเมินพลังของเยี่ยฉวนมาแล้ว ไฉนเลยพวกมันจะส่งคนไร้ฝีมือมาสู้?” คนที่โผล่มาแต่ละคนจึงทั้งกล้าทั้งแกร่งขึ้นทุกที! ตอนนี้ฉางมู่และดินแดนอันธการพร้อมใจกันเอาชีวิตเข้าแลก!

ขณะนั้น สตรีเสื้อเขียวอีกทางหนึ่งรีบผละไปหาลู่ป้านจวง เมื่อไปถึงนางตรงเข้าสวมกอดหญิงสาวไว้ทั้งตัว และฉับพลันก็ใช้ปากจุมพิตท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์! เพราะนางมิได้จุมพิตที่แก้มแต่เป็นที่ปาก! ทำเอาเยี่ยฉวนและคนอื่นยืนนิ่งชะงักงัน!

แต่คนเสื้อเขียวหาได้ใส่ใจไม่ หลังคลายอ้อมกอดจึงเอ่ยถามลู่ป้านจวง “น้องลู่คิดถึงข้ามากหรือไม่?” ลู่ป้านจวงเหลือบตามองคนถามพลางทำหน้าเมื่อย “แถวนี้ชายหนุ่มเยอะแยะเจ้าเป็นแค่หญิง ทำบ้าอะไรเนี่ย?”

เยี่ยฉวน “……”

คนสวมเสื้อเขียวทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ “อันที่จริงหญิงกับหญิงก็สนุกดีออก ฮ่าฮ่า……” เยี่ยฉวนยืนเงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินคนว่าเข้าจึงได้แต่ส่ายหน้า ‘ผู้หญิงคนนี้……ไม่ใช่แค่พลังร้ายกาจเสียแล้วแฮะ!’ สตรีชุดเขียวหันมามองเยี่ยฉวนและกวาดสายตาไปทางคนอื่นๆ “คนพวกนี้เป็นสหายของเจ้าเหรอ?”

ลู่ป้านจวงพยักหน้าหงึก จากนั้นคนชุดเขียวหยุดที่เยี่ยฉวนพลางว่า “ฝึกฝนทั้งปราณกระบี่และทักษะยุทธ์ ไม่ซิ มีพลังกายาด้วยสินะ พลังปราณองก์สาม……น่าสนใจ แต่โชคร้ายหน่อยที่ตอนนี้เป็นเพียงปรมาจารย์กระบี่ เมื่อใดเจ้าได้เป็นจ้าวแห่งกระบี่ คงสามารถทำอะไรได้อีกเยอะที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์”

ราวกับเข้าใจความนัยบางอย่างในคำพูดนั้น ทำให้ลู่ป้านจวงสีหน้าเครียดเคร่ง เหตุเพราะหญิงสาวเข้าใจความนัยของคำว่า ‘ทำอะไร’ ซึ่งมิใช่แค่ทำอะไร……

ในเวลานั้น เจียงจิ่วนำกำลังทหารตามออกมาสมทบกับเยี่ยฉวน คนบนหลังม้ากวาดตามองร่างไร้วิญญาณอยู่ในบริเวณสีหน้าสงบนิ่ง ร่างของทหารเหล่านี้ล้วนเป็นทหารชั้นเยี่ยมที่เคยเสี่ยงชีวิตเพื่อแคว้นเจียงหลายต่อหลายครั้ง! เสียงคนบนหลังม้าสั่งการกับทหารที่ติดตาม “พาพวกเขากลับและจัดการจัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ จ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวของทุกคนให้เพียงพออย่าให้ต้องลำบาก” หลังจากนั้นพวกทหารทางด้านหลัง ต่างตรงเข้าช่วยกันเก็บร่างทุกร่างบนพื้นจนหมดสิ้น

เจียงจิ่วหันไปมองเยี่ยฉวน ซึ่งบัดนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลไม่แว้นแม้แต่ใบหน้า เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงแห้ง “ต่อไปท่านต้องระวังให้มาก ดูเหมือนพวกมือสังหารมันจ้องเล่นงานท่านด้วยนะขอรับ!”

หญิงสาวถอนใจเบาๆ “ฮ่องเต้บิดาจัดส่งกองร้อยองครักษ์พระกาฬจากวังหลวงมาช่วยแล้ว พวกเขาเป็นทหารชั้นเลิศที่แคว้นเจียงสร้างขึ้น เขาจะคอยพิทักษ์ความปลอดภัยให้ข้าตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน”

เยี่ยฉวนรับฟังแล้วพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ!” เขาเบนหน้าไปมองหลิงฮั่นและคนอื่น ซึ่งขณะนั้นทุกคนมีแสงสว่างเปล่งประกายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทว่ากว่าจะบรรลุขั้นผสานเทพยังต้องใช้เวลาอีกสองวัน!

สองวัน! ภายในระยะเวลาสองวันนี้ เขาและลู่ป้านจวงไม่อาจละทิ้งไปได้แม้แต่ก้าวเดียว! เยี่ยฉวนทำท่าฉุกคิดบางอย่าง เขารีบหันไปทางบุรุษปริศนาที่หน้าตาละม้ายหลิงฮั่น “พี่ชายท่านนี้มีนามว่าอะไร?” ชายคนนั้นมองเยี่ยฉวนนิ่ง ก่อนตอบว่า “ข้าชื่อหลิงเยว่ เป็นญาติของเจ้าหลิงฮั่น”

เยี่ยฉวนรีบพูดทันที “ขอบใจมาก” หลิงเยว่ส่ายหน้า “ข้าสิต้องเป็นฝ่ายขอบใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าช่วยเหลือ น้องชายที่น่ากลุ้มใจของข้าคงตายสนิทไปแล้ว”

เยี่ยฉวนจึงว่า “อีกไม่ช้าฉางมู่และดินแดนอันธการคงออกมาเคลื่อนไหวอีกแน่……” จากนั้นเขาหันไปคารวะด้วยการกระแทกกำปั้นกับฝ่ามือให้กับสตรีเสื้อเขียวและหลิงเยว่ “ขอบใจทุกคน” หลิงเยว่พยักหน้า เขายินดีที่จะอยู่ต่อเพราะมาที่นี่มีจุดประสงค์เพื่อมาช่วยเหลือหลิงฮั่นอยู่แล้ว!

ทางสตรีชุดเขียวทำท่าเหลือบมองเยี่ยฉวน ริมฝีปากเคลือบรอยยิ้ม “อยากให้ข้าช่วยต้องจ่ายแพงหน่อยนะ ว่าแต่เจ้าจะตอบแทนข้ายังไงถ้าจะให้ข้าอยู่ช่วย?” สายตาชำเลืองตามอง ขณะเดียวกันรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมุมปาก “อันที่จริงหน้าตาท่าทางเจ้าก็ไม่เลว ฮ่าฮ่า……”

ชายหนุ่มทำท่านิ่งคิดจากนั้นจึงว่า “เอาอย่างนี้บอกมาว่าเจ้าอยากได้อะไร ข้าจะสนับสนุนเต็มที่!”

สตรีสวมเสื้อเขียว “……”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!