Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 308

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 308 ประกาศสภาวะฉุกเฉินขั้นร้ายแรง! (ต้น)

C

เป็นพี่น้อง

สตรีสวมชุดเขียวไม่ว่าอะไร ได้แต่จับตามองด้วยสีหน้าคงเฉยเมยเช่นเดิม ธรรมดาแล้วนางก็พอจะรู้จักคำว่าพวกพ้องเพียงเมื่อไม่นานมานี้เอง จะว่าไป ตนก็พอจะมีพวกพ้องอยู่บ้างอย่างลู่ป้านจวงนี่ยังไง! หากมิใช่เพราะหญิงสาวผู้นั้นขอความช่วยเหลือมา คนอย่างนางจะไม่มีวันจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาไกลจนถึงนี่แน่! อย่างไรก็ตาม ความเห็นแก่พวกพ้องมิใช่เหตุผลประการเดียว!

สายตาของสตรีสวมชุดเขียวทอดมองไปในที่ไกล อะไรบางอย่างฉายอยู่ในแววตาคู่นั้น ความรู้สึกเป็นห่วงหญิงผู้มีนามลู่ป้านจวง! ด้วยตนได้รับรู้ต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ว่ามิใช่การต่อสู้ระหว่างคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่อีกต่อไป!!

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สองฟากฝั่ง กลุ่มอำนาจอาจเข้ามามีบทบาทในบางช่วงบางตอนของความขัดแย้งระหว่างคนรุ่นหนุ่มสาว หรือบางครั้งอาจจะไม่เข้ามาแทรกแซงเลยด้วยซ้ำ และปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายวิวาทกันเองจนกว่าจะเลิกแล้วต่อกัน

แต่บัดนี้ ทั้งสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการไม่เพียงเข้ามามีบทบาทในการบาดหมาง ทว่า ยังเป็นผู้บงการให้มีการเข่นฆ่ากันด้วย มิใช่แค่เพียงชีวิตเยี่ยฉวน! แต่เป็นเยี่ยฉวนกับผู้เป็นอาจารย์! มิใช่การวิวาทเพราะความขัดแย้งของคู่อริ หากเป็นการต่อสู้อย่างไร้กติกา!

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ของญาติสนิทมิตรสหายแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ยามที่สองมหาอำนาจห้ำหั่นทำลายล้างกันและกัน ก่อให้เกิดกระทบมากมายมหาศาล! มหาอำนาจจะมีการรวมกลุ่มหลากหลายระดับชั้น บัดนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มมหาอำนาจได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มตัว!

สถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการเข้ามามีบทบาทในดินแดนศักดิ์นานนับพันปี คิดดูเถอะว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองจะฝังรากหยั่งลึกสักปานใด? เมื่อใดที่กลุ่มอำนาจร่วมมือกันหวังทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ความน่าเกรงขามจึงเป็นเช่นนี้เอง!

เซียนกระบี่จะต้านทานไหวหรือ? ต่อให้สองเซียนกระบี่ก็ไม่อาจต้านทานได้! ถึงอย่างไรเซียนกระบี่ก็มิได้อยู่ยงคงกระพัน! สตรีสวมชุดเขียวทอดถอนใจกับตนเองก่อนแล่นออกตามหลังคนอื่นๆ นางเข้ามาช่วยต่อสู้ในครั้งนี้สาเหตุมิใช่มาจากเยี่ยฉวน หากเป็นเพราะลู่ป้านจวงต่างหาก! ในเมื่อเกลี้ยกล่อมนางไม่สำเร็จ ก็จำต้องช่วยเหลือ!

.

บนหนทางอันยาวไกล เยี่ยฉวนและคนอื่นพุ่งทะยานไปข้างหน้ามิหยุดยั้ง แม้ว่าตอนนี้เยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงยังไม่บรรลุขั้นพลังผสานเทพ แต่ความกล้าแกร่งของคนทั้งคู่นั้นไกลเกินกว่าผสานเทพ

ไปเป็นกำลังหนุน! ด้วยเวลานี้ชายแดนตอนใต้ของแคว้นเจียงกำลังตกที่นั่งลำบาก โดยอาณาต้าอวิ๋นมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ครั้งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้แม้เจียงจิ่วจะรีบรุดไปก่อนล่วงหน้า มันก็อาจไม่ทันการณ์เสียแล้วก็เป็นได้! เยี่ยฉวนจึงเร่งติดตามไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!

ตอนนี้หลิงฮั่นและคนอื่นต่างบรรลุผสานเทพแล้วทุกคน ด้วยของล้ำค่าชั้นเลิศที่ได้มาช่วยเสริม ทำให้คนทั้งสิบเอ็ดบุกตะลุยฝ่ากลางสนามรบประหนึ่งกระบี่คมกริบ คมกระบี่ซึ่งทะลุทะลวงผ่านสนามรบที่นองไปด้วยโลหิตของกองกำลังนับหมื่นชีวิต

ณ แคว้นหนิง

ฮ่องเต้สตรีทัวป้าเหยียนสวมผ้าคลุมลวดลายมังกร ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนขอบกำแพงเมือง ท่าที่เอามือไพล่หลัง เส้นผมดำขลับสยายยาวเคลียบ่าทั้งสอง สายตาทอดมองไปข้างหน้า

ไม่นานต่อมา สตรีสูงวัยปรากฏกายขึ้นที่ทางเบื้องหลัง ผู้ที่เข้ามาใหม่ค้อมกายแสดงคารวะต่อทัวป้าเหยียนกล่าวว่า “ฝ่าบาท สายของเรารายงานว่ามีความเคลื่อนไหวที่อาณาจักรต้าอวิ๋นจริงเพคะ และกองกำลังจากต้าอวิ๋นแทรกซึมอยู่ภายในกองทหารแคว้นชูด้วย”

ผู้ฟังนิ่วหน้า นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย “แล้วกองทัพเพลิงโลกันตร์ล่ะ มีไหม?” สตรีสูงวัยส่ายหน้าช้าๆ “ไม่มีรายงาน เพคะ” ทัวป้าเหยียนค่อยๆ หรี่ตาเหมือนกำลังไตร่ตรองบางอย่าง “แจ้งองครักษ์จิ้นอู๋และองครักษ์เงา สั่งพวกเขาให้เตรียมตัวไว้!”

เสียงพูดนั้นดูจะสร้างความประหลาดใจแต่สตรีสูงวัยไม่น้อย ผู้นั้นจึงเงยหน้าขึ้นทันควัน “ฝ่าบาท……” คนเป็นฮ่องเต้ทอดตามองไปบนท้องฟ้า ขณะต่อมาเสียงพึมพำแว่วแผ่วเบา “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า!”

.

ณ สำนักอัปสรเมรัย แคว้นเจียง

ภายในห้องห้องหนึ่ง จ้าวหอชั้นห้านั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง ผู้ที่นั่งเบื้องหน้าคือจ้าวหอชั้นแปดนอกจากนั้นยังมีชายชราซึ่งนั่งในตำแหน่งกึ่งกลางของห้องอีกคน ผู้นี้คือจ้าวหอชั้นสี่และเป็นคนจากสำนักอัปสรเมรัยสำนักใหญ่

ที่สำคัญทุกคนในห้องล้วนเป็นผนึกยุทธ์! จ้าวหอชั้นสี่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ก่อนเริ่มต้นเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราควรวางมือได้แล้ว”

วางมือ! จ้าวหอชั้นห้าย่นหัวคิ้ว “เป็นความประสงค์ของสำนักใหญ่งั้นหรือ?” จ้าวหอชั้นสี่พยักหน้า “สมาชิกทุกคนต่างเห็นพ้อง”

จ้าวหอชั้นห้าสั่นศีรษะ “ข้าไม่เข้าใจ แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราคอยช่วยเหลือเยี่ยฉวนมาโดยตลอด จนเป็นเหตุให้เกิดความขัดเคืองต่ออาณาจักรต้าอวิ๋นและฉางมู่ ถ้ามาหยุดลงตอนนี้……เกรงว่าได้จะไม่คุ้มเสีย!”

อีกด้านหนึ่ง จ้าวหอชั้นแปดพยักหน้าสนับสนุน “จริงด้วย ในเมื่อเราช่วยเขาจนป่านนี้แล้วไฉนจึงไม่มองข้ามเรื่องนี้ไปเสียเล่า?” ผู้ที่นั่งกลางห้อง จ้าวหอชั้นสี่มองหน้าบุคคลทั้งสองก่อนจะพูดว่า “ยังมีบางอย่างที่พวกท่านไม่รู้ เวลานี้ฉางมู่และดินแดนอันธการได้ยื่นขอใช้ประกาศสภาวะฉุกเฉินขั้นร้ายแรงจากผู้พิทักษ์แห่งเต๋า ซึ่งผู้พิทักษ์แห่งเต๋าได้ให้ความเห็นชอบแล้ว”

ประกาศสภาวะฉุกเฉินขั้นร้ายแรง!

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งจ้าวหอชั้นแปดและจ้าวหอชั้นห้าต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดทันที ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์สองมหาอำนาจจะไม่เข้าร่วมสงครามต่อต้านระหว่างกันและกันโดยง่าย พวกเขามีขั้นตอนวิธีการโดยเริ่มประกาศสภาวะฉุกเฉินขั้นร้ายแรงก่อนเป็นอันดับแรก!

เมื่อมีการประกาศสภาวะฉุกเฉินขั้นร้ายแรงแล้ว จึงเป็นอันแน่ใจได้ว่าสงครามจะไม่เลิกราจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะถูกทำลาย หากพูดตรงๆ ก็คือสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธการกำลังจะเปิดการรบเต็มรูปแบบขึ้นเมื่อใดก็ได้! ก่อนหน้ายังไม่ถือว่าเป็นการรบเต็มรูปแบบ ทว่าเวลานี้พวกเขาจะปะทะกับอำนาจใดได้ทั้งนั้น นี่จึงมิใช่เรื่องบาดหมางระหว่างคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่อีกต่อไป!

จ้าวหอชั้นสี่กล่าวสืบไป “ตอนนี้พวกมันมิได้มุ่งเป้าไปที่เยี่ยฉวนเท่านั้น แต่รวมถึงเซียนกระบี่ผู้เป็นอาจารย์ด้วยอีกคน ถ้าขืนเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ก็จงเตรียมรับมือกับสงครามเต็มรูปแบบที่จะเกิดขึ้นได้เลย แต่ถ้าสงครามนั้นทำให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องพลอยเดือดร้อน สำนักอัปสรเมรัยก็ไม่อยากชิงความได้เปรียบในข้อนี้……ดังนั้นเราจึงจะไม่เข้าร่วม” ครานี้จ้าวหอชั้นห้าและจ้าวหอชั้นแปดได้แต่นิ่งงันไปด้วยทำอะไรไม่ถูก

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!